โบราณว่ากันว่า น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน...
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,ไทย,วัยว้าวุ่น,โรแมนติก,รักวัยรุ่น,ศิลาของอาโป,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)ผมตื่นแต่เช้าตรู่เพราะว่านัดกันไว้กับกลุ่มเพื่อนว่ารถตู้ล้อจะหมุนเวลา 7:00 น. จะไม่มีการเลทใดๆ ทั้งสิ้น ผมจึงสะดุ้งตื่นก่อนที่จะได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกซะอีก คงเป็นเพราะผมกังวลมากเกินไปร่างกายมันเลยตื่นตัวอยู่แทบจะตลอดเวลา เรียกได้ว่าเมื่อคืนหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืนเลยครับ มันตื่นเต้นอ่ะ เอาดีๆ ถึงแม้ว่าจะออกกองถ่ายงานส่งอาจารย์มาก็หลายครั้ง แต่ครั้งนี้มันยิ่งใหญ่กว่านั้น เพราะมันคือการถ่ายหนังสั้นธีสิสไงครับ หนังที่จะเป็นตัวตัดสินว่าผมจะเรียนจบหรือไม่จบนั่นแหละ
พอผมจัดการตัวเองจนเสร็จเรียบร้อยก็รีบบึ่งไปที่มหาลัยทันที
6:48 น.
โอเค ผมรอดละหนึ่ง
ผมเดินเข้าไปที่หน้าคณะที่มีรถตู้จอดรออยู่ ตอนนี้มีแค่ไอ้เตคนเดียวที่ยืนคุยอยู่กับพี่คนขับรถตู้
“ไงมึง” ไอ้เตเอ่ยทักผม
“ยังไม่มีใครมาอีกหรอวะ” ผมถามด้วยความสงสัยก่อนจะหันไปยกมือสวัสดีทักทายพี่คนขับรถตู้
“นี่มึงไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มใช่ป้ะ”
“มีไรวะ” ผมรีบหลับจริง ก็เลยไม่ได้กดเข้าไปอ่านเลยว่ามีอะไรอัพเดทใหม่บ้าง
“พวกเพื่อนเรามันแยกไปรถส่วนตัวกันอ่ะ มันบอกว่าพี่อาโปกับน้องศิลาจะได้นั่งคันนี้สบายๆ”
โอ้โห สปอยกันไม่หยุด
“งั้นคันนี้ก็เหลือแค่กูกับมึงหรอ?” ผมเอ่ยถาม
“ใช่ แล้วก็พี่อาโปกับน้องศิลา”
“งั้นไปเลยก็ได้นะ ต้องแวะรับพี่อาโปกับน้องศิลาอีก เดี๋ยวจะสายเอา ฝนก็จะตกแล้วด้วย”
ผมพูดจบก็หันหลังไปเปิดประตูรถตู้ทันที แล้วกระโดดขึ้นไป ในขณะที่ไอ้เตกับพี่คนขับรถตู้เลิ่กลั่กมองหน้ากันแล้วรีบวิ่งขึ้นรถตู้ตามผมทันที
พอพี่คนขับปิดประตูรถตู้ปุ๊บผมก็ทิ้งตัวเอนหลังพิงกับเบาะที่นั่งทันที ก่อนจะหันไปหาไอ้เต
“มึงเปิดแมพไปคอนโดพี่อาโปด้วยนะ กูจะนอนต่อละ”
“เอ้า ไอ้ห่านี่ เอาเปรียบว่ะ”
ด่าไปเหอะ ผมก็ไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่หรอก ฮ่าๆ ก็คนมันง่วงอ่ะ ยิ่งบรรยากาศอึมครึมๆ เหมือนฝนจะตกแบบนี้แล้วด้วย ยิ่งชวนให้นอนต่อเข้าไปใหญ่
ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปเท่าไหร่ในการเดินทางจากมหาลัยไปยังคอนโดพี่อาโป แต่ผมก็สะดุ้งตื่นมาตอนที่รถตู้กำลังเลี้ยวเข้าปากซอยคอนโดพอดี ความสะลึมสะลือทำให้ผมยังลืมตาได้ไม่เต็มตื่นนัก
รถตู้ค่อยๆ เข้ามาจอดเทียบหน้าประตูเข้าออกของคอนโด ไอ้เตกดโทรหาพี่อาโป
“ถึงละพี่ ลงมาได้เลยครับ”
หลังจากไอ้เตวางสายได้ไม่นาน พี่อาโปก็เดินออกมาจากคอนโดพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าและกีตาร์หนึ่งตัว
เสื้อยืดสีขาวกับแว่นตาดำนั้น~!!
ออร่าสว่างวาบกระแทกเข้าที่ตาผมอย่างจัง
ไม่เคยแผ่วเลยจริงๆ ขนาดแค่เสื้อยืดธรรมดาๆ พี่อาโปเขาก็ยังเอาอยู่ ไม่มีอะไรมาทำลายล้างรังสีแห่งความหล่อนี้ไปได้
ลูกรักพระเจ้าแหละ!
ผมที่มัวแต่ตกตะลึงกับรังสีความหล่อของพี่อาโปเลยได้แต่มองตาค้างจนลืมเอ่ยทักทาย
“ไงกานต์ เพิ่งตื่นเหรอ หน้ามึนเชียว” พี่อาโปเอ่ยทักผมด้วยรอยยิ้มสดใสรับยามเช้า
“คะ.. ครับ” ผมเอ่ยตอบก่อนจะรีบรวบรวมสติขึ้นมา “หวัดดีครับพี่อาโป”
ส่วนไอ้เตก็ลงไปช่วยพี่อาโปยกของขึ้นท้ายรถตู้จนหมด ก่อนจะวิ่งกลับขึ้นมาน่ังบนรถที่เดิม
“พี่อาโปจะนั่งไหนครับ” ผมถาม เพราะตอนนี้แถวหน้าของรถตู้ถูกผมกับไอ้เตจองเต็มทั้งสามเบาะแล้ว แต่ถ้าพี่อาโปอยากจะนั่งหน้าผมก็จะได้จัดการย้ายที่ให้
“เดี๋ยวพี่นั่งข้างหลังได้ โล่งขนาดนี้” พี่อาโปพูดพลางหัวเราะเบาๆ
คนอะไรวะ หล่อชิบหาย ไอ้น้องศิลามันไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอวะ เวลาอยู่ใกล้ๆ พี่เขาเนี่ย
พอตกลงเรื่องที่นั่งกันได้ พี่อาโปก็กระโดดขึ้นรถแล้วเดินเข้าไปนั่งที่เบาะหลังถัดจากพวกผมไปหนึ่งแถว แล้วปรับเบาะเอนลงไปนอนทันที
“โหพี่ รถยังไม่ทันออกเลย” ผมแซว
พี่อาโปหัวเราะก่อนจะตอบ “เก็บแรงไว้ก่อน เผื่อคืนนี้ต้องใช้แรงเยอะอ่ะ”
“อ่ะจ้าา” ผมกับไอ้เตถึงกับมองบนพร้อมกัน
ก็คงตั้งใจจะก๊งเหล้าสินะ เพราะคืนนี้เป็นวันพักผ่อนก่อนจะเริ่มถ่ายจริงพรุ่งนี้
“ยังไงก็ขอให้เหลือแรงไว้ถ่ายพรุ่งนี้ได้ก็พอพี่” ไอ้เตแซวพร้อมขำบางๆ ใส่พี่อาโป ฝ่ายพี่อาโปก็แอบยิ้มขำไปด้วย ที่เหมือนรุ่นน้องพวกนี้จะรู้ทัน
“เดี๋ยวไปแวะรับศิลาอีกคนแล้วก็ตรงไปที่รีสอร์ทได้เลยครับ” ผมหันไปบอกพี่คนขับรถ
“ครับ” พี่คนขับรถตอบแค่นั้นแล้วก็สตาร์ทรถทันที
รถเคลื่อนตัวออกจากคอนโดของพี่อาโป ขับไปข้างหน้าเรื่อยๆ เพราะทำความเร็วได้ไม่มากนัก เนื่องจากฝนเริ่มตกหนัก เสียงที่ปัดน้ำฝนยังคงดังต่อเนื่องคละเคล้าไปกับเสียงฝนที่ตกกระทบตัวรถตู้ที่พวกเรานั่งกันอยู่
ผมมองเหม่อออกไปนอกรถอย่าระแวงใจ ถ้าจะตกหนักขนาดนี้ก็ขอให้ตกไปเลยนะ แล้วพรุ่งนี้ขอให้หยุดตกให้เราหน่อย ไม่งั้นพวกเราถ่ายงานกันไม่ได้แน่ๆ
มาลุ้นกันว่าคำขอของผมจะเป็นไปได้มั้ย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านจะเห็นใจหรือเปล่า
พี่คนขับรถตู้ค่อยๆ พาพวกเราฝ่าน้ำท่วมบนถนนในกรุงเทพฯ ไปจนถึงหน้าบ้านน้องศิลา ค่อยยังชั่วที่ฝนซาลงไปมากแล้ว แต่ไอ้น้ำที่ท่วมขังอยู่นี่สิ ทำเอาลำบากกันไปหมด ลำพังพวกผมน่ะไม่เท่าไหร่หรอก อยู่บนรถตู้ไม่ได้ต้องลงไปลุยขนาดนั้น แล้วบ้านของน้องศิลาเองก็ยกสูงทำให้น้ำรอระบายมันท่วมขึ้นมาไม่ถึง แต่ระหว่างทางนี่สิ คนทั่วไปที่เขาหาเช้ากินค่ำ ที่ต้องทำมาหากินอยู่ตามรายทางเนี่ย คุณภาพชีวิตเขาแย่ขนาดไหนตอนฝนตก ยิ่งเจอน้ำท่วมขังแบบนี้แล้วต้องเดินลุยน้ำกัน คิดเอาเองแล้วกันว่ามันจะสกปรกแค่ไหน เชื้อโรคใดๆ มันจะพากันป่วยไปหมด ละเศรษฐกิจแบบนี้ด้วย เห้อออ พูดแล้วก็ขึ้น มันต้องมีสักวันที่ประชาชนทุกคนจะได้รับอำนาจของพวกเราคืนมาแหละ แต่ตอนนี้เราก็ยังต้องดำเนินชีวิตต่อไปก่อนเนอะ
“ถึงแล้วน้อง รถจอดอยู่หน้าบ้านเลย” ไอ้เตต่อสายหาน้องศิลา
พอวางสายไอ้เตก็เปิดประตูรถตู้ออก โอ้โห อากาศข้างนอกแอบเย็นเหมือนกันแฮะ สงสัยเพราะฝนตกเมื่อกี๊แน่ๆ
ศิลาเดินออกมาพร้อมกระเป๋าเป้ใบไม่ใหญ่มาก บนไหล่ข้างซ้ายพาดผ้าห่มมาหนึ่งผืน บนคอก็มีหมอนรองคอใส่ไว้อีกหนึ่ง
โอเค พร้อมมาก พร้อมนอนมากๆ
“พี่ๆ หวัดดีค้าบบ” ศิลายกมือไหว้พวกผม ไอ้เตวิ่งไปช่วยถือกระเป๋าไปใส่ไว้หลังรถให้
น้องศิลาเดินขึ้นรถมาแล้วไปนั่งที่นั่งแถวท้ายสุดของรถ
“อ้าว ไม่นั่งกับพี่หรอ” พี่อาโปเอ่ยถาม
“ไม่เป็นไรพี่ ผมจะนอนอ่ะ ตรงนี้สบายกว่า”
“อ่อ เคๆ” ผมแอบเห็นพี่อาโปหน้าซึมลงเล็กน้อย แต่ก็พยายามที่จะฝืนยิ้มเอาไว้อยู่
พอรถออกตัวไปได้ไม่นาน ผมก็หันไปมองยังท้ายรถ ศิลาที่นั่งเล่นเกมในมือถืออยู่ก่อนหน้านี้ ค่อยๆ เอนตัวลงนอนยาวเต็มพื้นที่ทั้งสี่เบาะท้าย
โอเค นอนที่แปลว่านอนจริงๆ
ผ้าห่มคลุมตัวเรียบร้อย
ผมก็เลยหันไปคุยกับพี่อาโปแทน เพราะไม่อยากให้พี่เขาเหงา เนื่องจากศิลาก็นอนอยู่ท้ายรถ ผมกับไอ้เตก็นั่งแถวหน้าสุด ส่วนพี่อาโปเขาก็นั่งอยู่คนเดียวตรงแถวสองอ่ะ ถ้าผมกับไอ้เตชิงหลับไปอีกพี่เขาจะเหงาเกินไปหรือเปล่า
ก็คิดแทนเขาไปอีกอ่ะเนอะ
จริงๆ พี่อาโปอาจจะแบบ มึงไม่ต้องชวนกูคุยมากก็ได้ กูจะนอนไรงี้
“พี่ ผมถามไรหน่อยดิ” ผมค่อยๆ เอ่ยถามแบบเสียงไม่ดังมาก เพราะกลัวศิลาจะตื่นมาได้ยิน
“อือ ว่า”
“วันนั้นอ่ะ ทำไงถึงคืนดีกันอ่า”
“ก็..ไม่ได้ทำไงนะ”
“โห่ ไม่หนุกเลย” ผมบ่นเสียงเซ็ง
“ก็ไม่มีไรจริงๆ ก็แค่คุยกันอ่ะ” พี่อาโปย้ำหน้าซื่อ
“เห็นตอนแรกเงียบซะ แต่อยู่ดีๆ ก็หัวเราะกันลั่น ก็เลยอยากรู้” ผมยังตื้อไม่เลิก เอาดีๆ กลัวว่าพี่เขาจะรำคาญอยู่เหมือนกันแหละ
“ก็คุยกัน ปรับความเข้าใจกันแหละ ไม่ได้มีอะไรพิเศษ แบบที่กานต์คาดหวังหรอกน่า” พี่อาโปรู้ทันไปอีก
“บ้าาาา ใครคิ้ดดดอะไร ไม่มี้!!!” ผมรีบหลบสายตาจากพี่อาโปทันที
“รู้นะว่าเป็นแผนของกานต์กับเตอ่ะ แต่พี่ไม่โกรธนะ ดีซะอีก ไม่งั้นป่านนี้จะได้คุยกันอีกหรือเปล่ายังไม่รู้เลย” พี่อาโปขอบคุณผมซะยกใหญ่ เขินนะเนี่ย
ไม่รู้ว่าคุยกันเพลินขนาดไหน จู่ๆ ผมก็ผล็อยหลับไปซะงั้น ระยะทางจากรุงเทพไปพัทยาเอาจริงๆ ก็ไม่ได้ไกลขนาดนั้น แต่ความหิวของพวกเราก็รบกวนจนไม่สามารถรอให้ไปถึงที่หมายก่อนได้ ไอ้เตเลยขอให้พี่คนขับรถตู้แวะจอดตรงมอเตอร์เวย์เพื่อหาอะไรเข้ากระเพาะสักหน่อย เพราะตั้งแต่เช้าผมเองก็ยังไม่ได้กินอะไรมาเลย
“ศิลากินไรมั้ย” พี่อาโปเข้าไปปลุกน้องที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่บริเวณท้ายรถ
น้องศิลาค่อยๆ ลืมตาตื่นแล้วลุกขึ้นมานั่งก่อนจะสะบัดหัวไล่ความง่วงออกไป
“โอเคมั้ย” พี่อาโปถามอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง
น้องศิลาพยักหน้าแล้วทั้งคู่ก็ค่อยๆ เดินลงจากรถตามหลังผมเข้าไปยังร้านกาแฟชื่อดัง พวกผมเดินตรงเข้าไปสั่งกาแฟที่แคชเชียร์ ผมกับพี่อาโปสั่งอเมริกาโน่ ไอ้เตสั่งชาพีช ส่วนน้องศิลาสั่งโกโก้ปั่น เพราะไม่ชอบกินกาแฟ รอไม่นานพวกเราทั้งหมดก็ได้เครื่องดื่มตามที่ตัวเองสั่งไป พวกเราเลยนั่งพักกันในร้านสักหน่อย ฝนที่ยังคงตกลงมาปรอยๆ อยู่ที่ด้านนอก ก็สร้างบรรยากาศให้ร้านกาแฟดูโรแมนติกไปอีกแบบ
“คืนนี้พี่อาโปนอนห้องเดียวกับน้องศิลาแล้วกันเนอะ” ผมหันไปบอกคนทั้งคู่
“ครับพี่” ศิลารับคำ ส่วนพี่อาโปพยักหน้า
“แล้วเดี๋ยวมึงนอนกับกู” ผมหันไปบอกไอ้เตที่กำลังยกมือถือถ่ายรูปแก้วชาพีชของมันเพื่อลงไอจีสตอรี่อยู่
“เคๆ มึง”
เราพูดคุยไร้สาระกันอีกพักใหญ่ เพราะยังพอมีเวลาเหลือ ก่อนจะกลับขึ้นรถเพื่อออกเดินทางไปยังรีสอร์ทที่เราจองเอาไว้ เอาล่ะทีนี้ พอได้กินอะไรเข้าไปบ้างแล้ว ทุกคนก็ยินดีพร้อมใจหลับกันถ้วนหน้า ดีนะที่พี่คนขับไม่ง่วงไปกับพวกเราด้วย
รถตู้ของพวกเราค่อยๆ เข้าไปจอดเทียบด้านหน้ารีสอร์ทตรงทางเข้าล้อบบี้ ไอ้เตปลุกทุกคนบนรถให้ตื่นขึ้น แล้วทยอยเดินเข้าไปด้านในรีสอร์ท กระเป๋าสัมภาระมีพี่พนักงานมาช่วยยกให้ ส่วนเพื่อนๆ อีกกลุ่มที่มารถส่วนตัวยังมาไม่ถึง พวกเราก็เลยนั่งรอกันสักพักจนมาถึงกันครบ จึงแจกจ่ายกุญแจห้องพักเพื่อให้แต่ละคนไปเก็บข้าวของแล้วพักผ่อนกันก่อน
ผมกับไอ้เตเดินนำพี่อาโปกับน้องศิลาเพื่อพาไปยังห้องพัก เพราะห้องของพวกเรานั้นอยู่ติดกัน ซึ่งอยู่ด้านในสุดของรีสอร์ท พอมาถึงก็ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายกันเข้าห้อง
พี่อาโปกับศิลาเข้าไปในห้องเดียวกัน
ส่วนผมกับไอ้เตก็แบกข้าวของส่วนตัวเข้าไปในห้องพักของพวกเรา
โครม!
ไอ้เตเหวี่ยงกระเป๋าลงพื้นอย่างแรงรวมถึงผมด้วย จากนั้นผมก็ทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วมองไปรอบๆ ห้อง
“ห้องสวยชิบหาย” ผมเผลอหลุดปากออกมา
“เออ บรรยากาศโคตรดี ฟีลสปาอยู่นะมึง” ไอ้เตช่วยเสริมคำพูดของผม
“จริงมึง ถ้ามากับแฟนนะมึงเอ๊ยยยย”
ไอ้เตเหล่ตามามองทางผมด้วยสายตาที่มีเลศนัย “มีแต่ได้กับได้ใช่มั้ยวะ”
“ไอ้สัส” ผมเขวี้ยงหมอนอิงที่วางอยู่บนโซฟาใส่มัน “อย่ามองงี้ อ้วกจะแตก”
“กูหมายถึงห้องข้างๆ โว้ยยย” ไอ้เตชี้นิ้วยิกๆๆ ไปที่ห้องข้างๆ
“อ่อ..” ผมพยักหน้าเข้าใจพลางยกยิ้มมุมปาก “ไม่มีไรหรอกมึง อย่ามาคิดมาก”
“งั้นไปดูกับกูมั้ยล่ะ” ไอ้เตพูดจบก็รีบวิ่งออกจากห้องไปทันที ทำเอาผมแทบลุกตามไปไม่ทัน
ก๊อกๆๆ
ไอ้เตเคาะประตูห้องพี่อาโปเพียงรอบเดียว พี่เขาก็เดินมาเปิดให้
“มีไรหรอ” พี่อาโปถาม
“ขอผมเข้าไปดูหน่อย อยากเห็นว่าแต่ละห้องมันเหมือนกันมั้ย” ไอ้เตบอกจบก็เดินเข้าไปด้านในห้องทันที
ผมเดินตามหลังไอ้เตเข้าไปแล้วเลื่อนสายตามองไปรอบๆ ห้อง เอาจริงๆ การตกแต่งก็ไม่ได้แตกต่างกันมากหรอกครับ จะมีก็แค่พวกรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นที่แปลกออกไป เช่น พวกรูปภาพที่ติดผนัง หรือหมอนอิงที่วางบนเตียงและโซฟา ที่ลายและข้อความไม่เหมือนกับห้องผมแค่นั้น
“sex is important” ไอ้เตอ่านข้อความที่อยู่บนหมอนอิงบนเตียงออกมาเสียงดัง
ทั้งผม พี่อาโป และน้องศิลาหันขวับพร้อมกันก่อนจะวิ่งกรูกันเข้าไปดู
“เออ จริงด้วยว่ะ” พี่อาโปพูดออกมาแล้วหัวเราะ
ผมกับไอ้เตหันมองหน้ากันทันที
“ผมว่ามันต้องเป็นห้องสำหรับคู่รักที่มาเที่ยวแน่ๆ เลยพี่” น้องศิลาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าใสซื่อ
หนูลูกกก... ที่หนูพูดก็ถูกแหละ แต่แบบมันซ่อนนัยยะบางอย่างไง
เห็นสายตาพี่อาโปเขามั้ยลูก
พี่ล่ะเป็นกังวลใจจริงๆ ...
“เอ่ออ ผมว่าเราออกไปหาอะไรกินกันมั้ยครับ” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า เพราะในหัวผมตอนนี้มีแต่เรื่องไม่ดีเต็มไปหมด ไม่อยากหมกมุ่นอ่ะ ต้องรีบเปลี่ยนสถานการณ์ละ
“ดีเลยพี่ ผมหิวละ โกโก้เมื่อกี๊ไม่ช่วยอะไรเลย” ศิลาหันมาพูดกับผมก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าตังแล้วเดินมายืนข้างผม
“มึงจะไปมั้ย” ผมถามไอ้เต
“ไม่อ่ะ ว่าจะหลับสักงีบว่ะ”
“ตามใจ พี่อาโปไปมั้ยครับ”
“ไปดิ”
จบคำของพี่อาโป พวกเราก็เดินกันออกมาข้างนอก โดยไอ้เตเดินแยกกลับไปนอนที่ห้องพัก เหลือกันสามคนเลยพากันเดินออกจากรีสอร์ทไปตามถนนด้านหน้า เพราะตอนนั่งรถตู้เข้ามาเห็นมีร้านริมถนนเรียงรายเต็มไปหมด พวกเราเลยคุยกันแล้วตัดสินใจมาเดินดูสักหน่อย
ตอนแรกก็ว่าจะแวะร้านซีฟู้ดกันแต่เพราะน้องศิลากินอาหารทะเลไม่ได้ พวกเราจึงต้องเปลี่ยนแผนไปกินอาหารอีสานแทน เราสามคนเดินเข้ามาร้านส้มตำที่อยู่ใกล้ๆ รีสอร์ท ด้านในก็ดูสะอาดสะอ้านดี ดูเป็นร้านอาหารจริงจังเพียงแต่ขายแค่อาหารอีสานเท่านั้น
อาหารมากมายถูกเสิร์ฟมาบนโต๊ะ อาจจะเพราะว่าเราสั่งกันตอนหิวก็เลยเผลอสั่งมาจนเยอะขนาดนี้
“จะกินกันหมดมั้ยเนี่ย” พี่อาโปเอ่ยพูดขึ้นมา ในขณะที่ผมกับศิลาก็ได้แต่นั่งหัวเราะ
ไม่รู้เหมือนกันแฮะ ถ้าไม่หมดคงต้องขอห่อกลับรีสอร์ท
มื้อนี้กำลังผ่านไปแบบเรียบง่าย เพราะทุกคนหิวกันมาก พออาหารมาลงที่โต๊ะ ทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตากินกันแบบไม่มีใครพูดคุยกันเลย บรรยากาศบนโต๊ะเงียบสนิท มีเพียงเสียงช้อนกระทบจานและเสียงเคี้ยวเท่านั้น
ครืด ครืด ~~
เสียงสั่นของโทรศัพท์ศิลาดังขึ้น ทุกคนบนโต๊ะจึงหยุดกินแล้วหันมองศิลาที่กำลังค่อยๆ ยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุย
“ฮัลโหลมึง”
พอได้ยินแบบนั้นผมก็ลดความสงสัยลงไป แล้วกลับไปกินข้าวต่อ พี่อาโปเองก็เช่นกัน
“ได้แหละ พวกมึงมาเลย มันมีห้องว่างอยู่ ก็มาเปิดห้องเองก็ได้” เสียงศิลายังดังอยู่ต่อเนื่อง ผมพอจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าน้องกำลังคุยเรื่องอะไรอยู่
“เคๆ เจอกันคืนนี้” ศิลาพูดจบก็เผยรอยยิ้มหวานออกมาก่อนจะกดวางสายไป
“เดี๋ยวเพื่อนจะมาหาคืนนี้ครับ พอดีผมบอกมันว่ามันทำงาน ละมันมาเที่ยวที่นี่พอดี”
“อ๋อ.. แล้วนอนไหนอ่ะ” ผมแกล้งถาม
“ก็รีสอร์ทที่พวกเราอยู่นี่แหละพี่ มีห้องว่าง เดี๋ยวให้พวกมันเปิดห้องใหม่กันเอง”
“อ๋อออ เคๆ” ผมพยักหน้าเข้าใจ
ส่วนศิลาหันไปพูดกับพี่อาโป “พี่ งั้นคืนนี้ผมไปนอนกับเพื่อนนะ”
“อ่าว” พี่อาโปหน้าตึงขึ้นมาทันที
“ทำไมอ่ะพี่”
“ก็คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าจะนอนด้วยกันอ่ะ”
“ก็เปลี่ยนใจแล้วไงพี่ พอดีเพื่อนผมมาเที่ยวที่นี่ ก็เลยจะย้ายไปนอนกับเพื่อนแทนอ่ะครับ” ศิลาพยายามพูดด้วยดีๆ แต่ก็พอมองออกว่ามีอารมณ์แฝงอยู่
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่แบบ.. ถ้าทำไม่ได้อย่างที่พูดวันหลังอย่าพูดอีกนะ”
อูยย.. พี่อาโปต้องใจเย็นๆ ก่อนนะ
“เอ้า! ทำไมพี่พูดงี้อ่ะ ผมผิดไรเนี่ย” ศิลาเริ่มขึ้นเสียง สีหน้าไม่พอใจเริ่มแสดงออกให้เห็นได้ชัด ผมจึงคิดว่าได้เวลาที่จะต้องเริ่มห้ามศึกแล้วล่ะ
“สองคนใจเย็นก่อน ค่อยๆ คุยนะ นี่ที่สาธารณะ” ผมพยายามจะปรามทั้งพี่อาโปและน้องศิลา แต่ดูจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่
“พี่กลับก่อนนะ เบื่อคนพูดไม่เป็นคำพูด” พี่อาโปหันมาบอกผมแล้ววางเงินไว้พันนึงเพื่อใช้จ่ายค่าอาหาร เพราะตอนแรกผมบอกว่าจะหารกันมื้อนี้
“ไม่อยากคุยเหมือนกันแหละ งี่เง่าจังวะ แก่ก็แก่ละนะ” ศิลาตะโกนด่าตามหลังพี่อาโปตอนที่ลุกเดินหนีไป
ชิบหายละ ไอ้เวรเอ๊ยยยยย จะมาตีกันทำไมวันนี้เนี่ย พรุ่งนี้ต้องถ่ายแล้วนะเว้ย ละกูจะเรียนจบมั้ยเนี่ย ธีสิสกู๊ววววว!!!!!
“รีบตามไปเคลียร์กับพี่เขาเลย” ผมเร่งเร้าให้ไอ้ศิลายอมตามไปง้อพี่อาโปอีกครั้ง
“ไม่อ่ะ ครั้งนี้ผมไม่ผิดนะ ผมไม่ยอมง้อก่อนหรอก” ศิลาตอบผมแล้วตักข้าวเข้าปากเพื่อกินต่อ
อ่ะ หน้าที่กูอีกแล้วสินะ
“เช็คบิลด้วยพี่!” ผมยกมือเรียกพนักงานมาเก็บตังค่าอาหารทันที ไม่แดกแม่งแล้ว หงุดหงิด เครียด!!!!
พอได้เงินทอนผมก็รีบคว้ามือน้องศิลาให้ลุกตามมาโดยทันที ต้องไปเคลียร์แล้วแหละ ไม่งั้นพรุ่งนี้ทำงานกันไม่ได้แน่ๆ ต้องถ่ายด้วยกันทั้งวันด้วยอ่ะ
ผมกับน้องศิลารีบเดินบึ่งมาจนถึงห้องของพี่อาโป ผมเคาะอยู่หลายครั้งพี่อาโปก็ไม่ยอมเปิด จนผมต้องยอมแพ้แล้วพาน้องศิลาเดินไปห้องของผมกับไอ้เตก่อน
“มีไรกันอีกอ่ะ” ไอ้เตเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นหน้าผม
“ดูออกเลยอ่อ” ผมถาม
“โอ้โห เคาะประตูดังลั่นขนาดนั้น ไม่รู้เลยมั้ง”
“ตีกันอีกละเนี่ย” ผมบอก
“รอบนี้ผมไม่ผิดนะ ผมไม่ได้เริ่ม” ศิลาพูดเสริม
ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ ว่าน้องไม่ผิดอ่ะ ก็เพื่อนมาหา นอนกับเพื่อนอาจจะสบายใจกว่าคนที่เพิ่งรู้จักกันก็ได้
“งั้นอยู่นี่แหละ เดี๋ยวพี่ไปเคลียร์เอง” ผมบอกศิลาให้อยู่ในห้องกับไอ้เตก่อนที่ผมจะเดินออกไปที่ห้องพี่อาโปอีกครั้ง
ก๊อกๆๆ
ผมเคาะประตูห้องพี่อาโปอีกครั้ง คราวนี้พี่อาโปเปิดว่ะ
“ไปไหนแล้วล่ะ” พี่อาโปเอ่ยถาม
“ห้ะ อะไรนะพี่”
“ก็...”
“อ๋อ น้องศิลาอ่ะนะ อยู่ห้องผมอ่ะ”
“อ่อ”
“ผมขอเข้าไปในห้องได้ป่ะพี่”
พี่อาโปพยักหน้าแล้วเปิดประตูกว้างขึ้นให้ผมเดินเข้าไปในห้อง
ผมเดินไปนั่งลงที่โซฟาก่อนจะเริ่มถามพี่อาโปตรงๆ
“โกรธอะไรน้องมันอ่ะพี่”
“ก็มันบอกจะนอนกับพี่คืนนี้” พี่อาโปพูดด้วยอารมณ์ที่เบาลงกว่าตอนที่อยู่ในร้านส้มตำ
“แต่เพื่อนน้องมันมาไงพี่”
“แล้วไงอ่ะ” พี่อาโปตาแข็งใส่ผมทันที
ใจเย็นก่อนนนน แหม่ อารมณ์ร้อนจังวะ
“ไม่แล้วไงๆ แค่อยากให้พี่ลองคิดดูดีๆ ก่อนอ่ะ พี่คิดดูว่าถ้าเป็นตัวพี่ ระหว่างเพื่อนที่สนิทกันมานาน กับคนที่เพิ่งรู้จักกันไม่เท่าไหร่ พี่จะเลือกนอนค้างกับใคร”
พี่อาโปมองหน้าผมนิ่ง ผมเลยพูดต่อ
“พี่ว่าพี่เลือกนอนห้องใครจะสบายใจมากกว่ากัน” ผมขยับเข้าไปใกล้พี่อาโปแล้วเอื้อมมือไปแตะเข่าพี่เขา “มันก็ปกติแหละพี่ น้องมันก็คงเลือกสิ่งที่มันจะรู้สึกโอเคที่สุด พี่อะแหละไปโมโหน้องมันกับไอ้เรื่องแค่นี้ น้องมันจะมองพี่ว่ายังไงอ่ะ ใช่ป้ะ”
“ก็เรื่องของน้องดิ สัญญากับพี่แล้วนี่หว่า”
“ทำไมพี่งอแงจัง หรือว่าพี่...” ผมจ้องตาพี่อาโปด้วยความสงสัย “คิดอะไรกับศิลามากกว่าน้องหรอ”
“อะไร ไม่มี ไม่ได้คิดอะไร!”
อ่ะ.. เชื่อแหละ ยอมเชื่อ เลิ่กลั่กขนาดนี้
“อ่ะๆ ไม่มีก็ไม่มี ผมไม่ได้ว่าอะไร ยังไงพี่ก็ลองคิดดูดีๆ อีกทีละกันพี่ ผมก็ไม่อยากให้มีปัญหากัน เพราะพรุ่งนี้ต้องทำงานอ่ะ มีอะไรก็เดินไปหาพวกผมได้นะพี่ ผมกลับละ”
พูดจบผมก็เดินออกมาจากห้องของพี่อาโปทันที มาลุ้นกันอีกทีว่าพี่อาโปจะยังไงต่อ
-------------------------------------------------------------------
ฝาก #ศิลาของอาโป ด้วยนะค้าบบบ