วิถีชะนีโสดแต่เกิด เจอคนถูกใจแต่เขาดันโดนปฏิเสธมาถึงสองครั้ง คราวนี้เจอกันอีก อย่าคิดเลยว่าจะรอดมือ จะสามสิบแล้ว ลาออกจากงานเถอะค่ะ เดี๋ยวเจ๊แพงเลี้ยงเอง! #อาโรว์ของคุณแพง
รัก,ผู้ใหญ่,ไทย,แอคชั่น,ตลก,ปกป้องเธอ,ยุทธการอ่อย,จีบผู้ชายก่อน,หมาตัวใหญ่,พบกันอีกครั้ง,แอบรัก,คลั่งรัก,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
[มี E-Book] My Little Boy เพียงแรกพบ (อาโรว์ x พะแพง) #อาโรว์ของคุณวิถีชะนีโสดแต่เกิด เจอคนถูกใจแต่เขาดันโดนปฏิเสธมาถึงสองครั้ง คราวนี้เจอกันอีก อย่าคิดเลยว่าจะรอดมือ จะสามสิบแล้ว ลาออกจากงานเถอะค่ะ เดี๋ยวเจ๊แพงเลี้ยงเอง! #อาโรว์ของคุณแพง
เรื่องย่อ
หญิงโสดแต่เกิด ดันไปต้องตาเสี่ยหัวงูเข้าให้ กลายเป็น ‘แพรววนิด’ หรือ ‘พะแพง’ ต้องไปดูตัวแทบจะทุกวัน แต่ใครจะคิดละว่า คนที่เจ้าหล่อนไปดูตัว จะกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง แถมยังมีจิตวิปริตเกินคน แค่คิด ตับห่านราคาแพงแทบพุ่ง! แต่โชคร้าย ยังมีโชคดี (หรือเปล่า?) ชายที่หักอก จนทำให้รักใครไม่ได้นอกจากเขาอย่าง ‘อาโรว์’ กระโดดเข้ามาช่วยเหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาว แต่ถึงอย่างนั้น การเจอกันอีกครั้งในรอบปี ชายคนนี้ ยังทำให้เธอร้องไห้เหมือนเดิม
เพราะเรื่องที่มากวนใจรอบตัว พี่สาวฝาแฝดเป็นห่วงน้องสาวจนแทบนอนไม่หลับ เลยส่งบอดี้การ์ดไปอยู่ที่ ‘สวนเพื่อนแพง’ ไปดูแลใกล้ ๆ และการเจอกันอีกครั้งคราวนี้ จะทำให้ทั้งคู่ ได้สานสัมพันธ์ที่อยู่ในความรู้สึกของตัวเองต่อ แพรววนิดจะไม่ยอมปล่อยชายที่ตัวเองหมายปองไปอีกครั้งแน่นอน จะจีบจนกว่าจะยอมใจอ่อน แม้ว่าการยืนอยู่เคียงข้างชายที่ชื่อว่า อาโรว์ สมาชิกระดับสูงของ ‘ยามหลังบ้าน’ จะทำให้เธอต้องเจอกับเรื่องที่ทำให้เกือบเอาตัวไม่รอดก็ตาม
‘มาเป็นของฉันเถอะนะคะ คุณอาโรว์ ฉันจะเลี้ยงคุณเองค่ะ’
สปอย...
“เดี๋ยวครับคุณแพง!” อาโรว์เอื้อมไปคว้าข้อมือสาวเอาไว้ ไม่รู้ว่าเธอไม่มีแรงหรือว่าตั้งใจกันแน่ ถึงเอนตัวเข้ามาซบอกกว้าง‘ทั้งตัว’ ขนาดนี้
“คะ?” เจ้าหล่อนช้อนสายตาขึ้นหาคนทำหน้าเลิ่กลั่ก เอียงคอมองด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย บอกเลยว่าตั้งใจ แถมยังเอาเจ้าหน้าอกนุ่มค่อย ๆ เบียดอกกว้างเสียด้วย “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
‘จะทนไม่ไหวอยู่แล้ว!!!’
“มะ... มันแบบ แบบว่า ดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ครับ” เขาไม่กล้ามองลงมา เพราะรู้ดีว่าแพรววนิด กำลังยั่วยวนตัวเองมากแค่ไหน
“เราเป็นแฟนกันแล้วนะคะ ไม่มีอะไรไม่เหมาะสมเสียหน่อย” เจ้าหล่อนบุ้ยหน้าเล็กน้อย ก่อนจะผละตัวออก “หรือว่าคุณอาโรว์ไม่อยาก”
ตรงเกินไปแล้ว!!!
ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา พยายามปรับอารมณ์ที่ลุกฮือของตัวเองให้สงบ และอธิบายให้เจ้าหล่อนฟัง “แบบนี้นะครับคุณแพง เราเพิ่งคบกันเองไม่ใช่หรือครับ คบกันอีกสักหน่อย...” เสียงอ้อมแอ้มด้วยความเขินอาย “...เราค่อย มีอะไรกัน”
“ไม่เป็นอะไรเลย หัวโบราณจังเลยนะคะ ฉันพร้อมขนาดนี้แล้วนะคะคุณอาโรว์” เจ้าหล่อนสลัดผ้าคลุ่มไหล่ตกพื้น กลายเป็นว่าผิวขาวเนียนยิ่งปรากฏต่อสายตาของอาโรว์มากขึ้นไปอีก “หรือฉัน... ไม่มีเสน่ห์กันแน่”
“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่แบบนั้น คุณแพงของผม... สวยมากเลยครับ”
‘ถ้างานของคุณมันเสี่ยงขนาดนั้น ลาออกเถอะค่ะ เดี๋ยวฉัน ‘เลี้ยงเอง’ สัญญาว่าจะตามใจคุณทุกอย่าง มา ‘เป็นของฉัน’ เถอะนะคะ’
แพรววนิด
ดวงตากลมโตกำลังจับจ้องมาทางนี้ สายตาของเธอกำลังดึงดูดสติทั้งกายให้เคลื่อนไปหาอย่างช้า ๆ นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีนิลคู่สวย ไม่ว่าจะมองกี่ครั้ง ดวงใจที่ไม่เคยสั่นไหวให้ใคร มันกลับเต้นรัว พร้อมลมหายใจที่เข้าออกไม่เป็นจังหวะ
ริมฝีปากแดงระเรื่อ ทั้งดูนิ่ม และน่าสัมผัส หากได้ลงจูบสักครั้งจะทำให้คนอย่างเขาสิ้นสติหรือเปล่า? หากได้โอบกอดเธออีกครั้ง จะยิ่งทำให้ ‘อาโรว์’ คนนี้โหยหาเธอมากกว่าเดิมหรือไม่?
ไม่อยากให้เธอมารัก
แต่ไม่อยากให้เธอเป็นของใคร
อยากรักเธอใจแทบขาด แต่กลับทำได้แค่มอง
‘อย่ารักผมเลยนะครับ’
เป็นคำพูดตัดความสัมพันธ์ของทั้งเขาและเธอ แต่ในห้วงนิทรา กลับมีแต่ภาพของเธอลอยวนเข้ามาทุกค่ำคืน ใจสั่นไหวเหมือนใบไม้กำลังจะถูกสลัดออกจากกิ่ง
‘คุณแพง ผมฝันถึงคุณอีกแล้ว’
ครืดดดดดด~
แป้นสีดำทรงกลมกำลังสั่นในเวลาเกือบจะตีสามเข้าไปแล้ว เจ้าของห้องตื่นจากฝันอันแสนหวานด้วยความเสียหาย และหันไปทำหน้ามุ่ยในเครื่องเรียกคิวบนหัวเตียง คนโดนปลุกจากฝันอยากจะปาเจ้าแป้นทรงกลมนี้เข้าข้างฝาอีกสักอัน หากไม่กลัวว่าจะมีคำบ่นของหัวหน้าตามมาภายหลัง
“เมื่อไหร่จะเลิกใช้ไอ้เครื่องนี้สักที... วะครับ” ร่างกำยำรีบสลัดผ้าห่มออกจากร่างกาย ก่อนจะคว้าเจ้าเครื่องซึ่งยังสั่นไม่หยุดติดมือไปด้วย “ที่ศูนย์ไม่มีอะไรจะใช้แล้วเหรอ?”
เสื้อแขนยาวสีเทาถูกหยิบขึ้นมาสวมทับเสื้อไซซ์กล้ามพอดีตัวเอาไว้ ก่อนจะรีบสาวเท้าออกจากห้อง ถึงเจ้าเครื่องนี้จะเห็นได้ตามร้านอาหาร หรือคาเฟ่ทั่วไป แต่ที่นี่พวกเขาโคตรจะไม่ชอบมันเลย เวลาที่เห็นมันสั่นแบบนี้!!
“อ่า~” ห้องข้าง ๆ โดนปลุกเหมือนกัน ดูจากดวงตาและสภาพแล้ว เหมือนละเมอตื่นขึ้นมามากกว่า ขนาดดวงตายังเปิดไม่สุดเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะยกเจ้าเครื่องทรงกลมสีดำขึ้น ประหนึ่งว่าทั้งคู่กำลังเผชิญกับชะตากรรมไม่ต่างกัน “อาโรว์~”
“ลูกพี่ขุนใช้งานเราหนักเกินไปแล้วนะครับ” เขายังเสียดายฝันแสนหวานไม่เลิก ก่อนจะยัดเจ้าเครื่องเจ้าปัญหาลงกระเป๋าเสื้อ มันยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไปจนกว่าจะถึงเครื่องหลัก
“เออ... ฉันเพิ่งได้นอนเองอาโรว์ มันต้องเรื่องด่วนแค่ไหนถึงเรียกนอกเวลาแบบนี้เนี่ย” คนโดนปลุกอีกคนหาวกว้างจนน้ำตาไหล เพราะนั่งดูเทปสอบปากคำทั้งคืน เพิ่งได้นอนไปแค่สองชั่วโมงเท่านั้น
“รีบไปรีบกลับเถอะครับ แซน” คนตัวใหญ่กว่าเล็กน้อยเดินนำหน้าคู่หูของตัวเองไป อยากรู้เสียจริงว่าเรื่องที่เรียกรวมพล... มันสำคัญขนาดไหนกันแน่
ประตูหนาถูกเปิดออก ห้องประชุมกว้างที่มีแค่โต๊ะตัวใหญ่สี่ตัว และเก้าอี้สภาพตามมีตามเกิด เป็นห้องที่น่าสงสาร เวลาที่มีความเห็นไม่ลงรอยกัน ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ จะสามารถลอยติดมือของทั้งสองฝ่ายได้อย่างมหัศจรรย์ แถมยังฝากรอยขีดข่วนเอาไว้ที่ผนังห้องหลายจุด สภาพของที่นี่ยิ่งกว่าห้องซ้อมหรือฝึกร่างกายของศูนย์แห่งนี้เสียอีก
“มาแล้วเหรอ?” หัวหน้าผู้ไม่รู้เวลา ดูสนุกกับการหมุนเก้าอี้เล่น แถมยัง เปิดโปรเจคเตอร์เตรียมพร้อมเอาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย
คู่หูเดินคอตกเข้ามาในห้อง ตอนนี้นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีสมาชิกในศูนย์มานั่งรออีกสามคน แถมสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นไม่ต่างกัน จะมีคนที่หน้าตาสดใสที่สุดก็คือ...
“หัวหน้ายังไม่นอนอีกหรือครับ แบบนี้ผมแจ้งกรมแรงงานได้นะ ใช้งานหนักเกินไปแล้ว” แดนนี่เอาหัวทิ่มลงโต๊ะทันทีที่มาถึงห้อง และเหมือนว่าสามารถหลับได้ทันทีเช่นกัน
“ลูกพี่~”
เสียงโหยหวนจากคนโดนปลุกอีกคนเดินมาพร้อมผ้าห่มผืนโปรดลายเป็ดสีเหลือง ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เอาหลังพิงกำแพงกว้าง และเข้าสู้ห้วงนิทราอีกครั้ง
“ริกกี้สิ้นชีพแล้วครับ” แซนหันไปมองด้วยความอิจฉา อยากนอนแบบนั้นบ้าง
“เอาล่ะ ๆ ถึงตาจะปิด แต่หูต้องเปิดเอาไว้นะ” ขุนพลหยัดตัวขึ้น พร้อมเปิดคลิปวิดีโอที่เตรียมเอาไว้ มันเป็นภาพเหตุการณ์ที่สามารถทำให้คนง่วงตื่นอย่างเต็มตาได้!
“อั้ก!!! ชะ... ช่วยด้วย!!”
ฉึก ๆ ๆ ๆ ๆ!!!
เสียงกระหน่ำแทงไม่ยั้งของชายปริศนา กับผู้ตาย ไม่ว่าจะดูอย่างไรมันก็น่าสยดสยอง... สำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับพวกเขา ซึ่งทำงานอยู่ในหน่วย ‘ป้องกัน’ และ ‘รักษา’ ความปลอดภัยระดับสูง หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ‘ยามหลังบ้าน’ การจะได้เห็นใครสักคนโดนฆ่าต่อหน้าต่อตา มันเป็นเรื่องที่ชินตา... แต่ไม่เคยชินใจ
“สต็อป!! ลูกพี่ขุน พวกเราไม่ได้อยู่หน่วยอาชญากรรม หรือพวกตามหาตัวฆาตกรนะครับ เรียกพวกผมกลางดึกมาดูคลิปคนถูกฆ่าทำไม?” แซนรีบโต้ขึ้นมา เพราะดูเหมือนว่าวิดีโอของหัวหน้าตน มันไม่ค่อยตรงกับงานของพวกเขาสักเท่าไหร่
“เอาน่า~ ดูให้จบก่อน”
ชายในชุดดำ แม้ว่าจะถูกปกปิดทั้งร่างหาย และใบหน้า แต่สิ่งที่ทำให้ทุกสายตาจ้องมอง ดันเป็นหลังคอของเขา รอยสักของกลุ่มคนที่ติดตามมาหลายปี ทำไมจึงโผล่มาในที่แบบนี้กัน?
“พระจันทร์ครึ่งดวง? หรือครึ่งวงกลมกันแน่?” ริกกี้ตื่นเต็มตา พร้อมลุกขึ้นมานั่งข้างคู่หูอย่างอาโรว์และแซน ก่อนจะเท้าคางมองวิดีโอที่ถูกหยุดนิ่งเอาไว้
“คิดว่ายังไง จะมีใครสักรูปครึ่งวงกลมหรือเปล่า?” ขุนพลถามขึ้น พร้อมกอดอกมองสีหน้าลูกน้อง “มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีคนสักรูปนี้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับพวกอาซา แต่นี่เป็นเบาะแสของเราที่พอจะหาได้ ไม่ลองเสี่ยงดูหน่อยหรือ?”
“หมายความว่าอย่างไรครับ?” อาโรว์ที่เงียบอยู่นานถามขึ้น เขาล่ะไม่ชอบเลยจริง ๆ ไอ้นิสัยพูดอะไรไม่ชัดเจน และเว้นให้ลูกน้องคิดตามของขุนพลเนี่ย
“ผู้ตายเป็นทนายความ แถมตอนนี้ยังหาศพไม่เจอด้วย ไม่รู้ว่าฆาตกรเอาศพไปซ่อนที่ไหน แต่ไม่รู้ทำไม ทนายคนนั้นที่น่าจะตายไปแล้วเกือบหนึ่งอาทิตย์ ถึงยังใช้ชีวิตตามปกติ ทั้งบัตรเครดิต และสื่อโซเชียลต่าง ๆ แต่ที่ทำให้ผิดสังเกตคือเขาไม่ไปทำงาน แต่มักไปพบปะกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้าเท่านั้น” ขุนพลอธิบายเสียยืด แต่ดูเหมือนว่าที่อธิบายไป มันจะทำให้จุดติดความสงสัยขึ้นมาในสมองของลูกน้องตัวเองบ้าง
“หมายความว่าฆาตกร มีจุดประสงค์ที่จะเข้ายึดตัวตนของทนายคนนั้นหรือครับ?” แดนนี่ถามขึ้น
“ไม่หรอก คนเราจะยึดตัวตนของคนอื่นง่าย ๆ ได้ยังไง แต่ที่ฉันคิดคือ... หมอนั่นอาจจะมีเป้าหมายบางอย่าง... เราต้องตามหาเป้าหมายนั้น” เข้าเอื้อมไปปิดโปรเจคเตอร์ และเดินไปเปิดไฟในห้องให้สว่างขึ้น ก่อนทั้งข้อมูล และคลิปวิดีโอจะส่งเข้าไปยังโทรศัพท์มือถือของสมาชิกซึ่งมาประชุมครั้งนี้
“ส่งมาแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบ ไม่รู้จะเรียกมาทำไม” แซนหันไปนินทาหัวหน้าดัง ๆ กับอาโรว์ซึ่งนั่งอยู่ข้างตน
“นั่นสิ และไอ้แป้นเรียกคิวนี่อีก โลเทคชะมัด!” ริกกี้เข้าผสมโรงด้วย
“ลูกพี่ขุนได้ยินนะครับ มองตาเขียงมาทางนี้แล้ว” อาโรว์พยักหน้าไปหาหัวหน้าตัวเอง ซึ่งมองมาทางคนนินทาตัวเองอยู่
“เขาเรียกว่าตาเขียว ตาเขียงอะไรของแกวะอาโรว์ อยู่ไทยมาตั้งนานแล้ว คำง่าย ๆ เลยนะ” ริกกี้รีบแก้ความเข้าใจผิดของเพื่อนร่วมอาชีพทันที ไม่ว่าจะผ่านไปแค่ไหน ไอ้เรื่องพูดผิดความหมายจนทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไปด้วย ทั้งแซนและอาโรว์... พอ ๆ กัน แล้วยังชอบอยู่ด้วยกันอีก!!
“เฮ้ย! นี่ฉันยืนอยู่ต่อหน้าพวกแกเลยนะ จะนินทาก็ลับหลังหน่อย!” ขุนพลหัวจะปวดกับคนพวกนี้ ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวที่เก้าอี้ตัวเดิม “แซน อาโรว์ แดนนี่ และก็...”
“ผมไม่ไปนะ ผมไม่ทำ ผมมีงานที่ต้องทำอีกเยอะเลย ขออยู่ที่ศูนย์ครับ” ริกกี้รีบปัดงานทันที
“ฉันก็ไม่ได้บอกให้แกไปสักหน่อย รู้หรอกว่าขี้เกียจออกไปข้างนอก” หัวหน้าที่ไม่ค่อยถูกเคารพจากลูกน้องเท่าไหร่ กำลังขึงตาใส่เจ้าพ่อไอทีประจำศูนย์อย่างริกกี้หนึ่งที “แซน อาโรว์ แดนนี่ และฉัน จะไปที่ที่หมอนั่นนัดเอาไว้ในอีกสองวัน”
“รู้แล้วหรือครับว่ามันจะไปที่ไหนต่อ” อาโรว์ถามขึ้น
“ใช่ จะบอกว่ารู้เป็นอย่างแรกเลยก็ได้ เพราะในสำนักงานทนายของผู้ตายเขียนนัดหมายของเขาเอาไว้ตัวใหญ่ที่สุด... มันเป็นนัดหมายดูตัวน่ะ”
เหล่าหนุ่มโสดหน้าหงิกไม่แพ้หัวหน้าของตน ขุนพลถอนหายใจออกมาเสียงดัง ก่อนจะจ้องไปที่ใบหน้าของอาโรว์อีกครั้ง “มันเป็นที่ที่พวกแกเคยไปมาก่อนนะ... แซน อาโรว์”
“ครับ?”
“จังหวัดเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยสวนผลไม้ และรีสอร์ตบรรยากาศดี” ขุนพลรู้ทุกอย่าง ทั้งความคิดและความรู้สึกของลูกน้อง กำลังกระดกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นใบหน้าเรียบนิ่งของอาโรว์ดูเปลี่ยนไป “อาจจะได้เจอกันก็ได้นะอาโรว์”
ร่างกำยำแถมสูงใหญ่ของชายหนุ่ม มันสั่นและชาไปทั้งร่าง ‘อาจจะได้เจอกันอีกอย่างนั้นเหรอ?’ ทั้งอยากเจอและไม่อยากเจอ ไม่รู้ว่าการได้เจอกันอีกครั้ง... มันจะทำให้ตัวเองสามารถเก็บความรู้สึกที่มีได้หรือเปล่า?
‘คุณแพง’
“เอาน่า! ถือว่าช่วยตำรวจจับฆาตกรก็แล้วกัน แต่ถ้ามันเป็นคนของอาซาจริง ๆ ถือว่าเป็นกำไร”
“...” ไม่มีใครตอบ เอาแต่จ้องหน้าชายผู้ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าพวกเขา
“โอเค ฉันไม่กวนเวลานอนของพวกนายแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ” ขุนพลยิ้มให้ลูกน้อง แน่นอนว่าไม่มีรอยยิ้มตอบกลับ มีแต่สายตาหลายคู่กำลังหรี่มองมาทางตนอย่างมาดหมาย! “อะไร? ไม่ง่วงกันเหรอ?”
“ตื่นแล้วครับ เต็มตาเลย!” แซนโวยวายเป็นคนแรก
“ใครมันจะไปอยากนอนหลังเห็นภาพสยองแบบนั้นละครับ!” แดนนี่เอาด้วย
“นั่นสิ ถ้าเรื่องมันจะมีแค่นี้ แถมระบุตัวคนทำภารกิจเอาไว้แล้ว ไม่ควรจะเรียกทุกคนมาตั้งแต่แรกสิครับ!” ริกกี้ผู้หงุดหงิด กัดฟันแน่น
“แหม~ ก็มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นไง” ขุนพลยังยิ้มให้ลูกน้องตนอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีเสียงตะโกนต่อว่าตัวเองตามมาจากหลายที่
“ผมกลับห้องก่อนนะครับ” แต่อาโรว์กลับนิ่ง และลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปเงียบ ๆ
“เฮ้อ~ ถ้าไม่เจอ ฉันจะพาไปเจอให้มันจบ ๆ รำคาญชะมัดเลยวุ้ย!” ขุนพลส่ายหัวกับความดื้อของลูกน้อง เพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กหรือเปล่า ถึงได้ห่วงเขาขนาดนี้
แต่ว่า...
“ฉันไปด้วยดีกว่า” ดูจากความหงุดหงิดเพราะโดนปลุกกลางดึกของลูกน้องแล้ว ถ้าไม่รีบหนีคงมีอะไรลอยมาทางตนสักชิ้นสองชิ้นแน่
“ลูกพี่ขุน!!!!”