เมื่อลืมตาตื่น 'ดารินทร์' ก็พบว่าตัวเขาได้เข้ามาอยู่ในเกมผจญภัยในโลกแฟนตาซีที่เคยเล่นในอดีต ทว่า "ร่างที่ฉันเข้ามาอยู่กำลังจะถูกลอบสังหารในอีก 3 วัน"
แฟนตาซี,แอคชั่น,ชาย-ชาย,ตะวันตก,transmigration,ทะลุมิติ,ต่างโลก,แฟนตาซี,แนวระบบ,ตลก,แอ็คชั่น ,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
EP.3 ยับยั้งการสังหารหมู่ (2)
[ อัตราความสำเร็จปัจจุบัน 1% ]
อัตราความสำเร็จเด้งขึ้นตรงหน้า แคลเรตมองมันสักพักก่อนจะปัดมันทิ้งไป
หลังสิ้นสุดการรับประทานอาหารเช้า พวกเขาต่างแยกย้ายกันไปคนละทาง ดัชเชสเอวาและดยุกแครอลจากไปแล้ว ส่วนเด็ก ๆ เองก็เริ่มลุกออกจากโต๊ะ
ดูเหมือนเขาเองก็ต้องไปแล้วเช่นกัน
แคลเรตดึงผ้ากันเปื้อนออกจากคอ ลุกขึ้นเต็มความสูง มุ่งหน้าออกจากห้องอาหารเมื่อทุกคนจากไป
"มีอะไรทำให้ไม่สบายใจหรือเปล่าครับพี่แคลเรต?"
"!!!"
แคลเรตสะดุ้งโหยง อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงหวานดังขึ้นมาจากด้านหลัง มันคล้ายกับเสียงพากย์ในเกมที่เขาเคยได้ยินตอนเด็กๆ
'ให้ตายสิ ตกใจหมด'
"ผมทำพี่แคลเรตตกใจหรือครับ"
เรนเดลผินทำหน้าเศร้าด้วยความเป็นห่วง แคลเรตอึกอักก็จะตอบ
"ใช่ ก็นิดหน่อย"
อันที่จริง เขาตกใจมากเลยต่างหาก
นี่แทบจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีใครสักคนเดินเข้ามาด้านหลังโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง
เพราะนับตั้งแต่เริ่มทำงานในบริษัท ก็แทบไม่มีใครเล่นอะไรพิเรนทร์อย่างการเข้ามาด้านหลังให้ตกใจแบบนี้อีกแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ในที่ทำงานก็ล้วนแล้วแต่มีอายุที่เสี่ยงต่อโรคหัวใจวายกันหมดแล้วน่ะสิ
"ถ้ามีอะไรที่อยากได้ก็บอกผมนะครับ"
เรนเดลยิ้มให้อย่างใจดี ดวงตาสีมรกตสดใสโค้งขึ้นตามรอยยิ้ม ส่งบรรยากาศเป็นกันเองที่แสนอบอุ่นมาให้ แต่นั่นกลับเป็นรอยยิ้มที่ทำให้แคลเรตรู้สึก...
...ขนลุก
สัญชาตญาณบางอย่างของเขากำลังบอกว่า เด็กคนนี้อันตรายเกินไป
แม้ว่าจะดูเป็นมิตรหรือสุภาพแค่ไหนแต่ก็มีบางอย่างที่ทำให้เขาคิดเช่นนั้น
"อ อื้ม ถ้างั้นฉันขอตัวก่อน"
แคลเรตกล่าวจบก็รีบผละตัวออกจากห้องอาหารในทันที
ดูเหมือนเรนเดลน้องชายของเขา จะเป็นพวกน่าขนลุกและรับมือได้ยากเกินไป แคลเรตยังต้องการอยู่เงียบ ๆ และพักผ่อนสมองไปกับการใช้ชีวิตแสนเรื่อยเปื่อยอีกครั้งในโลกใบนี้ ดังนั้น การหลีกเลี่ยงบุคคลที่น่าจะเป็นอันตรายคือสิ่งที่จะทำให้ชีวิตของเขาราบรื่นอย่างที่สุด
โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงเรนเดล
เขาไม่รู้ว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นมีอะไรซ้อนอยู่ แต่มันคงไม่ดีนักที่จะไปสะกิดมันเข้า
พอออกจากห้องอาหาร คนรับใช้กลุ่มใหม่ก็มาพร้อมกับอัลมอนด์อีกครั้ง พวกเขาโค้งรับแคลเรตอย่างชำนาญการ
"ข้าจะออกไปข้างนอก"
แคลเรตชี้คางของเขาไปด้านหน้า ไรรีย์ที่รู้งานจึงเดินนำทางให้อีกครั้ง เขาลอบสำรวจตัวปราสาทระหว่างทางเดิน มุ่งตรงออกไปยังประตูใหญ่
"จะไปข้างนอกหรือจ๊ะ?"
แคลเรตหยุดลงเมื่อดัชเชสเอวาเดินมาทัก รอยยิ้มหวานถูกประดับอยู่บนใบหน้าของเขาอีกครั้งเพื่อทักทายเธอ
เธออยู่ในชุดหรูหราตัวเดินและยิ้มทักทายให้เขา ใบหน้าของเธอเปื้อนยิ้มและมีท่าทีที่สง่ายิ่งกว่าในตอนแรกเมื่อยืนเต็มความสูง นั่นทำให้แคลเรตพบว่าเธอนั้นดูมีภูมิฐานจนน่าประหลาดใจ
จากข้อมูลที่เขารู้มาคร่าวๆ เอวาถูกกล่าวว่าเป็นเพียงโสเภณีที่ทำงานอยู่ในจักรวรรดิจนถึงเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และมีอายุเพียงสามสิบต้น ๆ เท่านั้น แต่ทุกคนในโลกใบนี้กลับมีใบหน้าอ่อนเยาว์กันทุกคนจนน่าประหลาดใจ เธอจึงมีใบหน้าที่เด็กราวกับเพิ่งผ่านช่วงยี่สิบมาหมาด ๆ ไม่ต่างกับดยุกแครอล
ทว่า สิ่งที่ทำให้แคลเรตประหลาดใจนั้นคือเธอที่อยู่ตรงหน้าของเขานั่น กลับดู...
...แข็งแกร่ง?
เธอมีใบหน้าน่ารักแต่ในขณะเดียวกันก็ดูเป็นผู้หญิงที่เกิดมาจากกองโจร ให้อารมณ์ที่ดูจะสามารถปกป้องเขาได้จากคนเลว
'เธอดูมีออร่าที่เหมือนไรรีย์มากทีเดียวแม้จะอยู่ในชุดกระโปรงหรูหราของชนชั้นสูง'
"ครับ ผมจะไปร้านเครื่องเพชรสักหน่อย"
เอวาเลิกคิ้วสูงทำหน้าฉงน แต่นั่นก็เพียงเสี้ยววิเท่านั้น ก่อนจะหยิบบางอย่างจากคนใช้ด้านหลังมาให้
แคลเรตรับมันไว้
ตุบ!
เขาพบว่ามันคือถึงเงินที่ใส่เหรียญทองเอาไว้หนึ่งถุงที่มีปริมาณมากจนแทบทะลักออกมา
"นี่ค่าขนมจ๊ะ"
จากนั้นเธอก็วางลงมาอีกหนึ่งถุง
ตุบ!
"ส่วนอันนี้เป็นเงินที่ขอ 'ใช้ได้มากเท่าที่ต้องการ' ท่านดยุกฝากมาบอกแบบนั้นน่ะ"
'พูดเองเออเองน่ะสิไม่ว่า'
ถึงดยุกจะมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบธุรกิจต่าง ๆ และมีอำนาจทุกอย่างในตระกูล แต่เมื่อมีดัชเชส หน้าที่ดูแลภายในปราสาท จัดสรรงบประมาณ รวมไปถึงเงินค่าขนมของเด็ก ๆ ในบ้านจะถูกส่งไปให้เธอทันทีที่รับตำแหน่ง
แคลเรตมองถุงเงินที่อัดแน่นไปด้วยเหรียญทองจำนวนมากจนแม้แต่ปากถุงก็ยังปิดไม่มิด
เหรียญทองหนึ่งเหรียญที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับทองหนึ่งบาทในโลกเก่าของเขา
แคลเรตเริ่มไม่แปลกใจสักนิดว่าทำไมในห้องของเขาถึงได้มีแต่ของใช้หรูหราและเฟอร์นิเจอร์ทุกชนิดที่ต้องใช้ในหนึ่งวันอยู่ในนั้น หนำซ้ำยังเป็นของเกรดเอที่ดูจะเพิ่งเปลี่ยนมันหมาดๆ
'นี่ค่าขนมต่อเดือนของแคลเรตมีมากขนาดนี้เลยเหรอ?'
"ใช้ไม่หมดไม่ต้องกลับบ้าน"
'โอ้'
แคลเรตประหลาดใจไม่น้อยกับสิ่งที่ได้ยิน นี่ไม่ใช่เงินค่าขนมต่อเดือน แต่เป็นเงินค่าขนมต่อวันของเขาต่างหาก
"แน่นอนอยู่แล้วครับ"
ยังไงการใช้เงินได้มากโดยไม่ต้องเสียดายก็ถือเป็นความสุขเล็ก ๆ อย่างหนึ่งที่เขาต้องทำมันอย่างน้อยหนึ่งครั้งหลังทำงานอย่างหนัก
ดังนั้นมันจะไม่เป็นไร
เอวายิ้มยื่นมือออกมาตรงหน้า
"จะใช้ให้คุ้มค่าเลยครับ"
แคลเรตคว้ามันก่อนจะก้มลงจุมพิตเป็นมารยาท ก่อนจะเดินขึ้นรถม้าไปอย่างอารมณ์ดี เขายิ้มตอบดัชเชสเอวาที่โบกมือให้เขาเล็กน้อยก่อนที่รถม้าจะแล่นออกไป
กุบกับ กุบกับ
ดัชเชสเอวายังคงโบกมือจนกระทั่งรถม้าห่างออกไปไกลจนลับสายตา มุมปากสีหวานของเธอลดต่ำลง เธอสะบัดกระโปรงฟูฟ่องสุดหรูหรา มุ่งหน้ากลับเข้าไปในปราสาทแครอลอีกครั้ง
'ดูเหมือนเขากำลังคิดจะทำอะไรแปลก ๆ อีกครั้ง'
เธอแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีเข้ม บ่งบอกถึงฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังเริ่ม
"เตรียมชุดสำหรับปาร์ตี้ให้ข้าแล้วใช่ไหม"
"ค่ะ นายหญิง"
...
"ข้าได้ยินมาว่าคุณชายใหญ่บ้านแครอล ออกจากปราสาทเมื่อเช้าวันนี้ล่ะ"
"อะไรนะ? แต่เขาเพิ่งออกมาเมื่อห้าวันก่อนเองไม่ใช่เหรอ ปกติเขาจะออกมาเดือนละครั้งนี่?"
"ก็นั่นน่ะสิ แถมครั้งนี้เขาว่าคุณชายใหญ่จะมาย่านการค้าของเราในครั้งนี้ด้วย"
ฮี่~
กุบกับ กุบกับ
เอี๊ยดดด
รถม้าสุดหรูหราสีขาวทองจอดลงที่หน้าร้านเครื่องเพชรขนาดใหญ่ที่สุดของเมือง ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลแครอลสะท้อนแสงอาทิตย์จนแทบแสบตา คนขับรถม้ารีบกระโดดลงจากที่นั่ง วิ่งมาเปิดประตูให้อย่างชำนาญ
แกรก!
เมื่อประตูรถม้าเปิดออก ปรากฏร่างสูงเจ้าของเส้นผมสีดำเพียงคนเดียวของตระกูลในตอนนี้
แคลเรตสางเส้นผมของเขาอย่างรำคาญ มันทอประกายแสงสีม่วงเมื่อต้องแสงแดดอีกครั้ง เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ สบตาเข้ากับกลุ่มหญิงสาวกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งวิ่งผ่านมา ทว่า พวกเธอกลับสะดุ้งโหยง รีวิ่งหายไปทันทีเสียอย่างนั้น
"..."
พอพวกเธอจากไป แคลเรตก็เบือนสายตาไปมองคนอื่น ๆ ที่อยู่แถวนั้น แต่พวกเขาก็วิ่งหนีหายไปที่ไหนสักแห่งเช่นกัน
ทำเอาถนนเส้นใหญ่ที่เคยครึกครื้นจนถึงเมื่อกี้นี้แปรเปลี่ยนเป็นถนนที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คน
เหลือไว้เพียงรถม้า คนงานตระกูลแครอล และเศษฝุ่นที่โดนลมพัดจนชวนใจหวิว
ฟิ้ววว~
"..."
แคลเรตคิ้วกระตุก
ไม่ว่าจะมองยังไงพวกเธอก็ไม่ได้หนีไปเพราะกลัวอำนาจของตระกูลดยุก หรือแม้แต่ถูกพวกอัศวินของเขาเข้าไปข่มขู่
เขาพยายามไม่ใส่ใจมันแล้วหันไปบอกอัลมอนด์ที่อยู่ด้านหลัง
"นายไปกับฉันก็พอ ส่วนคนอื่นรอที่นี่"
อัลมอนด์ยังคงมีท่าทีสับสนรวมถึงคนอื่น ๆ แต่พวกเขาก็ยอมทำตามโดยไม่ปริปากใดๆ แคลเรตค่อนข้างชอบพวกเขาเกี่ยวกับสิ่งนี้
กริ๊ง~
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นเมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป ด้านในเป็นตึกหรูหราสะอาดตาและเต็มไปด้วยเครื่องเพชรรวมถึงพนักงานต้อนรับ
'คล้ายกันซะไม่มี'
มันมีรูปแบบและตำแหน่งการจัดร้านที่ตรงกับในเกมที่เขาเคยเล่น อาจเพราะช่วงเวลานั้นอยู่ห่างไกลกันพอสมควรมันจึงไม่เหมือนกันเป๊ะ ๆ แต่โดยรวมแล้วถือว่าตรงกับในความทรงจำของเขาแทบไม่ผิดเพี้ยน
"ยินดีต้อนรับค่ะ!/ครับ!"
พนักงานต้อนรับสองสามคนยิ้มรับแขกให้อย่างเป็นธรรมชาติ แคลเรตเพิกเฉยต่อพวกเขา เดินฝ่าคนพวกนั้นไปยังเคาน์เตอร์
ตุบ!
กริ๊ง
เขาวางถุงเงินที่ได้มาจากดัชเชสเอวาบนนั้น มันไม่ได้รุนแรงแต่เงินในนั้นมีมากเกินไปจนเหรียญทองร่วงออกมากลิ้งอยู่บนโต๊ะบางส่วน
"ข้ามาซื้อน้ำตาของวิเวียน 30 กะรัต"
พนักงานลุกขึ้นจากเคาน์เตอร์ทันที เธอรับถุงเงินนั้นส่งให้พนักงานอีกคนถือ จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตูที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์
"เชิญทางนี้ค่ะ"
แคลเรตเดินตามเธอและพนักงานที่ถือถุงเงินเข้าไป
ที่เขาพูดไปเมื่อครู่ เป็นเพียงหนึ่งในรหัสลับที่รู้กันเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แม้ที่นี่จะเป็นร้านเครื่องเพชรขนาดใหญ่ หนึ่งในธุรกิจของกิลด์การค้าลูก้าแต่นั่นก็เป็นเพียงหนึ่งหน้าที่ให้ผู้คนเห็นเท่านั้น ส่วนเบื้องหลังนั้น พวกเขาทำมันเป็นธุรกิจทหารรับจ้าง ที่ขายทั้งข่าวไปจนถึงการว่าจ้างคนฝีมือดี
พวกเขาเดินออกจากห้องพนักงานด้านหลัง โผล่ที่โถงทางเดินที่มีประตูมากมายอยู่สองฝั่ง พนักงานพาพวกเขาผ่านประตูพวกนั้นขึ้นไปยังชั้นสามของตึก มันเป็นเส้นทางที่เหมือนกับที่เขาเคยเล่นในเกมไม่มีผิด แคลเรตลอบมองมันคร่าว ๆ เพียงเท่านั้นในระหว่างที่เดินผ่าน
กึก!
พวกเขาหยุดลงที่ประตูใหญ่สองบานพับ พนักงานเคาน์เตอร์ยกมือขึ้นก่อนจะออกแรงเคาะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
โครมมม!!
ไม่มีเสียงใดตอบรับนอกจากเสียงของตกพื้น จากนั้นจึงตามด้วยเสียงของแก้วแตก
เพล้ง!
พนักงานหน้าซีด เธอรีบคว้าที่จับประตูแต่ก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงคำสั่งจากคนด้านใน
"อ๊ะ เดี๋ยวครับ! ไม่สิ สักครู่!!"
กุกกักๆ เคร้ง!
'เกิดบ้าอะไรขึ้นในนั้นล่ะนั่น'
แคลเรตมองบานประตูตรงหน้าอย่างไร้อารมณ์ ถึงจะทำใจไว้แล้วว่าต้องมีเหตุการณ์ทำนองนี้แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นนี้
นี่คือสองปีก่อนเนื้อเรื่องของเกมจะเริ่มขึ้น หรือเรียกอีกอย่างว่าเหตุการณ์ที่ไม่ถูกระบุไว้ในเนื้อเรื่อง เป็นช่วงเวลาที่หนึ่งในเพื่อนร่วมชั้นของตัวเอก หรือหนึ่งในตัวละครที่อยู่ในระบบของการจีบได้นั้นกำลังรับตำแหน่งของผู้จัดการสาขาชั่วคราวแห่งหนึ่งในธุรกิจของครอบครัวอยู่ หรือก็คือที่นี่
เขาเป็นคนที่มีความสามารถสูงและสามารถพึ่งพาได้ในยามต่อสู้ แต่ในขณะเวลาเดียวกัน เมื่อเป็นเวลาปกติเขาจะมีนิสัยซุ่มซ่ามและน่าเป็นห่วงในหลาย ๆ ความหมาย
แต่...
'นี่เหมือนจะน่าเป็นห่วงมากกว่าที่คิดแฮะ'
ยิ่งตอนนี้เจ้าตัวเพิ่งจะได้เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการสาขาได้เพียงไม่ถึงอาทิตย์ ยิ่งน่าเป็นห่วงเข้าไปใหญ่
แกรก!
แอ๊ดดด
ในที่สุดบานประตูก็ถูกเปิดออก พบคนด้านในที่ยังคงดูเด็กแต่ก็ถือว่าอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ สมกับเด็กอายุ14ปีในตอนนี้ เขามีใบหน้าขี้ขลาด แต่ก็ยังดูภูมิฐานไม่ค่อยต่างจากที่เคยเห็นในเกมสักเท่าไหร่
อันที่จริง นี่แหละสิ่งที่เขาต้องการ
เพราะหลังได้เห็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดดเหมือนอยู่คนละไทม์ไลน์ของแอลรีสนั้น สิ่งนี้จึงเป็นอีกสิ่งที่เขาคาดหวังไว้ไม่น้อย
แมดด็อกซ์ อารัน ลูกชายเพียงคนเดียวของมาร์ควิสอารัน หนึ่งในผู้ที่จะมีอิทธิพลในภูมิภาคตะวันออกของอาณาจักรคาร์เธียในอนาคตหลังตระกูลแครอลล่มสลาย
เด็กคนนั้นหอบหายใจก่อนจะเอ่ย
"แฮ่กๆ เชิญ...เข้ามาก่อนสิครับ"
"คุณผู้จัดการสาขาควรจะพูดว่า'เชิญ'แล้วนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองนะคะ"
พนักงานเคาน์เตอร์เอ็ดเล็กน้อย เด็กน้อยทำหน้าเหลอหลาก่อนจะกระแอมไอหนึ่งครั้งด้วยความเขินอาย เขาถอยหลังกลับไปยืนเต็มความสูง เอ่ยด้วยเสียงหนักแน่นแม้จะยังดูเก้ๆ กังๆ
อะแฮ่ม!
"เชิญ"
แคลเรตเพิกเฉยต่อท่าทางเงอะงะนั้น เดินเข้าไปนั่งบนโซฟารับแขกที่ถูกเตรียมคุกกี้และชาเอาไว้ โดยมีแมดด็อกซ์เดินมานั่งฝั่งตรงข้ามขณะที่พนักงานอีกคนวางถุงเงินไว้กลางโต๊ะระหว่างพวกเขา
"เตรียมทหารรับจ้างฝีมือดีมาให้ข้าภายในสามวัน"
แคลเรตเปิดประเด็นในทันทีโดยไม่อ้อมค้อม
"...ต้องการกี่คนครับ"
"มากเท่าที่ให้ไป"
แมดด็อกซ์มองถุงเงินนั้นสักพักก่อนจะสบกับดวงตาสีอเมทิสต์สดใสที่มักเป็นหนึ่งในหัวข้อสนทนาของคนในเมืองเอมมาลี
หากดูจากปริมาณเงินตรงหน้าก็สามารถจ้างคนถึงหนึ่งกองร้อยได้สบาย ๆ หรือจอมเวทระดับสูงถึง5คนได้ง่ายๆ นั่นเป็นจำนวนที่มากพอจะจัดการกับสัตว์ประหลาดระดับสองได้
'เขาตั้งใจจะยึดอำนาจตระกูลแครอลอย่างที่คนเขาลือกันจริง ๆ งั้นเหรอ?'
ตุบ!
แคลเรตวางถุงเงินอีกครั้ง มันมีขนาดเล็กกว่าอันแรกนิดหน่อย แต่ก็ยังถือว่ามากอยู่ดีเมื่อนับเป็นมูลค่า
เงินค่าขนมสำหรับวันนี้ของเขา
แคลเรตหยิบกระดาษเล็ก ๆ ที่เขาเขียนมันเมื่อคืนนี้วางไว้ข้างๆ
"เตรียมมันมาให้ข้าในระหว่างที่ส่งทหารรับจ้างมาที่คฤหาสน์แล้ว"
'ใยแมงมุมสองหัว' 'เลือดของเสือเคี้ยวดาบ' 'ต้นไม้มายา' 'เมือกคางคกพิษที่โตเต็มวัย' 'ยาถอนพิษ' และ 'กระเป๋ามิติ' สำหรับใส่พวกมัน
นั่นเป็นสิ่งที่ถูกเขียนอยู่ในนั้น
ดวงตาสีฟ้าสั่นไหวเมื่ออ่านมัน พวกมันส่วนใหญ่เป็นวัตถุดิบที่มีความเสี่ยงมากตั้งแต่การเก็บเกี่ยววัตถุดิบตลอดจนการใช้
แมดด็อกซ์มองมันสลับกับแคลเรต
แต่แคลเรตเพิกเฉยต่อสายตานั้น เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินออกจากห้องไปพร้อมอัลมอนด์โดยไม่ลืมทิ้งท้ายไว้ให้แมดด็อกซ์
"ถ้าเป็นไปได้ข้าอยากได้เจ้าด้วย"
เพราะถึงวัตถุดิบส่วนใหญ่ในนั้นจะมีความเสี่ยงในการเก็บเกี่ยวแต่ก็ล้วนไร้ประโยชน์และไม่มีใครต้องการ มันจึงมีราคาในตลาดที่ต่ำยิ่งกว่ารายได้หนึ่งวันของหนึ่งครัวเรือนด้วยซ้ำ ดังนั้น เงินที่เหลือนั้นจะกลายเป็นค่าตัวของเขาทั้งหมดหากยอมรับงาน
แต่ถ้าไม่ มันก็จะกลายเป็นแค่เงินส่วนเกินที่จะต้องจัดลงบัญชีของกิลด์ไปอย่างช่วยไม่ได้
ทว่า แมดด็อกซ์จะต้องรับงานนี้ไว้อย่างแน่นอน เพราะในเนื้อเรื่อง แมดด็อกซ์ได้เปิดเผยว่าเขามาอยู่ที่นี่เพราะพ่อของเขาต้องการให้เขาซึมซับประสบการณ์จริงในภาคสนามด้วยตัวเอง และตระกูลแครอลในตอนนี้เองก็เข้าข่ายเงื่อนไขที่พ่อของเขาตั้งไว้พอดี
แม้แคลเรตจะไม่รู้ว่ามันไปเกี่ยวข้องกันที่ตรงไหน แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์สำหรับเขาไม่น้อยที่ต้องการจอมเวทที่เก่งทั้งรุกและรับ
พอเดินพ้นตัวอาคารออกมา แคลเรตจึงถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วโยนไปให้อัศวินนายหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ
พรึ่บ!
อัศวินคนนั้นรีบรับมันไว้ทันที แคลเรตยกยิ้มแล้วส่งให้ไปอีกตัว
พรึ่บ!
ตามด้วยแหวน เครื่องประดับ ผ้าผูกคอรวมไปถึงเพชรเม็ดยักษ์ที่ติดอยู่กลางคอของเขา
อัศวินรีบรับมันก่อนจะตกถึงพื้น เขามองมันสักพักด้วยสายตาที่ยากจะอธิบายก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถาม
"...จะกลับคฤหาสน์เลยไหมครับนายน้อย?"
"ไม่ ข้าจะแวะไปที่หนึ่งก่อน"
แคลเรตสางผมของเขาลงต่ำ ปลดกระดุมเม็ดหนึ่งให้ดูเหมือนบุตรชายขุนนางที่ใช้ชีวิตสมถะและอ่อนแอ
"ไม่ต้องตามมา"
เขาออกคำสั่งกับอัศวินอีกครั้งเมื่อเห็นว่าพวกเขาจะเดินตามมา มันจะยุ่งยากมากขึ้นถ้ามีคนไปกับเขาเยอะ ๆ โดยเฉพาะอัศวินที่ใส่เครื่องแบบเต็มยศอย่างพวกเขา
แคลเรตเดินลัดเลาะเข้าไปตามตรอกใกล้ๆ อัลมอนด์ยังคงตามมาอีกครั้งจึงต้องหยุดเดิน
เขาหันไปหาอัลมอนด์
"เจ้าไม่ต้องตามมาแล้วก็ได้"
"บุตรหลานขุนนางทุกคนจำเป็นต้องมีข้ารับใช้อยู่ด้วยอย่างน้อยหนึ่งคนเพื่อเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน"
อาา...เขาลืมมันไปเสียสนิท ตอนนี้เขามีสถานะเป็นถึงบุตรหลานของขุนนางที่เป็นเป้าสายตาแล้ว นอกจากจะต้องรักษาหน้าตระกูลแล้วยังต้องคอยระวังพวกศัตรูของดยุคเดริคด้วย ถึงจะปฏิเสธการถูกปรนนิบัติที่มากเกินไปได้ แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธความปลอดภัยนี้ได้จริงๆ
'ขืนเดินสุ่มสี่สุ่มแปดไปเจอพวกอันธพาลแล้วจับไปเรียกค่าไถ่คงได้เป็นเรื่องแน่'
เขายังไม่อยากให้มีเรื่องน่ารำคาญแบบนั้นเกิดขึ้นในช่วงวิกฤตแบบนี้
"งั้นรึ เอาแบบนั้นก็ได้"
ยังไงเขาก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอยู่แล้ว
กึก!
แคลเรตหยุดฝีเท้าลงที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง มันเป็นบ้านที่ดูทรุดโทรมและเก่า สไตล์ทิวดอร์เหมือนที่มักเคยเห็นในเกมหรือภาพยนตร์บ่อยครั้ง
ที่นี่คือร้านขายของชำสารพัดอย่างที่จะขายทุกอย่างที่หาไม่ได้จากที่อื่น เป็นสถานที่ที่เหมือนสร้างขึ้นเพื่อผู้ที่เริ่มหัดเป็นนักผจญภัยในดินแดนที่ไม่มีสัตว์ประหลาดแห่งนี้ และของที่ขายอยู่ในนี้มีแทบทุกอย่างที่นักผจญภัยต้องการมัน
กริ๊ง~
แคลเรตผลักประตูร้านที่เก่าซอมซ่อเข้าไป บรรยากาศด้านในนั้นแสนอึมครึมและเต็มไปด้วยของมากมายวางเกลื่อนอยู่ทั่วร้านและไม่เป็นระเบียบ พวกมันมีตั้งแต่หนังสือเก่าหายาก ชิ้นส่วนสัตว์ประหลาด สมุนไพรที่เหี่ยวเฉา หรือแม้แต่ดาบที่ดูวิจิตรราคาแพง พวกมันถูกวางปะปนกันทั้งของที่เหมือนของแรร์และขยะที่เอาไปใช้ทำอะไรไม่ได้
ฮัดชิ้ว!
หนำซ้ำฝุ่นเองก็หนามากจนแสบจมูก แคลเรตขยี้จมูกของเขาให้หายคัน
การที่ต้องจามจนน้ำตาเล็ดนั้นไม่ใช่เรื่องตลกสักนิด
"รับอะไรดีคะ"
เสียงหวานใสดังขึ้นจากมุมหนึ่งของร้าน เจ้าของเสียงนั้นถือขวดโหลที่กำลังดองบางอย่างเข้ามา ลดฮู้ดสีดำที่ปกคลุมใบหน้าของเธอลง
แม่มดมาริเนด หนึ่งใน npc และเจ้าของร้านขายของชำสารพัดอย่างแห่งนี้ เธอเป็น npc ที่มักจะมอบเควสที่ได้อาวุธเป็นรางวัลตอบแทนด้วยการสุ่ม รวมไปถึงช่วยเหลือผู้เล่นหรือตัวเอกบ้างในบางเควส และถูกกล่าวขานว่าเป็นคนที่มีจิตใจดีคนหนึ่งจากบรรดา npc ทั้งหมด
มาริเนดเบิกตากว้างเมื่อเห็นใบหน้าของลูกค้าที่ไม่คุ้นหน้าชัดขึ้น เขามีรูปลักษณ์ที่งดงามและเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าเนื้อดี บ่งบอกว่าเป็นบุตรหลานของขุนนางคนใดคนหนึ่ง ทว่า...เสื้อผ้าที่เขาใส่นั้นกลับเป็นเพียงชุดเรียบ ๆ ธรรมดาที่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
ใบหน้าที่หล่อเหลาที่คงความหวานนั้นดูเศร้าสร้อย เหนื่อยล้า และอยู่ในสภาพที่น่าสงสาร หากสังเกตดี ๆ จะยิ่งพบว่าที่หางตาของเขานั้นยังมีคราบน้ำตาเหลืออยู่ แม้แต่จมูกที่แดงเรื่อท่ามกลางผิวขาวผ่องนั่นก็เช่นกัน
"โอ้ พระเจ้า"
มาริเนดอุทานออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อพบว่าเด็กตรงหน้านั้น ดูน่าสงสารราวกับลูกแกะหลงทาง
แคลเรตเม้มปากของเขาเป็นเส้นตรง
หลุบตาต่ำอย่างลังเล ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาด้วยแววตาที่สั่นไหว เขาเหยียดยิ้มบางๆ ที่ดูน่าสงสารที่สุดไปให้กลับเธอ
"ที่นี่...มีไอเทมสำหรับป้องกันไหมครับ พี่สาว"