วันหนึ่งเคียร์ก็เข้าไปอยู่ในโลกนิยายที่ไม่รู้จัก ระบบบอกให้เขาสร้าง 'เรื่องราว' ของตัวเอกบนโลกใบนี้เพื่อให้อีกฝ่ายได้เป็น 'พระเจ้า' แลกกับการที่เขาได้กลับบ้านแล้วกลายเป็น 'มนุษย์'
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,แอคชั่น,ตะวันตก,สงคราม,Boylove,แนวระบบ,ต่างโลก,สงคราม,แอ็คชั่น ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
EP.3 เห็นแบบนี้ข้าก็เตะผ่าหมากล้มคนตัวใหญ่เช่นเจ้าได้ก็แล้วกัน
เมื่อการทักทายที่ไม่น่าจดจำเกิดขึ้นพอเป็นพิธีคู่สามีภรรยาไอซ์ก็ได้ฝากฝังลูกชายหัวแก้วหัวแหวนไว้แล้วหนีหายไปเพื่อทักทายราชาและภรรยาน้อยๆ
การไว้อาลัยเบื้องต้นของวันแรกสิ้นสุดลงไปแล้ว เวลาที่เหลือจึงกลายเป็นช่วงเวลารวมญาติที่นาน ๆ จะมาเจอกันสักครั้ง แต่ด้วยความที่เมืองเฟรินแห่งนี้นับถือพระเจ้าองค์เดียว กันการเสียชีวิตของธิดาเทพเฟรินจึงเป็นดั่งงานพบปะสังสรรค์ที่เชื่อมสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจ
พวกผู้ใหญ่ถือโอกาสนี้ขยายอิทธิพลในวงสังคม ส่วนลูกเล็กเด็กแดงก็ถูกปล่อยให้อยู่รวมกันเพื่อจะสร้างเส้นสายได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บริเวณหนึ่งของโบสถ์จึงถูกเนรมิตให้กลายเป็นสนามเด็กเล่น สายลมในเดือน 11 พัดผ่านไปตามผิวกาย กลุ่มเด็กอายุ 9-16 ปี วิ่งเล่นไปตามผืนหญ้า ปีนป่ายขึ้นต้นไม้ บ้างก็แข่งกันซ้อมดาบดั่งพาลาดินผู้แสนอาจหาญ
แต่จะมีคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในช่วงวิกฤตของชีวิตอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...
"ช้าก่อนเอครินาส! นั่นเจ้าจะรีบไปไหนกัน?!"
ใช่แล้วครับ ตอนนี้เคียร์ ไอซ์กำลังเข้าสู่สถานการณ์วิกฤตเมื่อพระเอกของเราไม่คิดที่จะเสวนาด้วยกับเขาแต่อย่างใด
'มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ ปกติเวลาอิเซไกไปต่างโลกพวกตัวเอกต้องให้ความสนใจกับ MC สิ'
แม้จะไม่อยากยอมรับที่โดนหาว่าเตี้ยแต่โดยปกติเมื่อ MC ได้รับคะแนนความสนใจไม่ทางใดทางหนึ่งก็จะถูกพัฒนาไปยังระดับที่สามารถเป็นเพื่อนหรือมากกว่านั้นไม่ใช่หรือไง
["อะแฮ่ม! คุณเคียร์ครับ ถึงนี่จะเป็นดั่งเกมสำหรับคุณเพราะไม่ใช่ร่างจริงๆ แต่หากการทดสอบนี้จบลงมันจะไม่ดีกับคุณเอครินาสนะครับหากเป็นความสัมพันธ์แบบนั้น"]
'ผมรู้ครับ ผมแค่ยกตัวอย่างเท่านั้นเอง'
ถึงเคียร์จะไม่ได้คาดหวังให้พัฒนาไปในเชิงชู้สาวแบบนั้นแต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่การเดินหนีทันทีที่ลับหลังผู้ใหญ่แบบนี้สักหน่อย
"เฮ้! เอครินาส นี่นายจะไม่หยุด-"
ตุบ
ยังไม่ทันได้พูดจบอยู่ ๆ ฝีเท้าของเอครินาสก็หยุดกะทันหัน หันปลายเท้ากลับมาจนเด็กหนุ่มที่วิ่งตามอย่างเคียร์เบรกตัวแทบไม่ทันกระแทกแผ่นอกแข็งโป๊กด้วยความเจ็บ เอครินาสประคองเขาไว้
"โอ๊ยย....ทำไมทีนี้คิดจะหยุดก็หยุดล่ะเนี่ย"
เคียร์กุมดั้งของตนอย่างทรมาน นี่หักตรงไหนบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้
"เจ้าขาสั้นเองหรือเปล่า ข้าก็เดินปกตินะ"
ดูครับดูมัน มันยังจี้ปนเรื่องส่วนสูงของผมไม่หยุด
"เห็นแบบนี้ข้าก็เตะผ่าหมากล้มคนตัวใหญ่เช่นเจ้าได้ก็แล้วกัน"
ด้วยที่ผมฉุนจัดเลยหลอกด่าส่วนกลับไปหนึ่งที แต่ดูเหมือนคลังศัพท์จะยากไปสักหน่อยสำหรับเด็กอายุ 15 เอครินาสจึงกะพริบตาปริบ
"เตะผ่าหมาก? มันคืออะไรกัน?"
"เตะผ่าหมากก็คือเตะผ่าหมากยังไงล่ะ ไม่รู้จักหรือไง?"
เอครินาสพยักหน้า
"ช่วยทำให้ดูหน่อยได้ไหม?"
"ได้-"
["ไม่ได้นะครับคุณเคียร์! ท่องไว้ครับ 30 ล้าน!"]
ยังไม่ทันจะได้พูดจบคุณพนักงานที่พอจับทางรับมือเคียร์ได้ก็รีบห้ามปราม
ใช่แล้ว 30 ล้าน ต่อให้ไม่ชอบหน้าเด็กนี่ขนาดไหนเขาก็ห้ามทำร้ายอีกฝ่ายเด็ดขาด ท่องไว้เคียร์ นี่ก็เพื่อปกป้องทอง 30 ล้านของเรา
พอเหมือนได้สติเคียร์ก็เริ่มใจเย็นลงอย่างมาบ้าง ขับไล่ความแค้นออกไปด้านหลังแล้วเบือนหน้าหนีออกไปทางอื่นแก้เก้อ
"ม ไม่ได้ ของแบบนี้ใช่ว่าขอกันแล้วจะทำให้ดูได้สักหน่อย"
"แต่เมื่อกี้เจ้าบอกว่าได้?"
"ข้าพูดผิดต่างหาก เตะผ่าหมากน่ะต้องเก็บไว้ใช้ในยามคับขันเท่านั้น"
"ยามคับขัน?"
เอครินาสเลิกคิ้วประหลาดนึกสงสัยว่าเตะผ่าหมากมันคืออะไรกันแน่ถึงได้หวงแหนวิชาถึงขนาดนั้นกัน? ตอนแรกเขาเองก็คิดว่าอีกฝ่ายเพียงแค่พูดเล่น ๆ ว่าสามารถล้มคนตัวใหญ่ได้แต่เมื่อสังเกตดูอีกฝ่ายดีๆ เอครินาสก็สามารถรับรู้ได้ว่าสิ่งนั้นเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม...
"เจ้าบอกว่าชื่อเคียร์ ไอซ์ใช่ไหม?"
"อ อืม"
เคียร์ตอบกลับอย่างระมัดระวังราวกำลังสับสนว่าอีกฝ่ายถามทำไม ทว่าภายในจิตใจของเขากลับเปล่งประกายไปด้วยความหวังที่ถูก 'ปีศาจ' ถามชื่อเป็นครั้งแรก เพราะทุก ๆ ครั้งที่ใครบางคนกำลังจะแนะนำตัว เอครินาสก็มักเอ่ยชื่อพวกเขาก่อนเสมอราวกับรับรู้ทุกอย่าง
นี่จะต้องเป็นอีเวนต์ 'นายเป็นคนแรก...ของฉัน' ที่จะนำไปสู่สถานะเพื่อนอย่างแน่นอน!
"กลับบ้านไปเถอะ แล้วไม่ต้องมาร่วมงานอีก"
"ได้สิข้าจะทำตามที่เจ้า- ห้ะ?"
...
ปัง!!
"ตาเถร ตกอกตกใจหมด"
"อ้าว กลับมาแล้วเหรอเคียร์? ทานพายแอปเปิลหน่อยไหม?"
"ข้าไม่หิวท่านพี่กินเถอะ"
โดยไม่ฟังอะไรต่อเคียร์ก็เดินหนีขึ้นไปชั้นยังบนกระทืบเท้าปึงปังอย่างผิดวิสัย ไคล์ ไอซ์ผู้เป็นพี่ชายมองตามแผ่นหลังของเขาด้วยความงุนงง ทั้งที่ปกติเคียร์มักจะหน้าตาตื่นดีอกดีใจที่ได้เห็นพายแท้ๆ แต่ช่วงพักหลังมานี้กลับเอาแต่ถอนหายใจแทบตลอดเวลา ไคล์คิดว่าเมื่อเช้าที่ไม่สนใจเรื่องพายว่าแปลกแล้วแต่ตอนนี้น้องชายของเขากลับไม่สนใจพายที่อยู่ตรงหน้าเสียนี่
'เกิดอะไรขึ้นตอนไปข้างนอกกัน?'
ไคล์หันสายตาไปสบกับพ่อและแม่ที่เพิ่งกลับมาสายตาตั้งคำถาม แต่สองสามีภรรยาที่ไปงานกับน้องชายมากลับมีสีหน้าลำบากใจไม่แพ้กัน
ในขณะเดียวกัน ณ ห้องนอนของลูกชายคนเล็กของกลุ่มการค้าไอซ์ เสียงตุบตับจากการทารุณกรรมหมอนก็ดังขึ้นอย่างน่าสยดสยอง
"ไอ้เด็กเวรเอ๊ย คิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงได้ไล่ฉันแบบนั้นห้ะ?"
ตุบ ๆ ๆ
"คิดว่าหล่อแล้วฉันไม่กล้าต่อยหน้าหรือไงไอ้มนุษยสัมพันธ์ต่ำ ถ้าไม่ติดว่าเป็นทอง 30 ล้านนะ ฉันจะทุบ ๆ ๆ ให้เละแบบนี้เลย ไอ้เด็กน่าหมั่นไส้!"
["จ ใจเย็น ๆ นะครับคุณเคียร์ ที่คุณเอครินาสพูดแบบนั้นอาจจะมีเหตุผลอยู่ก็ได้"]
"เหตุผลอะไรครับ? เจ้าเด็กนั่นก็แค่มนุษยสัมพันธ์ต่ำที่ไม่รู้จักมองคนอื่นเป็นมนุษย์ก็เท่านั้น"
แค่ดูแวบเดียวก็รู้แล้วว่าไอ้เด็กนั่นมันมองว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่น
["แต่บางทีมันอาจจะเป็นเพราะการเลี้ยงดูก็ได้นะครับ จนถึงตอนนี้เขายังคงถูกทรีตให้เป็นเหมือนกับตัวแทนเทพหรือไม่ก็ปีศาจ ถึงตอนนี้เขาจะดูไม่น่าเข้าหาแต่โดยพื้นฐานแล้วหากเลี้ยงดูให้ดีและทำให้รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นอาจจะดีกว่านี้ก็ได้"]
เคียร์ที่กำลังต่อยตีหมอนอยู่ชะงัก หันมองไปทางหน้าต่างเกมเก่า ๆ พร้อมในมือถือหมอนเน่าที่กำลังสุคติ
"...ทำแบบนั้นจะไม่ส่งผลต่อเนื้อเรื่องเหรอครับ?"
["ถ้ากังวลกับเรื่องแค่นั้นบอสของเราคงไม่คิดสร้างโปรเจกนี้แล้วส่งคุณที่อยู่นอกเหนือเรื่องราวเข้ามาหรอกครับ สำหรับบอสแล้วการได้เห็นพัฒนาการของคุณเอครินาสไปในทิศทางที่ดีที่ไม่เคยถูกเขียนไว้ในนิยายมาก่อนก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่ต่างกัน"]
'ถูกเขียนไว้?'
อย่าบอกนะว่าบอสของเราเป็นแฟนคลับนิยายเรื่องนี้น่ะ?
มันน่าแปลกตั้งแต่ที่พวกเขาเลือก 'เสียงเพรียกแห่งบรรพตธาตุ' ที่ขึ้นชื่อว่าขายไม่ออกทั้งที่น่าจะไม่มีใครรู้จักขึ้นมาแล้ว แต่ในเวลานี้เคียร์กำลังมีสิ่งอื่นที่น่าสนใจกว่า
"ถ้าตั้งใจสอนดี ๆ ก็พอใช่ไหมครับ?"
["ถ้าตามการคำนวณของระบบจากสถิติความเป็นไปได้แล้ว การสอนให้คุณเอครินาสมีความเห็นอกเห็นใจในเพื่อนมนุษย์ผ่านประสบการณ์และการกระทำของตนจะเป็นสิ่งที่ได้ผลดีที่สุดครับ"]
อย่างที่คิด สุดท้ายการเข้าหาในฐานะเพื่อนก็ยังเป็นหนทางแก้ในเรื่องนิสัยเสียของหมอนั้นอยู่ดีสินะ
"จะว่าไปเหมือนเคยเห็นไอ้นั่นอยู่แถว ๆ นี้นะ?"
พอเริ่มเห็นหนทางที่พอจะจัดการกับนิสัยเสียของพระเอกได้ เคียร์ก็เริ่มมีกำลังใจทำงานขึ้นอีกครั้งควานหาของบางอย่างจากบรรดากองหนังสือที่ 'เคียร์ ไอซ์' ของโลกนี้แอบเก็บเอาไว้ใต้เตียง
ถึงจะลำบากหน่อยช่วงแรกๆ แต่ก็คงกว่าต้องอยู่กับเด็กนิสัยเสียไปอีกหลายปี การละลายพฤติกรรมก่อนสงครามจะเกิดนี่แหละดีที่สุด
'อยู่ไหนน๊าา จำได้ว่าอยู่แถวนี้ สีดำๆ ลวดลายสีทองๆ ทองๆ'
"อ๊ะ! เจอแล้ว!"
ทันใดนั้นหนังสือเล่มหนาสีดำสนิทที่ถูกตกแต่งด้วยลวดลายสีเงินดูโบราณ ๆ ก็ถูกยกขึ้นมาด้วยสองมือของลูกชายคนเล็กแห่งตระกูลไอซ์
[100 วิธีสร้างความสัมพันธ์สำหรับคนขี้อาย!]
ถึงชื่อเรื่องมันจะฟังดูแปลก ๆ ไปหน่อย แต่เชื่อเถอะว่าหนังสือของเด็กเนิร์ดอย่าง 'เคียร์ ไอซ์' ที่เป็นลูกเจ้าของกลุ่มการค้าต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ
ด้วยความที่เคียร์เป็นคนจากยุคทุนนิยมมุมมองและตรรกะอะไรหลาย ๆ อย่างจึงแตกต่างจากคนของโลกใบนี้อยู่หลายส่วน และหากคิดที่จะเข้าหาคนยุคกลางก็ต้องรู้จักวิธีเข้าหาแบบคนยุคกลางนี่แหละถึงจะถูก!
"ไหนดูซิ...มีสารบัญด้วยแฮะ วิธีที่หนึ่ง สร้างความมั่นใจให้ตัวเองด้วยการแต่งตัวให้ดูดีเข้าไว้"
ข้อนี้ใคร ๆ ก็รู้แต่คงไม่ได้ผลเท่าไหร่กับเอครินาสที่ไม่ยอมมองหน้าคนอื่นเกินห้าวิด้วยซ้ำ
"วิธีที่สอง พูดคุยศึกษาเกี่ยวกับความชอบของอีกฝ่ายอย่างมีชั้นเชิง"
อันนี้ก็ตัดไปได้เลย แค่จะคุยเหมือนคนปกติเจ้าตัวยังเดินหนีลูกเดียว
"วิธีที่สาม หัดส่งดอกไม้ไปให้สม่ำเสมอหลังการพบปะครั้งแรก"
เคียร์หยุดชะงัก กวาดมองบทสามของหนังสือในหน้าสารบัญด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนจะรีบเปิดไปยังหน้าบทสามภายในเล่มด้วยความเร็ว
'นี่แหละสิ่งที่ฉันตามหา!'
รอก่อนนะ 30 ล้านของฉัน!
เคียร์เปิดหน้าหนังสืออ่านด้วยความดีใจ เพียงแค่คิดถึงทอง 30 ล้าน ใบหน้าของเขาก็เริ่มบิดเบี้ยวแย้มยิ้มแก้มปริอยู่ภายในห้องราวกับพวกโรคจิตโดยไม่ได้สังเกตเลยว่า ภายใต้ปกหนังสือเล่มหนาที่ตนเองอ่านอยู่ มีตัวอักษรสีหวานและรูปภาพติดเรทที่ถูกเซนเซอร์เอาไว้อย่างจงใจ
[100 วิธีสู่ความสัมพันธ์ ♡ สำหรับคนขี้อาย]
"ว้าว! มีเขียนความหมายของดอกไม้เอาไว้อย่างละเอียดด้วยแฮะ น่าสนใจจัง"
["เอ่อ...คุณเคียร์ครับ ผมว่าเปลี่ยนหนังสือดีไหมครับ? มันออกจะเป็นความรู้ที่มากเกินไปสำหรับเด็กอายุ14..."]
คุณพนักงานผู้กำลังมองผ่านจอมอนิเตอร์ร้องเตือนอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง แต่พอนึกถึงเรื่องเงิน สติสตังของเคียร์ก็คล้ายว่าไม่ต้องการรับรู้สิ่งใดอยู่รอบตัวตน
...
"นี่อะไร?"
เรียวคิ้วของเด็กหนุ่มผมสีแดงดั่งไวน์ขดเข้าหากันอย่างนึกฉงนกับสิ่งที่พ่อบ้านส่งมา แม้ว่าเอครินาสจะมักถูกผู้คนกล่าวหาว่าเป็น 'ปีศาจ' แต่สถานภาพของบุตรชายเพียงคนเดียวของธิดาเทพและองค์ราชาทำให้มีผู้คนมากมายต่างพยายามใจดีสู้เสือ ส่งเครื่องบรรณาการเข้ามาอยู่แทบไม่ขาดสาย แต่...
ดอกไม้?
ทำไมของที่ปกติมักถูกมอบให้สตรีเพศถึงถูกส่งมาให้บุตรชายของราชากัน?
และดูเหมือนพ่อบ้านเองก็ยังคงสับสนไม่ต่างกัน พอได้ของมาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงจึงรีบนำมาให้เจ้านายตรวจสอบแม้จะหวาดกลัวอีกฝ่ายจนไม่กล้าสบตา
"ป เป็นของที่ทางกลุ่มการค้าไอซ์ส่งมาให้เมื่อครู่นี้ บอกว่าเป็นของขวัญแสดงความยินดีจากลูกชายคนเล็กที่ได้พบท่านชายเมื่อเช้านี้ครับ"
ไม่ใช่ทั้งสินบนหรือเครื่องบรรณาการ แต่เป็นของขวัญแสดงความยินดี?
ยิ่งได้ยินเอครินาสผู้ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษมานานก็กะพริบตาปริบ มองช่อดอกไม้สีฟ้าและริบบิ้นสีเขียวสดใสเช่นเดียวกับเส้นผมและดวงตาของอีกฝ่าย
เพียงแค่มอง ใบหน้าของเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ดูอ่อนแอที่เพิ่งแยกย้ายกันไปก็ฉายชัดขึ้นมาภายในหัวอย่างชัดเจน
เอครินาสพรูลมหายใจออกมาเบา ๆ ด้วยรอยยิ้ม รับช่อดอกไม้จากพ่อบ้านไว้ จากนั้น...
พรึ่บ!!
เขาก็โยนมันทิ้งออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่ใส่ใจ
คนงานภายในวังที่มองเห็นเหตุการณ์ต่างมองท่านชายด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ดวงตาสีประหลาดหันย้อนกลับมาทางพวกเขา
ฟุบ
และเมื่อช่อดอกไม้ตกลงไปในสระที่เริ่มหนาวเย็นในเดือน 11 รอยยิ้มแสนหวานที่ดูสดใสก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กชายผู้แสนหล่อเหลา
มันดูงดงามมากราวกับเทพเทวดาที่ตกลงมาจากฟากฟ้าและจุติลงมาในร่างของมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกันมันก็น่าขนลุกมากเมื่อแสงแดดจากด้านหลังกำลังสร้างเงาขนาดใหญ่บดบังใบหน้าที่ดูสวยงาม
"ไปเก็บมา"
"คะ?/ครับ?"
"หรือว่าพวกเจ้าอยากให้ข้าช่วยโยนลงไป?"
"ม ไม่เจ้าค่ะ ข้าจะลงไปเก็บมาให้เดี๋ยวนี้"
"ย อย่าทำอะไรพวกเราเลยนะครับ"
"ว ไว้ชีวิตพวกข้าด้วยเถิดค่ะ"
เมื่อสิ้นคำขู่เหล่าข้ารับใช้ทั้งหมดก็ต่างวิ่งหน้าตั้ง หนีลงไปยังชั้นล่างเพื่อทำตามคำสั่งด้วยความหวาดกลัว เอครินาสเหลือบมองคนงานเหล่านั้นกำลังวิ่งลงไปในสระ แหวกไหว้กันหาช่อดอกไม้ราวกับฝูงปลาฝูงหนึ่งที่เจออาหาร
"น่าเกลียดจริงๆ"
จากนั้นร่างเงาของเด็กน้อยอายุ 15 ที่งดงามดั่งเทวดาตัวน้อยและแสนโหดร้ายหลังปีศาจก็หายเข้าไปในปราสาทโดยไม่แม้แต่จะสนใจพวกเขา
สำหรับดินแดนทางเหนือ การมอบช่อดอกไม้เช่นเดียวกับสีผมและริบบิ้นสีเดียวกับดวงตาคือการสื่อถึงความรักที่แสนจริงใจให้กับเพศตรงข้ามเพื่อหวังพัฒนาความสัมพันธ์ไปในทางชู้สาว
แต่กว่าเคียร์จะรับรู้ถึงความหมายดังกล่าวก็หลังจากนี้ไปอีกหลายเดือน
...
"เคียร์ วันนี้พี่ทำพายแอปเปิลให้เจ้าด้วยนะ ลองทานสิ"
หลังจากถูกน้องชายเมินมาเป็นเวลาหลายวัน ไคล์ผู้เป็นพี่ชายก็ยังคงรวบรวมความกล้าตะล่อมน้องชายสุดรักด้วยพายของโปรดอีกครั้ง ถึงขนาดที่ว่ายอมลงทุนลงแรงเอาของภายในคลังสินค้าไปจีบแม่ค้าฝั่งตรงข้าม ขอสูตรพายแอปเปิลที่น้องชายชอบแล้วเริ่มลงมือฝึกทำอาหารมาตลอดทั้งคืน ลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้งจนในที่สุดพายแสนวิเศษที่ส่งกลิ่นหอมคล้ายร้านเจ้าประจำก็ถูกยื่นให้น้องชายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ไม่ได้ดูสภาพครัวด้านหลังที่คล้ายผ่านศึกสงครามครั้งใหญ่และซากพายไหม้ ๆ ถูกวางเรียงรายอยู่เต็มเคาน์เตอร์อาหาร
เคียร์ที่เพิ่งลงมาจากบ้านกะพริบตาปริบ มองหน้าพี่ชายใส่แว่นที่อยู่ในชุดกันเปื้อนสีชมพูหวาน บรรดากองพายที่ใช้ไม่ได้ จากนั้นเมื่อลองสังเกตดูดีๆ ก็พบทอมกับเหล่าคนงานภายในร้านที่กำลังนอนกองกันอยู่บนพื้น ร้องคร่ำครวญว่ายาพิษบ้าง ปวดท้องบ้าง บ้างก็อ้วกออกมาราวกับเป็นพวกขี้เมา
'นี่มันอะไร? เมื่อคืนเกิดสงครามขึ้นเหรอ?'
โดยไม่ทันได้ถามอะไรจานพายและส้อมเงินก็ถูกยัดลงในมือของเคียร์อย่างรวดเร็ว
"ทานสิเคียร์"
"อ เอ่อ...พอดีข้าไม่ค่อย-"
"พายแอปเปิลของโปรดเจ้ายังไงล่ะ พี่พยายามทำให้เจ้าโดยเฉพาะเลยนะ ลองทานดูสิเผื่อจะอารมณ์ดีขึ้น"
เคียร์หวาดระแวงละล้าละลังไม่กล้ากินพายแอปเปิลในมืออยู่เล็กน้อย แต่พอเห็นท่าทางคาดหวังของพี่ชายสุดหล่อ เคียร์ผู้ไม่เคยรับมือกับลูกอ้อนของใครมาก่อนก็ต้องกล้ำกลืนฝืนใจตักพายในมือเข้าไปไปหนึ่งคำ
'หวังว่าจะไม่มียาพิษนะ'
งับ!
"ว้าว!! อร่อยสุด ๆ ไปเลยท่านพี่! อร่อยยิ่งกว่าร้านในตลาดอีก!"
ไม่น่าเชื่อว่าท่านพี่ของเขาจะมีฝีมือด้านนี้ด้วย ถ้าเปิดร้านทำขนมบางทีอาจจะกิจการรุ่งเรืองเงินทองไหลมาเทมาแน่ๆ! เมื่ออารมณ์เริ่มดีขึ้น ภายในหัวของเคียร์ก็อดไม่ได้ที่จะคิดเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ววางแผนธุรกิจขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ถ้าไม่ติดว่านี่เป็นการทดสอบเบต้านะ เขาคงคิดเปิดกิจการรับช่วงต่อของท่านพ่อไปนานแล้ว
"จริงเหรอ?"
"จริงสิท่านพี่ ข้าไม่เคยทานพายที่ไหนอร่อยขนาดนี้มาก่อน ฝีมือขนาดนี้เปิดร้านแข่งกับหัวมุมก็ยังได้!"
พอได้เห็นปฏิกิริยาของน้องชาย ใบหน้าใต้กรอบแว่นของผู้เป็นพี่ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ คิดถูกจริง ๆ ที่ลองฝึกทำพายแอปเปิล
"ถ้างั้นคราวหน้าไว้ข้าจะลองทำของโปรดอย่างอื่นให้เจ้าอีกนะ"
"จริงเหรอ? ข้ารักท่านพี่ที่สุดเลย!"
"ตายจริงเล่นอะไรกันอยู่จ๊ะหนุ่มๆ?"
"ท่านแม่! ท่านพี่ทำพายแอปเปิลอร่อยมากเลย ลองทานนี่ดูสิ!"
เมื่อช่วงเช้าของครอบครัวไอซ์กลับมาคึกคักอีกครั้ง เคียร์ผู้ได้ลิ้มรสของพายแอปเปิลเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน ร่างกายและจิตใจของเขาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยกำลังจึงมุ่งหน้าไปยังโบสถ์หลักอีกครั้งเพื่อพิชิตใจตัวเอก
'วันนี้แหละฉันจะต้องเป็นเพื่อนกับเขาให้ได้!'
" 'พวกลักเพศจะต้องถูกทรมานจนตาย พวกเขาถูกทุบตีด้วยไม้ นั่งอยู่บนไม้สามเหลี่ยม และถูกสาวไส้ออกมาให้กับอีกาบ้างก็ถูกไฟคลอกตายทั้งเป็นในนามของพระผู้เป็นเจ้าที่สร้างหญิงและชายขึ้นมาเพื่อครองคู่กัน' – ฟาเรสเซียนที่ 3 ได้กล่าวไว้เช่นนั้น"
"..."
เงียบ
เกิดความเงียบระหว่างพวกเขาท่ามการเสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วของเด็ก ๆ ที่กำลังวิ่งผ่านไป จากนั้น...เมื่อเอครินาสผู้เป็นตัวเอกของโลกใบนี้ได้ปิดหนังสือในมือลง ดวงตาสีสวยที่น่าพิศวงของเด็กชายก็หันมองไปทางเด็กหนุ่มข้างกายที่ถือช่อดอกไม้สีฟ้าและริบบิ้นสีเขียวสดใสเฉกเช่นเดียวกับสีผมและสีตาของตน
"เจ้าคิดว่าฟาเรสเซียนที่ 3 พูดถูกหรือไม่ เคียร์ ไอซ์?"