เมื่อลืมตาตื่น 'ดารินทร์' ก็พบว่าตัวเขาได้เข้ามาอยู่ในเกมผจญภัยในโลกแฟนตาซีที่เคยเล่นในอดีต ทว่า "ร่างที่ฉันเข้ามาอยู่กำลังจะถูกลอบสังหารในอีก 3 วัน"

เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก - EP.5 สามสิ่งที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง โดย Zephyr_W @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,ชาย-ชาย,ตะวันตก,transmigration,ทะลุมิติ,ต่างโลก,แฟนตาซี,แนวระบบ,ตลก,แอ็คชั่น ,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ชาย-ชาย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

transmigration,ทะลุมิติ,ต่างโลก,แฟนตาซี,แนวระบบ,ตลก,แอ็คชั่น ,ดราม่า

รายละเอียด

เมื่อลืมตาตื่น 'ดารินทร์' ก็พบว่าตัวเขาได้เข้ามาอยู่ในเกมผจญภัยในโลกแฟนตาซีที่เคยเล่นในอดีต ทว่า "ร่างที่ฉันเข้ามาอยู่กำลังจะถูกลอบสังหารในอีก 3 วัน"

ผู้แต่ง

Zephyr_W

เรื่องย่อ

[ The tale of light ] หรือ [TOL] หนึ่งในเกมผจญภัยในโลกแฟนตาซี ที่มีตัวเอกเป็นนักบุญของมหาวิหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเน้นเรื่องราวการผจญภัยไปกับชายรูปงามที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายรักขายดีอันดับหนึ่งติดต่อกัน 3 ปีซ้อน


เป็นเกมออนไลน์แนว open world ที่จะเปิดโอกาสท่องโลกเก็บเกี่ยวประสบการณ์เรื่องราวความรักและการต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาด อีกทั้งยังมีระบบแต่งบ้าน สร้างร้านค้า ดูแลอาณาเขตที่ดินและระบบจีบ


ทว่า...


" ร่างที่ฉันเข้ามาอยู่ในตอนนี้กำลังจะถูกลอบสังหารในอีก 3 วัน"


รินทิ้งศรีษะลงบนมือทั้งสองที่นุ่มเกินกว่าจะเป็นมือของเขาทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ดังนั้น


...นี่มันแย่ชะมัด




สารบัญ

เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.1 ตัวประกอบผู้ไม่มีแม้แต่บท,เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.2 ยับยั้งการสังหารหมู่ (1),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.3 ยับยั้งการสังหารหมู่ (2),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.4 ยับยั้งการสังหารหมู่ (3),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.5 สามสิ่งที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง,เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.6 เพราะมันมีต้นฉบับเป็นนิยายรักโรแมนติก (?),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.7 คืนวันลอบสังหาร (1),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.8 คืนวันลอบสังหาร (2),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.9 ดัชเชสเอวาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตราย,เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.10 ต้องวางแผนกันใหม่ (1),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.11 ต้องวางแผนกันใหม่ (2)

เนื้อหา

EP.5 สามสิ่งที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง




EP.5 สามสิ่งที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง





"ทางกิลด์ลูก้าได้ส่งทหารรับจ้างมาแล้วครับ"

"งั้นรึ"

แคลเรตปิดแผนผังปราสาทแครอลที่เพิ่งอ่านจบเข้าชั้น ดูเหมือนแมดด็อกซ์จะทำงานได้ดีทีเดียว เขาเดินไปยังเก้าอี้น้ำชาที่ถูกจัดไว้อยู่มุมห้องโดยมีอัลมอนด์ที่คอยส่งเอกสารและกระเป๋าใบหนึ่ง

"นี่เป็นประวัติของทหารรับจ้างที่ส่งมากับของที่นายน้อยสั่งไว้ครับ"

แคลเรตเปิดดูมันสักพัก มันถูกระบุไว้ตั้งแต่ชื่อ  ความสามารถ ประวัติโดยสังเขป รวมไปถึงงานส่วนใหญ่ที่แต่ละคนถนัด

โอ้

มุมปากของเขายกระดับอย่างอารมณ์ดี แม้แต่ประวัติของแมดด็อกซ์เองก็อยู่ในนั้นเช่นกัน

'ดูเหมือนเขาจะยอมรับงานด้วยตัวเองแล้วจริงๆ'

ถึงจะน่าเสียดายที่แมดด็อกซ์ยังเด็กเกินไปสำหรับสถานการณ์นี้ แต่ยังไงเขาก็ถือเป็นคนมีความสามารถในระดับหนึ่งที่จะรอดพ้นจากเหตุการณ์วิกฤต

'มันแน่นอนอยู่แล้วที่หนึ่งในตัวละครหลักจะมีชีวิตอยู่จนกว่าจะเจอตัวเอก'

พรึ่บ

เขาปิดมันลง ส่งเอกสารในมือกลับคืนให้อัลมอนด์

"ส่งพวกเขาไปคุ้มกันเรนเดล แอลรีสรวมไปถึงท่านดยุกและดัชเชส"

"ครับ"

"แล้วก็ให้ไรรีย์ไปดูแลแอลรีสในระหว่างนี้ด้วย บอกเธอว่าให้เลื่อนลาพักร้อนออกไปสักระยะหนึ่งก่อน"

ในเนื้อเรื่อง หลังจากที่ปรมาจารย์ดาบคนเก่าได้ตายจากไป เขาได้ทิ้งเพลงดาบและนามสกุลของตนไว้ให้ไรรีย์ ดังนั้นในปราสาทแห่งนี้เธอจึงเป็นคนที่มีความสามารถในด้านการต่อสู้มากที่สุด และอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัศวินทั่วไปในสังกัดตระกูลดยุกด้วยซ้ำ ทว่าในวันเกิดเหตุ เธอดันอยู่ในช่วงขอหยุดพักร้อน

หนำซ้ำยังโชคร้ายที่พวกมีความสามารถของตระกูลส่วนใหญ่ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่แฝงตัวเข้ามา จึงทำให้ตระกูลแครอลที่แม้จะมีความสามารถก็ไม่สามารถรับมือกับพวกเขาได้หมดและพบจุดจบอันน่าเศร้าอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง

'เราต้องให้เธออยู่ที่นี่เพื่อคุ้มครองเด็ก ๆ ก่อน'

อัลมอนด์ที่ได้ยินคำสั่งกะพริบตาปริบ เฝ้ามองแคลเรตด้วยท่าทางสงสัย

"...ไรรีย์เหรอครับ?"

"ใช่ เธอเป็นคนที่มีฝีมือคนหนึ่ง อย่างน้อยการมีคนที่มีฝีมือคอยคุ้มครองพวกเขาอยู่ใกล้ ๆ ย่อมดีกว่าเสมอ"

ครืนนนน

ตอนนั้นเอง เงาตกกระทบของกระจกก็เริ่มสั่นคลอน บาเรียสีใสที่ปกคลุมปราสาทไว้สลายหายไป ตามด้วยบาเรียใหม่ที่ดูแข็งแรงมากกว่าถูกกางขึ้นมาใหม่ในทันท่วงที กลายเป็นปราสาทเก่าในบาเรียใสเมื่อมองเข้ามาจากด้านไปโดยปริยาย

"...ดูเหมือนท่านดยุกจะให้พวกจอมเวทกางบาเรียใหม่นะครับ"

"อืม"

แคลเรตรับคำขณะจ้องมองบาเรียที่ดูแข็งแรงและถือว่ามีประสิทธิภาพมากในตอนนี้ ทว่า เมื่อเทียบกับวิทยาการในช่วงที่เกมเริ่มต้นนั้น สิ่งนี้กลับดูอ่อนแอและเปราะบางมากอย่างเห็นได้ชัด

วาบบบ

"อึ่ก!"

แคลเรตยกมือขึ้นบังแสงแดดที่แยงเข้ามาในตาจนพร่ามัว ดูเหมือนบาเรียที่ว่าแข็งแกร่งจะมีปัญหาด้านการหักเหของแสงมากเกินไป



ติ๊ง!

[ อัตราความสำเร็จปัจจุบัน 4% ]



...



หลังจากนั้น แคลเรตจึงใช้เวลาตลอดทั้งวันหมกตัวอยู่ภายในห้องของตนกับกองหนังสือมากมายที่เขาไปกวาดมันมาจากห้องสมุดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับชิ้นส่วนของสัตว์ประหลาด วิธีตั้งรับเมื่อโจรขึ้นบ้าน ความรู้เกี่ยวกับศิลาเวท สมุนไพรและการปฐมพยาบาลที่จำเป็น

ทุกอย่างดูไร้ประโยชน์ แต่ล้วนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเขาที่เพิ่งมายังโลกนี้และรู้เกี่ยวกับของบางอย่างที่เคยเห็นในเกมเพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะการปฐมพยาบาลที่ล้าหลังหรือของเหนือธรรมชาติที่ไม่เคยสัมผัสโดยตรง ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เขาต้องการข้อมูลโดยละเอียด

โดยเฉพาะวิธีใช้และข้อควรระวังของแต่ละอย่าง

หาววว~

เขาหาวว้อดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ดวงตาเริ่มล้าเต็มทีหลังใช้งานมาตลอดทั้งวัน ตัวของเขาโอนอ่อนลงบนหมอนอิงใบใหญ่ ท่าทางเหมือนคนเกียจคร้านที่พร้อมจะนอนมันทุกเมื่อ แต่ถึงจะง่วงขนาดไหนตัวเขากลับไม่มีทีท่าว่าจะสามารถนอนหลับได้ลง

"พักก่อนดีไหมครับนายน้อย"

'หมอนี่ยังไม่ไปอีกเหรอ?'

ถึงจะรู้ว่าพวกคนรับใช้ในโลกนี้มักจะยืนเฝ้าหรือตัวติดเจ้านายเป็นเงาตลอดเวลา แต่ไม่คิดว่าอัลมอนด์จะยืนอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ช่วงสายโดยไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน อันที่จริง เขาแทบลืมไปแล้วว่ามีคนอื่นนอกจากเขาอยู่ในห้องด้วย

'นี่แอบน่ากลัวแฮะ'

หากอัลมอนด์เป็นมือสังหาร บางทีเขาอาจจะตายไปโดยไม่รู้ตัวแล้วก็ได้ ก็เล่นทำตัวไร้ตัวตนซะขนาดนั้น

"ไม่ล่ะ ข้ายังอยากอ่านต่ออีกสักหน่อย"

เขาวางหนังสือเกี่ยวกับการปฐมพยาบาลในมือลงแล้วหยิบหนังสือศาสตร์เวทเบื้องต้นขึ้นมาแทน มันเป็นหนังสือที่เขาคิดว่าไร้ประโยชน์ที่สุดจากบรรดาหนังสือทั้งหมดที่เอามา เพราะถึงจะอ่านมันรู้เรื่องไปก็ใช่ว่าจะสามารถใช้เวทมนตร์ได้ทันทีเหมือนกดปุ่มสกิลในเกม และในการใช้เวทสักอย่างในโลกแห่งความจริง เขาจำเป็นต้องทำความเข้าใจมันอย่างถ่องแท้และฝึกฝนอย่างหนักถึงจะสามารถทำมันได้เหมือนกับจอมเวทคนอื่นๆ

เพราะนี่ไม่ใช่เกมที่มีปุ่มสกิลให้กดและอ่านหนังสือทั้งเล่มด้วยปุ่มๆ เดียว แต่เป็นชีวิตจริงที่ต้องใช้ความพยายามภายใต้กฎของโลกใบนี้

นั่นเป็นอีกเหตุผลที่ถึงแม้ทุกคนบนโลกจะมีมานาอยู่ในตัว แต่พวกเขาก็ไม่ใช่จอมเวททุกคน บางคนอาจแค่เรียนรู้มันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในหน้าที่การงาน บางคนก็เลือกที่จะจับดาบและฝึกฝนออร่าแทนการท่องจำ หรือบางคนก็แค่ไม่มีโอกาสมากพอที่จะเรียนเขียนหรืออ่านหนังสือก็เท่านั้น และแน่นอนว่าถึงเขาจะอ่านมันออกก็ไม่คิดจะเรียนมันเช่นกัน แคลเรตก็แค่ต้องการอะไรมาอ่านแก้เครียดก็เท่านั้น

เขามีเงินมากมายเพื่อจากวานอัศวินให้มาคุ้มครอง และมีคนแข็งแกร่งที่พอใช้ได้อยู่ใกล้ ไ ตลอดเวลา ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นเลยที่เขาจะต้องฝึกมันอย่างหนักเพื่อให้ตัวเองเหนื่อยหรือบาดเจ็บอย่างไร้เหตุผล

"เจ้าเองก็กลับไปพักผ่อนเถอะ"

แคลเรตเอ่ยขณะพลิกหน้าหนังสือตรงหน้า เขาหยิบน้ำส้มขึ้นดื่มแก้กระหายน้ำ รสชาติยังคงหวานกลมกล่อมเหมือนอย่างเคยจนน่าพึงพอใจ ไม่แปลกเลยสักนิดว่าทำไมมันถึงเป็นหนึ่งในของขึ้นชื่อที่ทำกำไรมหาศาลให้อาณาเขตแครอล

"ตั้งใจจะทำอะไรอย่างนั้นเหรอครับ"

"..."

แคลเรตหยุดแก้วในมือลง เขาสบตากับอัลมอนด์ที่ดูขึงขังกว่าปกติ มันเต็มไปด้วยสิ่งมากมายที่ยากจะมองมันออก

'อาา..'

แคลเรตเพิ่งตระหนักได้ว่าการที่อยู่ ๆ เขาก็โพล่งเรื่องที่ไม่เคยทำมาก่อนอย่างการให้ตรวจสอบคนงานและเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นมานั้นเป็นสิ่งที่แปลกเกินไป และการที่เขาเอาแต่อ่านหนังสือเกี่ยวกับการรับมืออันตรายตลอดสองวันที่ผ่านมานั้น ในสายตาคนอื่นคงไม่ต่างจากพวกวิกลจริตที่หวาดระแวงในชีวิตตน

อาการของชนชั้นสูงที่มีรากฐานมาจากสามัญชนก้มักเป็นอย่างนั้น

"แค่การหาวิธีปกป้องครอบครัว ทำไมข้าต้องหาเหตุผลให้กับมันด้วยล่ะ?"

ดวงตาสีเทอร์ควอยซ์สั่นไหว อัลมอนด์กระแอมไอก่อนยิ้มให้เหมือนกับทุกที

"คาดหวังไว้ประมาณไหนหรือครับ"

"ไม่รู้สิ แค่อยากให้สามารถนอนหลับได้สนิทโดยไม่ต้องกังวลว่าจะต้องลุกขึ้นมากลางดึกล่ะมั้ง"

การที่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะกังวลว่าภัยอันตรายจะมาตอนไหนนั้นแทบไม่ต่างอะไรจากนรกนั่นแหละ มันคงไม่มีใครที่ไหนหรอกที่จะหลับได้เต็มอิ่มในสถานที่ที่ไม่แน่ใจว่าปลอดภัยจริงหรือไม่ และถึงเควสน่ารำคาญนี้จบลง เขาก็ยังอยากแน่ใจว่าจะสามารถนอนหลับต่อไปได้โดยไม่ต้องคิดอะไรมากนักเช่นกัน

"ถึงจะมีที่ให้นอนแต่ถ้ามันไม่มีความปลอดภัย พวกเขาก็จะนอนหลับไม่สนิท แม้แต่การงีบหลับเองก็อาจจะกลายเป็นเรื่องยากเช่นกัน"



ติ๊ง!

[ อัตราความสำเร็จปัจจุบัน 6% ]



"..."

แคลเรตยกน้ำส้มขึ้นดื่มอีกครั้ง ก่อนจะยื่นไปด้านหน้า

อัลมอนด์หยิบเหยือกที่เต็มไปด้วยน้ำส้มรินให้อย่างรู้งานขณะเอ่ยถามอีกครั้ง

"ขอถามได้หรือเปล่าครับว่าทำไมถึงเลือกผมเป็นพ่อบ้านส่วนตัว"

"แน่นอนว่านั่นเป็นเพราะเจ้าหล่อและมีเสน่ห์"

แคลเรตแทบตอบในทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลาคิด เพราะตามหลักการที่แทบจะเป็นกฎของโลกนี้คือผู้ที่มีเสน่ห์รุนแรงและโดดเด่นมักเป็นผู้ที่มีพลังเวทที่อยู่ในระดับสูง อีกทั้งโลกนี้ที่มีต้นฉบับเป็นนิยายรักโรแมนติกที่ตัวเอกจะถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มรูปงามแล้ว อัลมอนด์ที่มีหน้าตาในระดับนี้จึงมีโอกาสที่จะแข็งแกร่ง

หากกล่าวถึงสิ่งที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของตัวละครจากนิยายรักโรแมนติกนั้นมีเพียงสามสิ่ง

หน้าตาดี สีผมโดดเด่น และอายุโดยเฉลี่ยใกล้เคียงกับตัวเอก

พวกคนที่อยู่ในเงื่อนไขนี้มักมีโอกาสที่จะได้ปรากฏในเนื้อเรื่องเสมอ และแข็งแกร่งจนน่าตกใจราวกับพลังส่วนใหญ่ที่มีนั้นมาจากใบหน้าที่ดีเยี่ยมของพวกเขา

เพราะฉะนั้นการมีใบหน้าที่หล่อเหลาในนิยายรักมักเท่ากับแข็งแกร่ง

ถึงข้อหลังจะดูยากไปสักหน่อย เพราะคนในโลกนี้ก็ล้วนแล้วแต่มีใบหน้าที่เด็กกันไปหมดจนยากที่จะกะได้ด้วยสายตา โดยเฉพาะดยุกเดริคที่อายุปาไป 30 กว่า แต่หน้ากลับอ่อนเหมือนเด็กมหาลัยนั่นก็ด้วย

'ถึงความจริงเขาจะเลือกส่ง ๆ และดูคนที่น่าจะใช้งานได้ดีที่สุดก็เถอะ'

แต่จากที่ดูมาสักพักอัลมอนด์ก็ดูเป็นคนที่น่าจะแข็งแกร่งจริงๆ และดูเป็นพวกที่ออกกำลังกายมาไม่น้อย แคลเรตยกน้ำส้มขึ้นดื่มอีกครั้ง สำรวจดูอัลมอนด์คร่าว ๆ  จึงพบใบหน้าของเขานั้นเริ่มที่จะเรื่อสี ลุกลามไปถึงใบหูจนแดงก่ำไปทั้งหน้า



ติ๊ง!

[ อัตราความสำเร็จปัจจุบัน 7% ]



"..."

แคลเรตขมวดคิ้วมองมันอย่างไร้อารมณ์ ถึงจะเพิ่งดื่มน้ำเข้าไปแต่กลับรู้สึกฝืดคอขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

เฮ้ออ~

แคลเรตถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย บีบนวดหัวตาเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่างก่อนวางแก้วน้ำในมือลงบนโต๊ะ

"ไปพักผ่อนได้แล้ว เราจะออกไปข้างนอกกันต่อพรุ่งนี้เช้า"

"ถ้างั้นราตรีสวัสดิ์นะครับนายน้อย"

"อืม ไปเถอะ"

อัลมอนด์รับคำอย่างไม่ลีลาเหมือนดั่งตอนแรก แคลเรตโบกมือไล่จนกระทั่งอีกฝ่ายออกไปก็ล้มตัวนอนไปกับหมอนทันที เขาแหงนมองผ้าคลุมที่ถูกผูกโยงไปมากับเสาเตียงอย่างวิจิตร ที่แค่ดูก็รู้ว่าน่าจะทำมาจากเนื้อผ้าราคาแพง

'...นอนไม่หลับเลยแฮะ'



...



ตึก ตึก ตึก

เหล่าสาวใช้และคนงานต่างหลีกทางให้ราวกับทะเลแหวก แคลเรตเดินไปตามทางเดินในคฤหาสน์ พวกเขาต่างซุบซิบกันถึงบางอย่างที่ชวนแปลกใจ

'ช่วงนี้นายน้อยดูกระตือรือร้นผิดปกติ'

นั่นเป็นหัวข้อหลักที่พวกเขาพูดถึง

แคลเรตเพิกเฉยซุบซิบเสียงที่ดังเหมือนจงใจพูดให้เขาได้ยิน เขาสางเส้นผมไปด้านหลังอย่างรำคาญ สำรวจปราสาทคร่าว ๆ ตามจุดที่ไม่เคยไปในเกม ต้นไม้ด้านนอกเริ่มผลัดใบตามฤดูกาล แม้แต่อากาศก็เริ่มที่จะหนาวขึ้นเรื่อยๆ สวนดอกไม้ในปราสาทยังคงออกดอก แต่พวกมันยังคงถูกปล่อยปละละเลยไม่ต่างจากจุดอื่นๆ

ถึงพื้นจะสะอาดแต่พุ่มดอกไม้กลับเต็มไปด้วยวัชพืชและแมลงกัดเซาะจนแทบไม่มีดอกไม้ที่สมบูรณ์

'ขนาดคนงานในสวนที่ละเลยมันก็ยังคงกินดีอยู่ดีอยู่ที่ไหนสักแห่งในปราสาท'

ดูเหมือนพวกเขาจะละเลยหน้าที่กันมากเกินไปเมื่อเจ้าของบ้านไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับมัน ถึงจะรู้ว่าทั้งดยุก ดัชเชส หรือแม้แต่พวกเด็ก ๆ จะไม่มีใครสนใจกับการตกแต่งสวนกลางปราสาทก็เถอะ แต่นี่มันสวนที่ดัชเชสคนก่อนหวงแหนมากไม่ใช้หรือไงสักเท่าไหร่แม้ว่ามันจะเป็นสวนที่ดัชเชสคน

บางทีเขาควรจะคุยเกี่ยวกับการดูแลเรื่องนี้กับดัชเชสเอวาสักครั้ง แม้เขาจะไม่จำเป็นต้องสนใจมัน แต่การปล่อยคนไม่ทำงานทั้งที่รับเงินไปแล้วถือเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถรับมันได้ แต่เรื่องนั้นเองก็คงต้องผลัดไปก่อนเพราะเขามีสิ่งที่ต้องทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่าในตอนนี้

คิดได้เช่นนั้นแคลเรตจึงสาวเท้ายาว ๆ ไปยังที่แห่งหนึ่งทันที

ห้องทำงานดยุก

สถานที่ที่ดยุกมักใช้เวลาอยู่ที่นั่นแม้ว่าจะแทบไม่ได้บริหารงานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันมาสักพัก เขารีบเดินออกจากตรงนั้นโดยทิ้งสวนกลางปราสาทที่ดูรกร้างไว้ด้านหลัง โดยไม่รู้เลยว่ามีใครบางคนกำลังมองเขา



คนคนนั้นคือแอลรีส

 บุตรชายคนเล็กของตระกูลแครอล เขาเฝ้ามองแผ่นหลังของพี่ชายที่กำลังเดินเข้าไปในตัวปราสาทอีกครั้ง ถึงจะรู้ว่าพี่ชายของตนจะมีนิสัยที่แปลกและเป็นพวกคาดเดาได้ยาก แต่ดูเหมือนเขาจะกระตือรือร้นผิดปกติมากเกินไปในช่วงนี้

ราวกับกำลังตั้งรับกับบางสิ่งบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้น

"เขาคิดจะทำอะไรกันแน่นะ"

"สนใจด้วยหรือไง?"

แอลรีสหยุดชะงักฝีเท้าลงทันทีเมื่อมีผู้มาใหม่เดินเข้ามาทัก เรนเดลยังคงยิ้มหวานให้เขาอย่างเป็นมิตรเหมือนกับทุกที

"..."

พวกเขาสบตากันสักพัก แอลรีสไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาถอนเท้าไปด้านหลัง หมุนตัวกลับไปยังทางที่เพิ่งเดินมาราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพิกเฉยต่อเรนเดลโดยสมบูรณ์โดยไม่มีการทักทายแม้แต่น้อย

เรนเดลยังคงยิ้มให้กับแอลรีสที่เดินจากไปโดยไม่ถือสา

มันเป็นภาพที่ทุกคนในปราสาทล้วนพบว่ามันเป็นเรื่องปกติ นายน้อยทุกคนในตระกูลต่างจะไม่คุยหรือพบปะกันโดยไม่มีเหตุผลที่มากพอ แม้แต่ห้องนอนของพวกเขาก็ล้วนอยู่กันคนละฝากของปราสาททั้งสิ้น

เรียกได้ว่าหากไม่มีการรับประทานอาหารเช้าร่วมกันตามคำสั่งดยุก พวกเขาก็แทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่น้องของตนนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร

มันเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่อดีตและหลังจากนี้ก็น่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไป

"ข้าจะไปดื่มชาที่เรือนกระจกสักหน่อย"

เรนเดลออกคำสั่งให้กับคนรับใช้ที่เพิ่งถูกว่าจ้างเข้ามาใหม่ เธอโค้งคำนับให้เขาให้อย่างมีมารยาทตามแบบฉบับของสาวใช้

หนึ่งในทหารรับจ้างที่แคลเรตส่งมา

"จะเตรียมน้ำไว้ให้ค่ะ"

"ขอบใจ"

เรนเดลยิ้มให้สาวใช้ เขามองเธอสักพักจากนั้นจึงเริ่มสาวเท้าไปยังเรือนกระจก

'ดูเหมือนจะมีเรื่องยุ่งยากซะแล้วสิ'



...



'ไอ้พวกไม่ได้เรื่อง'

หางคิ้วของเขากระตุก แคลเรตเริ่มรู้สึกท้อกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำมันอย่างช่วยไม่ได้  เขาใช้เวลาร่วมหลายสิบนาทีในการเคาะประตูห้องทำงานของดยุกแต่กลับไม่ได้รับการตอบรับใด ๆ กลับมา ครั้นเปิดประตูเข้าไปก็ดันพบภาพที่น่าปวดหัว

ดยุกกับดัชเชสกำลังพลอดรักกันอย่างหวานฉ่ำไม่สนฟ้าดินอยู่ในห้องทำงาน

ใช่ พวกเขากำลังดื่มด่ำกับคู่ครองของตน แปรสภาพโต๊ะทำงานให้กลายเป็นเวทีรัก ไม่มีการเปลื้องผ้าใดๆ แต่สภาพชุดเดรสของดัชเชสก็พร้อมจะหลุดออกจากตัวอยู่รอมร่อ

'อย่างน้อยก็ช่วยแสร้งว่ากำลังทำงานกันอยู่สักหน่อยไม่ได้หรือไง'

ถึงคนอื่นเขาจะรู้กันหมดว่าดยุกเดริคไม่ยอมทำงานมาสักพักแต่นี่ก็ควรทำงานกันสักนิด แม้ว่านั่นจะเป็นเพียงการทำหลอกๆ ก็ตามไม่ใช่หรือไง

แคลเรตรู้สึกปวดหัว บางที นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ดยุกเดริคไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันด้วยเช่นกัน

เขาเอนตัวพิงขอบทางเข้า ยกมือขึ้นสูงเคาะประตูที่เขาเปิดอ้าทิ้งไว้

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"...อื้ออ"

ยังคงไม่มีการตอบรับใด นอกเสียจากเสียงครางหวานของดัชเชสที่ถูกดยุกโหมจูบจนตัวเอนไปกับโต๊ะทำงาน เธอยันแขนเอาไว้ ปัดป่ายข้าวของบนโต๊ะจนล้มระเนระนาดไปทั่วพื้นห้องจนน่าหวาดหวั่น

แคลเรตมองภาพนั้นด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ผิดกับคนรับใช้และอัศวินด้านนอกที่ปิดปากมองดูภาพสุดอีโรติกด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะถึงแม้ดยุกเดริคจะดูซูบผอมไปบ้างแต่ก็คงใบหน้าที่ว่ากันว่าเป็นหนุ่มรูปงามที่แม้แต่สาววัยรุ่นก็ยังตกหลุมรักนั้นอยู่

'พันธุกรรมของคนเป็นพ่อตัวละครหลักนี่น่ากลัวชะมัด'

อะแฮ่ม!

แคลเรตแสร้งกระแอมไอเสียงดังให้คนที่ดูจะตกอยู่ในภวังค์รักได้ยินมัน

ดยุกเดริคที่กำลังดื่มด่ำจูบหวานราวกับยาเสพติดเหลือบขึ้นมอง แคลเรตยกมือขึ้นหนึ่งครั้งส่งสัญญาณว่าเป็นเขาเมื่อสบตากัน ดยุกเดริคถึงได้ยอมละปากออกจากภริยาตน

"หื้ม?"

เขากะพริบตาปริบ สางเส้นผมที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อไปด้านหลัง ทันใดนั้นกลิ่นหอมๆ และบรรยากาศยั่วยวนก็ลอยฟุ้งในอากาศขึ้นมาทันที

กรี๊ดดด

เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวใช้ดังขึ้นจากด้านหลัง แม้แต่อัศวินก็รีบถอยกลับออกไปนอกระยะสายตาทันที แคลเรตเพิกเฉยมัน เขายกมือขึ้นในอากาศไล่กลิ่นแปลก ๆ นั้นออกไป

"มีธุระอะไรกับพ่อหรือเปล่าแคลเรต?"

ดัชเชสเอวาสะดุ้งเมื่อได้ยิน 'แคลเรต' ดังออกมาจากปากเดริค เธอรวบแขนเสื้อที่ถูกเปิดออกเผยให้เห็นหัวไหล่ ปิดรอยจ้ำแดงตามร่างกาย และกดใบหน้าน่ารักลงไปในอกของดยุกเดริค

แคลเรตประหลาดใจไม่น้อยกับท่าทีของเธอที่ดูจะเขินอายมากเป็นพิเศษ เขาจึงดึงประตูปิดไล่หลังและรีบคุยธุระให้เสร็จ

"ผมจะมาขอเงินน่ะครับ"

"เงินเหรอ?"

ดยุกเดริคเลิกคิ้วสักพักก่อนจะยิ้มให้

"ได้สิ"

"ขอบคุณครับ"

"ปกติเห็นออกไปแค่เดือนละครั้ง คงเจอที่ดี ๆ ล่ะสินะ"

แคลเรตไม่พูดอะไรต่อ แต่ดูเหมือนแคลเรตคนก่อนจะเป็นพวกเก็บตัวมากกว่าที่เขาคิดไว้ ดยุกเดริคผละตัวออกจากดัชเชส เขาเดินไปยังมุมหนึ่งของห้องขณะรื้อค้นบางอย่าง แคลเรตมองเขาสักพักจากนั้นจึงเดินไปหาดัชเชสเอวาที่ยังคงนั่งอยู่บนโต๊ะ

สวบ

เสื้อตัวนอกถูกคลุมลงบนลานไหล่เล็ก ๆ ของเธอ

"อากาศหนาวนะครับ"

"...ขอบคุณ.."

เธอเอ่ยเสียงเบาและขาดหายไปในประโยคหลังจนแทบไม่ได้ยิน มือเล็ก ๆ กระชับเสื้อคลุมของเขาเข้าหากัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงไม่หันมามองเขาอยู่ดี

ก็แหงล่ะ ถ้าเขากำลังพลอดรักกับสามีใหม่แล้วลูกดันเดินเข้ามาเห็นพอดีก็คงไม่ค่อยอยากมองหน้ากันเท่าไหร่ ยิ่งลูกตัวเองดันไม่ใช่เด็กน้อยที่พอจะแถไปได้แต่โตพอที่จะรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกัน

'อึดอัดชะมัด'

กริ๊ง!

เสียงเหรียญทองกระทบกัน ถุงผ้าเนื้อดีถูกยื่นมาตรงหน้า มันยังคงเต็มไปด้วยเหรียญทองเหมือนกับครั้งที่แล้ว แต่เป็นลายผ้าที่เป็นสีทึบเหมือนของผู้ชายมากกว่าจะเป็นของผู้หญิง

ดัชเชสเอวาเป็นคนยื่นมันมาให้เขา

แคลเรตสงสัยว่าเธอเอามันมาจากตรงไหนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปแล้วรับมันไว้

"ขอบคุณครับ"

ดวงตาของดัชเชสเอวาสั่นไหว ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ใบหน้าที่เริ่มหายแดงจากแรงอารมณ์เริ่มเรื่อสีขึ้นอีกครั้ง เธอยื่นมือออกมาด้านหน้า แสงสะท้อนจากแหวนสาดเข้าในดวงตาจนแสบคันอีกครั้ง

'ทำไมช่วงนี้ถึงได้มีแต่ของสะท้อนแสงอยู่ทุกทีนะ'

ไม่รู้ว่าเพราะยังไม่ชินกับร่างนี้หรือเปล่า แต่ดูเหมือนมันจะไวต่อแสงได้ดีเกินไป จนรู้สึกว่ามีแสงสะท้อนเข้าตาของเขามากเกินไปในช่วงนี้ เขาจับมือเธอก่อนจะจูบมันให้ตามมารยาทอย่างที่ควรทำ ไม่นานนักเดริคก็เอาถุงใส่เงินมาให้เขาเพิ่มอีกถุงหนึ่ง

แคลเรตยิ้มยินดี ถึงตอนแรกจะมาขอแค่สักหนึ่งถุง แต่การได้มาถึงสองก็ถือว่าไม่เลว ยังไงซะ ต่อให้สถานภาพการเงินของตระกูลจะตกต่ำมากแค่ไหน แต่การลงทุนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจก็ย่อมดีกว่าเสมอ

เขาจะหาเงินมาคืนให้ในภายหลังเพราะฉะนั้นมันจะไม่เป็นไรที่เขาจะใช้มันฟุ่มเฟือยในตอนนี้

แคลเรตขอตัวออกมาในทันทีเมื่อได้รับเงิน ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้อย่างดีเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนต่อ

เขาส่งถุงเงินไปให้อัลมอนด์หนึ่งถุงเมื่อเดินออกมา

"จะออกไปข้างนอกหรือครับ?"

"ใช่ เราจะไปเที่ยวกัน"

"ครับ?"



...



"ขึ้นมาสิ"

"ครับ?"

อัลมอนด์ที่กำลังปิดประตูรถม้าลงเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่ยากจะอธิบายเหมือนเจอคนแปลกหน้า และกะพริบตาปริบ แคลเรตจึงชี้คางไปยังที่นั่งฝั่งตรงข้ามที่ยังคงว่างอยู่

"อยากให้ข้าพูดซ้ำงั้นรึ"

"ครับ? อา...ขออภัยครับนายน้อย"

อัลมอนด์ขึ้นมาบนรถม้าทันทีเมื่อตระหนักถึงสิ่งที่แคลเรตต้องการจะสื่อโดยไม่ลืมปิดประตูรถม้าตามมาด้วย แคลเรตเปิดหน้าต่างบางเล็กใกล้ๆ ออกคำสั่งให้กับคนรับใช้ที่เหลือ

"ตรวจสอบคนงาน และความพร้อมระหว่างที่ข้าไม่อยู่"

ดวงตาของทหารรับจ้างในคราบของพ่อบ้านและสาวใช้ต่างสั่นวูบเมื่อได้รับคำสั่ง

'นี่เขาคิดจะฮุบตำแหน่งดยุกเอาไว้จริงๆ ตามข่าวลือนั่นงั้นเหรอ?'

ผู้คนในเมืองต่างรู้กันดีเกี่ยวกับดัชเชสคนใหม่ที่กำลังพยายามควบคุมตระกูลแครอลไว้ให้อยู่ในกำมือ และในช่วงสามวันมานี้ตระกูลแครอลได้มีการว่าจ้างจอมเวทจากภายนอกเข้ามามากผิดปกติ และพวกเขาเองก็ถูกแคลเรตว่าจ้างให้มายังที่แห่งนี้ แต่คำสั่งทั้งหมดที่ได้รับล้วนเป็นการมอบหมายหน้าที่ให้เข้าไปใกล้ชิดกับคนงานในปราสาทและรับใช้นายน้อยคนอื่นทั้งสิ้น

พวกเขานึกย้อนกลับไป ถึงคำพูดของมาร์ควิสอารัน เจ้าของกิลด์การค้าลูก้า



'ตอนนี้ตระกูลแครอลกำลังอยู่ในช่วงวิกฤต บางที...อีกไม่นานคงจะถึงเวลาที่จะมีการเปลี่ยนผู้นำคนใหม่เกิดขึ้น'



มันเป็นสิ่งที่รู้กันดีว่าธรรมเนียมและวิธีการขึ้นเป็นผู้นำตระกูลของแครอลนั้นโหดร้ายเพียงใด และบางที บุตรชายคนโตที่ไม่มีสายเลือดของแครอลอาจพยายามขึ้นเป็นผู้นำด้วยวิธีนั้น

'เขาต้องการจะลอบสังหารนายน้อยทั้งสองสินะ'

ทหารรับจ้างในคราบคนรับใช้ต่างรับคำสั่ง แคลเรตเห็นความน่ากลัวราวกับกำลังเตรียมใจจะไปฆ่าใครสักคนหมุนวนอยู่ในดวงตาของพวกเขา จึงเอ่ยกำชับสิ่งที่พึงกระทำก่อนจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่

"ดูแลและคุ้มครองพวกเขาจากอันตราย นั่นเป็นงานที่ข้ากำลังมอบหมายให้"

เขาไม่สามารถเชื่อใจคนในปราสาทแครอลได้ ดังนั้นทหารรับจ้างที่เปรียบเงินดั่งคำสัตย์สาบานจึงเป็นสิ่งเดียวที่เขาพอใช้งานได้โดยไม่ต้องกังวล



ติ๊ง!



ฮี่~~

กุบกับ กุบกับ

รถม้าแล่นออกจากปราสาทแครอลอีกครั้ง แคลเรตปิดกระจกลง สบตากับอัลมอนด์ที่ยังคงนั่งอยู่อีกฝั่งของรถม้า ผู้ชายที่เขาอุตส่าห์คาดหวังว่าจะแข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องเขาได้ แต่กลับเป็นตัวแปรที่ทำให้ตัวเลขนั้นผันผวนมากผิดปกติ



[ อัตราความสำเร็จปัจจุบัน 8% ]



การแจ้งเตือนอัตราความสำเร็จของเควสเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์ มันยังคงมีระดับที่น้อยแต่ก็มากพอที่จะเป็นหลักฐาน

ในทุก ๆ ครั้งที่มันเพิ่มขึ้นอย่างไร้เหตุผล มันมักเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีอัลมอนด์อยู่ที่นั่น



"แล้ว...เจ้าเข้ามาทำงานที่นี่นานเท่าไหร่แล้วล่ะ?"