ตราบนิจนิรันดร์ความรักแท้
ย่อมพ่ายแพ้แก่โชคชะตา
แม้ห่างไกลแค่ไหนสุดปลายฟ้า
ยินดีฝ่าเพื่อพบเจอเธออีกครั้ง
รัก,ดราม่า,แฟนตาซี,ชาย-ชาย,#พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,#พล็อตหาเรื่อง ,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภายในห้องโถงกว้างของคอนโดหรูบัดนี้เต็มไปด้วยชาวดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ที่นั่งรายล้อมกัน อาร์เท็มและแซมซันตัดสินใจเช่าเรื่อบงราวทั้งหมดให้ทุกคนฟัง ตั้งแต่เรื่องของฮารุกิและเทียนเยว่อิง รวมมาถึงเรื่องของเขาและเจ้าชายอาร์เท็มในวัยเยาว์ที่เขาทั้งสองได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
“เชี่ย” มาร์ ยูเรนัสและออร์บิทอุทานขึ้นพร้อมกัน มีเพียงเซเรน่าและแซทเทิร์นเท่านั้นที่ตกอยู่ในความเงียบงัน ทั้งสองหันมาสบตากันช้าๆก่อนจะพยักหน้าเบาๆ นี่สินะ โชคชะตาของทั้งสองที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เซเรน่าหลับตาลงช้าๆ เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ เธอควรทำอย่างไรต่อไปดี
“จะตะโกนพร้อมกันทำไมเล่า” เจ้าชายแห่งดวงจันทร์พูด
“โครตน่าเหลือเชื่อเลยว่ะ” ยูเรนัสเอ่ย
“เออดิ ใครจะคิดว่ะว่าจะมีเรื่องแบบนี้ แค่เรื่องชาติที่แล้วของมึงก็พีคจะตายห่าอยู่ละ” มาร์พูดก่อนที่ยูเรนัสจะเอ่ยสมทบ
“แต่ปัจจุบันมึงพีคกว่าอีก”
“โซลเมท…” เซเรน่าและแซทเทิร์นเอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วยเสียงแผ่วเบา
“ถึงเวลาที่พวกเราควรรู้กันได้แล้วนะครับ ว่าโซลเมทคืออะไร”แซมซันเอ่ย ดวงตาคมทอดมองไปยังผู้ที่เขารักเสมือนพี่ชายและเซเรน่าที่มีท่าทางหนักใจอย่างเห็นได้ชัด อาร์เท็มเองก็เช่นกัน เขาเองก็อยากรู้เต็มทีแล้วว่าเรื่องราวทั้งหมดมันคืออะไรกันแน่
“พี่เซเรครับ” อาร์เท็มช่วยพูดอีกทาง
“เจ้าชาย…”
“คุณเซเรเล่าเถอะครับ ในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด” แซทเทิร์นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ตัวเขาเองก็หนักใจไม่แพ้เซเรน่าเช่นกัน
“พี่ซัน เรากลัว” อาร์เท็มเอ่ยเสียงแผ่วเบากับแซมซันที่นั่งอยู่ข้างๆเขา เขากังวลเหลือเกิน
“พี่อยู่ตรงนี้แล้วครับ ไม่ต้องกลัวแล้วนะ” มือหนาลูบหัวคนรักอย่างอ่อนโยน
“อะแฮ่ม จับตัวได้ละจับใหญ่เชียวนะ” ออร์บิทเอ่ยแซว แซมซันหันไปมองค้อนก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงติดดุ
“หุปปากไป ตั้งใจฟังพี่เซเรเขาซะ”
“ก็ดะ” ออร์บิทยังเอ่ยติดเล่น ก่อนที่จะหันกลับไปหาเซเรน่า บัดนี้ใบหน้าสวยผ่อนลมหายใจลงช้าๆ ก่อนจะเอ่ยต่อไป
“ในตำนานของชาวไซรัสกับชาวเจริโคมีอยู่ว่า เคยมีคู่รักคู่หนึ่งถูกคำสาปแช่งจากบรรพบุรุษของตนเอง” ก่อนที่ทั้งแซมซันและอาร์เท็มจะได้ยิงเสียงหวีดแหลมแว่วเข้ามาในโสตประสาท จับใจความได้เพียงว่า
“เจ้าทั้งคู่จะไม่อาจรักกันได้อีก ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติไหนๆ เราจักให้เจ้าพบเจอแต่ไม่อาจให้อยู่เคียงคู่กัน ทำได้แค่เฝ้ามองแต่ไม่อาจแตะต้อง เจ้าทั้งสองจะถูกพรากจากกันชั่วนิรันดร์ ตราบใดที่รอยกรรมยังไม่หมดสิ้น เจ้าจะถูกกีดกัน ด้วยโชคชะตา!”
อาร์เท็มและแซมซันทรุดตัวลง เสียงหวีดแหลมที่กระทบประสาททำให้เขาทั้งคู่ปวดหัวตุ้บๆ ‘โชคชะตางั้นหรือ’
“เจ้าชาย คุณแซมซัน เป็นอะไรมั้ยคะ” เซเรน่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ไม่เป็นไรครับพี่เซเร เล่าต่อเถอะครับ” อาร์เท็มตอบพร้อมพยักหน้า
“ค่ะ โดยคำสาปแช่งนั้นมีแรงอำนาจมหาศาล ทั้งสองถูกสาปให้ได้พบกัน แต่ไม่มีวันได้อยู่ด้วยกัน รักกันแต่ไม่อาจอยู่เคียงข้างกันได้ เขาทั้งคู่จะเจอกันได้แค่ยามที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดินเท่านั้น เพียงเสี้ยวเดียวของวันที่เขาทั้งสองจะได้พบกัน มันคือบทลงโทษที่แสนเจ็บปวด ทั้งสองถูกส่งมาเกิดที่อาณาจักรแห่งดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ เพราะสองสิ่งนี้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ แม้จักมองเห็นกันก็ตาม จึงเป็นที่มาของรังสีสุริเยนและจันทราของทั้งสองอาณาจักร” เซเรน่าหยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวประโยคสุดท้ายว่า
“หากวันใดที่เขาทั้งสองได้พบกัน โศกอนาฎกรรมความรักจะเกิดขึ้น เขาทั้งสองจะถูกกีดกันอีกครั้ง”
ทันทีที่เซเรน่าเล่าจบ ทุกคนก็ตกอยู่ในภวังค์ ทั้งอาร์เท็มและแซมซันรู้ดีว่าสิ่งที่เซเรน่ากล่าวมาทั้งหมดมันคืออะไร และเขารู้ดีกว่า หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น มือทั้งสองกุมมือกันอย่างแนบแน่น เขาทั้งสองจะต้องผ่านมันไปให้ได้ ผ่านไปด้วยกัน
“แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ ว่าใครคือโซลเมทตามตำนาน” ยูเรนัสเอ่ยถาม
“โซลเมทหรือคู่แห่งโชคชะตาจะอยู่เหนือกฎเกณฑ์ธรรมชาติทั้งปวง หากเป็นชาวไซรัสและเจริโค ทั้งสองจะไม่ถูกรังสีสะท้อนกลับซึ่งกันละกัน” แซทเทิร์นเอ่ยตอบ
“งั้นแสดงว่า…”มาร์พูดก่อนจะหันไปมองเซเรน่า เซเรน่าพยักหน้าเบาๆก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า
“เจ้าชายอาร์เท็มและคุณแซมซัน คือคู่แห่งโชคชะตา” ทุกคนตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ก่อนแซทเทิร์นจะหันไปมองหน้าแซมซัน คงถึงเวลาที่ต้องบอกความจริงแล้ว ก่อนที่เสียงทุ้มของแซมซันจะเอ่ยขึ้น
“อาร์เท็ม คุณเซเร คุณยูเรนัส คุณมาร์ เราคือเจ้าชายแซมซัน องค์รัชทายาทแห่งไซรัส”
ทันทีที่แซมซันเอ่ยจบ ชาวดวงจันทร์ก็มีสีหน้าตกตะลึงกันเว้นแต่ เจ้าชายอาร์เท็มที่มีทั้งสีหน้าตกใจมากกว่าคนอื่น ใบหน้าสวยเริ่มมีความกังวลมากขึ้น แซมซันหวังเพียงว่า ชาวดวงจันทร์จะไม่โกรธที่เขาปิดบังสถานะที่แท้จริงของตนเองมาตลอด คนอื่นเขาไม่กังวลเท่าไหร่ มีเพียงแค่คนรักของเขาเท่านั้นที่เขากังวลว่าจะโกรธเคืองเขาหรือไม่
“ขอโทษที่ปิดบังทุกคนมาตลอดนะครับ” แซมซันเอ่ย
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกเราเข้าใจ เจ้าชายคงมีเหตุผลของพระองค์”มาร์เอ่ย
“พวกเราเข้าใจครับ” ยูเรนัสเอ่ยสมทบ พร้อมกับเซเรน่าที่พยักหน้าเบาๆและส่งยิ้มให้เหมือนเคย เหลือเพียงแค่เจ้าชายแห่งดวงจันทร์เท่านั้น ที่ยังทำหน้าเรียบเฉย
“ขอบคุณนะครับที่เข้าใจ อาร์เท็ม…”ร่างสูงเอ่ยก่อนจะหันไปสบตาและเรียกคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบา
“เราเข้าใจ ไม่ต้องกังวล” อาร์เท็มเอ่ยตอบก่อนจะหันไปหาเซเรน่า
“พี่เซเรครับ”
“เพคะ”
“โชคชะตาคือสิ่งที่ไม่มีใครฝ่าฝืนได้ใช่มั้ย” ก่อนที่สายตาทุกคู่มารวมกันที่เจ้าชายแห่งดวงจันทร์
“อาร์เท็ม” แซมซันเอ่ยเสียงแผ่วเบา ตัวเขาเองรู้ดีว่าไม่อาจฝืนโชคชะตาได้ เขาควรจะทำอย่างไรดี
“มึง……”มาร์และยูเรนัสเอ่ยพร้อมกัน ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ
“ใช่ค่ะ แต่พระองค์อย่าพึ่งทรงยอมแพ้เลยนะเพคะ”
ร่างบางหันมาสบตากับชายหนุ่มจากดวงอาทิตย์ มือหนาของแซมซันกอบกุมมือเรียวเล็กไว้แล้วยิ้มบางๆให้ ก่อนที่อาร์เท็มจะดึงมือให้หลุดจากพันธนาการ
“เราขอตัวก่อนนะ” ทันทีที่ร่างบางเดินออกไป ร่างสูงโปร่งของแซมซันก็ไม่รีรอที่จะตามไปทันที ทิ้งไว้มีเพียงเพื่อนๆที่ก็มีสีหน้าไม่สู้ดีกันนัก
“น่าสงสารทั้งสองคนนะคะ ที่ต้องมารับคำสาปที่เจ็บปวดขนาดนี้”
“พี่เซเรคะ ใครเป็นคนสาปกัน แม่งโครตใจร้ายเลย” มาร์เอ่ยติดหัวร้อน เธอสงสารเพื่อนเธอเหลือเกิน อาร์เท็มไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้
“ให้รักกันแต่ไม่ให้อยู่ด้วยกัน แบบนี้โครตทรมานเลยนะ” ยูเรนัสเอ่ยสบทบ ตัวเขาเองก็หัวร้อนไม่ต่างจากมาร์เช่นกัน
“แม่งแบบกีดกันไม่ให้รักกันตั้งแต่แรกเลยยังจะดีกว่า แต่นี่แม่งแบบให้เขากลับมาเจอกัน แต่ก็พรากเขาจากกันอีก เพื่อไรก่อน ให้เขารักกันดีๆไม่ได้รึไง”
“สงสารทั้งสองคนนะครับ เขารักกันมาตลอด รักกันมากด้วย ชาติก่อนก็โดนกีดกันเพราะครอบครัว มาชาตินี้โชคชะตาเต็มๆเลย” ออร์บิทกล่าว
“เราคงฝืนอะไรไม่ได้แล้วค่ะ หากองค์แคซเซียสรู้มีหวังแย่กว่านี้แน่” เซเรน่าเอ่ยเสียงกังวล เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรต่อไปแล้ว
“ถ้าเป็นคนอื่นก็คงส่งตัวไปเองไปเกิดบนโลกแล้ว” ยูเรนัสพูดก่อนที่มาร์จะกล่าวต่อ
“แต่สองคนนั้นทำได้ที่ไหนล่ะ องค์รัชทายาททั้งคู่มึงก็รู้นิสัยอาร์เท็มดีว่ามันนึกถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ สำหรับมัน หน้าที่สำคัญกว่าความสุขของตัวเอง” ก่อนที่แซทเทิร์นที่นั่งฟังอยู่ก็เอ่ยสมทบต่อ
“ภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงกับหัวใจของเขาทั้งคู่ มันคงไปพร้อมกันไม่ได้หรอกครับ ”
“พี่แซทเทิร์นหมายความว่าไงครับ เขาต้องพรากจากกันอีกแล้วเหรอ ”ยูเรนัสเอ่ยถาม
“พี่ก็ตอบไม่ได้ครับ”
“แม่ง อีโชคชะตาส้นตีน ให้รักกัน แต่ไม่ให้อยู่ด้วยกันตลกมากมั้งอีโชคชะตา” ยูเรนัสพูดอย่างหัวร้อน รักแท้แต่ถูกกีดกัน มันไม่สมควรเลยจริงๆ คนที่ไม่ได้รักจริงอยู่เคียงคู่กันได้อย่างง่ายดาย แต่รักแท้ที่รักกันมากจริงๆกลับถูกกีดกัน มันสมควรแล้วหรือ
“ใจเย็นๆนะคะ” เซเรน่าเอ่ยห้าม เธอเองก็ไม่เข้าใจนักว่าทำไมถึงต้องถูกกีดกันมากขนาดนี้ แต่มันไม่สามารถทำสิ่งใดได้มากกว่าไปกว่านี้แล้ว
“มันยุติธรรมตรงไหนคะพี่เซเรที่มาร์ไม่โอเคคือให้เขากลับมาเจอกันแล้ว แทนที่เขาจะได้มีโอกาสรักกันอีกครั้ง รอยกรรมเขาชดใช้กันมากี่ชาติแล้ว เขาจะต้องถูกกีดกันไปอีกเท่าไหร่คะ ชั่วนิรันดร์เหรอถึงจะชดใช้ได้หมด แค่เพราะเขาเป็นผู้ชายที่รักกันเนี่ยนะ เพราะเขาฆ่าตัวตายเพราะแบกรับทุกอย่างไม่ไหวแล้ว เขาต้องชดใช้กันมากขนาดนี้เลยเหรอคะ” มาร์ยังคงหัวร้อนไม่หยุด ยูเรนัสเองก็เช่นกัน
“โชคชะตาของเขาสองคนมันกีดกันตั้งแต่ส่งเขามาเกิดที่ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์แล้วล่ะครับ” ออร์บิทพูด ไม่ใช่เพียงแค่แซมซันกับอาร์เท็มหรอกที่ถูกกีดกัน ตัวเขาเองก็เหมือนกัน ดวงตาคมมองไปยันใบหน้าสวยของเซเรน่า ก่อนจะคิดทบทวน ‘เรื่องของเราเอง ก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกันใช่มั้ยเซ’
“พี่ทำไรไม่ได้เลยค่ะ มันคือโชคชะตาของเขาทั้งสองคน”
“โชคชะตาของเขาถูกกำหนดมาแล้วครับ เราไม่มีทางฝืนโชคชะตาได้หรอกครับ” แซทเทิร์นกล่าว ก่อนจะมองไปยังยูเรนัสที่ยังคงโกรธจนหน้าแดงไม่หาย ‘รวมถึงเรื่องของเราด้วยใช่มั้ยยู’
“อาร์เท็ม โกรธพี่เหรอครับ” ร่างสูงโปร่งที่เดินตามคนตัวเล็กมาติดๆเอ่ยถามทันทีที่คนตัวเล็กหยุดยืนนั่ง
“ป่าวครับ พี่ซัน” ร่างเล็กตอบก่อนจะเรียกคนรักอีกครั้ง
“ครับ”
“อิง…” ร่างบางเอ่ยเสียงแผ่วเบา
แซมซันตกใจเล็กน้อยกับสรรพนามที่เจ้าตัวเรียก เขาอยากให้อาร์เท็มรับรู้ว่าเขารักอาร์เท็มที่เป็นอาร์เท็มเขาไม่ต้องการให้คนตรงคิดว่าหน้าว่าเขารัก เพราะเทียนเยว่อิงคนรักของเขาในอดีต ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นอาร์เท็มหรือเยว่อิง อย่างไรเสียเขาก็รักคนตรงหน้าและเขาไม่ต้องการให้คนตัวเล็กจมปลักอยู่กับอดีตอันแสนเจ็บปวดของเขาทั้งคู่ เขาต้องการให้คนรักอยู่กับปัจจุบัน ปัจจุบันที่มีเพียงแซมซัน กับอาร์เท็ม ไม่มีฮารุกิ ไม่มีเทียนเยว่อิง
“ไม่เอาครับ ตอนนี้เราสองคนคืออาร์เท็มและแซมซัน ไม่มีฮารุกิ ไม่มีเทียนเยว่อิง มีแค่เราสองคน อาร์เท็ม พี่รู้ว่าเรื่องของเราอุปสรรคมันมากมายเหลือเกิน แต่อย่าพึ่งยอมแพ้นะ เรามาสู้ไปด้วยกันคนดี”
“ฮึก…เราได้กลับมาเจอกันแล้วนะ…. อึก…ฮึก ทำไมเราถึงยังโดนกีดกันกันอีกอึก….” อาร์เท็มกลืนก้อนสะอื้นลงคอ นัยน์ตาคู่สวยมองคนรัก มือหนาของแซมซันยกขึ้นมานาบแก้มของคนตัวเล็กและเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าสวยอย่างแผ่วเบา
“เด็กดีของพี่ ไม่ร้องไห้สิครับ” แซมซันปลอบประโลมคนรักมืิอหนาลูบกลุ่มผมนุ่มของคนตัวเล็กเบาๆ พร้อมกับดึงร่างบางเข้ามากระชับอ้อมแขนให้ใบหน้าหวานสบลงที่อกแกร่งของตัวเอง
“พี่.. อึก…พี่ซัน…. ความรักของเรา ทำไมอุปสรรคมันมากมายขนาดนี้ เรารักกันใช่มั้ยครับ…”
“ใช่ครับ เรารักกัน” แซมซันเอ่ยเสียงทุ้มก่อนจะกล่าวต่อไป
“ไม่ว่าจะเป็น เยว่อิงลูกชายคนเดียวของตระกูลเทียนหรืออาร์เท็ม รัชทายาทของอาณาจักรเจริโค ไม่ว่าพี่จะเป็นฮารุกิ สายเลือดนักรบซามูไร หรือแซมซันรัชทายาทของอาณาจักรไซรัส สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน คือหัวใจของพี่และความรักของพี่ที่มอบให้กับอาร์เท็มเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากมายแค่ไหน ไม่ว่าอะไรจะกีดกันเราก็ตาม พี่จะไม่มีวันยอมแพ้ เรามาสู้ไปด้วยกันนะครับ ”
“อาร์เท็มรักพี่ซันนะครับ”
“พี่ก็รักอาร์เท็มครับ เจ้าดวงจันทร์ของพี่” ทั้งสองโผเข้ากอดกันอีกครั้ง เขาอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ไม่อยากให้ถึงวันที่ต้องพรากจากกัน
ร่างสูงโปร่งของเจ้าชายแซมซันจุมพิตไปยังผมดำสลวยของคนรักตรงหน้า ในใจของเขาได้แต่ภาวนา หวังว่าโชคชะตา จะให้โอกาสเราสองคนบ้าง แต่ก็คงได้เพียงแค่หวังเท่านั้น เพราะในความจริงนั้น เขารู้ดีกว่าว่าเขาทั้งสองคนเปรียบเสมือนเส้นขนานต่อกัน
แต่ตอนนี้เขาคงทำได้แค่ โอบกอดคนตัวเล็กไว้ให้ได้นานที่สุด ก่อนที่จะต้องพรากจากกัน……ชั่วนิรันดร์
“ กีดกันด้วยชะตาฉันคงต้องยอมพ่ายแพ้ใช่ไหม”