เมื่อลืมตาตื่น 'ดารินทร์' ก็พบว่าตัวเขาได้เข้ามาอยู่ในเกมผจญภัยในโลกแฟนตาซีที่เคยเล่นในอดีต ทว่า "ร่างที่ฉันเข้ามาอยู่กำลังจะถูกลอบสังหารในอีก 3 วัน"

เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก - EP.2 ยับยั้งการสังหารหมู่ (1) โดย Zephyr_W @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,ชาย-ชาย,ตะวันตก,transmigration,ทะลุมิติ,ต่างโลก,แฟนตาซี,แนวระบบ,ตลก,แอ็คชั่น ,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ชาย-ชาย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

transmigration,ทะลุมิติ,ต่างโลก,แฟนตาซี,แนวระบบ,ตลก,แอ็คชั่น ,ดราม่า

รายละเอียด

เมื่อลืมตาตื่น 'ดารินทร์' ก็พบว่าตัวเขาได้เข้ามาอยู่ในเกมผจญภัยในโลกแฟนตาซีที่เคยเล่นในอดีต ทว่า "ร่างที่ฉันเข้ามาอยู่กำลังจะถูกลอบสังหารในอีก 3 วัน"

ผู้แต่ง

Zephyr_W

เรื่องย่อ

[ The tale of light ] หรือ [TOL] หนึ่งในเกมผจญภัยในโลกแฟนตาซี ที่มีตัวเอกเป็นนักบุญของมหาวิหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเน้นเรื่องราวการผจญภัยไปกับชายรูปงามที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายรักขายดีอันดับหนึ่งติดต่อกัน 3 ปีซ้อน


เป็นเกมออนไลน์แนว open world ที่จะเปิดโอกาสท่องโลกเก็บเกี่ยวประสบการณ์เรื่องราวความรักและการต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาด อีกทั้งยังมีระบบแต่งบ้าน สร้างร้านค้า ดูแลอาณาเขตที่ดินและระบบจีบ


ทว่า...


" ร่างที่ฉันเข้ามาอยู่ในตอนนี้กำลังจะถูกลอบสังหารในอีก 3 วัน"


รินทิ้งศรีษะลงบนมือทั้งสองที่นุ่มเกินกว่าจะเป็นมือของเขาทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ดังนั้น


...นี่มันแย่ชะมัด




สารบัญ

เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.1 ตัวประกอบผู้ไม่มีแม้แต่บท,เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.2 ยับยั้งการสังหารหมู่ (1),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.3 ยับยั้งการสังหารหมู่ (2),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.4 ยับยั้งการสังหารหมู่ (3),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.5 สามสิ่งที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง,เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.6 เพราะมันมีต้นฉบับเป็นนิยายรักโรแมนติก (?),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.7 คืนวันลอบสังหาร (1),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.8 คืนวันลอบสังหาร (2),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.9 ดัชเชสเอวาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตราย,เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.10 ต้องวางแผนกันใหม่ (1),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.11 ต้องวางแผนกันใหม่ (2)

เนื้อหา

EP.2 ยับยั้งการสังหารหมู่ (1)




EP.2 ยับยั้งการสังหารหมู่ (1)





บางครั้งแคลเรตก็อยากตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน เขาหลับตาลง ลืมตามองหน้าต่างระบบอีกครั้ง มันลอยอยู่อย่างนั้นมาสองชั่วโมงกว่าๆ



[ เควสระดับยาก : ยับยั้งการสังหารหมู่ตระกูลดยุกแครอล

เควสจะเริ่มในอีก 3 วัน

หากล้มเหลว : การล่มสลายของตระกูลแครอล , การตายของคุณ ]



ไม่มีวี่แววว่าจะเป็นการส่งผิดหรือภาพลวงตาแต่อย่างใด

ไม่ว่าจะถามพวกสาวใช้สักเท่าไหร่ พวกเธอล้วนแต่บอกว่ามองไม่เห็นมัน แม้แต่สิ่งที่คล้ายกับหน้าต่างระบบหรือสิ่งที่เรียกว่าเควสก็ไม่มีใครรู้จักเช่นกัน

'นี่มันไม่ตลกสักนิด'

และสิ่งที่ทำให้แคลเรตหงุดหงิดมากกว่านั้น คือการที่มันส่งเควสระดับยากทันทีที่เพิ่งผ่านเควสระดับง่ายไปเพียงแค่ครั้งเดียว ถ้าเปรียบสิ่งนี้กับหนังสือ นี่ก็ไม่ต่างอะไรจากการให้อ่านหนังสือภาพเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตเบื้องต้นในโลกใบนี้แล้วข้ามขั้นไปอ่านคัมภีร์โบราณเพื่อหาวิธีกู้โลกอย่างไรอย่างนั้น

เขาพลิกตัวไปทางด้านข้าง หน้าต่างสีฟ้าก็ลอยตามมาอยู่ในสายตาของเขาอีกเช่นกัน

แคลเรตเลื่อนสายตามองมันอย่างไร้อารมณ์



[ อัตราความสำเร็จปัจจุบัน 0% ]



เฮ้ออ~

แคลเรตถอนหายใจ

"พรุ่งนี้ค่อยไปคุยกับดยุกแครอลอีกทีก็คงไม่สาย"

เพราะยังไงซะไม่ว่าตระกูลจะล่มสลายหรือใกล้วันโลกแตก หน้าที่และอำนาจในการป้องกันก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในการจัดการของดยุคที่เป็นเจ้าของบ้านทั้งสิ้น

ถึงจะดูตัดพ้อไปสักหน่อย แต่แคลเรตก็เป็นแค่ลูกติดที่ไม่มีอำนาจอะไรในตระกูล ถ้าดัชเชสคนปัจจุบันตายเขาจะโดนเฉดหัวออกจากบ้านเมื่อไหร่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

หัวใจของแคลเรตเริ่มที่จะสั่นคลอนอีกครั้งเมื่อนึกถึงข้อเท็จจริงอีกข้อหนึ่งขึ้นได้

ถ้าไม่ไล่ดัชเชสออกไปแม้ตระกูลดยุกจะรอดจากสังหารหมู่นี้ก็ยังมีโอกาสล่มสลายอยู่ดี แต่ถ้าไล่เธอออก...ลูกติดอย่างแคลเรตก็จะโดนเฉดหัวออกไปด้วยเช่นกัน

'...ฉันควรหนีออกจากบ้านไปตั้งแต่ตอนนี้เลยดีไหมนะ'

แคลเรตมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาถูกดึงโฟกัสไปยังวัตถุสองสี ที่ลอยเคียงกันอยู่กลางท้องฟ้า

ดวงจันทร์

มันเป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์ของเกม [The tale of light] ดวงหนึ่งเป็นสีฟ้าสดใส ในขณะที่อีกดวงหนึ่งเป็นสีชมพูน่ารัก

ซ้อนทับกันและเปล่งประกายเหมือนกับทุกคืนไม่มีอะไรต่างไปจากวันอื่นๆ แต่นั่นก็ถือว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่และน่าสนใจสำหรับแคลเรตไม่น้อย

ตอนนี้ถ้ามีใครมาบอกว่า 'เฮ้! จริง ๆ แล้วโลกนี้แบนและมีจุดสุดขอบโลก' เขาก็พร้อมที่จะเชื่อมันในทันที

ตรรกะเดิม ๆ ในหัวของเขากำลังถูกทำลายไม่มีชิ้นดี

ตอนนี้แคลเรตไม่ต้องการรับรู้อะไรเพิ่มเติมทั้งนั้น

เขายกมือขึ้นปิดตา ในใจแอบหวังให้ได้ตื่นขึ้นมาเป็นดารินทร์อีกครั้ง พนักงานบริษัทธรรมดา ๆ ที่นั่งโต๊ะทำงาน

ในโลกที่เขาเคยชินกับกฎเกณฑ์เดิม

การให้คนในยุคทุนนิยมที่สงครามสงบไปแล้ว มาอยู่ในที่ที่มีแต่สัตว์ประหลาดกับสงครามอยู่รอบกายนั้น

...มันไม่โหดร้ายเกินไปหน่อยหรือไง



...



"อรุณสวัสดิ์ครับนายน้อย"

"อืม"

แคลเรตพยักหน้า ตอบรับการทักทายจากพ่อบ้านหนุ่มคนใหม่ที่ไม่คุ้นหน้าอีกครั้ง

หลังจากใช้ชีวิตเป็นแคลเรตมาได้หนึ่งวันเต็ม ก็สรุปได้ว่า แคลเรตนั้นนอกจากจะไม่มีอำนาจใดในตระกูลแล้วยังไม่มีแม้แต่พ่อบ้านหรือสาวใช้ส่วนตัวของตนแม้แต่คนเดียว

พวกเขาจะสลับผลัดเปลี่ยนกันไปตามความจำเป็นและตารางเวลาที่ถูกหัวหน้าพ่อบ้านจัดไว้ให้เพื่อมาปรนนิบัติเขา ส่วนไรรีย์เองก็เหมือนจะเป็นแบบนั้นเช่นกัน แต่เพราะส่วนใหญ่แคลเรตมักเรียกเธอมาจึงเป็นเหมือนสาวใช้ส่วนตัวของเขาไปโดยปริยาย

กุกกักๆ

แคลเรตลอบมองพ่อบ้านและสาวใช้ที่เดินเข้ามาอย่างเป็นระเบียบ พวกเขามีเส้นผมสีน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่และมีเพียงบางคนเท่านั้นที่มีสีผมที่ดูขัดธรรมชาติสำหรับเขา

"นี่ เจ้าน่ะ"

พ่อบ้านคนหนึ่งสะดุ้ง เขามองพ่อบ้านระดับสูงใกล้ ๆ สลับกับแคลเรต ปลายนิ้วชี้เข้าที่ตนเองอย่างฉงนใจ

"ผมเหรอครับ?"

แคลเรตมองอีกฝ่ายอย่างถี่ถ้วนจากนั้นจึงมองย้อนไปที่เส้นผมสีเขียวมิ้นต์ที่ดูโดดเด่น

"ใช่ เจ้าชื่ออะไร"

สำหรับโลกนี้ เส้นผมสีน้ำตาลและบลอนด์เป็นสีที่หาง่ายโดยทั่วไป ส่วนใหญ่พวกเขามักเป็นผู้ที่มีพลังเวทที่ต่ำถึงขนาดที่บางคนไม่สามารถใช้มันทำอะไรได้มากนัก ส่วนคนที่มีพลังเวทที่มากก็มักมีสีของเส้นผมหรือดวงตาที่โดดเด่น

เหมือนกับเป็นตัวกำหนดความแตกต่างระหว่างตัวเด่นและตัวประกอบ

'ไม่ว่ายังไงก็ยังทำตัวให้ชินกับเส้นผมหรือดวงตาสีประหลาดของคนที่นี่ได้สักทีแฮะ'

"ชื่ออัลมอนด์ครับ"

แคลเรตชี้นิ้วไปที่เจ้าตัว

"ตั้งแต่นี้ไป เจ้าจะมาทำหน้าที่พ่อบ้านส่วนตัวให้ข้า"

"ครับ?"

แคลเรตเพิกเฉยต่ออัลมอนด์ที่ทั้งตกใจ กังวลและดูอึดอัด

หันไปโบกมือไล่ให้คนที่เหลือออกไปจากห้อง พวกเขาโค้งคำนับให้และเดินออกจากห้องไปหลังวางอ่างล้างหน้าและผ้าขนหนูเอาไว้

พวกเขาออกไปอย่างรวดเร็ว และชำนาญสมเป็นพ่อบ้านในตระกูลดยุก แม้แต่เสียงของประตูก็ไม่มีให้ได้ยิน

"ทำงานส่วนของเจ้าก็พอ"

เขาแค่ไม่อยากให้ใครมารุมแต่งตัวให้หรือดูแลอย่างใกล้ชิดก็เท่านั้น เขาไม่ได้รังเกียจมันแต่ก็ไม่ชอบให้ใครมาสนใจเขามากเกินไปเช่นกัน มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เขาจำความได้และยังคงไม่หายแม้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม

มันน่ารำคาญมากกับการที่ต้องรับมือกับคนมากมายในเวลาเดียวกัน

ตึก ตึก ตึก

อัลมอนด์ที่ตั้งสติได้ เดินตรงดิ่งไปเปิดผ่านม่านออก

ครืดดด

 แสงยามเช้าถูกสาดเข้ามาในดวงตาของแคลเรตแทนผ้าม่านในตอนแรก

อึ่ก!

แคลเรตสะดุ้ง ก้มลงนวดหัวตาที่แสบร้อนขึ้นมาในกะทันหัน

'เวร'

อัลมอนด์เดินย้อนกลับไปทางเดิมอีกครั้ง เปิดตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ หยิบจับเสื้อผ้าสไตล์ขุนนางยุคกลางออกมา 2-3 ชิ้น

แคลเรตคิ้วกระตุก

มองเหยียดใส่ชุดที่หยิบออกมาอย่างไม่พยายามปิดบัง มันเป็นชุดสไตล์ขุนนางยุคกลางที่ดูหรูหราราวกับหลุดออกมาจากเกมจีบหนุ่มอย่างไรอย่างนั้น

"...ขอแบบเรียบๆ"

อัลมอนด์หันกลับไปแขวนมันไว้ที่เดิม หยิบชุดใหม่อีกครั้งแต่ก็ต้องหยุดมือลงเพราะเสียงของคนด้านหลัง

"...ครับ"

แคลเรตสั่งเสร็จจึงลุกออกจากเตียงเดินผ่านอัลมอนด์มุ่งหน้าไปยังห้องน้ำโดยเร็ว

"...เอ่อ นายน้อยครับ"

แต่ก็ต้องหยุดลง เขาเดินถอยหลังกลับ ชะโงกหน้าออกมานอกห้องน้ำเมื่อได้ยินเสียงระส่ำระสายของพ่อบ้าน

"อะไร?"

"นายน้อย...จะอาบน้ำเวลานี้เหรอครับ?"

ทำไม?

'นั่นมันแน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง?'

แคลเรตสื่อออกมาเช่นนั้นผ่านทางสีหน้า ตื่นมามันก็ต้องอาบน้ำไม่ใช่หรือไง?

โอ้...แคลเรตเลิกคิ้วสูงขึ้น นึกขึ้นได้ว่าปกติคนของโลกนี้ไม่อาบน้ำเช้ากันเพราะสภาพอากาศที่ไม่ได้ร้อนอะไรมากนัก เวลานอนอากาศก็เย็นไม่ต้องกังวลเรื่องเหงื่อออก จึงไม่จำเป็นต้องอาบน้ำแบบคนไทย

ทว่า แคลเรต ไม่สิ ดารินทร์ เป็นคนที่ตื่นมาจะต้องรีบอาบน้ำทันทีเพื่อให้หัวของเขาโล่งและปลอดโปร่งพร้อมที่จะทำงาน ไม่ว่าวันนั้นเขาจะตื่นตอนเช้าหรือบ่ายของวันก็ตาม

และคงจะไม่สามารถเลิกทำนิสัยนี้ได้เช่นกัน

"ใช่ ข้าจะอาบน้ำเช้าเสียหน่อย"

"ครับท่าน ถ้าอย่างนั้นผมจะไปเรียกสาวใช้ให้"

'แล้วจะไปเรียกสาวใช้มาทำไมมิทราบ?'

เขาเริ่มนึกถึงคำพูดที่ไม่น่าจดจำของไรรีย์เมื่อวานนี้

'พรากความบริสุทธิ์ไปแล้วหรือคะ?'

ดูเหมือนแคลเรตคนเก่าจะเป็นหนุ่มเสเพลมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้จริงๆ มันแทบไม่แปลกเลยที่คนงานผู้หญิงในสวนเมื่อวานนี้จะหลีกเลี่ยงเขา

ดูเหมือนฉันจะต้องแก้ข่าวเสีย ๆ นั่นใหม่อีกครั้งหลังจากพ้นวิกฤตสังหารหมู่นี้ไป

"ไม่ ไม่ต้อง เตรียมแค่ชุดให้ข้าก็พอ"

เขาโบกมือปัด ๆ ไม่ลืมเอ่ยปฏิเสธข้อเสนอของอัลมอนด์ทิ้ง



...



" ... "

แคลเรตขมวดคิ้ว ดึงผ้าที่ผูกตรงคอออกด้วยความอึดอัด ปัดปกเสื้อที่ตอนนี้ใส่อยู่ประมาณสามชั้นเห็นจะได้ ขณะมองอัลมอนด์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง สะท้อนอยู่ภายในกระจกบานใหญ่ขนาดเต็มตัว

ตรงไหนที่เรียกว่าเรียบง่าย?

ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ๆ ก็ให้แต่ความรู้สึกอึดอัดและฟุ่มเฟือย

"ถูกใจไหมครับ?"

"ก็ดี"

แคลเรตเหนื่อยใจกับเครื่องแต่งกายของที่นี่ ซึ่งชุดนอนดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา ในการใส่มัน แต่สำหรับคนที่นี่กลับมองว่ามันไม่สุภาพ ครั้นจะหาเสื้อผ้าที่ธรรมดาจริง ๆ มาใส่ก็กลับไม่พบมันแม้แต่เศษเสี้ยวให้ได้เห็น เพราะดูเหมือนเสื้อผ้าทุกตัวในตู้เสื้อผ้าของเขาจะถูกออกแบบและตัดด้วยห้องเสื้อชั้นนำทั้งหมด

อัลมอนด์ค่อนข้างพึงพอใจกับคำตอบที่ได้ สองมือยกตารางงานสำหรับวันนี้ขึ้นมาอ่านให้แคลเรตฟัง

แคลเรตยืนหวีผมอีกเล็กน้อย จากนั้นจึงสางเส้นผมที่ยาวทิ่มตาไปด้านหลัง

'ดูเหมือนต้องตัดผมจริงๆ' 

เขากระชับเสื้ออีกครั้ง เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่อัลมอนด์รายงานจบ

"...หลังจากนั้นจึงทานมื้อเย็นแล้วกลับห้องครับ"

"...อืม"

"มีส่วนไหนไม่พอใจหรือเปล่าครับนายน้อย?"

"ไม่ ไม่มีอะไรทั้งนั้น"

ตารางงานทั้งหมดของแคลเรตมีแค่การไปร่วมมื้อเช้ากับครอบครัว จากนั้นจึงออกไปเดินเล่นเพื่อย่อยอาหาร นั่งดื่มชาแล้วกลับมากินอีกครั้ง จากนั้นก็ออกไปเดินเล่นอีกที แครอลทำมันเช่นนั้นตลอด 2-3 ปีตั้งแต่มาอยู่ที่นี่

มีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่จะออกไปสังสรรค์ดื่มเหล้าหรืองานปาร์ตี้กับบุตรหลานชนชั้นสูงคนอื่นๆ ดูเป็นชีวิตในฝันวัยเกษียณซะไม่มี

ทว่า... เขากลับทำทุกอย่างที่ว่านั่นด้วยชุดที่ดูอึดอัดเหมือนจะไปออกงานสังคมตลอดเวลานี่น่ะนะ?

'ฉันต้องไปร้านเสื้อผ้าอย่างน้อยสักหนึ่งครั้ง'

เขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้กับเสื้อผ้าที่ดูอึดอัดนี้ได้ แม้ว่าชีวิตของเขาจะดูมีอันจะกินไปตลอดสามชาติโดยไม่ต้องทำอะไรก็ตามที

แคลเรตจัดการจดมันลงไปในลิสต์รายการสิ่งที่ต้องทำในอนาคตในทันที จากนั้นจึงเดินตามอัลมอนด์ที่เปิดประตูให้เขาและนำทางไปยังห้องอาหาร

ระหว่างทางแคลเรตสอดส่องดูภายในปราสาทอย่างที่ไม่ได้ทำในครั้งก่อน ทั้งรูปแบบ สไตล์และตำแหน่งสิ่งของล้วนตรงตามกับในเกมที่เขาเคยเล่นไม่มีผิด ถึงเขาจะไม่ค่อยจดจำรายละเอียดของเกมที่เล่นมากนักแต่มันก็มากพอที่จะทำให้นึกถึงตำแหน่งต่าง ๆ ในปราสาทได้เมื่อเขาเพิ่งเล่นมันครั้งล่าสุดเมื่อสามวันก่อนที่จะมาที่นี่



...



อัลมอนด์โค้งให้หนึ่งครั้งด้วยท่าทางที่มั่นคงเมื่อมาถึงหน้าห้องอาหาร แคลเรตมองมันสักพักก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอาหารที่ข้ารับใช้เป็นคนเปิดให้

ด้านในมีคนสี่คนกำลังนั่งประจำตำแหน่งของตนอยู่ สายตาของเขาถูกดึงโฟกัสไปยังชายวัยกลางคนที่ดูหล่อเหลาจนยากที่จะละสายตา ราวกับมีบางอย่างที่ดึงดูดสายตาให้เขาจับจ้อง แม้ใบหน้าของคนคนนั้นจะดูซูบผอมและอ่อนเพลียกว่าที่ควร

นั่นทำให้แคลเรตรู้ได้ทันทีว่าเดริค แครอล ดยุกคนปัจจุบันของตระกูลแครอลนั้นมีพลังเวทที่ยิ่งใหญ่มากเพียงใด

ผู้คนกล่าวไว้ว่า ผู้ที่มีพลังเวทอยู่ในระดับสูงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นมากเท่านั้น รวมถึงฟีโรโมนหรือแรงดึงดูดบางอย่างที่น่าพิศวง แม้คนในห้องนี้จะมีแรงดึงดูดดังกล่าวรุนแรงแต่ก็ถูกแรงดึงดูดของเดริคกลบมันจนหมดสิ้น

สมกับเป็นผู้นำตระกูลดยุกที่อยู่ในตำแหน่งสูงของประเทศ

ถัดออกมาเป็นลูกชายคนโตของตระกูลดยุก เรนเดล แครอล ฝเป็นชื่อที่เขาเคยเจอจากเนื้อเรื่องในเกม แต่เมื่อสืบประวัติของเขามาคร่าว ๆ ก็พบว่าตอนนี้เขาอายุได้ 17 ปี อายุน้อยกว่าแคลเรตสองและกำลังอยู่ในช่วงปิดเทอมจึงกลับมาอยู่บ้านในเวลานี้

'ในเนื้อเรื่อง...เรนเดลก็อยู่ในระหว่างกลับบ้านช่วงปิดเทอมหรือเปล่านะ?'

แคลเรตที่กำลังนึกถึงเนื้อเรื่องที่เคยเล่นผ่านไป ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงหวานที่ดูน่าเกรงขามดัชเชส แม่ของเขาในตอนนี้

"อรุณสวัสดิ์จ๊ะแคลเรต"

"อรุณสวัสดิ์ครับท่านแม่"

เคร้งง!

แคลเรตตอบอย่างสดใส หวังทำตัวเป็นลูกที่ดี แต่ปฏิกิริยาที่ได้กลับแตกต่างออกไปเมื่อดัชเชสเผลอปัดมือจนช้อนร่วงกราว

"..."

เกิดความเงียบขึ้นภายในห้อง ทุกคนในห้องมีท่าทีปกติดีและเพียงแค่มองเขาเท่านั้น มีเพียงดัชเชสเอวาที่ดวงตาสีแดงฉานของเธอนั้นสั่นระรัว

'อะไร? ฉันพูดอะไรผิด?'

แคลเรตเริ่มสงสัยแล้วจริง ๆ ว่าแคลเรตคนเก่านั้นเป็นคนยังไงกันแน่ ถึงทำให้การพูดคุยอย่างเป็นมิตรกับครอบครัวของตนถึงได้ดูเป็นสิ่งที่น่าตกใจ

สำหรับคนอื่นยังพอเข้าใจได้เพราะพวกเขาไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน แต่ดัชเชสเอวาที่เป็นแม่ของเขานั้นต่างออกไป

"ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า ยังไงก็รีบมาทานก่อนสิ เดี๋ยวอาหารจะเย็นชืดเสียก่อน"

ดัชเชสเอวาหัวเราะแห้งกลบเกลื่อน บอกแคลเรตจากนั้นจึงหันไปจับมือของดยุคไว้

"วันนี้ฉันมีกำหนดงานเลี้ยงน้ำชาร่วมกับภรรยาของเคานต์ อาจจะกลับมาช่วงบ่ายแก่นะคะที่รัก"

"ได้สิ ผมจะให้คนเตรียมไวน์ชั้นดีไปเป็นของฝากด้วยดีไหม?"

"เธอต้องชอบมากแน่ ๆ ค่ะ"

แคลเรตมองภาพนั้นก่อนจะเดินเลี่ยงไปนั่งประจำตำแหน่งที่ถูกเว้นว่าง เอวา แครอล เธอถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการวางยาให้ดยุกมีอาการผิดปกติที่ไม่สามารถประคองสติของตนได้ครบถ้วนในเวลานี้ และถูกตรวจพบสารบางอย่างที่คล้ายยาเสพติดในร่างของดยุคหลังทำการชันสูตร

ตัวละครหลักเมื่อทราบเกี่ยวกับมันจึงต่างตั้งข้อสงสัยไปในทางเดียวกันว่าเธอพยายามยึดอำนาจและมอบมันให้กับแคลเรต ลูกชายของตน

กึก

เสียงวางขาเก้าอี้ที่ข้ารับใช้ขยับให้เขานั่งนั้นเบาจนแทบไม่ได้ยิน

'หื้ม?'

แคลเรตสบตากับลูกชายคนเล็กของบ้าน หนึ่งในตัวละครหลักที่เป็นหนึ่งในฮาเร็มของตัวเอกในต้นฉบับนวนิยาย

ซึ่งจะปรากฏตัวในเนื้อเรื่องในบทที่แปดของเกมหรือเล่มที่สองของนวนิยายที่เขาไม่ได้อ่านมัน

แอลรีส แครอล หนุ่มเจ้าสำราญจอมเจ้าชู้ หนึ่งในไม่กี่คนที่รอดพ้นจากการสังหารหมู่ตระกูลดยุกแครอล และจบลงด้วยการกลายเป็นเจ้าของบ่อนกาสิโนรายใหญ่ของประเทศเพื่อนบ้าน ที่รายได้กว่า 70% ของประเทศนั้นล้วนเป็นฝีมือของเขาทั้งสิ้น

หลังจากตระกูลแครอลล่มสลาย แอลรีสก็ใช้เวลาเพียง 2 ปีในการตั้งหลักใหม่อีกครั้งและกลายเป็นคนที่รวยที่สุดเป็นอันดับสามของโลก

แคลเรตยิ้มให้แอลรีส ก้มหน้าลงจัดการกับอาหารสุดหรูหราระดับภัตตาคารตรงหน้า เขาแล่สเต๊กมีเดียมแรร์ยัดใส่ปากเข้าไปหนึ่งคำขณะลอบสำรวจแอลรีสอีกครั้ง

ถึงจะบอกว่าแอลรีสโตขึ้นจะกลายเป็นหนุ่มเจ้าสำราญและเจ้าชู้ แต่แคลเรตก็ต้องมองเขาเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

และอีกครั้ง

'ใช่เหรอวะ?'

แอลรีสตรงหน้าเขาตอนนี้เป็นเด็กที่กำลังจะเข้าวัยรุ่นและเค้าโครงใบหน้ายังไม่เข้ารูปดี แต่ก็พอมีเค้าโครงของแอลรีสที่เขาเห็นผ่านหน้าจอเกมที่เคยเห็นอยู่บ้าง ทั้งเส้นผมสีน้ำตาลไหม้และดวงตามรกตเองก็ไม่ผิดเพี้ยน

แต่...

นี่มันเด็กเนิร์ดไม่ใช่หรือไง?

ไม่ว่าจะท่าทางหรือโครงหน้าตอนนี้ ไม่ว่าจะมองยังไงก็เหมือนลูกคุณหนูบ้านรวยที่ถูกส่งไปเรียนโรงเรียนประจำ ไม่ก็พวกที่หมกตัวอยู่แต่ในห้องสมุดทุกคาบว่างแล้วกลับบ้านตรงเวลาไม่มีผิด

หากบอกว่าเขาจะกลายเป็นประธานนักเรียนยังดูน่าเชื่อถือยิ่งกว่าเจ้าของบ่อนกาสิโนอายุน้อยด้วยซ้ำ

แคลเรตเริ่มสงสัยเกี่ยวกับพัฒนาการที่ก้าวกระโดดภายในสองปีของแอลรีสในเกมขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ปลายมีดที่กำลังเล็งสเต๊กตรงหน้าเริ่มสั่นไหว

เคร้ง!

เขาตัดสินใจวางมันลงแล้วหันไปหยิบแก้วน้ำมาดื่มให้คอที่กำลังแห้งผาก

'นี่มันไม่สมเหตุสมผลสักนิดไม่ใช่หรือไง'

กึก

แคลเรตวางแก้วน้ำในมือที่ดื่มเข้าไปรวดเดียวจนหมด คนรับใช้ก็เดินเข้ามาเติมมันใหม่ให้ในทันที แคลเรตมองน้ำที่กำลังกระเพื่อมนั้นสักพัก เขาหันไปหาดยุกเดริค พ่อของเขาในตอนนี้ที่กำลังแล่สเต๊ก

"ผมอยากให้พ่อตรวจคนงานในปราสาทแครอลใหม่อีกรอบ"

"..."

เดริคหยุดมีดลงมีดลง เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับแคลเรต ลูกติดของภริยาคนใหม่ของเขา

"ได้สิ พ่อจะให้ผู้ช่วยชาร์ลกับหัวหน้าพ่อบ้านทำมัน"

'ว้าว เขารับคำโดยไม่มีการถามถึงเหตุผลใด ๆ เลยแม้แต่น้อย'

แคลเรตค่อนข้างชอบดยุกเดริคที่เป็นเช่นนั้น แม้จะไม่รู้ว่านั่นเป็นเพียงเพราะฤทธิ์ยากล่อมประสาทหรือเพราะเขาเป็นคนเช่นนั้นจริงๆ แต่หากมันช่วยให้ทุกอย่างนั้นง่ายขึ้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะสงสัย

ในเนื้อเรื่องของเกม แอลรีสในวัย16ปีได้กล่าวไว้ว่า ตระกูลของเขาถูกลอบสังหารโดยข้ารับใช้ที่ปลอมตัวเข้ามาในตระกูลมาระยะหนึ่งแล้ว รวมถึงการก่อเหตุที่เกิดขึ้นอย่างอุกอาจในเวลากลางคืน ทำให้พวกเขาตั้งรับพวกมันไม่ทัน

แคลเรตกลับมาจับมีดและส้อมใหม่อีกครั้ง เขาจิ้มมันลงบนเนื้อสเต๊กที่ยังคงร้อน

"อยากให้เพิ่มเวรยามให้มากขึ้นในช่วงหัวค่ำด้วยครับ"

"ได้สิ"

เขาปาดมีดลงบนเนื้อสเต๊กตรงหน้า หั่นมันเป็นชิ้นเล็กพอดีคำ

"จ้างจอมเวทเข้ามาเพิ่ม"

"แน่นอน"

"แล้วก็เปลี่ยนศิลาป้องกันใหม่"

"พ่อจะจัดการให้"

"..."

แคลเรตหยุดมีดในมือ หันไปมองหน้าดยุกเดริคด้วยใบหน้าที่ยากจะอธิบาย

"มีอะไรที่อยากได้อีกไหม?"

"ขอเงินหน่อยสิครับ"

"ได้สิ"

"..."

แคลเรตเชื่อแล้วว่านั่นอาจจะเป็นนิสัยของดยุกเดริคโดยธรรมชาติโดยไม่เกี่ยวกับยาที่เอวาทำให้เขากิน เมื่อกี้นี้เขาพูดเพื่อเป็นการลองใจเท่านั้น แต่ดูเหมือนเดริคจะไม่แม้แต่จะถามถึงเหตุผลและให้เขาในทันทีเสียอย่างนั้น

มันไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมตระกูลแครอลถึงใกล้ล่มสลายอยู่รอมร่อในทุกวันนี้

แคลเรตเริ่มรู้สึกเป็นห่วงกับอนาคตของตัวเองแล้วว่าจะเป็นยังไง หากผู้นำตระกูลคนปัจจุบันยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป