โบราณว่ากันว่า น้ำหยดลงหินทุกวัน หินมันยังกร่อน...
รัก,ตลก,ชาย-ชาย,ไทย,วัยว้าวุ่น,โรแมนติก,รักวัยรุ่น,ศิลาของอาโป,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ศิลาของอาโป (น้ำหยดลงหินทุกวันฯ เล่ม 1)ครืด ครืด...
ผมหันมองโทรศัพท์ของตัวเองที่กำลังสั่นแรงเพราะมีแจ้งเตือนบางอย่างเข้ามา
วันเกิดของพี่อาโป
ผมหยิบมือถือขึ้นมากดเปิดหน้าจอก่อนจะเห็นแจ้งเตือนจากเฟสบุ๊คว่าวันนี้เป็นวันเกิดของรุ่นพี่หน้าหล่อคนที่มาช่วยแสดงในหนังสั้นงานธีสิสของผม
สายตาของผมเริ่มปรับโฟกัสให้เหมาะสมกับแสงสว่างในยามเช้า ก่อนจะเพ่งมองไปที่หน้าจอมือถือที่เปิดแอพเฟสบุ๊ค แล้วใช้นิ้วมือกดเข้าไปที่หน้าโปรไฟล์ของพี่อาโป แล้วไล่ดูคอมเมนท์อวยพรวันเกิดที่ล้นทะลักมาตั้งแต่เมื่อตอนเที่ยงคืน
ผมเผลอยิ้มตามขณะที่อ่านคอมเมนท์ไปด้วย
เพราะอะไรน่ะเหรอครับ
ก็เพราะว่ามันไม่ได้มีแค่คอมเมนท์อวยพรวันเกิดของพี่อาโปน่ะสิครับ
หลายคอมเมนท์ทีเดียวที่ไถ่ถามว่าจะได้เห็นน้องศิลามาอวยพรวันเกิดพี่ชายคนสนิทคนนี้มั้ย
ก็พวกคนขี้ชิปทั้งหลายนั่นแหละครับ
มันเป็นวิถีของชิปเปอร์ ฮ่าๆ
ก็อย่างว่าล่ะครับ ตั้งแต่ผมอัพคลิปหนังสั้นลงในช่องยูทูปของผม กระแสความจิ้นของพี่อาโปกับน้องศิลาก็โด่งดัง ไวรัลไปทั่วโลกออนไลน์จนพวกผมเองก็ตั้งตัวกันไม่ทัน
ไม่คิดว่าจะกระแสตอบรับดีขนาดนี้
ผมค่อยๆ วางมือถือลงบนเตียง แต่ไม่ทันที่ผมจะลุกออกไป เสียงของมือถือผมก็ดังขึ้นมา ซึ่งเป็นสายเรียกเข้าจากไอ้เต
“ว่า...” ผมกดรับแล้วพูดกับปลายสาย
(มึง วันนี้วันเกิดพี่อาโป)
“กูรู้ละ”
(เออ เขาไปฉลองไหนกันวะ)
“ไม่รู้ว่ะ มึงก็ไปถามพี่อาโปดิ”
(เออว่ะ)
“อือ”
(ละนี่มึงทำไรอยู่)
“เพิ่งตื่น กำลังจะอาบน้ำอ่ะ”
(ไปแดกข้าวกัน)
“เออๆ เดี๋ยวออกไป”
(เค เจอกัน)
ไอ้เตวางสายทันทีหลังจากที่มันพูดจบ ผมก็ได้แต่ส่ายหัวเบาๆ ไม่ใช่เพราะว่าไม่อยากไปหรอกนะ แต่เพราะเอือมระอากับเพื่อนสนิทตัวดีคนนี้มากกว่า ที่เวลามันเหงาหรือไม่มีอะไรทำ มันก็มักจะชวนให้ผมออกไปอยู่เป็นเพื่อน หรือไม่ก็หาเรื่องให้ผมต้องเสียตังค์อยู่ทุกที
แต่จะบ่นมันมากก็ไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะไม่มีเพื่อนเอาซะก่อน
เกิดมามีเพื่อนน้อยก็งี้แหละครับ
ผมโยนมือลงไว้ข้างหมอนก่อนจะรีบลุกไปเข้าห้องน้ำทันที เพื่ออาบน้ำล้างหน้าเตรียมจะออกไปหาไอ้เต สงสัยวันนี้คงจะต้องแต่งตัวให้หล่อสักหน่อย เผื่อจะได้แวะถ่ายรูปไว้โพสท์ไอจีบ้าง ช่วงนี้ค่อนข้างร้างทีเดียว เพราะมัวแต่ยุ่งๆ ไม่ค่อยได้ออกไปไหน เลยไม่ได้มีรูปใหม่ๆ ไว้โพสท์อวดชาวโซเชียลบ้างเลย
น้ำหอมกลิ่นประจำถูกประพรมลงตามจุดชีพจรอย่างตั้งใจ ผมหันมองกระจกซ้ายขวาเพื่อเช็คความเรียบร้อยของตัวเองก่อนจะคว้ากระเป๋าเพื่อออกจากบ้านแล้วตรงไปยังจุดหมายปลายทางที่ได้นัดกันไว้กับไอ้เต
“ไอ้กานต์!” ไอ้เตตะโกนเรียกชื่อผมในขณะที่ผมกำลังยืนอยู่บนบันไดเลื่อนที่กำลังเลื่อนขึ้นไปชั้นที่อยู่บนกว่า
ผมยกมือขึ้นทักมันก่อนจะเดินเข้าไปหา
“สรุปแดกอะไร” ผมถาม
“ไม่รู้ว่ะ เดี๋ยวเดินดูก่อนละกัน”
“เอ้า ไอ้สัส! มาก่อนตั้งนานละ ยังเลือกไม่ได้อีกหรอวะ” ผมเผลอสบถด่าออกไปด้วยความโมโหหิว ไอ้เตก็หน้าหงอลงทันที เอาจริงๆ ก็แอบรู้สึกผิดแหละนะ แต่ก็ทำไงได้ แทนที่มาถึงแล้วจะได้กินเลยอ่ะ
“อ่ะ งั้นมึงอยากกินอะไร” ไอ้เตถามผมกลับ
“อะไรก็ได้ กูหิว”
“ไม่มีอะไรก็ได้ เลือกมา”
“มึงเลือกเลย กูกินได้หมด” ผมย้ำตอบ
“อ่ะ ถ้ากูเลือกละมึงไม่แดกนะ มีทุบ” ไอ้เตมองค้อนให้หนึ่งขวับ ก่อนจะเดินนำหน้าไป
ไอ้เตพาผมเดินเข้าร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าประจำ ที่มันมักจะมากินบ่อยๆ แน่นอนว่าผมก็มาบ่อยเหมือนกัน เพราะทุกครั้งที่ออกมาข้างนอกกับมัน ถ้าตัดสินใจเลือกร้านอาหารไม่ได้ ก็มักจะมาจบลงที่ร้านนี้ทุกที กินจนเบื่อ จนหายเบื่อ จนจะกลับมาเบื่ออีกรอบละ
“รับอะไรดีคะ”
“ข้าวหน้าหมูผัดเผ็ดซอสญี่ปุ่นครับ”
ผมรีบชิงตอบชื่ออาหารที่ผมอยากกินก่อนที่พนักงานจะได้หยิบเมนูอาหารมาให้ด้วยซ้ำ
ก็มากินบ่อยซะจนจำชื่อเมนูได้เกือบหมดละเนี่ย
“ผมเอาราเมงหมูชาชูครับ” ไอ้เตสั่งต่อหลังจากผม พนักงานสาวก็รีบจดเมนู แล้วหันไปยิ้มให้กับไอ้เตก่อนจะเดินออกจากโต๊ะพวกผมไป
เบื่อสุด ทำไมมีแต่คนหลงเสน่ห์มันก็ไม่รู้
“เป็นไรมึง เบ้ปากจนจะฉีกละมั้งน่ะ”
สงสัยผมคงเบ้ปากออกมาระหว่างคิดเยอะไปหน่อย ไอ้เตมันเลยเอ่ยทัก
“ก็ดูดิ น้องคนเมื่อกี๊เขามองมึงซะ สงสัยจะโดนมึงตกละมั้ง”
“ก็ปกติป้ะ ก็กูหล่อ” ไอ้เตยืดอกพูด
“รำคาญ” ผมเบะปากใส่พร้อมส่ายหัว
เรื่องมั่นหน้ามั่นใจนี่ยกให้มันเป็นที่หนึ่งไปเลย
“หรือมึงจะเถียง ใครๆ ก็ตกหลุมรักกูทั้งนั้นแหละ” ไอ้เตพูดต่อ
“เออ ก็ถูกของมึง” ผมตอบพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่ง ในใจอยากเถียง แต่ก็น้ำท่วมปาก เอาซะผมไปต่อไม่ถูก
ไม่มีบทสนทนาอื่นใดจากเราทั้งสองคนอีกในระหว่างที่กำลังรออาหารมาเสิร์ฟ เพราะไอ้เตก็นั่งเล่นเกมในมือถือ ส่วนผมก็นั่งไถทวิตเตอร์และไอจีอัพเดทชีวิตชาวบ้านไปเรื่อยเปื่อย
วันนี้วันเกิดพี่อาโป
ผมเปิดเฟสบุ๊คดูอีกครั้ง พลางนึกไปว่าจะซื้ออะไรเป็นของขวัญวันเกิดให้พี่อาโปดี เพราะยังไม่ได้ซื้อเลย แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าพี่เขาชอบอะไร หรือจะถามน้องศิลาดีวะ
“มึง” ผมเอ่ยเรียกไอ้เตที่กำลังจดจ่อกับเกมในมือถิืออยู่
“ว่า” มันตอบแต่ไม่เงยหน้าจากจอเลยแม้แต่น้อย
“ซื้ออะไรให้พี่อาโปดีวะ”
“ซื้อไรอ่ะ ซื้อทำไม”
“เอ้า! ก็วันเกิดพี่เขาไง” ผมเริ่มหงุดหงิดนิดหน่อยที่มันลืม
ไอ้นี่ พอเล่นเกมปุ๊บก็ไม่โฟกัสอย่างอื่นเลย ทำอะไรได้ทีละอย่างสินะ
“เออ กูลืมมมม!!!”
ผัวะ!
“โอ๊ย กูเจ็บ” ไอ้เตเอามือลูบหัวป้อยๆ เพราะโดนผมตบไปทีหนึ่ง
“ไอ้ห่า เมื่อเช้าเป็นคนโทรมาบอกกูแท้ๆ เสือกลืม”
“เออๆ มึงอย่าเพิ่งกวนดิ๊ กูเล่นเกมอยู่เนี่ย” ไอ้เตหงุดหงิดเมื่อผมเริ่มจะรบกวนเวลาสนุกของมัน เสียงจิ๊จ๊ะสบถออกมาอยู่หลายครั้ง จนผมที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับต้องส่ายหัวด้วยความระอา แล้วเดินหนีออกไปเข้าห้องน้ำสักหน่อย
ไม่ชอบเวลามันหงุดหงิดใส่ผมอ่ะ
ไม่ชอบเลย...
ติ๊ง!
เสียงไลน์ดังแจ้งเตือนว่ามีข้อความเข้า ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นไลน์จากน้องศิลา
Sila : พี่ ช่วยผมด้วย!
ผมที่ได้อ่านข้อความก็แอบตกใจอยู่ไม่น้อย ในหัวพาลคิดไปว่าเกิดเรื่องอะไรไม่ดีกับน้องมันหรือเปล่า ก่อนจะค่อยๆ ตั้งสติแล้วพยายามบอกตัวเองว่าอย่าคิดมโนไปไกล อย่าเพิ่งเป็นเป็นกระต่ายตื่นตูม พอเริ่มกลับมาหายใจได้ราบรื่นเป็นปกติ ผมก็ตัดสินใจโทรหาน้องศิลาทันที
(ฮัลโหลครับ) เสียงปลายสายดังขึ้นหลังจากกดรับ
“เป็นไรน้อง!” ผมรีบเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
(พี่!! วันนี้วันเกิดพี่อาโป)
โถ่.. ก็นึกว่าอะไร
“เออ กูรู้ละ”
(ซื้ออะไรให้พี่เขาดีอ่ะพี่)
“เอ้า! ก็คนของมึง มึงมาถามกู แล้วกูจะไปรู้กับมึงมั้ย”
(อะไรเล่า ไม่ใช่คนของผมสักหน่อย)
“จ้าาาาา” ผมนี่มองบนจนตาแทบกลับไปอีกด้าน
(เอาน่ะพี่ ช่วยผมก่อน)
น้องศิลารีบบอกปัดเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ซื้ออะไรไป พี่อาโปเขาก็ชอบทั้งนั้นแหละ”
(จริงหรอพี่)
“เออดิ แค่มึงซื้อไปเขาก็ดีใจตายห่าละ”
(งั้นพี่ช่วยผมเลือกหน่อยดิ)
“อ่ะ ลำบากพี่ไปอี๊กกกก”
(น้าาา นะๆๆ)
“เออๆ ละนี่อยู่ไหนอ่ะ”
(ผมอยู่บ้าน พี่อยู่ไหน เดี๋ยวผมไปหาได้)
“อยู่สยาม ตามมาๆ”
(เคพี่ เจอกันครับ)
ศิลาวางสายไป ผมก็เลยถือโอกาสเข้าห้องน้ำซะให้เรียบร้อยก่อนจะเดินกลับไปหาไอ้เตที่โต๊ะ พอเดินมาถึงบนโต๊ะก็มีเมนูหลากหลายจานถูกวางไว้จนเต็มโต๊ะ โอ้โห.. มันแอบสั่งเพิ่มตอนผมไม่อยู่หรอ แต่ก็ถือว่าใช้ได้ เพราะมีแต่เมนูที่ผมชอบกินทั้งนั้นนั่นแหละ
ผมลากเก้าอี้ออกมาแล้วหย่อนตัวนั่งลง สายตาพลางมองไอ้เตไปด้วย ตั้งแต่มาถึงจนผมเดินไปเข้าห้องน้ำ จนกลับมา มันก็ยังเกาะติดจอเพราะเล่นเกมอยู่ไม่เลิก แต่ก็เอาเถอะ หิวละ ผมจะกินก่อน ไม่รอมันละครับ
“เออมึง! เมื่อกี๊น้องศิลาโทรมาหากูว่ะ” ผมพูดพลางตักอาหารเข้าปากไปด้วย
“โทรมาทำไมอ่ะ” ไอ้เตเอ่ยถามขณะที่ยังเล่นเกมในมือถืออย่างต่อเนื่อง
“จะให้กูช่วยซื้อของขวัญให้พี่อาโปอ่ะดิ”
“เชี่ยยยย” ไอ้เตร้องอุทานเสียงดังก่อนจะวางมือถือลงบนโต๊ะอาหาร “ตายเลย...”
ผมถึงกับส่ายหัวรัวๆ มันนี่น้า เล่นเกมทีไรฟิลเตอร์ความง้องแง้งคลุมรอบตัวมันทุกที
“ก็ช่วยน้องมันหน่อยละกัน เผื่อผลบุญจะได้ส่งเสริมให้มึงได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนกับคนอื่นเขามั่ง” ไอ้เตแซวแล้วขำออกมาเบาๆ
“เกี่ยวไรกับกูอ่ะ”
“เอ้า! ก็กูไม่เคยเห็นมึงคบใครจริงๆ จังๆ สักทีนี่หว่า”
“เรื่องของกู” ผมเอ่ยตอบแล้วรีบจ้วงอาหารเข้าปากทันที ไม่อยากพูดถึงละเรื่องนี้ มันหงุดหงิดและน่ารำคาญทุกครั้ง โดยเฉพาะเวลาออกมาจากปากอย่างคนแบบไอ้เต
ไอ้เตเห็นแบบนั้นก็เลยไม่พูดต่อ แล้วหันไปก้มหน้าก้มตากินข้าวของตัวเองที่สั่งมา เอาจริงๆ มันก็รู้แหละว่าพูดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ กับผมทีไร ก็เป็นอันที่ผมจะต้องหงุดหงิดและหัวเสียทุกที
“แล้วเดี๋ยวต้องไปหาศิลามันที่ไหนอ่ะ” ไอ้เตเอ่ยถามขึ้นมาขณะที่เรากำลังกินข้าวกันอยู่
“กูให้น้องมันมาหาเราที่นี่อ่ะ”
“อ่อ แล้วจะพามันไปซื้อไรวะ”
“ไม่รู้ดิ ให้มันเลือกเองอ่ะแหละ” ผมเอ่ยตอบก่อนจะตักอาหารคำสุดท้ายเข้าปาก
“อิ่มละเหรอ” ไอ้เตถามเมื่อเห็นผมวางมือจากการกิน
ผมพยักหน้าแทนคำตอบ
“เคๆ กูก็อิ่มละ” ไอ้เตรีบตักอาหารทีเหลือเข้าปาก
“คิดเงินด้วยคร้าบ” มันยกมือเรียกพนักงานให้มาคิดเงิน
หลังจากจ่ายเงินเสร็จผมกับมันก็พากันเดินออกจากร้าน แล้วเดินเล่นไปเรื่อยเพื่อรอเวลาให้น้องศิลามาถึง ระหว่างนั้นเราทั้งคู่ก็พยายามจะมองหาร้านที่พอจะสามารถซื้อของขวัญให้พี่อาโปได้ เพื่อที่เวลาน้องศิลามาถึงจะได้ประหยัดเวลา ไม่ต้องเดินตามหาร้านกันให้เมื่อยอีก
ติ๊ง~!
เสียงข้อความไลน์แจ้งเตือนขณะที่เรากำลังเดินเพลินๆ ผมเลยหยิบขึ้นมาดู ก็เป็นไปอย่างที่แอบคาดไว้
Sila : ผมถึงแล้วนะพี่
“ศิลาถึงละ”
KARN : อยู่สตาร์บัค เดินมาเลยๆ
ผมพิมพ์ไลน์ตอบกลับไป ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในร้านแล้วสั่งกาแฟ Cold Brew ที่กินประจำ เพื่อนั่งรอรุ่นน้องตัวสูงที่กำลังมาหา
ไม่นานศิลาก็เดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ผม
“ไง สรุปนึกออกยัง จะซื้ออะไร” ผมเอ่ยทักทันที่น้องนั่งลง
“…”
เงียบ ศิลาไม่ได้ตอบอะไร
มีแต่สีหน้าเป็นกังวลของอีกฝ่ายที่ผมกับไอ้เตเห็นแล้วก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้
“ผมว่าจะซื้อตุ๊กตานี่แหละ ง่ายดี” ศิลาพูดโพล่งขึ้นหลังจากนั่งคิดมาครู่หนึ่ง
“เออ ง่ายจริง” ไอ้เตพูดพลางหลุดขำออกมา ทำเอาศิลาหน้าเสียไปเล็กน้อย
“มึงก็ไปแซวน้องมัน” ผมยกมือฟาดไหล่เพื่อนสนิทผมไปทีนึง ในข้อหาที่มันพูดไม่คิด ทำให้น้องต้องเสียความมั่นใจ
“ผมไม่รู้จะซื้ออะไรจริงๆ อ่ะพี่ กลัวไม่ถูกใจพี่อาโป”
“ตุ๊กตาก็ได้ ไม่ต้องซีเรียสหรอกน่า แค่แกซื้อให้ พี่เขาก็ดีใจจะแย่แล้ว” ผมพูดปลอบใจไม่ให้น้องต้องคิดมาก
“จริงหรอพี่กานต์”
“จริงดิ เชื่อพี่เหอะ”
น้องศิลาจ้องหน้าผมนิ่งก่อนจะพยักหน้าตามเป็นการตอบรับ
“งั้นเราไปกันเลยมั้ย” ผมถามศิลากับไอ้เตก่อนที่เราทั้งสามคนจะลุกเดินออกจากร้านไป
ผมพาน้องมันเดินข้ามฝั่งมายังห้างใหญ่ เพื่อที่จะพาน้องไปยังร้านขายตุ๊กตาหมีร้านดัง เพราะหวังจะให้น้องมันได้มีตัวเลือกเยอะๆ เผื่อว่าจะได้เจอของชิ้นที่ถูกใจที่สุด เอาดีๆ วันสำคัญทั้งทีก็ต้องพิถีพิถันกันหน่อย
ตุ๊กตาหมีจำนวนมากวางอยู่ตามชั้นโชว์สินค้าเต็มไปหมด เรียกได้ว่าละลานตาจนผมเองก็ยังเลือกไม่ถูก ผม ไอ้เต และน้องศิลาเดินเข้าไปภายในร้าน พนักงานสาวเดินมาต้อนรับอย่างดี ก็แอบเขินอยู่เหมือนกันนะครับ ผู้ชายสามคนมาเดินเลือกซื้อของน่ารักๆ แบบนี้ แต่ก็เอาเถอะ ยุคนี้แล้ว ไม่เห็นต้องสนใจว่าใครจะมองเรายังไงเลยนี่เนอะ
“เอาไงอ่ะ เยอะไปหมด โคตรตาลาย” ไอ้เตเดินบ่นไป มือก็หยิบตุ๊กตาดูไปเรื่อยๆ
“จริงพี่ เยอะจัดๆ” ศิลาเอ่ยตอบ สายตามพลางมองไปรอบๆ ร้าน
พนักงานสาวเดินเข้ามาหาพวกเรา เมื่อสังเกตเห็นว่าพวกเรามีความเด๋อด๋าไม่รู้ความกันอยู่ไม่น้อย “สนใจสินค้าตัวไหนสอบถามได้นะคะ”
“ครับผม” ศิลาเอ่ยตอบ
“เดี๋ยวขอเดินดูก่อนนะครับ” ผมช่วยเสริม ขอเดินดูกันเองดีกว่า เพราะเวลามีพนักงานมาเดินตามทีไร รู้สึกอึดอัดทุกที
“ยินดีค่ะ” พนักงานสาวยิ้มแล้วพยักหน้ารับก่อนจะเดินถอยออกไปอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ
ผมกับน้องศิลาเดินดูตุ๊กตาหมีไปเรื่อยๆ ล็อกไหนที่น่าสนใจก็จะใช้เวลานานหน่อย ส่วนล็อกไหนที่ตุ๊กตาดูธรรมดาเกินไป ก็ไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษ เพียงแต่มองๆ แล้วก็เดินผ่านไปเท่านั้น
“พี่ๆ อันนั้นน่าสนใจป้ะ” ศิลาชี้ให้ผมดูโซนตุ๊กตาที่มีป้ายแปะเอาไว้ว่ามันอัดเสียงได้
“เอ้อ ดีๆ อันนี้น่าสน” ผมเดินเข้าไปหาบริเวณนั้นทันที เพราะว่ามันค่อนข้างจะดึงดูดผมได้มากทีเดียว
ผมไม่ลืมที่จะคว้ามือของน้องศิลาให้เดินตามผมมาด้วย ในโซนตุ๊กตาอัดเสียงนอกจากจะเต็มไปด้วยตุ๊กตาหมีจำนวนมาก ก็ยังคราคร่ำไปด้วยลูกค้าจำนวนไม่น้อย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะของเล่นที่มีกิมมิคแบบนี้ ใครๆ ก็อยากจะซื้อไปเป็นของขวัญให้คนพิเศษอยู่แล้วแหละ
“เอาตัวนั้นมั้ย” ผมชี้ไปที่ตุ๊กตาหมีสีขาวตัวหนึ่งที่วางอยู่บนชั้นที่สูงกว่าหัวของพวกเรา
ตุ๊กตาหมีสีขาวตัวอวบอ้วนขนาดกำลังดี ไม่เล็กไป ไม่ใหญ่ไป เหมาะสำหรับการโอบกอดได้แบบพอดีตัว ผมเอื้อมไปคว้าตัวมันลงมาหลังจากหันไปบอกกับรุ่นน้องคนข้างๆ ว่าน่าสนใจ
“แกคิดว่าไง” ผมถามพร้อมยื่นหมีตัวนั้นให้ศิลาเป็นคนเอาไปถือไว้
“ก็ดีนะพี่”
“แสดงว่ายังไม่ดี” ผมยื่นมือไปเตรียมจะเอาหมีตัวนั้นกลับไปวางไว้ที่ชั้นเดิม แต่น้องศิลาก็ดึงกลับไปไว้ในอ้อมกอด
“เอาตัวนี้แหละพี่ ขี้เกียจเลือกละ”
“เอ้า อะไรวะ”
“เลือกได้แล้วใช่ป้ะ กูเดินจนเมื่อยละเนี่ย” ไอ้เตพูดขึ้นในขณะที่เดินเข้ามาใกล้ผมกับน้อง
“แหม มึงจะไปเลือกซื้อของเล่นที่โซนฝั่งนู้นอ่ะดิ” ผมประชด
“เออ ทำเป็นรู้ดีนะมึงอ่ะ”
“ก็มากับมึงทีไร ก็ไปโซนนั้นทุกที จะไม่รู้ได้ไงวะ”
“เราไปคิดเงินกันมั้ยครับ” ศิลาพูดขัดในจังหวะที่เริ่มเห็นว่าผมกับไอ้เตกำลังจะมีปากมีเสียงกันอีกครั้ง
ไม่เคยได้หยุดได้หย่อน คุยกันสองคำ เถียงกันสามประโยค
ผมกับไอ้เตที่กำลังจะเถียงกันต่อก็เลยต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แล้วเดินตามรุ่นน้องร่างโตที่หัวเราะใส่เราทั้งสองคน ก่อนจะเดินนำไปยังแคชเชียร์จ่ายเงิน
“แกจะอัดเสียงว่าอะไร” ผมเอ่ยถามทันทีหลังจากที่เราจ่ายเงินแล้วเดินออกจากร้านขายตุ๊กตามา
ก็คนมันอยากรู้อ่ะ ไหนๆ ก็ริจะเป็นชิปเปอร์ เราก็ต้องไปให้สุดสิ
“ความลับครับ” น้องศิลายิ้มแป้นแล้วเร่งฝีเท้าเดินนำหน้าพวกเราไป
ผมรีบวิ่งไปตามอ้อนวอนเพื่อจะล้วงเอาความลับตัวเองอยากรู้ เพื่อมาสนองความต้องการของตัวเองให้ได้
“บอกหน่อยไม่ได้หรอ” ผมพยายามอ้อน แต่รุ่นน้องตรงหน้าก็ส่ายหัวรัวๆ จนผมเองต้องยอมแพ้
“พอเหอะ น้องมันไม่บอกก็ไม่ต้องเซ้าซี้” ไอ้เตพูดเสริมขึ้นมาเมื่อเห็นว่าผมเริ่มวอแวน้องจนเกินพอดี
“เออๆ ไม่ยุ่งก็ได้” พูดจบผมก็เดินออกไปเลยทันที
ไม่ได้งอนหรอกครับ พอดีเห็นเสื้อลดราคาอยู่ไกลๆ เลยจะรีบเดินไปดูอ่ะ
พอมาถึงร้าน ผมเดินเลือกเสื้อผ้าโดยไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าอีกสองคนจะเดินตามมามั้ย ก็เวลาเห็นของลดราคามันก็มักจะหน้ามืดตามัวอยู่ตลอดเลยนี่ครับ จนกระทั่งมีคนเดินมาสะกิดไหล่ผมนั่นแหละถึงได้มีสติกลับมาอยู่กับตัวอีกครั้ง
“ไหนบอกว่ามาช่วยไอ้ศิลามันเลือกของขวัญไง” ไอ้เตถามพลางทำหน้ากวนตีนใส่
“เอ้า ก็น้องมันซื้อเสร็จละป้ะ นี่ก็เวลาของกูละ” ผมพูดแล้วเชิดหน้าใส่ เพราะจะไปเดินดูเสื้อผ้าต่อ
“เอ้อ ละน้องศิลาอ่ะ ไปไหนละ” ผมถามเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าไม่เห็นน้องมันเดินตามไอ้เตมาเลย
“เห็นบอกจะไปห้องน้ำอ่ะ”
ผมก็เลยได้แต่พยักหน้ารับหงึกๆ แล้วหันไปเดินช้อปปิ้งเหมือนเดิม เพื่อเติมคือมีคนคอยเดินตาม ฮ่าๆ
ไม่นานถุงกระดาษจากร้านค้าที่อัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าที่ผมซื้อก็เต็มไม้เต็มมือผมไปหมด มันเพลินไปหน่อย เลยได้ติดมือมาซะเยอะเลย แต่ว่าไม่ใช่ของผมแค่คนเดียวหรอกนะครับ แต่มันยังมีของไอ้เต แล้วก็ของขวัญของพี่อาโปด้วย
น้องศิลาเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมถือตุ๊กตาหมีออกมาด้วย ในขณะที่ผมกับไอ้เตเดินออกมาจากร้านเสื้อผ้ามายืนรอน้องอยู่แถวม้านั่งใกล้ๆ ห้องน้ำ
“ไปบ้านพี่อาโปกัน” ศิลาพูดขึ้น ผมกับไอ้เตหันมองหน้ากันทันที
“ตอนนี้เลยหรอ” ผมถาม
“ครับ”
“กูนึกว่าเราจะไปกันตอนเย็นๆ ซะอีก” ไอ้เตพูดขึ้นมา
“แต่่นี่ก็บ่ายสามโมงกว่าละนะพี่” ศิลาพูดพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู
เออว่ะ ก็จริง.. แล้วกว่าจะขับรถไปถึงบ้านพี่อาโปกันอีก ไกลจัดเลย คือบ้านพวกผมสามคนเนี่ย มันยังอยู่ในเมืองไง แต่บ้านพี่อาโปนี่คือแทบจะหลุดออกจากเมืองไปละ แบบอีกนิดเดียวก็จะข้ามจังหวัดแล้วอ่ะ คอนโดในเมืองก็มี ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องให้ไปที่บ้าน แทนที่จะแบบ เอ้อ อยู่คอนโดไรงี้ จะได้เดินทางง่ายหน่อย
ผมก็ได้แค่บ่นล่ะครับ นานๆ จะไปทีนึง ไม่ใช่ว่าจะต้องไปบ้านพี่เขาทุกวันเสียหน่อย แล้วอีกอย่างวันนี้ก็วันเกิดเขา เป็นวันของเขาอ่ะเนอะ ก็ต้องยอมๆ หน่อยแหละ
ไหนจะมีน้องศิลามาขอร้องแบบนี้อีก ไม่ไปก็คงไม่ได้แล้วป่ะ
“งั้นเดี๋ยวศิลาไปรถพี่ ละไอ้เตมึงก็ขับตามไปละกัน” ผมจัดการให้เสร็จสรรพ เอาน้องนั่งรถไปกับผมดีกว่า
มันเหงาอ่ะ ไม่อยากขับรถคนเดียว ฮ่าๆๆ
ระหว่างทางที่ผมขับรถพาน้องศิลาไปบ้านพี่อาโปนั้น ผมสังเกตเห็นได้ชัดเลยว่าน้องมีความตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ว่าจะพยายามเก็บกักความรู้สึกเหล่านั้นไว้ข้างใน แต่ก็ไม่อาจซ่อนเอาไว้ได้ทั้งหมด เพราะมันแสดงออกมาให้เห็นได้ชัดผ่านลมหายใจที่ไม่เป็นจังหวะของศิลา สองมือกอดตุ๊กตาหมีไว้แน่น สายตาทอดมองยาวออกไปข้างนอก เพลงในรถก็เล่นไปแบบที่น้องคงไม่รู้ถึงความหมายของมันด้วยซ้ำ
เพราะอะไรน่ะเหรอ?
ก็คงเพราะว่าจิตใจไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วล่ะ..
ผมขยับรถเข้าจอดอยู่ริมรั้วบ้านของพี่อาโป อย่าว่าแต่น้องศิลาเลย ตอนนี้หัวใจของผมก็เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะอยู่เหมือนกัน ไอ้บ้าเอ๊ย! แค่ขับรถพาน้องมาเฉยๆ นะเนี่ย แต่ก็แบบ มันรู้ไงว่ากำลังจะมีเหตุการณ์อะไรดีๆ เกิดขึ้น ก็อดตื่นเต้นไม่ไหว
ลมหายใจของผมเข้าออกไม่ค่อยเป็นจังหวะ พอๆ กับที่น้องศิลาเป็นมาตลอดทาง ผมดับเครื่องยนต์ ชักกุญแจออกแล้วหันมองหน้ารุ่นน้องที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ ก่อนจะพยักหน้าส่งสัญญาณให้ลงไปข้างล่างกัน
“บอกพี่อาโปยังว่าถึงแล้ว” ผมถามขณะที่เราทั้งคู่ลงจากรถมายืนรอหน้าบ้านพี่อาโป
“ผมไลน์หาแล้วพี่”
ศิลาพูดจบปุ๊บ รถของไอ้เตก็ขับเข้ามาจอดเทียบปั๊บ เหมือนมีใครสักคนปล่อยคิวให้ออกมา ก็เลยโชคดีไปที่ทำให้ทั้งผมและน้องศิลาไม่ต้องรอนาน
“พี่อาโปไม่อยู่บ้านหรอ” เตที่ลงจากรถแล้วเดินตรงเข้ามาหาผมเอ่ยถามขึ้น
“อยู่ๆ รอมาเปิดประตูบ้านเนี่ย” ผมตอบ ไม่ทันขาดคำประตูบ้านก็เปิดออกมา
พี่อาโป พร้อมรอยยิ้มกว้างจนตาหยี เมื่อเห็นศิลายืนถือตุ๊กตาหมีอยู่ตรงหน้า
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ครับ” ศิลาพูดขึ้นทันทีที่เห็นหน้าพี่อาโป เล่นเอาทั้งผม ไอ้เต และพี่อาโปหน้าเหวอไปตามๆ กัน
ทำไมมันไม่รอเข้าไปให้กันข้างในวะ เอาตรงนี้เลยเหรอ..
“ขอบคุณนะ” พี่อาโปยิ้มเขินแล้วรับของขวัญที่ศิลาตั้งใจเลือกให้มากอดไว้ในอ้อมอกของตัวเอง
“ตั้งใจเซอร์ไพร์สพี่หรอ” พี่อาโปถามศิลา
“ครับ” ศิลาพยักหน้า แต่สายตาก็ไม่ได้มองหน้าพี่อาโปสักเท่าไหร่หรอก แต่ก็ไม่น่าแปลก ความหล่อของพี่อาโปวันนี้ มันเวอร์วังเสียจนขนาดผมที่ไม่ได้กรี๊ดกร๊าดอะไรเหมือนคนอื่นเขา แต่พอเห็นใกล้ๆ ก็ยังอดเขินไม่ได้ แล้วศิลาจะไปทนไหวได้ยังไงกัน
ผมกับไอ้เตเลยค่อยๆ เดินหลบๆ ออกมายืนอยู่ข้างๆ แทน เป็นทีมชิปเปอร์แอบมองคนทั้งคู่สานสัมพันธ์กันต่อ ก็สนุกดี ฮ่าๆ
“จริงๆ มีเซอร์ไพรส์มากกว่านี้อีกนะครับ” ศิลาเอ่ยพูดขึ้นแล้วชี้ไปหน้าอกของตุ๊กตาหมี
“หื้ม?” พี่อาโปมองตามด้วยความสงสัย
“ลองกดดูสิครับ”
พี่อาโปเอื้อมมือไปออกแรงกดที่บริเวณหน้าอกของตุ๊กตาตัวนั้น
‘ผมก็ชอบพี่นะ’
เสียงนุ่มของศิลาดังลอดผ่านออกมาจากตุ๊กตาตัวนั้น สีหน้าของพี่อาโปเปลี่ยนเป็นตื่นตกใจทันทีที่ได้ยิน ผมและไอ้เตที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ตกใจไม่แพ้กัน ไม่คิดว่าศิลามันจะกล้าขนาดนี้
น้องศิลายิ้มแป้นกับรีแอคชั่นที่เกิดขึ้นของคนตรงหน้า ผมกับไอ้เตน่ะเหรอ ตอนนี้ก็คือยืนบิดกันอยู่สองคน ใครจะไปรู้ว่าจะต้องมาเห็นคนสองคนยืนจีบกัน เสิร์ฟโมเมนท์หวานให้กันต่อหน้าขนาดนี้
“พี่ไม่ได้ฝันใช่ป่ะเนี่ย” พี่อาโปค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้น้องศิลามากขึ้น ก่อนจะจ้องตาอีกฝ่ายนิ่ง
‘ผมก็ชอบพี่นะ’
เสียงจากตุ๊กตาดังขึ้นอีกครั้ง เพราะพี่อาโปตั้งใจกดมันลงไป ศิลาที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ส่งยิ้มหวานกลับไปจนไม่แน่ใจว่าพี่อาโปนั้นใจสั่นไปถึงระดับไหนแล้ว
“เป็นแฟนกันนะครับ” น้องศิลาเอ่ยขึ้น
โอ้โห!! ดาเมจรอบสอง พลังรุนแรงมากกว่ารอบแรกเสียอีก คิดว่าคนอย่างพี่อาโปจะทนไหวเหรอ ขนาดผมกับไอ้เตยังเขินบิดจนแทบจะยืนไม่อยู่แล้วเนี่ย
ส่วนพี่อาโปก็เป็นอย่างที่ผมคาดไว้จริงๆ เขายืนนิ่งตะลึงงันไปซะแล้ว ก็คงช็อคแหละ แต่เป็นการช็อคที่ดูมีความสุขมากทีเดียว เพราะรอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้านั้นเป็นหลักฐานชิ้นเอกที่แสดงออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน
“พี่อาโป” ศิลาเรียกอีกครั้ง เพื่อให้อีกฝ่ายหลุดออกจากภวังค์
“อะ..อื้ม ว่าไงนะ”
“ผมบอกว่า...” ศิลาเว้นจังหวะหายใจ เพราะตัวเองก็แอบตื่นเต้นไม่ต่างกัน
“…”
“เป็นแฟนกันนะครับ”
พี่อาโปพยักหน้ารัวๆ แทนคำตอบก่อนจะกระโดดเข้าไปกอดคนตรงหน้าแน่น ส่วนผมกับไอ้เตก็ดีใจกระโดดจนตัวลอย เพราะรู้สึกยินดีกับทั้งสองฝ่าย คนหนึ่งก็พี่ที่เรารู้จัก ส่วนอีกคนก็น้องรักที่เราเอ็นดู
จากนั้นคนพี่ก็ค่อยๆ คลายกอดออกจากคนน้องแล้วจับมือไว้แน่น
“ไม่ได้แกล้งพี่เล่นใช่มั้ย”
“จะแกล้งทำไมล่ะครับ” น้องศิลาแอบขำเบาๆ กับท่าทีที่ยังไม่อยากเชื่อของพี่อาโป
“นี่เรา.. เป็นแฟนกันแล้วจริงๆ ใช่มั้ย” น้ำเสียงตื่นเต้นของพี่อาโปถามขึ้นอีกครั้ง
“ครับ ตอนนี้... เราเป็นแฟนกันแล้วครับ” น้องศิลายิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับ
“งั้น..” พี่อาโปเว้นวรรคเพื่อข่มอาการตื่นเต้นก่อนจะพูดต่อ “เรามาเดินไปด้วยกันจนแก่เลยเนอะ”
หลังจบประโยคนั้นจากปากของคนตัวสูง ทั้งพี่อาโปและน้องศิลาก็ยิ้มให้กัน ออร่าความสุขมันแผ่กระจายออกมาจนชาวบ้านที่ยืนอยู่ข้างๆ แบบผมกับไอ้เตยังรู้สึกอิ่มเอมตามไปด้วยเลยครับ
——————————————- THE END ———————————————-
To be continued…
- See you in Part 2 -
ps. NC รออ่านในเล่มนะครับ ^_^