วันหนึ่งเคียร์ก็เข้าไปอยู่ในโลกนิยายที่ไม่รู้จัก ระบบบอกให้เขาสร้าง 'เรื่องราว' ของตัวเอกบนโลกใบนี้เพื่อให้อีกฝ่ายได้เป็น 'พระเจ้า' แลกกับการที่เขาได้กลับบ้านแล้วกลายเป็น 'มนุษย์'

เมื่อผมกลายเป็นเพื่อน(ตายแทน)พระเอก #เฟื่อนพระเอก - EP.5 โลกใบนี้เกิดมาเพื่อเจ้า ข้าเองก็เช่นกัน โดย Zephyr_W @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,แอคชั่น,ตะวันตก,สงคราม,Boylove,แนวระบบ,ต่างโลก,สงคราม,แอ็คชั่น ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เมื่อผมกลายเป็นเพื่อน(ตายแทน)พระเอก #เฟื่อนพระเอก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ชาย-ชาย,แอคชั่น,ตะวันตก,สงคราม

แท็คที่เกี่ยวข้อง

Boylove,แนวระบบ,ต่างโลก,สงคราม,แอ็คชั่น ,แฟนตาซี

รายละเอียด

เมื่อผมกลายเป็นเพื่อน(ตายแทน)พระเอก #เฟื่อนพระเอก โดย Zephyr_W @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

วันหนึ่งเคียร์ก็เข้าไปอยู่ในโลกนิยายที่ไม่รู้จัก ระบบบอกให้เขาสร้าง 'เรื่องราว' ของตัวเอกบนโลกใบนี้เพื่อให้อีกฝ่ายได้เป็น 'พระเจ้า' แลกกับการที่เขาได้กลับบ้านแล้วกลายเป็น 'มนุษย์'

ผู้แต่ง

Zephyr_W

เรื่องย่อ

เคียร์ หนุ่มพนักงานบริษัทเกมชื่อดังแห่งหนึ่งที่ไม่เคยเชื่อเรื่องบังเอิญมาก่อนก็ได้ถูกดึงเข้ามาในโลกแห่งหนึ่งด้วยความบังเอิญ


ตอนแรกเขาก็ว่าจะใช้ชีวิตใหม่ในฐานะลูกชายคนเล็กของกลุ่มการค้าขนาดกลางอยู่หรอก แต่ระบบที่บอกว่าเป็นตัวแทนของบริษัทแม่กลับตามหลอกหลอนมาด้วยพร้อมขอให้ทำภารกิจบางอย่าง


พวกเขาขอให้ผมสร้าง 'เรื่องราว' ให้กับพระเอกของโลกใบนี้เพื่อให้เขาได้กลายเป็น 'พระเจ้า' แลกกับการที่ผมจะได้กลายเป็น 'มนุษย์' และพบสวัสดิภาพหลัง 'เรื่องราว' ได้สิ้นสุดลง


แต่...


'เมื่อกี้ว่าอะไรนะ? ตายไม่จำกัด? นั่นไม่ได้แปลว่าเส้นทางนี้มันอันตรายหรอกเหรอครับคุณพนักงาน?'


สารบัญ

เมื่อผมกลายเป็นเพื่อน(ตายแทน)พระเอก #เฟื่อนพระเอก-EP.1 รอก่อนนะสามสิบล้านของฉัน,เมื่อผมกลายเป็นเพื่อน(ตายแทน)พระเอก #เฟื่อนพระเอก-EP.2 อ่อนแอขนาดนี้เจ้าจะไปทำอะไรได้กัน?,เมื่อผมกลายเป็นเพื่อน(ตายแทน)พระเอก #เฟื่อนพระเอก-EP.3 เห็นแบบนี้ข้าก็เตะผ่าหมากล้มคนตัวใหญ่เช่นเจ้าได้ก็แล้วกัน,เมื่อผมกลายเป็นเพื่อน(ตายแทน)พระเอก #เฟื่อนพระเอก-EP.4 เตะผ่าหมาก...สุดยอดจริงๆ,เมื่อผมกลายเป็นเพื่อน(ตายแทน)พระเอก #เฟื่อนพระเอก-EP.5 โลกใบนี้เกิดมาเพื่อเจ้า ข้าเองก็เช่นกัน,เมื่อผมกลายเป็นเพื่อน(ตายแทน)พระเอก #เฟื่อนพระเอก-EP.6 งั้นให้ข้าไว้เล็บยาวเพื่อเจ้าดีหรือไม่?

เนื้อหา

EP.5 โลกใบนี้เกิดมาเพื่อเจ้า ข้าเองก็เช่นกัน




EP.5 โลกใบนี้เกิดมาเพื่อเจ้า ข้าเองก็เช่นกัน





เที่ยงคืนสี่สิบนาที

นั่นเป็นเวลาที่เคียร์ลุกขึ้นมาจากเตียงหลังกลับมาจากความตาย เขาใช้เวลาอยู่นานในการกอบโกยลมหายใจเข้าปอด สัมผัสเสียงหัวใจที่เต้นตุบ ๆ อยู่ภายในอก ดวงตาเหม่อมองเพดานห้องอย่างเงียบเชียบ ฝ่ามือขยับขึ้นลงตามกะบังลมที่หายใจเข้าออกอย่างรวดเร็ว

เขาทำอย่างนั้นอยู่หลายนาที กำหนดจิตใจให้สงบแล้วควบคุมลมหายใจทุกวินาทีที่ปลายเข็มยาวเคลื่อนผ่าน

ใช้เวลาเพียงห้านาทีเศษ ๆ เสียงเต้นของหัวใจและปอดก็เริ่มคงที่ แต่ถึงอย่างนั้นเคียร์ ไอซ์ก็ยังคงกำหนดลมหายใจต่อไปราวกับว่าเขาจะตายหากหยุดทำมัน

เสียงหายใจทางปากยังคงดังลอดไม่ขาดสาย และในเมื่อเสียงนั้นหยุดลง

"..."

ฝ่ามือทั้งสองก็ยกขึ้นบดบังดวงตาที่กำลังหลั่งน้ำ

เคียร์ไม่เข้าใจว่าทำไมเอครินาสถึงต้องฆ่าเขา เขาไม่อยากเจออีกฝ่าย หวาดกลัวความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นและสายตานั่น...สายตาของคนคนหนึ่งที่แทบไม่รู้สึกอะไรแม้เขาจะตายอยู่ตรงหน้า

แต่แล้วเมื่อ 'โลก' ใบนี้ยังคงเดินหน้าเพื่ออีกฝ่าย ยามราตรีข้ามผ่าน นาฬิกาก้าวเดิน และเช้าวันใหม่หลุดพ้นออกมาจากขอบฟ้าอีกครั้ง เคียร์ที่เป็น 'ตัวประกอบ' ก็ยังคงต้องลุกขึ้นมาทำงานเพื่อ 'ตัวเอก' ของโลกใบนี้เหมือนกับเมื่อก่อน

'เคียร์ แอมเบอร์' ในโลกของนิยาย BL ก็เป็นแบบนั้น

เขาเป็น 'ตัวประกอบ' ที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากไม่มี 'ตัวเอก'

และ 'ตัวเอก' ของที่นี่ก็คือ เอครินาส



...



"ช่วงนี้เจ้าดูไม่ค่อยร่าเริงนะเคียร์ มีเรื่องกลุ้มใจอะไรหรือเปล่า?"

"ข้าแค่กำลังเหงาเพราะไม่มีเพื่อนรุ่นเดียวกันก็เท่านั้น ไม่ต้องกังวลไปหรอกท่านพี่ อีกไม่นานข้าก็คงหายไปเอง"

"งั้นหรือ? จะว่าไปคนงานของเราก็มีแต่พวกผู้ใหญ่ ไว้ข้าจะลองคุยเรื่องรับคนงานเข้ามาเพิ่มกับท่านพ่อดูก็แล้วกัน"

"ขอบคุณครับพี่"

หลังจากได้ลุกออกมาทำงานอีกครั้งใหม่ผู้คนภายในโลกนี้ก็ยังคงดำเนินต่อไปดังที่ควรเป็น เคียร์ติดตามพี่ไคล์ที่ชวนออกมาซื้อพาย พูดคุยประโยคเก่า ๆ กับคุณป้าเจ้าของร้านขนมได้พายมาทานสองชิ้นและลูกกวาดรสหวาน

เหล่าลูกค้ากลุ่มใหม่เข้ามาพอดีอีกครั้ง เล่าเรื่องธิดาเทพกันใหม่เหมือนกับครั้งก่อนราวกับม้วนเทปที่ถูกเล่นใหม่

ยิ่งเวลาเข้าใกล้มามากเท่าไหร่...จิตใจที่เคยมั่นคงของเขาก็เริ่มสั่นไหว

ความรู้สึกของการขาดออกซิเจนนั้นทรมานมากเมื่อเทียบกับการตายครั้งแรกที่เป็นอุบัติเหตุ

เขาต้องทนอยู่ในสภาพที่ขัดขืนไม่ได้ สบตากับเอครินาสที่จ้องมองเขาราวกับมองมดตัวหนึ่งที่กำลังตาย มันแสนทรมานเนิ่นนานราวสิบปี แต่เมื่อถึงขีดจำกัดภาพตรงหน้าก็ถูกตัดไปอย่างง่ายดาย...

ความตายนั้นแสนง่ายได้มากกว่าที่คิด

นั่นเป็นสิ่งที่เคียร์สามารถตระหนักได้ด้วยตัวเขาแล้วยิ่งหวาดกลัวความตายมากขึ้นเมื่อก่อน

"เคียร์ พี่จะแวะซื้อชาให้ท่านพ่อสักหน่อย รอตรงนี้ก่อนนะ"

"ครับ..."

และเมื่อไคล์เดินเข้าไปในร้าน เคียร์ก็หันสายตาไปยังจุดที่เกิดเหตุ

"นี่เจ้าหนู ถ้าเดินชนคนอื่นก็ต้องขอโทษสิ หรือไม่ก็ส่งเงินมา"

พวกเขาอยู่ที่นั่นจริงๆ

หัวใจของเคียร์สั่นกระตุกรีบเกาะกุมเงินที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเพื่อสงบจิตสงบใจ ท่องไว้ เคียร์ แอมเบอร์ นี่ก็เพื่อทอง 30 ล้าน

พอตั้งสติได้สองเท้าก็รีบก้าวหาพวกเขา

"หยุดนะ!!"

"หา? เจ้าเตี้ยนี่ใคร?"

"ข้าจะเป็นใครก็ช่างแต่มารีดไถเด็กแบบนี้ได้ยังไง"

"เด็ก? พรืดด เด็กตัวกะเปี๊ยกเช่นเจ้าเนี่ยนะเรียกคนอื่นเขาว่าเด็ก ฮ่า ๆ ๆ "

หนึ่งในนั้นหัวเราะพรืดออกมา เคียร์ทนไม่ไหวตอนแรกกะคิดหาทางหนีทีไล่แต่พอถูกเล่นปมเรื่องขาเข้าก็ฟาดหน้าขาใส่ไปหนึ่งทีดังปั่ก! ครั้งนี้เคียร์รอบคอบมากไม่เตะกล่องดวงใจเหมือนคราก่อนเพราะไม่อยากถูกเอครินาสปักเดธแฟลชขึ้นลงไฟลงโลกหน้าอีกครั้งเพราะมีความสนใจในตัวกันมากเกินไป พาเจ้าตัววิ่งหนีเหล่าชายฉกรรจ์ทั้งสามที่กำลังฉุนขาด

"หยุดเดี๋ยวนี้นะไอ้เด็กบ้า!!"

แต่เหมือนครั้งนี้เคียร์จะประมาทเกินไปหน่อยตัดกำลังอีกฝ่ายน้อยไปจนแม้จะวิ่งหลบเข้าซอยครั้งก่อนมาแล้วก็ยังสะบัดพวกมันแทบไม่ได้ต้องผลักลังไม้ โยนเศษขยะ กระโดดข้ามแนวรั้วกันอย่างวุ่นวายแต่ก็แทบไม่ได้ผล

'บ้าจริง ทำไมพวกนั้นถึงไม่เหนื่อยกันบ้างเลยเนี่ย'

ทั้งที่พวกเขาวิ่งตามกันมาพอ ๆ กันแถมเคียร์ก็เริ่มหมดแรงหอบหายใจแฮ่ก ๆ ราวกับคนกำลังจะตายต่างจากเจ้าพวกนั้นที่แทบไม่เหนื่อย

 เอครินาสเห็นเด็กตรงหน้าเริ่มไม่ไหวไม่รู้ว่ากำลังรู้สึกเห็นใจหรือแค่สมเพชกันแน่ จากที่เป็นผู้ตามอยู่ดี ๆ ก็ลากเคียร์หลบไปยังซอยด้านข้าง

"ทางนี้"

ทางชายฉกรรจ์ทั้งสามจำได้ขึ้นใจว่าทางนั้นเป็นซอยตันก็ยิ้มยินดีอยู่ในใจ หากจับตัวมาได้เมื่อไหร่จะอัดให้น่วมแล้วเอาไปเรียกค่าไถ่พ่อแม่เสียให้เข็ดหลาบ แต่เมื่อพวกเขาหักเลี้ยวเข้าไปในซอยก็ต้องเจอกับ –ความว่างเปล่า– เจ้าเด็กทั้งสองที่วิ่งหนีเหมือนหนูพวกนั้นได้หายไป

"รีบไปหาเร็วเข้า มันต้องยังไปไหนไม่ไกลแน่!"

ชายหัวหน้ายังไม่คิดยอมแพ้หันไปสั่งลูกน้องแล้วรีบออกตามหา

เมื่อเสียงโวยวายของพวกเขาจากไป ดวงตาสีแดงประหลาดที่จับจ้องพวกเขาจากหลังอาคารสูงก็ย้ายมายังเด็กหนุ่มที่นั่งตัวแข็งปิดปากสนิทอยู่บนตัก

หลังจากถูกลากเข้าไปในซอยตัน เคียร์ก็ถูกอีกฝ่ายอุ้มมันขึ้นมาในท่าเจ้าสาว กระโดดขึ้นมาตามผนังแล้วหยุดลงที่หลังคาสูงที่ไหนสักแห่ง เคลียร์ที่ใช้ชีวิตเป็นตัวประกอบสายชิลล์มานานบวกกลัวความสูงจึงแทบขาดใจอกสั่นขวัญแขวน เป็นลูกแมวขี้ตกใจโดยเฉพาะเมื่อต้องอยู่ในอ้อมแขนของเอครินาส

'ตายแน่'

ตอนนี้นอกจากพวกเขาจะอยู่กันแค่สองคนแล้วเคียร์ยังไม่สามารถหลบหนีอีกฝ่ายได้อีกแต่อย่างใด

นี่มันสถานการณ์วิกฤตของจริงที่มีแต่ตายกับตายเท่านั้น!

"คิดอย่างไรถึงได้ช่วยข้ากัน?"

แต่ยังไม่ทันได้ทำใจ ตัวเรดแฟลชอย่างเอครินาสก็หยิบยื่นธงตายให้กับเขาจนถึงมือ

ดวงตาของเคียร์สั่นสะท้าน เขารู้สึกหวาดกลัวอีกฝ่ายมาก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ดวงตาสีสวยคู่นั้นกลับกระจ่างใสอย่างน่าประหลาดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เคียร์ที่เผลอสติลอยไปสักพักเผลอพูดออกไป

"สวยจัง"

"ข้าเหรอ?"

"???"

เคียร์สะดุ้งโหยง ปิดปากตัวแข็งทื่อเมื่อรู้ว่าเผลอพูดอะไรบางอย่าง แต่เอครินาสในครั้งนี้กลับไม่ได้ใส่ใจวางฝ่ามือลงบนอกคนตัวเล็กที่อยู่บนตัก เคียร์ตัวสั่นผวาเหลือบมองฝ่ามือเอครินาสที่วางอยู่บนอก จากนั้นจึงย้ายขึ้นมามองอีกฝ่ายที่กำลังยกยิ้มให้เขาคล้ายเด็กเวรที่ได้เจอของเล่นชิ้นใหม่

"เจ้ายังไม่ตอบคำถามของข้าเลยนะ"

"..."

'คุณฌอนครับ ช่วยผมด้วย!'

เคียร์พยายามเรียกร้องหาที่พึ่งใหม่แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบรับใด ๆ จากอีกฝ่าย เคียร์ทนไม่ไหวคว้ามือจับเหรียญเงินสองเหรียญในกระเป๋าเสื้อเพื่อหวังเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจสุดท้าย

"ข ข้าเห็นเจ้ากำลังโดนพวกผู้ใหญ่รีดไถเงินอยู่ กลัวเจ้าจะถูกทำร้ายก็เลยไปช่วยเท่านั้น"

ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เคียร์ตอบเพียงสั้น ๆ ได้ใจความถึงเหตุและผลของตน

เคียร์คิดเอาไว้แบบนั้นจริงๆ พอเห็นเอครินาสที่สามารถอุ้มคนขึ้นมาบนหลังคานี้เขาก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตนเองคิดถูกหรือเปล่า

"โห๋~ เจ้าเป็นห่วงข้าอย่างนั้นหรือ?"

"ก ก็ใช่น่ะสิ"

เคียร์ย่นคอหนีหน้าหล่อ ๆ ของเอครินาสที่ยื่นเข้ามาใกล้ จนถึงตอนนี้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายดูน่ากลัวมากมาตลอดและแทบไม่กล้าสบตา แต่พอเอาเข้าใจ อีกฝ่ายกลับดูซุกซนสมเด็กอายุ 15 มากกว่าที่คิดไว้โดยเฉพาะในเวลาแบบนี้

อย่างไรก็ตาม...

ตึก ตึก

ปลายนิ้วของเอครินาสยังคงเคาะลงบนเส้นเลือดแดงของเขาราวกำลังพิจารณาบางอย่าง ดวงตาสำรวจปฏิกิริยาของเด็กในมือ

"ทำไมล่ะ?"

"แค่จะช่วยคนที่กำลังจะถูกยำจำเป็นต้องมีเหตุผลด้วยหรือไง? แค่มีจิตสำนึกซะบ้างเจ้าก็น่าจะรู้ไม่ใช่รึ?"

ผมมองเอครินาสตาเขียวปั๊ด อีกฝ่ายโคลงหัวไปมาคล้ายกำลังนึกบางอย่างก่อนจะปล่อยให้ผมเป็นอิสระ ขานี่สั่นผับ ๆ เป็นเจ้าเข้าเลยครับ

"ข ขอบใจเจ้ามาก"

ผมขอบคุณเขาตามมารยาทพอเป็นพิธี จากนั้นจึงยัดบางอย่างใส่มือของอีกฝ่าย

เอครินาสมองมัน

"นี่อะไร?"

"ลูกกวาดยังไงล่ะ ข้าได้มาจากร้านขนมปังแถวหัวมุม ไม่มียาพิษหรอก"

งับ

สิ้นคำเม็ดลูกกวาดก็ถูกแกะเปลือกยัดใส่ปากเจ้าตัวไปอย่างรวดเร็ว เอครินาสอมๆ ดุนๆ มันเล็กน้อยคล้ายกำลังรับรสอย่างละเมียดละไม โคลงหัวไปมาแล้วจึงก้าวออกไปของหลังคาพร้อมกล่าว

"ข้าไปแหละ"

พรึ่บ

"เฮ้ย!!"

ผมร้องออกมาเสียงดังตกใจที่อีกฝ่ายตกลงไปข้างล่างกะทันหัน แต่พอก้มลงไปมองด้านล่างก็เห็นอีกฝ่ายเดินอาด ๆ ออกไปตามทางได้อย่างหน้าระรื่น

"เดี๋ยวนะ...."

แล้วนี่ผมจะลงไปยังไงล่ะ?

วืดดด

เพียงแค่มองเห็นพื้นต่ำลงไปหลายมือหน้าก็คล้ายว่าจะมืดตกลงไปชั่วขณะ

อ ไอ้ ไอ้...

"ไอ้บ้า! กลับมาพาข้าลงไปเดี๋ยวนี้นะ!!"



...



 หลังจากนั้น เคียร์ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการต่อสู้กับความสูงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากคนแถวนั้น ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงนิด ๆ ถึงจะสามารถลงมาจากความช่วยเหลือของทหารยามที่เพิ่งผ่านมา

ผู้คนภายในเมืองที่เห็นเหตุการณ์ตอนกำลังช่วยเหลือต่างสอบถามความเป็นมาว่าขึ้นไปได้ยังไง เคียร์ไม่มีทางเลือกปั้นน้ำเป็นตัวถูกโจรโรคจิตคนหนึ่งฉุดเข้าไปในซอยเปลี่ยวจากนั้นมันก็ทำตัวอุกอาจอุ้มเขาขึ้นไปไว้บนหลังคาหวังฆ่าปิดปากให้ตายคามือ แต่ด้วยไหวพริบของเขาทำให้รอดมาได้อย่างหวุดหวิด ทางชาวบ้านได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งเห็นใจมากเข้ามาปลอบประโลมส่งกลับสมาคมกลุ่มการค้าไอซ์ด้วยความเป็นห่วง

ถึงจะต้องมานั่งอธิบายให้ท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่ผู้รีบบึ่งกลับมาบ้านหลังได้ยินข่าวแต่ก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาและผ่านไปเท่านั้น ใช่ว่าโจรโรคจิตจะเป็นเรื่องจริง และถึงจะเป็นเรื่องจริงก็มีโอกาสน้อยนักที่โจรจะวกกลับมาทำร้ายเหยื่อเป็นครั้งที่สอง

ผู้คนเชื่อว่าเป็นแบบนั้น

แต่ถึงโจรโรคจิตที่ว่าจะหมายถึงลูกของราชาแต่เคียร์ก็ยังคงหวังว่าอีกฝ่ายจะกลายเป็นเด็กดีได้ในสักวัน

'ถ้าลองทำตามที่หนังสือบอก บางทีอะไร ๆ มันอาจจะง่ายขึ้นก็ได้นะ'

เคียร์เคยคิดเอาไงแบบนั้น จนกระทั่งก้าวเข้าไปในโบสถ์หลักพร้อมการมองเห็นเอครินาสที่กำลังส่งยิ้มหวานให้กับเขาอย่างสดใสราวเทวดาตัวน้อย

"ว้าว ไม่ตายด้วยแฮะ ข้านึกว่าเจ้าจะร้องไห้ฟูมฟายแล้วกระโดดลงมาตายแล้วซะอีก"

"..."

ครับ มันน่าจะถูกจับฉลากมาเป็นพระเอกจริงๆ

และเมื่อลองย้อนกลับไปคิดดีๆ ก่อนการย้อนเวลาครั้งแรกไอ้หมอนี่ก็จ้องจะฆ่าเขาเหมือนกันแถมในการย้อนเวลา ครั้งก่อนนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พอทำตัวเหมือนจะสนใจเสร็จก็คว้าหมับบีบคอกันเสียดื้อๆ จนเอาถึงตาย

เมื่อรวมสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกัน เคียร์ก็สามารถตระหนักได้ทันทีถึงความจริงบางอย่าง

เอครินาส ไอ้โรคจิตนี่เป็นตัวอันตรายที่ไม่ควรเข้าใกล้

แต่น่าเสียดายที่เคียร์ไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อ 'ตัวประกอบ' ยังคงมีชะตากรรมที่ต้องหมุนรอบ 'ตัวเอก' ราวกับจุดศูนย์กลางของโลกทั้งใบ เคียร์ที่ต้องทำหน้าที่ปกป้องโลกและดูแลอีกฝ่ายไว้ตามภารกิจจึงจำใจต้องอยู่กับมัน โชคดีหน่อยที่ครั้งนี้มันไม่ได้หนีผมไปทันทีเหมือนกับครั้งก่อนแต่เลือกหาโคนต้นไม้เหมาะ ๆ นั่งกันคนละมุม คนหนึ่งนั่งมองพวกเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกัน ส่วนอีกคนก็นั่งอ้าดตั้งท่าอ่านหนังสือราวกับพระเอกถ่าย MV

ด้วยความสงสัย เคียร์จึงแอบเหล่แอบมองอีกฝ่ายอย่างอยากรู้อยากเห็นว่าไอ้โรคจิตนี่อ่านอะไรกันแน่ถึงได้มีตรรกะแปลกๆ คิดไม่ถึงว่าพระเอกที่สามารถเรียนรู้ทุกอย่างได้ด้วยตัวเองมาตั้งแต่เกิดอย่างหมอนี่จะเปิดใจอ่านหนังสือค้นคว้าหาความรู้กับเขาเป็นด้วย

'ทั้งที่ในนิยายบอกว่าไม่มีใครเคยสอนเขาได้เพราะมีระดับความรู้ที่มากกว่าอาจารย์แท้ๆ'

หรือว่าผมจะลองหันไปเขียนหนังสือขายแล้วเอามาหลอกให้หมอนี่อ่านดีนะ เผื่อความคิดความอ่านมันจะดูเป็นผู้เป็นคนกับเขาบ้าง?

พอบรรยากาศเริ่มเงียบสงบเคียร์ก็เริ่มเหม่อลอยฟุ้งซ่านคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หลังจากย้อนเวลากลับมาครั้งนี้การติดต่อจากคุณฌอนก็มักขาดๆ หายๆ อยู่บ่อยๆ ทำให้ตอนนี้แม้แต่การหาเพื่อนคุยแก้เหงาก็เป็นสิ่งที่ยาก ผมจึงเลือกผลักความคิดทุกอย่างทิ้ง วางศีรษะลงบนฝ่ามือที่ตั้งอยู่บนหัวเข่า เฝ้ามองที่ยังคงงดงามแม้กระทั่งใบหู ดูน่าอิจฉาสมกับเป็นตัวเอกที่พระเจ้ารัก

"ข้ารู้ว่าข้าหล่อ แต่ถึงมองไปเจ้าก็หล่อได้ไม่เท่าข้าหรอก"

ดู ดูมันมั่นหน้าเข้า

"ผมชักเริ่มสงสัยแล้วว่าหน้าตาเมียเจ้าจะเป็นยังไง"

ถ้าจำไม่ผิดเหมือนเรื่องนี้จะมีนางเอกด้วย แต่เนื้อเรื่องที่คุณฌอนเล่าให้ฟังยังมีไม่ถึงไหนทำเอาผมล่ะอย่างรู้จริง ๆ ว่าต้องเป็นยังไงถึงได้รับมือไอ้โรคจิตนี่ไหว

ดวงตาสีแดงประหลาดของมันหันกลับมาด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง

"แน่นอนว่านางจะต้องเป็นคนที่สวยมาก มีอำนาจล้นหลาม ความแข็งแกร่งทางการทหารก็ไม่เป็นสองรองใคร แน่นอนว่ายังอ่อนแอกว่าข้าอยู่มากเช่นกัน"

ฟังแล้วคุ้นๆ คล้ายคำเปรียบเปรยที่คุณฌอนเคยพูดถึงอย่างไรชอบกลจนคนฟังถึงกับต้องขดคิ้ว

"เจ้าเป็นพวกคลั่งไคล้คนแข็งแกร่งงั้นรึ? เช่นนั้นทำไมถึงไม่ไปสู่ขอเฮมล็อกจากนาฮาลที่กำลังบุกตีแดนเหนืออยู่ล่ะ เผื่อจะได้จับมือช่วยกันพิชิตดินแดน?"

ผมว่าประชดมัน แต่ทางนั้นกลับหัวเราะชอบใจ

"เป็นความคิดที่ไม่เลยนี่ หรือว่าข้าจะสั่งให้คนเปิดประตูเมืองต้อนรับให้พวกมันเข้ามาดีนะ? ตอนนี้ทางเมืองเปรูซที่เป็นเส้นทางการค้าก็กำลังจะถูกตีแตกอยู่พอดี ถึงจะมีคนตายมากสักหน่อยเพราะพวกนาฮาลไม่เคยไว้ชีวิตชาวเมืองที่เคยย่างผ่านแต่หากคิดคำนวณแล้วก็คงคุ้มค่าไม่ต้องห่วงเรื่องเสบียงกับเครื่องนุ่งห่มในปีนี้"

"เอ่อ..."

"เยี่ยมมากเคียร์ ไอซ์ แม้แต่ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่าจะใช้วิธีนี้ได้เหมือนกัน ถือโอกาสนี้ใช้ดวงกับธรรมชาติช่วยคัดสรร ใครถูกนาฮาลฆ่าก็นับว่าหมดทุกข์หมดโศกได้กลับคืนสู่อ้อมกอดของพระเจ้า ส่วนพวกแก่ ๆ ที่ไร้ประโยชน์นอนเกียจคร้านอยู่ในเรือนก็จะได้หนาวตายไม่เป็นภาระ หากไม่มีตัวถ่วงความเจริญคนหนุ่มคนสาวจะได้ออกมาทำงานหาเงินพัฒนาบ้านเมืองอีก ไม่ต้องเสียเงินมาก เปลืองศักดิ์ศรีนิดหน่อยแต่ก็ไม่ต้องมือเปื้อนเลือดด้วยตัวเอง"

เคียร์เฝ้ามองเอครินาสที่ยังคงว่ากล่าวต่อไปด้วยรอยยิ้มสดใสด้วยความรู้สึกหลากหลาย

ราวกับกำลังมองเด็กคนหนึ่งที่สามารถเด็ดปีกของแมลงด้วยความยินดีทิ่มแทงเข็มลงไปในตัวของผีเสื้อ ผูกร้อยสายริบบิ้นของมันเป็นทางยาว บังคับให้โผล่บินออกไปด้านหน้า แล้วคว้าปลายสายของมันด้วยรอยยิ้ม

"..."

มันเป็นแค่ความไร้เดียงสา

ความไร้เดียงสาของเด็กเลวคนหนึ่งที่ยังคงทำมันด้วยความอยากรู้และไม่มีใครห้ามปราม สนุกสนานกับความตายคนอื่นแล้วเริ่มค้นหาเหยื่อรายใหม่

"...เจ้าเองก็คิดแบบเดียวกันใช่ไหม?"

เคียร์แทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเอครินาสพูดอะไรออกมาบ้างหลังจากนั้น แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายที่ยังคงไร้เดียงสา เหงื่อกาฬเย็น ๆ ก็ไหลผุดขึ้นมาตามกรอบหน้า ความรู้สึกอึดอัดแทบขาดใจปรากฏขึ้นอยู่ในปอดและกล้ามเนื้อราวกับช่วงเวลาที่ถูกอีกฝ่ายบีบคอจนตาย

เขาเผยอปากออก ค้นหาเสียงของตัวเองอยู่นานแล้วเอ่ย...

"ข้า...ไม่คิดแบบนั้นนะ"

"หืม?"

เอครินาสทำหน้าประหลาดใจคล้ายไม่คาดคิดว่าคำตอบของคนตัวเล็กจะเป็นแบบนั้นแต่นั่นก็เป็นเพียงเสี้ยววิก่อนอีกฝ่ายจะเอียงคอแย้มยิ้มให้กับเขา

มันเป็นรอยยิ้มที่ต่างออกไป ชวนสงสัยแต่ก็นุ่มนวลอย่างน่าประหาร

"งั้นเจ้าคิดยังไงล่ะเคียร์ ไอซ์?"

"เอ่อ..."

พอได้ถูกสวนกลับด้วยคำถามเคียร์ ไอซ์ก็ยิ่งสับสนพยายามรื้อฟื้นข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มนาฮาลขึ้นมาเพื่ออธิบาย

"ข้า ข้าคิดว่าพวกนาฮาลป่าเถื่อนเกินไป รุกรานไปเมืองไหนก็มีแค่ความวอดวาย หากศิโรราบให้พวกมันก็คงไม่ต่างจากข้าทาสที่ต้องคอยส่งมอบทรัพยากรให้ ขนาดเมืองขึ้นหน้าด้านทางตะวันตกที่เคยยอมสวามิภักดิ์ท่านเจ้าเมืองยังถูกตัดหัวแขวนไว้หน้าเมืองแล้วมีหรือที่ลูกชายราชาอย่างเจ้าจะไม่ถูกลูกหลงไปกับเขาด้วย"

ผมพยายามหาข้ออ้างที่ดูสมเหตุสมผลไปเรื่อยแต่ไม่รู้อะไรทุบใส่หัวสุดท้ายเลยมาจบที่ความปลอดภัยของอีกฝ่าย

เอครินาสกะพริบตาปริบ

"เจ้าเป็นห่วงข้า?"

"แน่นอนสิ หากเจ้าตายขึ้นมาข้าที่ไม่มีเพื่อนอยู่แล้วจะทำอย่างไร"

ผมอ้างมัว ๆ เหงื่อก็เริ่มแตกเพราะถูกอีกฝ่ายจ้องเสียนาน

"แต่หากไม่ยอมเปิดประตูให้พวกนาฮาลยึดครองนั่นก็ไม่ได้แปลว่าข้าต้องไปทำศึกสงครามหรอกเหรอ? ลมหนาวปีนี้ดูถ้าจะหนาวไวกว่าปีก่อนๆ หลังจากนี้เองอุณหภูมิทั่วดินแดนก็จะยิ่งลดต่ำ หากไม่ทำศึกยึดเมืองเปรูซคืนจากพวกนาฮาลชาวเฟรินและแดนเหนือเองก็คงรับมือความหนาวไม่ไหว"

ดวงตาสีเขียวของเคียร์เคลื่อนไหวล้อแสงอาทิตย์

'นั่น...'

นั่นเป็นสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นใน 'เสียงเพรียกแห่งบรรพตธาตุ' และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เอครินาสจะถูกบีบให้ออกไปทำศึกสงครามในอีกสองปีข้างหน้าไม่ใช่หรืออย่างไร? ถึงเคียร์จะพอรู้ว่าเอครินาสมีความสามารถพิศวงที่ไม่ต่างจากปีศาจ แต่เขาสามารถทำนายอนาคตราวกับรู้เนื้อเรื่องได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ?

ยิ่งคิดเกี่ยวกับตัวตนตรงหน้า เคียร์ก็ยิ่งรู้สึกราวกับอยู่เบื้องหน้า 'พระเจ้า' ในร่างมนุษย์อย่างไรอย่างนั้น

เขาสามารถทำได้ทุกสิ่งด้วยใจบริสุทธิ์ และไม่มีกฎเกณฑ์ใดที่ควบคุมเขาได้

มากเกินไปที่ตัวประกอบธรรมดาอย่างเขาจะสามารถเข้าใจ

"เจ้าจะไปกับข้าใช่ไหมเคียร์ ไอซ์?"

"ข้า?"

ผมรู้สึกงุนงงกับอีกฝ่าย

รอยยิ้มของเอครินาสที่โคตรไม่น่าไว้วางใจทำผมเสียวขึ้นมากระดูกสันหลัง

ไอ้โรคจิตนี่ต้องแอบวางแผนอะไรไว้แน่ๆ

บางทีอาจจะเป็นการหลอกไปฆ่าหมกป่า หรือไม่ก็แอบฆ่าทิ้งแล้วโบ้ยให้เป็นมือสังหารของฝั่งศัตรูแหงๆ ยิ่งคิดจิตใจของเคียร์ก็ยิ่งสั่นผวาพลางเหงื่อตก เขาแทบไม่มีความคิดเกี่ยวกับอีกฝ่ายในทิศทางที่ดีเลยแม้แต่น้อย

"แน่นอน ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหนข้าก็จะไปกับเจ้าเสมอ"

นี่ก็เพื่อทอง 30 ล้านของเขา

และการได้กลายเป็น 'มนุษย์' ที่สามารถมีชีวิตเป็นของตนได้โดยไม่ต้องมี 'ตัวเอก'