วันหนึ่งเคียร์ก็เข้าไปอยู่ในโลกนิยายที่ไม่รู้จัก ระบบบอกให้เขาสร้าง 'เรื่องราว' ของตัวเอกบนโลกใบนี้เพื่อให้อีกฝ่ายได้เป็น 'พระเจ้า' แลกกับการที่เขาได้กลับบ้านแล้วกลายเป็น 'มนุษย์'
แฟนตาซี,ชาย-ชาย,แอคชั่น,ตะวันตก,สงคราม,Boylove,แนวระบบ,ต่างโลก,สงคราม,แอ็คชั่น ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
EP.4 เตะผ่าหมาก...สุดยอดจริงๆ
เด็กชายผมสีฟ้านิ่งงัน ถึงในโลกแห่งจินตนาการที่เขาเคยอาศัยอยู่จะมีเรื่องราวการล่าแม่มด เข่นฆ่าพวกลักเพศไม่ก็การเหยียดเพศมาก่อน แต่ด้วยเซตติ้งของนิยาย feel good ทำให้อยู่ในยุคที่เปิดกว้างและพัฒนาแล้วจนทำเอาลืมไปเสียสนิทว่าในยุคกลางที่มีเหตุการณ์น่าสยดสยองมากมายหลังศาสนาเข้ามามีบทบาทใหม่ ๆ แห่งนี้ การลักเพศหรือชายรักชายจึงเป็นสิ่งที่ถูกมองว่าน่ารังเกียจไม่ต่างจากการถูกปีศาจเข้าสิงที่ต้องถูกกำจัด
และในเวลานี้ เอครินาสที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของมหาวิหารก็กำลังถามเขาว่าควรทรมานพวกลักเพศตามคำบอกเล่าของฟาเรสเซียนหรือไม่?
แม้เคียร์จะไม่ได้มองเอครินาสไปในทิศทางนั้นแต่ด้วยความที่เขามาจากนิยาย BL จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า โดยเฉพาะเมื่อเขากำลังถือช่อดอกไม้อยู่ในมือเพื่อมอบมันให้กับอีกฝ่าย
มันไม่ได้มีขนาดใหญ่มากเหมือนกับอันที่ส่งไปยังปราสาทของราชา แต่มีขนาดเท่ากำมือเมื่อที่นี่คืองานไว้อาลัยให้แก่ผู้ล่วงลับ
เอาน่า ใช่ว่าฉันกำลังจะจีบหมอนี่อยู่สักหน่อย
เคียร์พยายามใจดีสู้เสือสงบจิตสงบใจอยู่ชั่วครู่เพื่อรับมืออีกฝ่าย
"แล้วเจ้าล่ะคิดว่ายังไง?"
"ข้ารึ?"
เอครินาสเลิกคิ้วประหลาด นึกไม่ถึงว่าจะถูกถามกลับ
"ใช่สิ บางทีเจ้าอาจมีคำตอบของคำถามนั้นไว้ในใจอยู่แล้วก็ได้ แต่แค่ต้องการคำยืนยันจากใครสักคนเพียงเท่านั้น...แต่สำหรับข้า ข้าคิดว่าฟาเรสเซียนพูดไม่ผิดแล้วก็ไม่ถูกเสียทีเดียว"
เมื่อต้องการเข้าหาฝ่ายตรงข้ามที่น่าจะมีทัศนคติที่แตกต่างเคียร์จึงย้อนถามให้อีกฝ่ายย้ายจุดโฟกัสจนเกิดความสับสนแล้วใส่ความคิดของตนที่ฟังดูเป็นกลางอย่างจงใจ
"พระเจ้าสร้างมนุษย์หญิงและชายให้เกิดมาเพื่อคู่กันแต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจำเป็นต้องครองคู่กันเสมอนี่ เวลาเจ้าเห็นพวกสาวใช้แก่ ๆ หรือเด็กสาวแรกเกิดเจ้ามีความคิดที่อยากร่วมรักกับนางหรือ? แน่นอนว่าไม่ แม้ว่าเจ้าจะเกิดเป็นชายและนางเป็นหญิงก็ใช่ว่าชายหญิงที่เกิดมาบนโลกใบนี้ทุกคนจะเกิดมาเพื่อครองคู่กันไปเสียหมด แต่โดยพื้นฐานแล้ว 'ร่างกาย' ของพวกเขาก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าสร้างมาเพื่อให้เข้ากันได้ มอบครรภ์สวรรค์เพื่อถือกำเนิดทายาทออกมา"
เคียร์เลี่ยงประเด็นที่อาจส่งผลกระทบต่อทิฐิของคนในศาสนาแล้วจึงพูดต่อ
"อย่างไรก็ตาม การที่เราจะรักใครสักคนก็ไม่ได้ขึ้นกับว่าอีกฝ่ายเป็นเพศอะไรเพียงอย่างเดียวแต่ยังรวมไปถึงความเข้ากันได้ของนิสัย ความชอบ และองค์ประกอบอื่นๆ-"
"ช่างเป็นความรักที่บริสุทธิ์เสียจริง"
"ห้ะ?"
เคียร์มองหน้าเอครินาสอที่เดินเข้ามาใกล้ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
ตอนนั้นเองที่แสงเงาจากเด็กหนุ่มวัย 15 ตกกระทบลงมายังเด็กที่อยู่ต่ำกว่า
เคียร์จ้องมองอีกฝ่าย
ดวงตาสีแดงประหลาดจับจ้องมาที่เขา
จากนั้นปลายนิ้วสีขาวเนียนของเอครินาสก็แตะลงบนเส้นเลือดคาโรติดและหลอดลม ดวงตาสีเขียวสดใสดั่งใบไม้ของเด็กเล็กสั่นไหวก่อนเอครินาสจะพูดต่อ
"หากจะบอกว่านั่นคือการลักเพศ ความรักที่เจ้าพูดถึงคงใกล้เคียงกับความรักของมนุษย์ที่มีต่อสัตว์เลี้ยงมากกว่า"
ผมเงียบ
"เมื่อเริ่มได้รู้จักแล้วเกิดความสบายใจ แต่ก็ไม่สามารถกำหนดได้ว่าสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้กับสิ่งใดกันแน่... แต่เจ้าลืมไปแล้วหรือเปล่า ว่าหากเกิดความรักสุดท้ายแล้ว 'ร่างกาย' ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาก็ยังแปดเปื้อนอยู่ดี"
แรงกดบนปลายนิ้วขาวแนบลงบนเส้นเลือดแดงของเขาที่เต้นตุบๆ หัวใจของเคียร์สั่นไหว เขาลืมไปเสียสนิทว่าเอครินาสมีตรรกะประหลาด ๆ ที่ไม่เหมือนคนปกติทั่วไปและยึดถือตัวเองเป็นที่ตั้ง ไม่ว่าเขาจะโน้มน้าวยังไงก็คงเป็นเรื่องยากหากอีกสักฝ่ายไม่คิดจะเปิดใจกันตั้งแต่แรก
และด้วยเหตุผลบางอย่าง เมื่อดวงตาสีประหลาดของเอครินาสเคลื่อนไหวทั้งที่ไม่มีแสงไฟตกกระทบ ความรู้สึกบางอย่างที่คล้ายถูกตัวตนอันยิ่งใหญ่กำลังกวาดมองมาที่เขาอย่างทะลุปรุโปร่งก็ทำให้รู้สึกหนาวสั่นไปถึงกระดูกขาว
ราวกับถูกเหล็กเย็นเสียดแทงเข้ามาตามร่างกาย เสียดสีไปตามข้อกระดูกและไขสันหลัง ไล่เลียตามเส้นเอ็น สัมผัสชีพจรลงเบาๆ จากนั้นจึงลูบไล้จุดตายราวกำลังหยอกล้อว่าจะฆ่าเขาดีไหม?
ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นแม้เพียงอีกฝ่าย 'มอง' มาที่เขาเท่านั้น
"..."
ผมยังคงจ้องมองไปที่เขา
'ตายแน่...'
หมับ
แต่แทนที่อีกฝ่ายจะบีบคอเขาจนตายอย่างที่เคียร์กำลังหวาดกลัวปลายนิ้วที่แตะอยู่บนเส้นเลือดแดงก็ย้ายไปหาช่อดอกไม้ที่อยู่ในมือ
"เอามาสิ เจ้าเอามันมาให้ข้าไม่ใช่รึ?"
"อ อื้มม"
เคียร์ยอมส่งดอกไม้ให้อีกฝ่ายด้วยความงุนงง ทั้งที่เมื่อวานนี้เอาแต่เดินหนีเขาแท้ๆ แต่วันนี้กลับยอมรับดอกไม้ไปอย่างง่ายดาย
"ข้าคิดว่าเจ้า..."
"จะฆ่าเจ้าอย่างงั้นรึ?"
เคียร์หยุดชะงักเมื่อคำพูดของเอครินาสกลับถูกต้องทุกอย่าง อีกฝ่ายหันหลังกลับไปแล้วเริ่มเดินต่อ
"ข้าไม่ใช่พวกคลั่งศาสนาอย่างที่พวกแก่ ๆ ในโบสถ์ทำเสียหน่อย อีกอย่างการจัดการพวกลักเพศก็เป็นหน้าที่ของศาลนอกรีตไม่ใช่หน้าที่ 'ปีศาจ' อย่างข้า"
"..."
เคียร์รู้สึกอึ้งเล็กน้อยกับคำตอบของเอครินาสที่กำลังเดินจากไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงได้กล้าเรียกตัวเองว่า 'ปีศาจ' ได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
แต่...
เมื่อกี้เขายิ้มเหรอ?
แถมยังเป็นรอยยิ้มที่ดูเย่อหยิ่งซุกซนสมเป็นเด็กอายุ 15 อีกต่างหาก
น นี่หรือว่าเขาจะยอมรับผมแล้ว???
คุณพนักงาน? คุณพนักงานได้ยินใช่ไหมครับ? เมื่อกี้เขายอมรับผมแล้วใช่ไหม?
["ครับคุณเคียร์ ยินดีด้วยนะครับสำหรับความก้าวหน้าในครั้งนี้ เท่านี้หันทางในการแก้นิสัยเสียของคุณเอครินาสก็อยู่อีกไม่ไกลแล้วครับ"]
'ใช่ไหมครับ ผมนี่เก่งจริงๆ เลย'
แม้แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรก็เถอะแต่ถ้าผลลัพธ์ออกมาดีก็พอแล้ว ที่เหลือก็แค่ต้องแก้นิสัยเสียของหมอนี่ก็เท่านั้น
มันเป็นช่วงเวลานั้น
เคร้งงง!!
"เหวอ!!"
"ระวัง!!!!!!"
ตอนนั้นเองที่เสียงร้องเตือนจากเด็กข้างหลังดังลั่น พร้อมดาบเล่มหนึ่งที่ถูกตีกระเด็นขึ้นไปในอากาศแล้วกำลังดิ่งพุ่งลงมาที่พวกเขา ไม่สิ มันพุ่งตรงไปที่เอครินาสอยู่ต่างหาก
"ไม่นาน 30 ล้าน!!!"
ผมไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไปรีบวิ่งไปผลักเอครินาสจนอีกฝ่ายล้มหัวกระแทกเสาเลือดอาบไหล่เป็นทางยาว ผมชะงักค้างด้วยความตกใจ และเมื่อเอครินาสหั่นสายตากลับมา ความรู้สึกของดาบเย็นที่เสียบเข้าศีรษะไปยังใต้คออีกข้างก็เกิดขึ้น ณ วินาทีนั้น
ฉึก!!
...
เฮือก!!!!
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งเคียร์ก็พบว่าตนเองกำลังนั่งอยู่บนโต๊ะทำงานพร้อมปากกาหนึ่งด้ามที่อยู่ในมือและหัวใจที่เต้นระส่ำ
กลิ่นอายของกาแฟหอมที่กำลังหอมโชยไปในอากาศและความเงียบเชียบภายในสำนักงานที่ไร้ซึ่งผู้คนทำให้เสียงหายใจหนัก ๆ ของเขาดังก้อง เคียร์จับหัวลูบแผ่นอกของตนแม้สายตายังคงจับจ้องไปในอากาศอย่างเหม่อลอย
'ยังมีชีวิตอยู่'
หัวใจของเขายังเต็ม ใบหน้าและลำคอไม่มีร่องรอยของการบาดเจ็บแต่อย่างใด มีเพียงมือของเขาเท่านั้นที่ยังคงสั่นไหว
"ก เกิดอะไรขึ้น? ฝันเหรอ?"
["ไม่ใช่ความฝันครับคุณเคียร์ แต่เมื่อครู่นี้คุณได้เสียชีวิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วทางบริษัทของเราจึงทำให้เวลาของที่นั่นได้ย้อนกลับไปเมื่อ 24 ชั่วโมงก่อน"]
"ย้อนเวลา?"
พวกเขาทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ? แถมยังเป็น 24 ชั่วโมงอีก
'เดี๋ยวนะ..'
งั้นก็เป็นตอนที่ยังไม่ได้เจอเอครินาสน่ะสิ? ฉิบแล้วไง อุตส่าห์หาวิธีตีสนิทได้ทำไมต้องย้อนเวลากลับมาด้วยเนี่ย เคียร์กุมขมับหากรู้ว่าถ้าตายแล้วจะย้อนเวลาได้เขาคงรีบกลิ้งตัวหลบดาบออกไปพร้อมเอครินาสแล้ว
"ง งั้นถ้าขอให้กลับไปตอนก่อนที่ผมจะตายสัก 5 นาทีได้ไหมครับคุณพนักงาน?"
["เรื่องนั้นคนเป็นไปได้ยากครับ เนื่องจากพลังในการย้อนเวลาเป็นส่วนหนึ่งของพลังอันยิ่งใหญ่ของบอสที่ได้แบ่งปันให้คุณเคียร์โดยเฉพาะเพื่อย้อนเวลาของ 'โลก' ใบนี้ให้กลับไป ทางเราจึงไม่มีวิธีกลับไปยังช่วงเวลาดังกล่าวที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นสำหรับ 'ตอนนี้' ได้"]
"งั้นแปลว่าถ้าเอครินาสตาย 'โลก' ก็จะล่มสลาย แต่ถ้าผมตายก็จะทำให้ 'โลก' ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 24 ชั่วโมงก่อนเหรอครับ?"
นี่มันหนังสยองขวัญที่ติดอยู่ในวังวนของเวลาชัดๆ
["นี่ก็เพื่อการยืดเวลาในการล่มสลายของ 'โลก' ใบนี้ออกไปครับคุณเคียร์ และยังเป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการเตรียมการก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้นอีกครั้ง"]
เรียกง่าย ๆ ว่าใช้สำหรับการรับมือด้วยแผนสำรองเพื่อไม่ให้ตายอีกรอบสินะ
หากสมมุติว่าครั้งแรกเขาเดินไปทางซ้ายแล้วติดกับดักจนตาย เมื่อย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง เขาก็ยังพอมีเวลาเหลือเฟือว่าจะไปทางที่สองหรือวางแผนต่อไปเพื่อให้ผ่านทางแรกไปได้ ไม่สิ เดี๋ยวนะ...ถ้างั้นหากฉันตายแล้วย้อนกลับมาวันนี้แล้วเกิดวันนี้ตายขึ้นมาอีกฉันไม่กลับไปเมื่อวานหรอกเหรอ?
["เรื่องนั้นทางเราจะพิจารณา- อ๊ะ! สักครู่นะครับตอนนี้มีสายของบอสติดต่อเข้ามากะทันหัน"]
"บอสเหรอครับ?"
เคียร์ถึงกับหน้าตาตื่น ถ้าเป็นบอสก็น่าจะเป็นคนที่มีพลังในการย้อนเวลา และถ้ามีพลังในการย้อนเวลา 'โลก' ทั้งใบถึงขนาดนั้นเขาก็ต้องเป็นเทวดาไม่ก็พระเจ้า!
เคียร์รับเด้งตัวนั่งหลังตรงขึ้นมาทันทีราวพนักงานดีเด่นที่เห็นผู้บริหารมาตรวจงาน ตั้งอกตั้งใจฟังคุณพนักงานที่ส่งเสียง 'ครับๆ' อยู่อีกฝั่ง เคียร์ไม่ได้ยินเสียงของบอสหรอกแต่แค่อยากรู้อยากเห็นเผื่อคุณพนักงานจะเผลอหลุดอะไรออกมาบ้าง และพออีกฝ่ายวางสายไปคุณพนักงานก็ได้เริ่มกล่าว
["ทางบอสแจ้งมาว่าแม้การย้อนเวลาในโลกแห่งจินตนาการจะเป็นเรื่องง่าย แต่โดยพื้นฐานของโลกใบนี้ที่แม้จะแข็งแกร่งแต่ก็เปราะบางทำให้การย้อนเวลาถึง 24 ชั่วโมงอาจจะหนักเกินไปครับ"]
"ถ้างั้นก็ย้อนไม่ได้แล้วเหรอครับ?"
["ยังคงย้อนได้อยู่ครับแต่หลังจากนี้จะเปลี่ยนจาก 24 ชั่วโมง ให้เหลือเพียงการย้อนกลับไปทุก ๆ เที่ยงคืนของวันนั้น ๆ แทนครับ นี่ก็เพื่อการปรับสมดุลไม่ให้เกิดปัญหาด้านการทับซ้อนของเวลามากเกินไปหวังว่าคุณเคียร์จะเข้าใจนะครับ"]
"แค่นั้นก็มากเพียงพอแล้วครับ"
ถึงจะน่าเสียดายที่เขาต้องเริ่มผูกมิตรกับเอครินาสใหม่ แต่นี่แหละโอกาสที่เขาจะสร้างความประทับใจแรกพบให้ดีมากกว่าเดิม ตอนนี้เขาพอมีไกด์ไลน์อยู่บ้างแล้ว หากลองศึกษาจากหนังสือเล่มนั้นตั้งแต่ข้อแรกที่ไม่ได้ทำครั้งก่อนอาจได้ผลดีกว่าตอนนี้ได้"
กรุ๊งกริ๊ง~
"เคียร์ เจ้าอยากกินพายแอปเปิลไหม? ไปซื้อด้วยกันกับพี่สิ"
เมื่อบานประตูห้องสำนักงานถูกผลักเข้ามาพร้อมไคล์และคนงานที่ขนเสบียงเข้ามา ลูกชายคนโตของกลุ่มการค้าผู้เป็นห่วงน้องชายก็รีบเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร เคียร์ได้ยินพายแอปเปิลของโปรดทีก็รีบเด้งตัวด้วยรอยยิ้มวิ่งไปหาพี่ชาย
"พายแอปเปิลเหรอ? เอาสิ ข้ากำลังหิวอยู่พอดีเลย!"
ยังไงกว่าจะเจอเอครินาสก็อีกนาน ไว้ซื้อพายไปฝากก็ไม่เลวเหมือนกัน
"จะออกกันไปข้างนอกก็ระวัง ๆ หน่อยล่ะ ช่วงนี้ขโมยขโจรเริ่มชุกชุมแล้ว"
แคลลัมผู้เป็นพ่อที่เดินเข้ามาว่ากล่าวกับลูกชายทั้งสองพร้อมท่านแม่ที่อยู่ข้างกาย
"บ่ายวันนี้พ่อกับแม่จะไปงานศพที่โบสถ์ ไปด้วยกันไหมจ๊ะหนุ่มๆ?"
"ผมยังต้องไปส่งของที่ท้ายเมืองอีกคงไปไม่ได้ครับ"
"ไปครับๆ!"
ตรงข้ามกับไคล์ผู้มีงานรัดตัวเพราะต้องออกไปแบกหน้ารับงานในส่วนอื่น ๆ ในช่วงธุรกิจกำลังเติบโต เคียร์ที่ยังทำหน้าที่ทำงานเอกสารก็ยกมือเสนอตัวด้วยความยินดี
"หุ ๆ ๆ ถ้างั้นก็รีบไปรีบกลับนะจ๊ะ"
พอเห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนกลับมาร่าเริงอีกครั้งคนเป็นแม่ก็หัวเราะชอบใจ ให้ค่าขนมใส่มือมาเพิ่มอีกสองเหรียญเงิน คนโลภมากอย่างเคียร์ตาลุกวาวกอดท่านพ่อท่านแม่ไปคนละทีแล้ววิ่งโรไปยังร้านขนมปังแถวหัวมุมเจ้าประจำ
วันนี้คุณป้าเจ้าของร้านใจดีเป็นพิเศษ หรือไม่ คนก็แทบไม่เข้าร้านเลยจนเหงามากแอบชวนเคียร์ที่ดูเข้าหาง่ายไปนั่งคุยเล่นกันอยู่นานสองนานเรื่องข่าวการตายของธิดาเทพที่เพิ่งแพร่งพรายออกมา ทำเอาผู้คนที่เพิ่งจัดงานเลี้ยงรื่นเริงกันไปหมาด ๆ แปรสภาพกลายเป็นเมืองร้างเพราะไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจกันแบบเมื่อก่อน
ทางเคียร์เองก็ไม่ได้สนใจธิดาเทพเฟรินเท่าไหร่นักแต่พอเห็นคนเฒ่าคนแก่กำลังกุมอกหวาดหวั่นก็ตีหน้าเศร้าเห็นอกเห็นใจ ยืนตัดพ้อต่อคำสร้อยไปกับป้าเจ้าของร้าน คุยกันไปคุยกันมาเกิดคุยกันติดปาก ได้พายแอปเปิลของโปรดจากเจ้าของร้านมาอีกสองชิ้นพร้อมลูกกวาดรสหวานมาอีกหนึ่งกำมือ
เงินที่ท่านแม่ให้มาก็ยังอยู่ แถมพายสุดอร่อยก็ยังได้เพิ่มอีก รู้อย่างนี้ครั้งก่อนเขาคงยอมติดสอยห้อยตามพี่ชายออกมาตั้งนาน
พอสิ่งต่าง ๆ เริ่มเข้าที่เข้าทาง ลูกชายคนเล็กของกลุ่มการค้าก็กระหยิ่มยิ้มย่องยัดเงินที่เหลือใส่กระเป๋าก่อนจะเริ่มหูผึ่งของลูกค้าที่เพิ่งเข้ามา
"น้องข้าที่ทำงานในวังบอกมาด้วยนะว่าท่านธิดาเทพเสียชีวิตไปตั้งแต่อาทิตย์ก่อนนู้น แต่เพราะประตูฝั่งทางใต้เกิดถูกพวกนาฮาลบุกโจมตีเข้ามาทางราชาเลยปิดเรื่อยนี้เป็นความลับ รอพวกนั้นถอยร่นออกไปถึงได้ยอมแพร่งพรายเรื่องธิดาเทพให้ผู้คนนอกวัง"
"ต๊ายย เหตุใดถึงได้เป็นอย่างนั้นไปเล่า!"
"ชู่~! เบา ๆ หน่อยสิ เกิดถูกทหารลากตัวไปขึ้นมาจะทำยังไงกัน"
ธิดาเทพ ถึงจะเป็นตัวตนอันสูงส่งแต่ก็ไม่ต่างจากพวกเร่ร่อนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ขุนนางจากเมืองเล็กเมืองน้อยที่คอยสวามิภักดิ์ให้ราชาหากไม่ใช่พวกคลั่งศาสนาที่ชอบทรีตเธอให้เป็นพระเจ้าก็เป็นขุนนางหัวโบราณที่คลั่งสายเลือด
ยิ่งตอนนี้ภรรยาน้อยคนที่สองขององค์ราชากำลังตั้งครรภ์ ครอบครัวฝั่งภรรยาสามก็ไม่ยอมแพ้ส่งลูกชายคนเล็กที่พอเก่งด้านการทหารไปออกรบปกป้องประตูทางใต้อยู่ได้ 6 ปีก็สร้างผลงานใหญ่ ถูกแต่งตั้งขึ้นมาเป็นแม่ทัพจัดงานเลี้ยงฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่
ผู้คนกู่ร้องสุขสันต์ ราชากับภรรยาน้อยคนที่สามเริงรักกันอยู่ภายในงาน ในขณะที่เอครินาสนั้น...ได้สูญเสียมารดาผู้ให้กำเนิดตนและไม่เหลือใคร
แรกเริ่มเดิมทีเอครินาสก็ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเอาใจทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ได้และนิสัยแปลก ๆ ไม่ต่างจากเด็กทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่เมื่อคราวถึงวันที่ธิดาเทพเสียชีวิตเอครินาสที่ถูกกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างหนักก็ปลุกพลังบางอย่างขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ทุกข์ทรมานอยู่กับการมองเห็นที่มากเกินไป ได้ยินเสียงแว่วของอะไรบางอย่าง
ความเจ็บแปบที่แล่นผ่านทุกอนุขุมขนทำให้ร่างกายของเขาสั่น ทรุดตัวลงไปกับพื้น แสงสว่างที่สาดทอดจากที่นี่และที่นั่น จิตวิญญาณราวกับถูกฉีกออกไปในทุกทิศทุกทาง ล่องลอยออกไปในอากาศ ท่ามกลางผู้คนภายในเมือง เหนือดินแดนของป่าศักดิ์สิทธิ์ ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าทางตอนใต้ บ้างก็ดำดิ่งสู่ผืนทะเลที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ดวงตาสีแดงสดแทบมืดบอด หยดน้ำตาสีแดงหลั่งไหล
แต่เขายังคงลืมตาอยู่
จ้องมองพื้นพรมตรงหน้าราวกับไม่ได้หายใจ เส้นผมสีแดงท่วมหัวถูกสองมือจิกทึ่งครั้งแล้วครั้งเล่าออกมาเป็นสาย ทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดของ 'ข้อมูล' จำนวนมากที่กำลังหลั่งไหล
จากนั้น ความรู้สึกหนักอึ้งราวกับท้องฟ้าที่ถล่มลงมาก็ทับร่าง ดวงตานับพันจากบนท้องฟ้าทำให้เขาเริ่มรู้สึกหนาวสั่น ถูกเสียบแทงจากคมดาบที่มองไม่เห็น กรีดร้องออกมาอย่างทรมานและแสนน่าสงสาร
แต่เสียงของเขาไม่ออก
แม้จะกรีดร้องให้ตายแต่สายลมที่รอดผ่านลำคอ กระทบกล่องเสียงกลับไม่มีเลยแม้แต่น้อย
ดวงตาของเอครินาสสั่นระริก โก่งคอสำรอกอาหารเช้าที่เพิ่งทานเสร็จลงใส่ตรงหน้า
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้เข็มยาวเพียงหนึ่งก้าว...แต่เนิ่นนานราวสิบปีจนแทบสิ้นใจ
และเมื่อทุกอย่างสงบลง
ดวงตาสีแดงสดก็ถูกแทนที่ได้สีสันที่มากกว่าและทำให้โลกของ 'เขา' เปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันนั้น...
นั่นเป็นช่วงอารัมภบทที่ถูกเขียนไว้ใน 'เสียงเพรียกแห่งบรรพตธาตุ' ที่เอครินาสเป็นตัวเอก
'แต่จะว่าก็ว่าเถอะ นี่มันก็อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะได้เจอเอครินาส ใช้โอกาสนี้กลับบ้านไปอ่านหนังสือนั้นหาความรู้ต่อดีไหมนะ?'
["เอ่อ...คุณเคียร์ครับ ผมว่าคุณ-"]
"เคียร์ พี่จะแวะซื้อชาให้ท่านพ่อสักหน่อย รอตรงนี้ก่อนนะ"
"ครับ"
เมื่อพวกเขาออกมาจากร้านขนม เคียร์ก็ตอบรับคำของพี่ชายสุดหล่อยืนรออยู่หน้าร้านแล้วควักพายแอปเปิลของโปรดออกมาทาน
งับ!
"อือ~ ของท่านพี่อร่อยกว่าจริง ๆ ด้วยสินะ"
"นี่เจ้าหนู ถ้าเดินชนคนอื่นก็ต้องขอโทษสิ หรือไม่ก็ส่งเงินมา"
ตอนนั้นเองที่เสียงชายฉกรรจ์ดังก้องมาจากซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่ง เคียร์ที่กำลังยัดพายแอปเปิลใส่ปากอยู่ถึงกับตาเบิกกว้าง รีบยัดพายทั้งหมดใส่ปากเข้าไปจนแทบติดคอ
'อ เอครินาส???'
ทำไมหมอนั่นถึงมาโผล่อยู่นี่ล่ะ?
คุณพนักงาน คุณพนักงานครับ!!
["เรียกผมว่าฌอนก็ได้ครับคุณเคียร์"]
'คุณฌอน คุณเห็นนั่นหรือเปล่า? เขาใช่เอครินาสจริง ๆ ใช่ไหมครับ? หรือว่าผมตาฝาดไป?'
เคียร์รู้สึกประหลาดใจจนแทบจะเสียสติ ทั้งที่อุตส่าห์ตามหามาตั้งหลายวันแต่ทำไมวันที่เขาหมดอาลัยตายอยากนั่งเหม่ออยู่ที่สำนักงานเอครินาสถึงได้มาอยู่แถวนี่กัน?
'ถ้ารู้ว่าจะเจอแบบนี้ วันนั้นฉันควรตามพี่ไคล์ออกมาจริงๆ!'
"เงิน? ตัวใหญ่ซะเปล่าพวกเจ้าไม่มีปัญญาทำมาหากินกันอยู่หรือยังไงถึงได้มาคิดรีดไถเด็กแบบข้า?"
และยังปากร้ายปากแซ่บเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน เอครินาสผู้ตัวกระเปี๊ยกก็ยืนมั่นหน้า ขดคิ้วมองชายฉกรรจ์ทั้งสามราวกับมดปลวก
'โอ้พระเจ้า หมอนี่มีชีวิตมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไงกัน'
เคียร์แปะหน้าผากตน บอกผมทีว่าหมอนี่ไม่ได้จับฉลากมาเป็นพระเอก
"หน๋อย ไอ้เด็กนี่อยากตายนักหรือไง!"
"หยุดนะ!"
ผมที่เหมือนติดป้ายห้อยตำแหน่งพนักงานดีเด่นช่วยเหลือพระเอกเอาไว้แล้วรีบตะโกนออกไปเบี่ยงความสนใจจากพวกมัน
"ห๊า? ไอ้เตี้ยนี่ใคร?"
"ข้าไม่ได้เตี้ย! พวกเจ้าต่างหากที่สูงกันเป็นยักษ์ปักหลั่น!"
เคลียร์ตอบโต้พวกมันอย่างอาจหาญ แทรกตัวเข้ามากลางวงยกมือขึ้นขวางให้เอครินาสอยู่ด้านหลัง
"ทั้งที่ตัวใหญ่ดูอายุอานามแก่จะมีลูกมีเมียได้อยู่แล้วแต่กลับมัวมายืนรีดไถเด็กตอนกลางวันแสก ๆ เนี่ยนะ พวกเจ้าไม่มีงานมีการทำกันเลยหรือยังไง?"
เหล่าชายฉกรรจ์หน้าคล้ำหน้าแดงกัดฟันกรอดเพราะถูกหยามใส่
"ไอ้เด็กนี่ กล้าดียังไงมาว่าพวกข้าห้ะ?"
หนึ่งในนั้นง้างมือขึ้นสูงในอากาศหวังฟาดกบาลเด็กแปลกหน้าที่ไม่เหมือนคนท้องถิ่น
แต่มันเป็นช่วงเวลานั้น
ปั่ก!!
อุก!!
หน้าขาของเด็กน้อยสะบัดขึ้นฟ้าใส่ลำตัวอีกฝ่ายเป็นแนวดิ่ง คนตัวใหญ่ทำสีหน้าจุ๊ปาก เคียร์ไม่พลาดโอกาสคว้ามือเอครินาส สบตากับอีกฝ่าย และ...
"วิ่ง!!!!"
ทั้งเคียร์และเอครินาสรีบสับเท้าแตกหนีพวกอันธพาล คนเป็นหัวหน้าซุกตัวกุมกล่องดวงใจที่ถูกตีแตกพ่ายรีบออกคำสั่งให้ลูกน้องวิ่งตามออกไป หากจับมาได้เมื่อไหร่เขาจะไม่ยอมปล่อยพวกมันไปแน่!
แฮ่ก! แฮ่ก!
เคียร์พาเอครินาสวิ่งลัดเลาะฝ่าฝูงชนเข้าไปอย่างรวดเร็ว หลบหลีกสิ่งกีดขวาง อาศัยช่วงขนาดตัวของเด็กเล็กปะปนเข้าไปในฝูงชน โชคดีที่จุดที่พวกเขาอยู่เป็นเขตตลาดที่มีผู้คนหนาตามาตั้งแต่แรกแม้จะไม่มากเท่าทุกวัน พอคาดสายตาแล้วหาโอกาสแทรกตัวเข้าไปในซอยเปลี่ยว ใช้ลังไม้บดบังทัศนวิสัยพวกลูกสมุนก็วิ่งผ่านไปจนหายลับตา
เคียร์ยื่นหน้าหันซ้ายแลขวาตรวจสอบว่ารอดแล้วจึงหันย้อนกลับไปหาตัวเอก
"แฮ่ก! เจ้าไม่เป็นไรใช่...ไหม?"
คล้ายเสียงของเคียร์จะหายไปชั่วขณะ ทั้งที่เขาวิ่งหอบแฮ่ก ๆ เหมือนคนกำลังจะตาย เอครินาสของเรากลับมีท่าทีที่ไม่เหนื่อยแต่อย่างใด และ...
มีดวงตาที่เป็นประกาย?
ฟังไม่ผิด ตอนนี้เอครินาสที่ชอบทำตัวเป็นพวกเรดแฟลชในนวนิยายอยู่ตลอดเวลา บัดนี้กำลังจ้องมองเขาด้วยตาเป็นประกายสดใสราวกับเทวดาตัวน้อยจนคล้ายว่าจะมีแสงสว่างเจิดจ้าออกมาจากใบหน้า
'อ๊ากก ม ไม่นะ นี่มันเทวดาชัดๆ!!'
["คุณคิดไปเองครับคุณเคียร์"]
'ผมรู้ครับ มันก็แค่คำเปรียบเปรยของคนหล่อเท่านั้น'
"เคียร์ ไอซ์เมื่อกี้ที่เจ้าทำมันเรียกว่าอะไรกัน?"
"ห้ะ? อ เอ่อ...มันเรียกว่าเตะผ่าหมากน่ะ"
เคียร์ตอบคำถามแต่โดยดีแม้จะงง ๆ ว่าอีกฝ่ายรู้จักเขาได้ยังไง ไม่สิ ปกติหมอนี่ก็รู้ทุกอย่างอยู่แล้วนี่? เมื่อคิดได้เช่นนั้นเคียร์ ไอซ์ก็เลือกที่จะปล่อยผ่านมันแต่โดยดีเมื่อในเวลานี้ค่าคะแนนความสนใจที่เขาได้รับจากอีกฝ่ายจะกำลังพุ่งสูงอย่างท่วมท้น
ดูใบหน้าหล่อ ๆ นั่นที่กำลังทำหน้าสนอกสนใจสิ- ไม่ เคียร์ แกต้องตั้งสติไว้สิ อย่าให้โดนใบหน้านั้นล่อลวงได้เด็ดขาด! หมอนั่นมันคนอันตราย!
เคียร์พยายามตบตีตัวเองอยู่ภายในใจเพื่อดึงสติสตังของตนเองกลับมาแม้ใบหน้าจะไร้ซึ่งการแสดงออกใด ๆ เป็นพิเศษ
"เตะผ่าหมาก...สุดยอดจริงๆ"
"ห้ะ? อ อื้ม"
เคียร์ไม่รู้จะตอบอะไรเมื่อเอครินาสก้มหน้าครุ่นคิดบางอย่างราวกับนักปราชญ์ที่เซาะหาทฤษฎีใหม่ที่แสนน่าสนใจ
'ทั้งที่ตอนก่อนยังว่าเขาอ่อนแออยู่เลย พอมาครั้งนี้ดันชอบใจเพราะล้มคนตัวใหญ่ได้เสียอย่างนั้น อย่าบอกนะว่าหมอนี่เป็นพวกคลั่งไคล้คนแข็งแกร่งน่ะ?'
หมับ!
แต่ยังไม่ได้พูดอะไรลำคอของเคียร์ก็ถูกเอครินาสคว้าเข้าอย่างจังจนหายใจไม่ออก
"อึก! เจ้าจะทำอะไรน่ะเอครินาส?"
ทันทีที่ผมพูดออกไป ฝ่ายมือที่กำลังบีบคออยู่ก็ยิ่งรัดแน่น กดทับหลอดลมใหญ่จนหายใจแทบไม่ออก
ริมฝีปากที่ดูเย่อหยิ่งของเอครินาสยกยิ้มตาเป็นประกาย
"โอ้! เจ้ารู้จักข้าด้วยงั้นรึ? ทั้งที่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราเจอกันแท้ๆ"
"...!"
ผมหยุดชะงักกลางอากาศ
'พลาดแล้ว'
ตอนนี้ทั้งเขาทั้งเอครินาสต่างก็เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก การที่เขาโผงชื่ออีกฝ่ายขึ้นมาทั้งที่ไม่น่ามีใครรู้จากหน้าคร่าตาของเขานักจึงเป็นอะไรที่โคตรน่าสงสัย
และเมื่อเอครินาสในเวลานี้ยังไม่รู้เกี่ยวกับเขามากนักจึงทำให้อีกฝ่ายยิ่งแสดงความปรปักษ์กันเข้าไปใหญ่
"ใครส่งเจ้ามา"
คำถามที่ชวนกำกวมหลุดออกมาจากปาก เคียร์รู้สึกขนลุกขนชันคล้ายตอนที่เคยเกือบอีกฝ่ายเขากลางโบสถ์หลักก่อนการย้อนเวลา
ตอนนี้เอครินาสมีศัตรูมากมาย ภรรยาน้อยต้องการกำจัดเขาทิ้งเพื่อให้ได้อำนาจ แถมขุนพลของกษัตริย์จากภาคกลางก็ต้องการตีฝ่ายึดดินแดนและอาณาเขตทางเหนือเพื่อหวังรวมแผ่นดิน แม้เคียร์จะถูกส่งมาจากบริษัทโดยตรงเพื่อมีเป้าหมายบางอย่างไม่ต่างกันแต่ก็อยู่นอกเหนือขอบเขตของ 'เรื่องราว' ดังนั้น...คำตอบที่ถูกต้องคือ
"เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?"
คือการตีหน้าซื่อทำตัวสับสนไปก่อนอย่างที่พ่อกับแม่เคยสอนไว้
ยิ่งเราทำตัวเป็นคนโง่เท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ดูน่าเชื่อถือขึ้นมากกว่าการแก้ตัวไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย
ฉลาดพอเป็นเวลา แล้วรู้จักโง่เพื่อเอาตัวรอด...นั่นเป็นสิ่งที่กลุ่มการค้าไอซ์ยึดถือเอาไว้จนเอาตัวรอดขึ้นมาจนถึงแดนเหนือ
แต่เคียร์ดันลืมไปอย่างว่ายิ่งไล่ยิ่งหนีเท่าไหร่เมื่ออยู่ต่อหน้าเอครินาสก็จะยิ่งไม่ได้ผลโดยเฉพาะเล่ห์เหลี่ยมในการเอาตัวรอดของพวกพ่อค้า
"งั้นรึ? เช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์ต้องเสวนาต่อน่ะสิ"
สิ้นคำฝ่ามือขวาที่กำลำคอของเคียร์ไว้ก็ยิ่งบีบแน่นปิดช่องลมเอาไว้ด้วยความจงใจ เคียร์เบิกตากว้าง
'อ อะ...อะไร?'
ทั้งที่ผมบอกไปแล้วว่าไม่รู้อะไร แต่ทำไมเขาถึงยังคิดที่จะฆ่าผมกันล่ะ?
ทำไมล่ะ?
"..."
ไม่รู้
ผมไม่รู้เลย
ตัวประกอบอย่างผมจะไปรู้ได้ยังไงว่าตัวเอกที่เกิดจากพระเจ้าทำทุกอย่างนี้ไปเพื่ออะไร
เขาเกิดขึ้นจากความตั้งใจและมุมมองที่พระเจ้ามี เฝ้ามองมนุษย์ด้วยมุมมองที่แตกต่าง มีพลังอำนาจ และโลกใบนี้ก็เกิดมาเพื่อเขา
แม้แต่พระเจ้าที่ไม่ได้สร้างโลกใบนี้ขึ้นมาก็รักเขาเช่นกันไม่ว่าจะทำตัวแบบไหน ยอมเสียสละแม้กระทั่งทอง 30 ล้าน พัฒนาอุปกรณ์ล้ำสมัย และจ้างวานคนมากมายเพื่อคอยช่วยเหลือเขาให้มีชีวิตรอดต่อไปจนถึงจุดจบ
ต่างจากผมที่เป็นเพียงตัวประกอบธรรมดา ๆ ที่ถูกหยิบขึ้นมาจากฝ่าเท้าของหัวหน้าทีมตัวเอง ถูกส่งลงยังมาที่นี่แล้วกลายเป็นตัวตายตัวแทนให้กับเขาเพื่อให้เขาสามารถมีชีวิตอยู่ต่อ
ถึงผมจะไม่ได้พูดเรื่องนี้ออกไปแต่ความรู้สึกที่ถูกดาบเสียบเข้ามากลางหัว ทะลุกะโหลก เสียดสีระบบประสาท กดทับปลายลิ้นแล้วผลิบานออกที่ลำคอของเขาก็เจ็บปวดมาก
อยากร้องไห้ออกมา ทรุดตัวลงไปกับพื้นแล้วร้องขอให้ใครสักคนช่วยดึงมันออกไป
ผมยังจำความรู้สึกของฟันกรามที่ถูกล็อกเอาไว้ด้วยดาบได้ ยังจำใบหน้าของเอครินาสที่กำลังตกใจได้เต็มสองตา
ผมไม่เสียดายเลยที่ตัวเองต้องตายเพราะอย่างน้อยก็ยังสามารถช่วยอีกฝ่ายได้ ถึงจะต้องเริ่มใหม่อีกครั้งก็ไม่เป็นไร
ทั้งที่ผมคิดไว้แบบนั้น แต่เอครินาสในเวลานี้กลับต้องการที่จะฆ่าผมโดยไม่แม้แต่จะละสายตา ทำราวกับต้องการยืนยันว่าผมต้องตายด้วยนำมือของอีกฝ่าย ผมตะเกียกตะกายทุบตีเขา ทั้งเตะทั้งถีบ จิกหัวของเขาเพื่อหาทางรอด แต่เอครินาสที่มีร่างกายแข็งแกร่งกว่ากลับไม่สะทกสะท้าน แทรกตัวเข้ามา บีบลำคอผมไว้ได้สองมือแล้วกดผมลงไปกับพื้น
บีบรัดหลอดลมจนหายใจไม่ออก น้ำตาของผมไหลลื่น ณ วินาทีนั้น
"ท ทำไม..."
ทำไมต้องฆ่าฉันด้วย
ทั้งที่ผมเต็มใจที่จะตายเพื่อเขา แต่เขากลับเลือกที่จะฆ่าผมด้วยมือของตัวเอง
อั่ก!
ผมเริ่มขาดอากาศหายใจ สำลักน้ำลายทั้งที่รู้สึกคอแห้งผาก ริมฝีปากเปิดอ้า แผงนหน้าเปิดลำคอเพื่อพยายามกอบโกยอากาศ
แผ่นอกที่ควรกระเพื่อมพองตัวจนสุด ซี่โครงยกตัวสูง กะบังลมลดตัวต่ำ ขยับขยายช่วงอกต่างจากปอดภายในที่กำลังหดตัวลง
ผมพยายามกอบโกยอากาศเข้าไปให้ได้มาก
แต่ก็ถูกปิดทางไว้
ดวงตาของผมเหลือกลอย ความวาบวามราวกับเหน็บชาเกิดขึ้นจากปลายเท้า ร่างกายสั่นกระตุก ผมหยุดทุบตีเอครินาส สิ้นหวังกับการขัดขืนอีกฝ่าย
และเมื่อภาพของเอครินาสได้ถูกพลิกกลับ ลมหายใจของผมก็ขาดหายไปก่อนที่ฝ่ามือจะตกถึงพื้น
ตุบ