โบราณว่ากันว่า น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน...

ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1) - Chapter 5 เพราะความหิวจึงเกิดปัญหา โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,ไทย,วัยว้าวุ่น,โรแมนติก,รักวัยรุ่น,ศิลาของอาโป,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ตลก,ชาย-ชาย,ไทย,วัยว้าวุ่น

แท็คที่เกี่ยวข้อง

โรแมนติก,รักวัยรุ่น,ศิลาของอาโป

รายละเอียด

ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1) โดย Run_Kantheephop @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

โบราณว่ากันว่า น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน...

ผู้แต่ง

Run_Kantheephop

เรื่องย่อ

สารบัญ

ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Action! บทนำ,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 1 เจอกันวันแคสติ้ง,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 2 นัดเจอกันนอกรอบ,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 3 อิหยังวะ,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 4 เพราะใจมันเต้นแรงกว่าที่เคย,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 5 เพราะความหิวจึงเกิดปัญหา,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 6 โลกเอยจงซับซ้อนยิ่งขึ้น,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 7 ออกกองเดย์,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 8 ขอเคลียร์หน่อย,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 9 เรียกเดทได้ใช่มั้ย,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 10 วันเกิดศิลา,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 11 ปีใหม่แต่หัวใจดวงเดิม,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 12 ของขวัญวันเกิด,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 13 ตอนพิเศษ : สุขสันต์วัน Halloween,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 14 ตอนพิเศษ : ไอ้ศิลาเรียนจบแล้วโว้ยยยย,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 15 ตอนพิเศษ : มีอะไรอยู่ในกอไผ่,ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)-Chapter 16 ตอนพิเศษ : ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง

เนื้อหา

Chapter 5 เพราะความหิวจึงเกิดปัญหา

แสงสว่างของดวงอาทิตย์ยังคงสาดส่องอย่างแรงกล้า แต่ทว่าอุณหภูมิไม่ได้ร้อนเท่าที่เคยเป็นมา แม้สายลมจะหยุดนิ่งแต่บรรยากาศโดยรอบก็ไม่ได้อบอ้าวเกินไปนัก


ผมนั่งรอไอ้เตกับไอ้แยมที่ม้านั่งใต้ตึก เช้านี้เราแยกกันเรียนเพราะเป็นคลาสวิชาเลือกที่พวกเราทั้งสามคนต่างก็แยกย้ายกันไปลงเรียนตามรายวิชาที่ตัวเองสนใจ ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว ผมเลยไลน์ไปบอกพวกมันว่าจะนั่งรอที่ใต้ตึกคณะ


ไม่นานไอ้แยมกับไอ้เตก็เดินมานั่งลงข้างผม ไอ้แยมเอนตัวพับลงกับโต๊ะ ผมก็ได้แต่หัวเราะเอ็นดูในท่าทีของเพื่อน สงสัยวิชาที่เรียนจะหนักหน่วงเอาการ ถึงทำให้ไอ้แยมที่ปกติพลังเหลือล้นกลายเป็นแบบนี้ซะได้


“ตายหรอเช้านี้” ผมแกล้งถาม


“เออดิ ยากชิบหาย ไม่น่าเลือกตัวนี้เลยโว้ยยย” ไอ้แยมงอแงเสียงดัง ผมกับไอ้เตหัวเราะร่าไม่หยุด ก็เตือนตั้งแต่แรกแล้วว่าวิชานี้มันยาก รุ่นพี่เขาก็บอกกันให้แซ่ด แต่มันก็ดันบอกว่าอยากลอง เพราะว่าอยากเอาชนะอาถรรพ์ที่ใครๆ เขาร่ำลือกันให้ได้ พวกผมก็เลยตามใจ เพราะไอ้แยมก็อยากเลือกเอง จะมาบ่นเอาตอนนี้ก็คงจะช่วยไม่ได้


“สมน้ำหน้า” ผมเอ่ยเยาะเย้ยพลางหัวเราะเบาๆ


“เออมึง บ่ายว่างแล้ว ไปดูหนังกันป้ะ” ไอ้เตเอ่ยถามแทรกขึ้นมาระหว่างที่ไอ้แยมกำลังงอแงกับเรื่องเรียนอยู่


“เอาดิ กูเบื่อๆ อยู่พอดีเลย” ผมตอบเพราะว่าบ่ายนี้ก็ยังไม่มีแพลนจะไปไหนเหมือนกัน


“ละมึงอ่ะ เอาไง จะไปกับพวกกูมั้ย” ไอ้เตหันไปถามไอ้แยม


แยมหยุดคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผมกับไอ้เตแล้วถอนหายใจ


“เอาจริงๆ กูไม่ค่อยอยากไปอ่ะ อยากกลับไปนอนมากกว่า”


“อ่อ ได้มึง แล้วแต่ๆ” ไอ้เตตอบ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วลุกขึ้นยืน “ไปมึง เดี๋ยวไปซื้อตั๋วไม่ทัน”


ผมถอนหายใจใส่ไอ้เตอย่างแรงแล้วพูดต่อ “มึงรู้จักสิ่งที่เรียกว่าแอพลิเคชั่นมั้ยห้ะ!?”


“เออว่ะ! กูลืม ฮ่าๆ” ไอ้เตหัวเราะลั่นจากนั้นจึงหยิบเอามือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาแล้วกดเข้าแอพเพื่อจองตั๋วหนังออนไลน์


พอไอ้เตกดจ่ายเงินค่าตั๋วหนังผ่านการตัดบัตรเสร็จ ผมกับมันก็เดินออกจากใต้ตึกเพื่อจะไปขึ้นรถของไอ้เตที่จอดไว้ที่ลานจอดรถ ส่วนไอ้แยมก็ขอตัวแยกกลับบ้านไป


เอาจริงๆ ก็ค่อนข้างนานแล้วนะที่ผมกับไอ้เตไม่ค่อยได้ไปดูหนังหรือไปเที่ยวด้วยกันสองคนแบบนี้ เพราะตั้งแต่ขึ้นปีสี่มาก็ต่างคนต่างยุ่ง จนทำให้ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันเหมือนอย่างแต่ก่อน ยิ่งมีไอ้แยมมาเป็นสมาชิกในกลุ่มเพิ่ม ยิ่งไปกันใหญ่ ตอนปีหนึ่งนะไปไหนไปกันเลยอ่ะ แทบจะย้ายไปนอนบ้านไอ้เตอยู่ละ เพราะว่าบ้านมันใกล้มหาลัย


รถของไอ้เตเริ่มออกตัวเคลื่อนไปข้างหน้าตามทางถนนในมหาลัย มันเปิดเพลย์ลิสเพลงโปรดที่มักจะเปิดทุกครั้่งเวลาขับรถ ส่วนใหญ่ก็เป็นแนวเพลงที่ชาวบ้านเขาไม่ค่อยจะฟังกัน เป็นเพลงที่ไม่ได้อยู่ในกระแสตลาด แรกๆ ผมก็ไม่ค่อยจะรู้จักหรอก แต่ตอนนี้ฟังจนจำเนื้อได้ขึ้นใจทุกเพลงละ


ระหว่างที่ไอ้เตกำลังขับรถจนเกือบจะพ้นประตูรั้วมหาลัย ก็เห็นร่างของคนตัวเล็กกำลังเดินสะพายกระเป๋าจะออกจากมหาลัย


ไอ้น้องมังกร!


ไอ้เตค่อยๆ ลดความเร็วของรถลง แล้วเคลื่อนรถให้ชะลอลง ก่อนจะเข้าไปจอดที่ริมฟุตบาทข้างๆ มังกร ไอ้น้องมังกรหยุดเดินแล้วหันมามอง ไอ้เตกดกระจกลงแล้วเอ่ยทัก


“มังกร!!”


“พี่เต!” มังกรร้องทักทันทีที่เห็นหน้าของไอ้เต


ไอ้มังกร ไอ้เด็กเวรนั่นมันเหล่ตามามองผมแว้บหนึ่งแล้วอมยิ้มมุมปากก่อนจะหันกลับไปมองไอ้เตแล้วยิ้มกว้าง เบิกบานแบบทั้งโลกนี้มีแต่ความสดใส


“ไปดูหนังด้วยกันป้ะ”


ไอ้สัสเต อีกแล้วนะมึง อัธยาศัยดีเยี่ยม!


“เอาดิพี่!” ไอ้มังกรตอบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น แล้วหันมามองหน้าผมนิ่ง นัยน์ตาของมันมีประกายบางอย่างแปลกๆ ที่ผมเองก็ยังเดาไม่ออกว่ามันกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่


มังกรกระโดดขึ้นทางด้านเบาะหลังของรถ ไอ้เตหันมามองพอเห็นว่ามังกรนั่งเรียบร้อยดีแล้วก็หันไปสตาร์ทรถแล้วเริ่มขับออกไป


ระหว่างทางที่รถเคลื่อนตัวไป สองข้างทางที่เต็มไปด้วยอาคารพาณิชย์และตึกสูง ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ กลับยิ่งทำให้ใจของผมมันร้อนรนยิ่งขึ้น รำคาญไอ้คนที่มันนั่งอยู่ข้างหลังจัง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้


ติ๊ง!


ไลน์เด้ง


ผมหยิบมือถือขึ้นมาดู หน้าจอแจ้งเตือนว่าเป็นข้อความของพี่อาโป ความรู้สึกแรกที่ปรากฏชัดขึ้นมาหัวผมคือ พี่อาโปไลน์มาหาผมทำไม


A-PO : ‘กานต์ พี่มีเรื่องรบกวนให้หน่อยอ่ะ’


A-PO : ‘พอดีพี่จะชวนศิลาออกมาดูหนัง แต่มันไม่ยอมมาว่ะ’


A-PO : ‘กานต์ลองชวนให้พี่หน่อยดิ’


KARN : ‘ได้พี่ เดี๋ยวผมลองชวนดู’


KARN : นี่ผมกับไอ้เตก็กำลังจะไปดูหนังเหมือนกัน


KARN : ไปด้วยกันมั้ยพี่ หลายๆ คน สนุกดี


A-PO : จริงป่ะ


A-PO : เอาดิ เดี๋ยวตามไปๆ


KARN : เคครับ


ผมกดออกจากหน้าต่างไลน์ที่คุยกับพี่อาโปแล้วย้ายมายังหน้าต่างแชทของน้องศิลา แล้วก็นั่งนิ่งไปพักใหญ่ จะชวนน้องมันยังไงดีวะ


ผมคิดไม่ตก นั่งพิมพ์ลบ พิมพ์ลบอยู่หลายครั้ง เพราะเอาจริงๆ ผมเองก็ยังไม่ได้สนิทกับน้องศิลาขนาดนั้น จะชวนออกไปดูหนังมันก็จะดูยังไงๆ อยู่ป้ะ


KARN : ศิลา ไปดูหนังกันป้ะ


Sila : วันไหนครับ


KARN : เนี่ย บ่ายนี้เลย


Sila : โห.. พี่


Sila : กะทันหันจังอ่ะ


Sila : มีใครไปมั่งอ่ะพี่


KARN : ก็หลายคนอ่ะ มีพี่ พี่เต มังกร แล้วก็พี่อาโป


Sila : ที่ไหนอ่าครับ


KARN : MBK อ่ะ


KARN : มาเหอะ หลายๆ คน หนุกดี


Sila : แต่มันไกลจากบ้านผมอยู่นาาาา


KARN : ทันนนน มาเหอะ


Sila : เคๆ พี่


KARN : เคคค แจกันๆ


หลังจากผมกดออกจากห้องแชทไลน์ของศิลา ก็รีบไลน์บอกพี่อาโปทันทีว่าน้องศิลาตอบตกลงว่าจะไปดูหนังด้วย ให้ไปเจอกันที่ MBK เลย เพราะพวกผมกำลังจะไปดูหนังที่นั่นเหมือนกัน


ไอ้เตขับรถไปบนถนนที่แน่นขนัด รถยนต์จำนวนมากจอดแน่นิ่งอยู่บนท้องถนน บ่ายแล้วทำไมยังรถติดอยู่อีก ไม่ทำงานทำการกันหรือไง ผมถอนหายใจแรงแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู ก็เห็นข้อความไลน์จากพี่อาโปว่าถึง MBK แล้ว


“เดี๋ยวพี่อาโปกับน้องศิลาไปดูหนังกับพวกเราด้วยนะ” ผมบอกไอ้เต


“หื้ม?”


“เออ กูชวนเองแหละ”


“อ่อ ดีๆ มาหลายคนหนุกดี” ไอ้เตหันมายิ้มให้ผม ผมเลยตีไหล่มันไปทีหนึ่งเพื่อบอกให้มันหันกลับไปสนใจถนนแทน เดี๋ยวจะต้องไปนอนดูพื้นถนนก่อนจะที่ได้ดูหนังแทน


ขยับสักที ติดอยู่ตั้งนาน


รถไอ้เตคล่อยๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าหลังจากนิ่งสนิทราวกับจอดทิ้งไว้อยู่เกือบครึ่งชั่วโมง เสียงเพลงสไตล์ easy listening ที่ไอ้เตเปิดก็ไม่ได้ช่วยขับกล่อมอารมณ์ของผมให้เบาสบายลงสักเท่าไหร่ ตราบใดที่ยังมีไอ้น้องมังกรนั่งยิ้มแป้นแล้นหันมามองผมอยู่เรื่อยๆ แบบนี้


ผมเลยอาศัยนั่งมองบรรยากาศด้านนอกรถแทน ไม่งั้นผมนี่แหละได้อกแตกตาย


“เอ้า รถชนหรอ” ผมสะดุ้งตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นรถยนต์สองคันที่ชนกันอยู่กลางถนน “ก็ว่าทำไมรถติด”


“ช่ายพี่ ตอนแรกผมก็ชะเง้อมองอยู่ เห็นมันติดนาน” ไอ้มังกรพูดแทรกขึ้นมาหลังจากผมพูดจบ


นั่งเงียบๆ ไปได้มั้ยห้ะ


ไอ้เด็กเวร ไม่ต้องมาคุยกับกู ไม่ได้อยากคุยด้วย


“อ่อ” ได้แต่คิดด่ามันในหัวนั่นแหละครับ ความเป็นจริงก็ได้แต่ตอบรับมันไปแบบห้วนๆ


“พี่กานต์ไม่ชอบผมหรอครับ ทำไมทำหน้างั้น” น้องมังกรถามต่อ


ไอ้สัส ใช่เวลามั้ยเนี่ย ดูดิ๊ ไอ้เตมันเหล่ตามองผมผ่านกระจกมองหลังด้วยอ่ะ


“เปล่า.. คิดมากกก” ผมบอกปัด ใครจะไปกล้าบอกตรงๆ วะ ว่าไม่ชอบขี้หน้าอ่ะ


“ว่าละ ผมคงคิดมากไปเองครับ” มันยิ้มกว้างแล้วหันไปหาไอ้เต


อ้อร้อจริงนะมึง ไอ้เด็กผี แทนที่กูจะได้ดูหนังกับแค่เพื่อนๆ กู


เห้อออออ


ผมพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองจนกระทั่งรถยนต์ของไอ้เตขับเข้าไปจอดรถในลานจอดรถของ MBK ผมรีบเปิดประตูแล้วกระโดดลงจากรถทันที ลำพังแค่นั่งอยู่ในรถที่ติดนานๆ ก็อึดอัดจะแย่อยู่ละ ยังต้องมาอยู่ในรถคันเดียวกับไอ้น้องมังกรมันอีก


“พี่อาโปรออยู่หน้าร้านไก่ทอดนะ” ผมบอกไอ้เต


“เค เราจะกินอะไรกันก่อนเลยมั้ย กว่าหนังจะฉายยังพอมีเวลาเหลือ” ไอ้เตเสนอ ซึ่งผมก็สนอง


“ป่ะ ไปกัน”


ผมเดินนำหน้าไอ้เตกับมังกรเข้าก่อนเพื่อกดลิฟท์ สองคนนั้นคุยกันอยู่ตลอด แต่ผมไม่ได้ยินหรอกนะว่าคุยเรื่องอะไรกันอ่ะ ไม่ทันได้สนใจจะฟัง


ลิฟท์มาหยุดที่ชั้นบนสุด ผมกดเปิดลิฟท์ไว้ให้ไอ้เตกับน้องมังกรเดินออกไปก่อนแล้วผมค่อยเดินตามออกไป


“เดี๋ยวกูไปห้องน้ำก่อนนะ” ไอ้เตหันมาบอกผม ผมก็เลยพยักหน้ารับ


“ผมไปด้วยนะพี่” น้องมังกรบอกแล้วเดินตามไอ้เตไป


เห้อออ...


หลังจากที่ไอ้เตกับน้องมังกรเดินหายเข้าห้องน้ำไป ผมก็เดินไปทางร้านไก่ทอดชื่อดังที่ปกติผมมักจะกินเป็นประจำ แต่ไม่ใช่ที่สาขานี้หรอกนะครับ ผมเดินตรงเข้าไปทันทีที่เห็นผู้ชายเสื้อขาว ตัวสูง หุ่นดี ที่ยืนใส่แว่นตากันแดดสีดำอยู่หน้าร้าน


“พี่อาโป!” ผมร้องทัก พี่อาโปเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผม


“มาแล้วหรอ หาไรกินก่อนมั้ย พี่หิวอ่ะ”


“เอาดิพี่ แต่อย่าอิ่มเกินนะ กลัวหลับตอนดูหนังอ่ะ” ผมแกล้งแซวพี่อาโปแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินตามพี่อาโปเข้าไปในร้านเพื่อสั่งอาหาร


“เออ ศิลาจะกินอะไรมายังนะ” พี่อาโปหันมาถามผม ในขณะที่ผมกำลังเลือกเมนูไก่เซ็ตสุดคุ้มอยู่


“ลองโทรถามดิพี่”


“อืม เดี๋ยวไลน์ไปละกัน” พี่อาโปตอบพร้อมหยิบมือถือขึ้นมากดพิมพ์แชทอยู่พักหนึ่งแล้วก็เก็บเข้ากระเป๋ากางเกงไป


“น้องไม่กินอ่ะ” พี่อาโปหันมาบอกผม


ผมพยักหน้าแล้วหันไปสั่งไก่ทอดชุดสุดคุ้มกับพนักงานที่หน้าแคชเชียร์แล้วควักเงินออกมาจ่าย


“เดี๋ยวพี่เลี้ยงเองๆ ไปหาโต๊ะนั่งก่อนเลย” พี่อาโปจับไหล่ผมแล้วดันตัวผมให้ออกจากบริเวณหน้าแคชเชียร์


“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มร่า มื้อนี้ได้กินข้าวฟรีว่ะเห้ย


ผมเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะว่างที่อยู่ริมกระจกใกล้กับประตูทางเข้าออกของร้าน เพราะคิดว่าเดี๋ยวไอ้เตเดินกลับมาจะได้เห็นผมง่ายๆ


อ้อ ลืมไปว่ามีน้องมังกรด้วยอีกคน


ไม่นานเสียงพนักงานก็ขานเรียกให้ผมเดินไปรับอาหารที่สั่งไว้ ผมเดินไปหยิบถาดอาหารที่วางไว้ตรงเคาท์เตอร์แล้วเดินกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเดิม โดยมีพี่อาโปเดินตามมาด้วย เราทั้งสองคนนั่งกินไก่ทอดด้วยกันอยู่พักหนึ่ง ไอ้เตกับน้องมังกรก็เดินเข้ามาในร้าน แล้วมาหย่อนตัวลงนั่งข้างผม


“โห่ กินไม่รอเลยยย” ไอ้เตบ่น


“สวัสดีครับพี่อาโป” มังกรยกมือขึ้นไหว้พี่อาโป พี่อาโปหันมายิ้มให้แล้วก้มหน้าลงไปกินไก่ทอดในจานของตัวเองต่อ


เมื่อไหร่ศิลาจะมาวะ


ผมคิดพลางลอบมองพี่อาโปสลับกับมือถือตัวเองไปด้วย


ลุ้น.. ว่าเมื่อไหร่จะได้เห็นข้อความไลน์จากน้องศิลาสักที


ติ๊ง~!


Sila : ผมถึงแล้วนะพี่


เยส! มาสักที ผมรีบตอบศิลากลับไป


KARN : ขึ้นมาชั้นโรงหนังเลยๆ อยู่ร้านไก่ทอด


ผมแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะโล่งใจ ไม่คิดว่าสุดท้ายน้องจะมาทัน ไอ้ตอนแรกที่ชวนก็ยังคิดอยู่ว่าน้องไม่น่ามาแน่นอน ก็เลยปักใจเชื่อไปอย่างนั้น


นั่งรออยู่ไม่นานน้องศิลาก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เดาไม่ออกว่ากำลังรู้สึกยังไง


“เอ้า นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” พี่อาโปเอ่ยทักน้องศิลา ผมสังเกตเห็นแว้บหนึ่งสายตาของศิลามีความไม่สบอารมณ์อยู่หน่อยๆ


“เป็นไรป่าว ดูตึงๆ” ผมถาม


“ไม่มีไรพี่ พอดีรถมันติดอ่ะ เลยหงุดหงิด”


พอศิลาตอบออกมาแบบนี้ ทุกคนก็นิ่งเงียบกันไปทันที พี่อาโปจ้องหน้าคนน้องอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะพูดออกมา


“ถ้าไม่สะดวกมา ทำไมไม่บอก”


“เปล่าพี่ ผมว่างอยู่ แต่ที่นี่มันไกลจากบ้านผมไง ผมเลยขี้เกียจนิดหน่อยอ่ะ”


“อ่อ” พี่อาโปตอบรับด้วยใบหน้านิ่งแล้วเดินยกถาดอาหารที่กินหมดไปเก็บ


ผมน่ะนะ เริ่มได้กลิ่นแปลกๆ และบรรยากาศมาคุมันเหมือนจะเริ่มก่อตัวขึ้นมาซะแล้วสิ ถึงแม้ว่าจะยังดูไม่มีอะไร แต่ความรู้สึกข้างในของผมมันเริ่มสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลซะแล้วแฮะ


“ก็น่าจะบอกกันตั้งแต่แรก” พี่อาโปบ่นอุบอิบเสียงเบา แต่ก็ยังไม่เบาพอที่คนอื่นจะไม่ได้ยิน


“พี่พูดว่าไรนะ” น้องศิลาสวนกลับทันทีด้วยเสียงแข็ง


“ใจเย็นๆ กันก่อนนะ” ผมรีบยกมือห้ามทัพ บรรยากาศไม่ดีเอาซะเลย คล้ายๆ ว่ากำลังจะมีคนตีกัน


“พี่บอกว่าทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกว่าไม่อยากมาอ่ะ”


เอาแล้ววว ไอ้พี่อาโป แทนที่จะดีขึ้น พูดทำไมเนี่ย มันจะแย่ลงกว่าเดิมป้ะ


“เอ้า! ก็เห็นพี่กานต์ชวนอ่ะ เกรงใจก็เลยออกมา” ศิลาเสียงดังใหญ่แล้ว


“เห้ย ไม่เป็นไรๆ พี่ไม่ซีเรียส ไปๆ เข้าไปดูหนังกันดีกว่าเนอะๆ” ผมรีบคว้าแขนศิลาให้เดินตามผมมา ส่วนไอ้เตกับน้องมังกรก็ยืนปลอบพี่อาโปให้ใจเย็นลงก่อนจะเดินตามมา


ผมพาน้องศิลาที่หน้าบึ้งตึงเดินมาซื้อป๊อปคอร์นกับน้ำอัดลมพร้อมขนมขบเคี้ยวอีกสองสามอย่าง เพื่อหวังจะให้น้องศิลาอารมณ์ดีขึ้นบ้าง เพราะบางทีน้องอาจจะแค่โมโหหิวก็ได้


“เอาไว้กินรองท้องตอนดูหนังเนอะ เผื่อหิว”


“ผมขอไส้กรอกเพิ่มสักสองชิ้นได้มั้ยพี่กานต์ ยังไม่ได้กินไรมาเลย แอบหิวว่ะพี่” ศิลาน้ำเสียงอ่อนลงเมื่อพูดกับผม


“เอาดิ สั่งเลย เดี๋ยวเลี้ยง” ผมหันไปสั่งไส้กรอกเพิ่มให้น้องศิลา พนักงานก็ยินดีที่จะคีบเพิ่มให้ด้วยรอยยิ้ม


พอเราสองคนซื้อของกินกันเสร็จ ผมก็พาศิลาเดินเข้าไปด้านในโรงหนัง ซึ่งพี่อาโป ไอ้เต และมังกรก็เดินตามมาสมทบ พวกเราเดินเข้าไปยังแถว B ที่ไอ้เตได้เลือกซื้อเอาไว้ โดยไอ้เตเดินนำเข้าไปเป็นคนแรกตามด้วยมังกรแล้วก็ผม ส่วนพี่อาโปกับน้องศิลาก็นั่งถัดจากผมไป เพราะกดเลือกซื้อตั๋วเพิ่มมาทีหลัง โชคดีที่มันยังมีที่นั่งข้างๆ กันเหลืออยู่ ไม่งั้นมีหวังได้นั่งกันคนละแถวแน่ๆ


เอาล่ะ คนกลางที่แท้จริงก็คือผมสินะในสถานการณ์นี้


ฝั่งซ้ายคือไอ้เตกับน้องมังกร ส่วนฝั่งขวาก็คือพี่อาโปกับน้องศิลา


เห้ออออ ทำไมคนอย่างผมถึงต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้พร้อมๆ กันด้วยวะ ลำพังเรื่องตัวเองก็ปวดหัวจะตายอยู่ละ ยังต้องมาคอยเป็นกาวผสานใจให้พี่อาโปกับน้องศิลาอีก อย่าเพิ่งทะเลาะกันเลยนะ ไม่งั้นธีสิสผมเละเป็นโจ๊กชัวร์เลย


ละอิน้องมังกรนี่ก็นะ จะต้องมานั่งแทรกทำไมเนี่ย แทนที่จะเข้าไปนั่งข้างในสุดละให้ไอ้เตนั่งตรงกลาง เพราะผมกับมันก็ไม่ได้สนิทกันอ่ะ นึกยังไงก่อน เอ๊ะ หรือว่าอยากได้ซีนหรอ อยากใกล้ไอ้เตว่างั้น


“พี่อาโปกินป๊อปคอร์นได้นะครับ” ผมยิ้มพูดแล้วยื่นถังป๊อปคอร์นให้พี่เขาหยิบ พี่อาโปก็หยิบไปเต็มกำมือแล้วยื่นไปแบ่งให้น้องศิลา น้องก็หยิบไปเล็กน้อยแล้วยัดป๊อปคอร์นเข้าปากไป ก่อนจะตามด้วยไส้กรอกที่น้องขอซื้อเพิ่ม


“ไม่ได้กินข้าวมาก่อนหรอ” ผมได้ยินพี่อาโปเอ่ยถาม


“เอาเวลาที่ไหนกินอ่ะพี่ ผมรีบออกมาเนี่ย ถามแปลกๆ” ศิลาตอบนิ่งๆ


“แล้วเมื่อกี๊ทำไมไม่บอก จะได้ให้กินก่อน”


“ก็ผมเกรงใจไง กว่าจะมาถึงก็ใกล้หนังฉายละป้ะ” ผมได้ยินเสียงจิ๊ปากดังหลังศิลาพูดจบ นั่นทำให้พี่อาโปเผลอหลุดถอนหายใจแรงใส่ศิลา จากการที่ผมหันไปมองตอนนี้รู้ได้เลยว่าพี่อาโปกำลังรู้สึกโกรธขึ้นมานิดหน่อย สีหน้าแสดงให้เห็นชัดมาก ถึงแม้ว่าในโรงหนังจะมีแค่แสงสลัวๆ จากการฉายตัวอย่างภาพยนตร์ก็เหอะ


“วันหลังมีอะไรก็บอกได้ อย่าเอาแต่เงียบ พี่เดาใจเราไม่ถูกหรอกนะ” พี่อาโปพยายามตอบกลับด้วยเหตุผล พยายามที่จะไม่ใช้อารมณ์ แต่ทว่าด้วยความหิวของศิลาก็เลยทำให้น้องรู้สึกอารมณ์เสียได้ง่ายกว่าปกติ


“งั้นผมขอโทษละกันนะพี่” ศิลาหันขวับมาทางพี่อาโป “จริงๆ ก็ไม่ได้อยากออกมาหรอกครับ พี่ก็รู้นี่ว่าผมชอบอยู่บ้าน ละบ้านผมก็ไกล ที่ผมออกมาเนี่ย ก็เพราะว่าพี่กานต์ชวน แล้วผมก็คิดว่าอย่างน้อยถ้าผมกับพี่สนิทกันมากกว่าเดิม เวลาถ่ายจริงก็จะได้ง่ายขึ้น ธีสิสของพี่กานต์ก็จะออกมาดีไปด้วย”


“ใจเย็นๆ ศิลา อยู่ในโรงหนังนะเว้ย คนมองกันหมดแล้ว” ผมพยายามปราม น้องมังกรคว้ามือผมแน่นเพราะผมทำท่าเหมือนกำลังจะลุกขึ้นยืน แต่จริงๆ ไม่ใช่หรอกครับ มันมองเห็นไม่ถนัด เลยขยับตัวให้ได้มุมจะได้เห็นชัดๆ กลัวจะพลาดโมเมนท์ดีๆ ไปอ่ะ


ศิลาได้ยินสิ่งที่ผมพูดก็ทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้อย่างแรง ส่วนพี่อาโปก็ถอนหายใจยาวแล้วหันไปมองหน้าจอภาพยนตร์นิ่ง สายตาจ้องภาพที่เคลื่อนไหวอยู่บนจอไปเรื่อยๆ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าข้างในของพี่อาโปกำลังคิดอะไรอยู่เหมือนกันนะ


ผมหันไปมองไอ้เตที่กำลังมองมาที่ผมอยู่เหมือนกัน ผมพยายามส่งสายตาขอความช่วยเหลือว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี แต่ไอ้เตก็ได้แต่ส่ายหัวน้อยๆ เหมือนจะบอกให้ผมอยู่เฉยๆ แล้วนั่งดูหนังต่อไป


หนังบนจอฉายไปตามเนื้อหาของมัน ถึงแม้จะเป็นหนังรักโรแมนติกคอมเมดี้ แต่บรรยากาศของคนข้างๆ ผมนั้นมันช่างอึมครึมและดูน่ากลัวยังไงชอบกล ผมเอื้อมมือไปคว้าแก้วน้ำอัดลมตรงเก้าอี้ของไอ้เตมาดื่ม ก่อนที่จะยื่นกระป๋องป๊อปคอร์นไปทางไอ้เต แต่น้องมังกรก็เอามือล้วงลงมาในกระป๋องซะก่อน แต่ช่างเถอะ ไม่อยากแสดงอารมณ์ตอนนี้ แค่นี้บรรยากาศก็ไม่ดีจะแย่ละ


“ฝากส่งให้ไอ้เตด้วย” ผมบอกมังกร แล้วหันกลับไปดูหนังต่อ


“ขอบคุณนะครับ” มังกรหันมากระซิบกับผม แต่เดี๋ยว ผมไม่ได้รู้สึกไปเองใช่มั้ย ว่าเมื่อกี๊ตอนพูดมันแอบลูบมือผมด้วย


รู้สึกขนลุกแปลกๆ ทำไมต้องมาโดนตัวผมด้วยเนี่ย


ช่างแม่ง หนังกำลังสนุกเลย ถึงซีนโรแมนติกของพระเอกนางเอกพอดี เขิน!!!


หมับ!


“เชี่ย!” ผมสะดุ้ง กระตุกมือออกจากที่วางแขนฝั่งซ้ายแล้วร้องลั่นจนคนหันมามองทั้งโรง เพราะไอ้มังกรมันดันเอามือมันมากุมมือผมไว้แน่น ไอ้เต พี่อาโป น้องศิลาก็หันมามองด้วยสายตาที่งงเป็นไก่ตาแตก


ผมหันมองไปทั่วโรงหนัง แล้วทำท่าโค้งหัวคำนับเพื่อแสดงการขอโทษต่อคนอื่นๆ ที่นั่งดูหนังอยู่ เพราะรู้สึกผิดที่รบกวนจนทำให้หลายคนเกิดความรำคาญใจ


“มึงทำอะไรเนี่ย!” ผมรีบนั่งลงแล้วกระซิบด่าไอ้มังกร


“โทษทีพี่ ผมกำลังอินกับหนังอ่า”


ผมรู้สึกขนลุกแปลกๆ อิเวรเอ๊ย คนไม่ชอบขี้หน้ากัน อยู่ๆ มาจับมือแบบนี้ก็บอกไม่ถูกกันไปเลย มันดึ๋ยๆ แปลกๆ ผมอดทนนั่งดูหนังจนจบด้วยความระแวงทั้งป๊อปคอร์น ทั้งน้ำอัดลมก็ยกให้คนอื่นกินหมด เพราะกินอะไรไม่ลง ขนาดดูหนังยังดูแทบไม่รู้เรื่องเลยอ่ะ ไม่มีสติแล้วเนี่ย มังกร มึงนะมึง!!!


พอหนังขึ้นเอ็นเครดิตตอนจบปุ๊บผมก็รีบลุกเดินออกไปข้างนอกโรงหนังทันที โดยมีน้องศิลาวิ่งตามผมมาติดๆ


“พี่กานต์รอผมด้วย”


“อ่าว”


“ผมขออยู่กับพี่นะ หงุดหงิดพี่อาโปมัน”


“ทำไมอ่ะ” ผมยกมือตีปากตัวเองเบาๆ หลังจากหลุดปากถามออกไป ก็รู้อยู่แล้วมั้ยว่าเรื่องอะไร นั่งข้างเขาขนาดนั้น ยังจะถามออกไปอีก


“พูดจาไม่เข้าหูเลยวันนี้” ศิลาตอบ ผมได้ยินก็ตบไหล่ศิลาไปเบาๆ


“เอาน่า ค่อยๆ คุยกัน ไม่อยากให้ทะเลาะกันอ่ะ”


ศิลาพยักหน้ารับแล้วพูดต่อ “เข้าใจครับ ปกติพี่อาโปก็ไม่เคยเป็นงี้อ่ะ อาจจะผมนอนน้อยมั้ง อารมณ์เลยเหวี่ยงง่ายไปหน่อย”


“เออๆ ไว้ให้จิตใจสงบกว่านี้ค่อยมาเคลียร์กันก็ได้” ผมเสนอทางออกให้น้องศิลา ไม่นานพี่อาโป ไอ้เต แล้วก็น้องมังกรก็เดินตามออกมา ผมกับศิลาเลยรีบเงียบไม่คุยเรื่องนี้กันต่อ


ผมหันไปมองทั้งสามคน ไอ้เตที่ยืนอยู่หลังสุดส่งสายตาว่าจะเอายังไงต่อ ไอ้ผมน่ะอยากไปหาร้านขนมหวานกินต่อนะ แต่ดูท่าแล้วคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ บรรยากาศไม่ค่อยชวนพิศมัยเสียแล้ว


“เราแยกย้ายกันเลยมั้ยครับวันนี้” ผมพูด


“โอเคครับ ผมเพลียๆ พอดี จะได้กลับไปนอน” ศิลาหันมาตอบกับผม


“พี่ว่าจะกลับบ้านเหมือนกัน เบื่อ” พี่อาโปพูดแล้วเหลือบมองศิลาแวบหนึ่ง


เอาอีกละ ไอ้พี่อาโปนี่ก็ประชดประชันเก่งจังนะ มันจะตีกันก็เพราะยังงี้แหละ


“ผมไปก่อนนะพี่” ศิลาพูดแทรกขึ้นมาทันทีที่พี่อาโปพูดจบ “หวัดดีครับ” น้องมันยกมือขึ้นไหว้รอบวงแล้วก็หันหลังเดินออกไปเลย


“เอ้า” พี่อาโปเผลอหลุดอุทานออกมา


ผมกับไอ้เตมองหน้ากัน รู้อยู่หรอกว่าพี่อาโปประชดเพราะอยากให้น้องง้อก่อน แต่พอน้องไม่ยอมง้อก็เลยมีอาการแบบที่เห็น แต่ขอไม่สงสารละกันครับ เรื่องของเขาสองคน ให้จัดการกันเอง ทำตัวเองกันทั้งนั้น


พี่อาโปมองตามศิลาไป ก่อนจะหันมาหาผม “ขอโทษนะ วันนี้เลยไม่สนุกเลย”


“เอ้ย ไม่เป็นไรพี่ ชิลๆ”


“ใช่พี่ ไม่ต้องเครียดๆ พวกผมไม่ได้อะไรอยู่ละ” ไอ้เตพูดเสริม “แต่รีบเคลียร์ก็ดีนะพี่ เดี๋ยวธีสิสเพื่อนผมจะพังเอา กลัวมันจะเรียนไม่จบ” พูดจบไอ้เตก็หัวเราะ โดยมีไอ้มังกรหัวเราะเสริมทัพอยู่ข้างๆ


“หัวเราะอะไรมึง” ผมหันไปเหวี่ยงใส่มังกร


“เปล่าครับ” มันรีบหุบยิ้มทันที


“เออ งั้นพี่ไปก่อนละ ไว้เจอกัน” พี่อาโปบอก แล้วเดินออกจากบริเวณที่พวกผมยืนอยู่


“ละพวกเราเอาไงต่อ” ไอ้เตเอ่ยถามขึ้นแล้วหันมองผมสลับกับมังกร


“ผมหิวแล้วอ่ะ” มังกรพูดขึ้น พยายามแสดงสีหน้าน่ารัก แล้วเอามือลูบท้องตัวเอง


“งั้นก็ไปกินข้าวกันมั้ย พี่อยากกินชาบูเหมือนกัน” ไอ้เตเอ่ยตอบ


“กูกลับบ้านละกันงั้น ไม่อยากไปไหนละ” ผมบอกหลังจากเห็นท่าทีไอ้มังกร เอาดีๆ วันนี้ทั้งวันอยู่กับมันเนี่ย อึดอัดจนจะบ้า รำคาญไอ้เตด้วยดูแลดีน้องมันดีเกินไปป่ะวะ ทำไมเหมือนกูไม่ได้มาด้วยงี้


“อ่าว ไม่ไปกินด้วยกันอ่อ” ไอ้เตถามผมด้วยสีหน้าสงสัย


“ไม่อ่ะ ไม่มีอารมณ์ละ”


“เป็นไรป่าววะ” น้ำเสียงไอ้เตแสดงออกถึงความเป็นห่วงปนสงสัย


“ไม่ได้เป็นไร กูไปละ” ผมพูดจบก็ยกมือตบไหล่ไอ้เตไปเบาๆ ส่วนน้องมังกรก็ยกมือขึ้นสวัสดีผม แล้วผมก็หันหลังเดินออกมาจากตรงนั้น


วันนี้แม่ง ไม่ใช่วันของผมจริงๆ แหละ


Bad day สัสๆ ..


---------------------------------------------------------------


อย่าลืมติดแท็ก #ศิลาของอาโปกันด้วยนะค้าบบ