เมื่อลืมตาตื่น 'ดารินทร์' ก็พบว่าตัวเขาได้เข้ามาอยู่ในเกมผจญภัยในโลกแฟนตาซีที่เคยเล่นในอดีต ทว่า "ร่างที่ฉันเข้ามาอยู่กำลังจะถูกลอบสังหารในอีก 3 วัน"

เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก - EP.6 เพราะมันมีต้นฉบับเป็นนิยายรักโรแมนติก (?) โดย Zephyr_W @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,ชาย-ชาย,ตะวันตก,transmigration,ทะลุมิติ,ต่างโลก,แฟนตาซี,แนวระบบ,ตลก,แอ็คชั่น ,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ชาย-ชาย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

transmigration,ทะลุมิติ,ต่างโลก,แฟนตาซี,แนวระบบ,ตลก,แอ็คชั่น ,ดราม่า

รายละเอียด

เมื่อลืมตาตื่น 'ดารินทร์' ก็พบว่าตัวเขาได้เข้ามาอยู่ในเกมผจญภัยในโลกแฟนตาซีที่เคยเล่นในอดีต ทว่า "ร่างที่ฉันเข้ามาอยู่กำลังจะถูกลอบสังหารในอีก 3 วัน"

ผู้แต่ง

Zephyr_W

เรื่องย่อ

[ The tale of light ] หรือ [TOL] หนึ่งในเกมผจญภัยในโลกแฟนตาซี ที่มีตัวเอกเป็นนักบุญของมหาวิหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเน้นเรื่องราวการผจญภัยไปกับชายรูปงามที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายรักขายดีอันดับหนึ่งติดต่อกัน 3 ปีซ้อน


เป็นเกมออนไลน์แนว open world ที่จะเปิดโอกาสท่องโลกเก็บเกี่ยวประสบการณ์เรื่องราวความรักและการต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาด อีกทั้งยังมีระบบแต่งบ้าน สร้างร้านค้า ดูแลอาณาเขตที่ดินและระบบจีบ


ทว่า...


" ร่างที่ฉันเข้ามาอยู่ในตอนนี้กำลังจะถูกลอบสังหารในอีก 3 วัน"


รินทิ้งศรีษะลงบนมือทั้งสองที่นุ่มเกินกว่าจะเป็นมือของเขาทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ดังนั้น


...นี่มันแย่ชะมัด




สารบัญ

เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.1 ตัวประกอบผู้ไม่มีแม้แต่บท,เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.2 ยับยั้งการสังหารหมู่ (1),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.3 ยับยั้งการสังหารหมู่ (2),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.4 ยับยั้งการสังหารหมู่ (3),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.5 สามสิ่งที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง,เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.6 เพราะมันมีต้นฉบับเป็นนิยายรักโรแมนติก (?),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.7 คืนวันลอบสังหาร (1),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.8 คืนวันลอบสังหาร (2),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.9 ดัชเชสเอวาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตราย,เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.10 ต้องวางแผนกันใหม่ (1),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.11 ต้องวางแผนกันใหม่ (2)

เนื้อหา

EP.6 เพราะมันมีต้นฉบับเป็นนิยายรักโรแมนติก (?)




EP.6 เพราะมันมีต้นฉบับเป็นนิยายรักโรแมนติก (?)





"แล้ว...เจ้าเข้ามาทำงานที่นี่นานเท่าไหร่แล้วล่ะ?"

เขาเอ่ยขณะสำรวจท่าทีของอัลมอนด์ในระหว่างนั้น มันยังคงไม่มีท่าทีผิดปกติใดให้ได้เห็น

 แคลเรตจึงเริ่มนึกย้อนกลับไป ถึงเนื้อเรื่องบางส่วนที่ถูกบรรยายในเกม



[ ในขณะที่ข้ากำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด ก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นที่ทางทิศตะวันออกของปราสาท หลังจากนั้น ข้ารับใช้ที่อยู่กับข้าก็ต่างเริ่มโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว ]

[ หลังจากได้สืบดูหลังเหตุการณ์นั้นจบลง ก็พบว่าคนร้ายที่ลอบสังหารตระกูลแครอลนั้น ทุกคนล้วนเป็นคนงานที่เข้ามาอยู่ในตระกูลมากว่าสองปี ในช่วงเวลาที่ตระกูลมีการตรวจสอบน้อยที่สุดอย่างตอนที่เราต้องการคนเข้ามาดูและดัชเชสและลูกชายของนาง ]



นั่นเป็นหนึ่งในคำอธิบายที่แอลรีสในเกมได้พูดเอาไว้ระหว่างเล่าเรื่องของตนให้กับตัวเอกเกมทราบ

แต่แน่นอนว่าถึงอัลมอนด์จะไม่ได้มาในช่วงเวลานั้น เขาก็ยังถือเป็นบุคคลเฝ้าระวังอยู่ดี

"ผมเพิ่งเข้ามาเมื่อต้นสัปดาห์นี้ ทำไมเหรอครับ?"

อัลมอนด์กะพริบตาปริบ ตอบทั้งที่ยังคงสงสัยว่าแคลเรตถามถึงมันทำไม

โอ้

แคลเรตค่อนข้างประหลาดใจกับคำตอบ นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายมาก่อนเขาเพียงแค่สองวันเท่านั้น แคลเรตเลือกถามบางอย่างอีกเล็กน้อยเพื่อความมั่นใจ

"มีคนรู้จักในปราสาทแนะนำเจ้ามารึ?"

"ไม่ครับ ผมมาจากที่ที่ห่างไกลและไม่มีคนรู้จักอยู่ที่นี่แม้แต่คนเดียว"

แคลเรตพยักหน้า ยกมือขึ้นเท้าขอบกระจก ทิ้งศีรษะลงบนหลังมือนั้นก่อนจะหลับตาลงเพื่อใช้ความคิด ท่าทางดูเกียจคร้านเต็มทีหลังจากกระตือรือร้นกับชีวิตใหม่มาได้แค่ไม่กี่วัน...ดูเหมือนว่าอัลมอนด์จะไม่ใช่กลุ่มเดียวกับพวกลอบสังหารอย่างที่คิดไว้

การมีตำแหน่งที่สูง ไม่ว่าอยู่โลกไหนก็มักมีศัตรูมากกว่าหนึ่งกลุ่มสินะ

"งั้นรึ แล้วครอบครัวล่ะ?"

แคลเรตเงียบลงสักพักเพื่อฟังเสียงตอบรับ  ฝ่ามือทั้งสองของอัลมอนด์ที่ถือเหรียญทองไว้บีบเข้าหากันโดยไม่มีใครเห็น

แกรก 

แคลเรตได้ยินเสียงมัน

มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะชักจูงผู้คนให้ไปในทิศทางที่ต้องการ ซึ่งนั้นเป็นหนึ่งในสิ่งที่เขาคิดว่าตัวเองทำได้ห่วยแตกที่สุด อันที่จริง เขาเกลียดมันมากที่สุดเพราะเป็นสิ่งที่เขาจะต้องใช้พลังงานและต้องมีอารมณ์ร่วมไปกับมันทุกครั้ง

ทว่า อัตราการยับยั้งการสังหารหมู่กลับเพิ่มขึ้นตามการผันผวนของอัลมอนด์ ราวกับชีวิตของคนทั้งตระกูลนั้นขึ้นอยู่กับความคิดและการตัดสินใจของคนคนหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกที่จะลองทดสอบมันเพื่อความแน่ใจ

มันคงจะแย่มากหากเขาละเลยสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ไป แล้วให้คนงานที่ไม่เกี่ยวข้องต้องตาย



[ พวกเขาเป็นคนไร้เดียงสาที่แม้แต่การเจอนกหนึ่งตัวที่บาดเจ็บก็ต้องวิ่งวุ่นกันยกใหญ่เพื่อรักษามัน ]

[ และอ่อนแอถึงขนาดแค่วิ่งหกล้มก็สามารถร้องไห้ออกมาได้อย่างง่ายดาย ]



นั่นเป็นคำบรรยายถึงคนงานที่ไร้เดียงสาในตระกูลแครอลที่แอลรีสกล่าวถึง แคลเรตยังคงจำมันได้ดีถึงท่าทีของแอลรีสหนุ่มเจ้าสำราญที่ว่านั้นกำลังเล่าถึงพวกเขาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่อ่อนโยนขนาดไหน

และเนื่องด้วยภาพลักษณ์ของตระกูลแครอลที่แม้จะมีชื่อเสียงและอำนาจมากมายจากในอดีตแต่ก็มีภาพลักษณ์ดั่งตัวร้ายที่น่ากลัวของวงสังคม คนงานในปราสาทจึงมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพวกโหดร้ายไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้

"ผมเป็นเด็กกำพร้าเลยไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใคร..."

หลังจากเงียบมาสักพัก ในที่สุดอัลมอนด์ก็เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเหมือนการอ่านหนังสือเล่มหนึ่งให้ฟัง

แคลเรตกำลังจะพูดบางอย่างแต่ต้องปัดมันทิ้งไปเมื่ออัลมอนด์ยังคงพูดต่อ

"...แต่ถ้าคนที่พอจะเรียกว่าครอบครัวได้ก็เคยมีอยู่ครับ"

แคลเรตลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขามองเห็นกลุ่มเด็ก ๆ กำลังชูสองมืแโบกมือให้กับเขา มันเป็นปฏิกิริยาประหลาด ๆ ที่เขาเพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรกตั้งแต่มายังโลกใบนี้จึงอดไม่ได้ที่จะโบกมือกลับ

'แค่เคยสินะ'

"งั้นรึ พวกคนงานในปราสาทเองก็มีคนเช่นเจ้าอยู่เหมือนกัน"

พวกเขาส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่มีที่ไปและไร้เป้าหมายในการมีชีวิตด้วยตัวคนเดียว จึงถูกดยุกเดริคว่าจ้างเข้ามาในตระกูล

แน่นอนว่าส่วนมากล้วนเป็นเด็กกำพร้าและมาจากสลัม พวกเขามาเพราะต้องการหางานทำเพื่อเลี้ยงชีพตน แต่ก็มีหญิงหม้ายที่อยู่คนเดียวหรือแม้แต่ชายชราที่บาดเจ็บจากสงครามอยู่ที่นั่น

"เจ้าสามารถอยู่ที่นี่ได้นานเท่าที่ต้องการ..ยังมีเวลาอีกมากที่ไม่จำกัดให้เจ้าได้เรียนรู้เกี่ยวกับพวกเขา"

เขาลดมือลงเมื่อรถม้าแล่นผ่านกลุ่มของพวกเด็ก ๆ มาสักพัก ผินหน้ากลับมาสบนัยน์ตาสีสว่างของอัลมอนด์ที่ยังคงมองมาที่เขา

"ทำไมไม่ลองรักพวกเขาให้เหมือนกับเป็นครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งดูล่ะ"

เลิกความคิดที่จะฆ่าพวกเขาแล้วอยู่เงียบ ๆ ที่นี่ไปสักพัก...นั่นเป็นสิ่งที่เขาอยากจะสื่อ แต่มันคงจะไปไม่ถึงอย่างแน่นอนและคงพูดออกมาเต็มปากไม่ได้เช่นกัน

เพราะสิ่งแรกที่เขาจะต้องทำคือความจริงใจที่ดูบริสุทธิ์

"ข้าหวังว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่และรักพวกเราได้เหมือนกับครอบครัวหนึ่ง แน่นอนว่าพวกเราเองก็อยู่ที่นี่และรักทุกคนในตระกูลเหมือนกับครอบครัวเช่นกัน"

'พวกเรา' ที่ว่านั้นไม่ใช่แค่คนงานในปราสาท แต่รวมถึงดารินทร์ ไม่สิ รวมถึงแคลเรตที่กำลังนั่งอยู่ตรงนี้ด้วยเช่นกัน

เขาพบดวงตาของอัลมอนด์ที่สับสนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ จึงเอ่ยอีกครั้ง

"เจ้าสามารถมีครอบครัวได้ใหม่กี่ครั้งก็ได้ ตราบใดที่เจ้าอยู่ที่นั่นแล้วรู้สึกว่าปลอดภัย...ไม่คิดเช่นนั้นหรอกรึ?"





ติ๊ง! ติ๊ง! ติ๊ง!

[ คุณได้รับค่าความสนใจจาก 'อัลมอนด์' ]

[ ได้รับค่าความสนใจจาก 'อัลมอนด์' เพิ่มขึ้น! ]

..

[ อัตราความสำเร็จปัจจุบัน 14% ]



"...ครับ"

อัลมอนด์ตอบเสียงเบา เขาหลุบสายตาลงต่ำ ขณะยกมือขึ้นทำทีจับเส้นผมด้านหน้าเพื่อเบี่ยงเบนสายตาออกไป

แคลเรตไม่ได้ว่าอะไร แต่กลับค่อนข้างพึงพอใจกับคำตอบนั้น โดยเฉพาะอัตราความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นถึง 6 เปอร์เซ็นต์อย่างที่ไม่เคยเป็นมา

'เอาไว้เท่านี้ก่อนก็แล้วกัน'

ดูเหมือนเขาจะจี้มันถูกจุด และอัลมอนด์ค่อนข้างอ่อนไหวกับมันเล็กน้อย

 ในดวงตาของอัลมอนด์นั้นมันไม่มีความแค้นหรือเกลียดชังอยู่เลยตั้งแต่แรก อันที่จริง มันเต็มไปด้วยความสับสนเสียมากกว่า บางทีเจ้าตัวอาจจะแค่ทำตามคำสั่งของใครบางคนโดยไม่เต็มใจเท่านั้น แต่นั่นไม่สำคัญหรอก ตราบใดที่เควสไม่ได้ถูกจำกัดเวลาไว้ 

มันไม่ได้จำกัดเวลาไว้ แต่เพียงระบุเวลาเริ่มเควสเท่านั้น

ดังนั้นหากทำให้อัลมอนด์มีความคิดที่สับสนไปอีกสักหน่อย เขาก็ยังสามารถผลักมันไปด้านหลังแล้วค่อยหาแผนรับมือกับมันใหม่ได้ในภายหลัง



...



กริ๊ง~

"ยินดีต้อนรับ–"

พ่อค้าต้อนรับลูกค้าคนใหม่ที่เพิ่งเข้าร้านมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะมีใบหน้าเหยเกทันทีที่พบว่าคนคนนั้นเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลแครอล

'ให้ตายสิ เป็นแบบนี้อีกแล้ว'

ไม่ว่าแคลเรตจะไปที่ไหน พวกคนในเมืองก็ล้วนมีท่าทีตกใจกันเกินเหตุเช่นนี้ทุกครั้งไป

"..."

แคลเรตสบตากับผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ เธอดูมีท่าทีเป็นมิตรกับเขาเป็นพิเศษ แคลเรตจึงยิ้มให้แต่พ่อค้าที่ยืนอยู่ระหว่างพวกเขากลับแทรกตัวเข้ามาบังสายตา ทำหน้าขึงขังเหมือนคุณพ่อที่หวงลูกสาว

กริ๊ง

แคลเรตไม่ใส่ใจมัน เขาวางเหรียญทองลงบนเคาน์เตอร์ก่อนจะเริ่มเอ่ยถึงสิ่งที่ต้องการ

"โพชั่นสมานแผล โพชั่นฟื้นฟู ยาสลบ ยาชาแล้วก็อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ขอเดี๋ยวนี้เลย"

ดวงตาของพ่อค้าร้านขายยาถึงกับสั่นระรัวเมื่อได้ยินรายการของที่สั่ง ทุกอย่างที่ว่าล้วนเป็นสิ่งที่ต้องใช้เมื่อเกิดการต่อสู้หรือบาดเจ็บ พ่อค้าผู้เคยได้ยินข่าวลือเรื่องพฤติกรรมประหลาดของแคลเรตเริ่มเหงื่อตก

"ต ต้องการเท่าไหร่ครับ?"

"มาก็พอสำหรับอัศวิน 1 กอง"

"ครับ?! ครับ ได้เลยครับ รอสักครู่นะครับ"

พ่อค้าร้านยาไม่กล้าถามอะไรต่อ เขารีบจัดแจงแพคสินค้าคัวยาแล้วส่งให้ในทันทีด้วยความรวดเร็วชนิดที่แม้แต่แคลเรตก็ยังประหลาดใจ

ตุบ!

"ข ขอบคุณที่มาใช้บริการด้วยตัวเองครับคุณชาย"

ถุงใส่ยาถูกวางลงตรงหน้า แคลเรตหยิบมันและเดินออกจากร้านโดยไม่พูดอะไร

ปัง!

เสียงประตูร้านถูกปิดอย่างแรงเมื่อเดินออกมา  พอหันกลับไปมองพบว่าร้านถูกปิดประตูและหน้าต่างทุกบานอย่างรวดเร็ว หน้าร้านถูกแขวนด้วยป้าย [Close] บ่งบอกว่าร้านปิดตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ รู้แต่เพียงว่า ด้านในร้านกำลังมีเสียงค้อนตอกตะปูดังตุบตับเป็นระยะเหมือนกำลังสร้างฐานทัพป้องกันทหารบุก

แคลเรตได้แต่มองร้านขายยาที่ถูกปิดนั้นอย่างไร้อารมณ์

'อะไรอีกล่ะทีนี้'

หลังจากอยู่ที่นี่มาสักพัก เขาพบว่าปฏิกิริยาตอบสนองของคนที่นี่นั้น คำว่า 'โอเวอร์' ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดในการอธิบายเกี่ยวกับมัน เขายัดถุงยาที่ซื้อมาใส่ลงกระเป๋ามิติใบเล็ก หมุนปลายเท้าไปยังร้านเบเกอรี่ที่อยู่ใกล้ ๆ แทน เพื่อสลัดสถานการณ์บ้า ๆ นี้ออกจากหัว





กริ๊ง~

"รับอะไรดีคะ~"

โอ้

แคลเรตประหลาดใจไม่น้อยกับการต้อนรับที่เป็นกันเองและดูปกติที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอตลอดสามวันมานี้ พนักงานร้านขนมหวานยิ้มทักทายเขาอย่างเป็นกันเอง แม้จะมีเสียงซุบซิบของลูกค้าคนอื่นบ้างประปรายแต่ก็ได้รับการต้อนรับที่ปกติเช่นนี้ถือว่าไม่เลวทีเดียว

'นี่สิการบริการที่ควรจะเป็น'

หลังจากถูกต้อนรับด้วยท่าทางแปลก ๆ และโอเวอร์มาหลายครั้งในที่สุดเขาก็เจอร้านที่ปกติ(?)สักที

แคลเรตวางเงินลงบนเคาน์เตอร์ และสั่งออเดอร์ในทันที

"ทาร์ตเลมอน พุดดิ้งคาราเมล เค้กเรดเวลเวท ขออย่างละ4 แล้วก็มาการอง 5 กล่อง"

"ค่ะ! รับกลับบ้านทั้งหมดใช่ไหมคะ?"

"ครับ"

พนักงานรีบจัดเค้กและมาการองแพคใส่กล่องทันทีโดยไม่รีรอ ไม่นานนักของทั้งหมดก็ถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ แคลเรตหยิบมันแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นดวงตาของพนักงานมองเขาด้วยความคาดหวังกับอะไรบางอย่าง

"..."

เขาหยิบเหรียญทองใส่มือเธอไปหนึ่งเหรียญ  คิดว่าเธอจะดีใจกับมัน ทว่าเจ้าตัวกลับมีใบหน้ายิ้มแหย ถึงจะดีใจแต่กลับดีใจไม่สุดเสียอย่างนั้น แคลเรตจึงเลือกที่จะเพิกเฉยกับมัน เดินออกจากร้านไปพร้อมกับของหวานในมือ

หนึ่งสิ่งที่เขาได้เรียนรู้หลังได้ใช้ชีวิตเป็นแคลเรต คือการเพิกเฉยกับบางสิ่งที่กำลังสงสัยนั้นเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้สุขภาพจิตของเขาได้รับการพักผ่อนที่มากขึ้น

'ข้าได้ยินมาว่าคุณชายแคลเรตมีท่าทีแปลกไปในช่วงนี้ไม่น้อย ถึงตอนแรกจะดูปกติแต่นี่มันแปลกมาก'

'ใช่ เขาออกมาด้านนอกบ่อยมากในช่วงนี้ หนำซ้ำตลอดสามวันมานี้ข้าได้ยินมาว่าเขาไม่ทำมันเลยสักครั้ง'

'คุณชายไม่ทำมันเลยอย่างนั้นรึ? นี่มันแปลกเกินไปแล้ว'

'อาาา ข้าอยากเห็นเขาทำมัน'

สาว ๆ ในร้านขนมหวานต่างซุบซิบกันเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับบางสิ่งที่แคลเรตคนก่อนมักทำมันเมื่อออกมาข้างนอก แน่นอนว่ามันไม่น่าใช่สิ่งของแต่เป็นบางสิ่งที่แคลเรตจะทำมัน

แต่... 'มัน' ที่ว่านั่นมันอะไรล่ะ?

'พวกเธออยากเห็นฉันเต้นดิสโก้โชว์หรือยังไงกัน?'

แคลเรตส่งกล่องมาการองให้อัลมอนด์ไปหนึ่งกล่องก่อนจะหิวของที่เหลือขึ้นรถม้า ดูเหมือนการออกมาข้างนอกมากเกินไปจะกลายเป็นจุดสนใจมากกว่าที่คิดไว้ และการทำตัวเป็นคนใจบุญหรือชวนอัลมอนด์ออกไปเที่ยวก็คงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการเพิ่มอัตราความสำเร็จได้เช่นกัน

เขาได้ทำให้ตระกูลแครอลมีการเตรียมพร้อมในการรับมือที่ไม่มีในเกมไปแล้ว จำนวนคนที่แข็งแกร่งเองก็มีมาก หรือแม้แต่บาเรียป้องกันเองก็แข็งแกร่งกว่าเดิม

เขาได้ทำทุกอย่างที่พอจะทำได้แล้ว ดังนั้นมันจะไม่เป็นไร



...



[ เควสระดับยาก : ยับยั้งการสังหารหมู่ตระกูลดยุกแครอล

ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในกำลังผันผวน แปรเปลี่ยนความคิดนั้นให้ตรงกัน ยืนยันถึงการมีอยู่ของคุณให้ทราบ หากต้องการที่จะมีชีวิตรอดต่อไป

สถานะ : เควสจะเริ่มในอีก 00:00:26:48 น.

หากล้มเหลว : การล่มสลายของตระกูลแครอล , การตายของคุณ ]

...

[อัตราความสำเร็จปัจจุบัน 16%]



เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเควสก็จะเริ่ม  แต่เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จที่ว่าก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเพิ่มขึ้นแม้แต่น้อยหลังเพิ่มขึ้น 2 เปอร์เซ็นต์เมื่อช่วงบ่าย

"ชอบขนาดนั้นเลยรึ?"

อัลมอนด์สะดุ้ง เขายกเงยหน้ามาสบตาแคลเรตราวกับเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองกำลังนั่งร่วมโต๊ะอยู่กับเจ้านายของตน

หลังจากกลับปราสาทมา เขาก็ตัดสินใจชวนอัลมอนด์มานั่งดื่มชาด้วยในระหว่างนั้นเพื่อหาวิธีเพิ่มอัตราการยับยั้ง จับพลัดจับผลูจนสุดท้ายก็พบว่าอัลมอนด์นั้นมีความสนใจในหนังสือของศาสตร์เวทไม่น้อย จึงได้ 2 เปอร์เซ็นต์ก่อนหน้านี้มาอย่สงง่ายดาย

แต่มันก็แค่ 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

เพราะหลังจากนั้นมันก็ไม่มีทีท่าว่าจะขยับอีกเลย ราวกับในหัวของอัลมอนด์แทบไม่ได้มีเรื่องของการสังหารหมู่แต่อย่างใด

'ใครจะไปคิดล่ะว่าเด็กไร้เดียงสานี่จะสังหารหมู่ตระกูลดยุกได้ด้วยตัวคนเดียว'

หากที่นี่เป็นโลกปัจจุบัน การบอกว่าอีกฝ่ายเป็นไอดอลสุดป๊อปแสนน่ารักยังน่าเชื่อกว่า

ครืดดด

แคลเรตเลื่อนเค้กเรดเวลเวทไปด้านหน้า

"อ่านต่อเถอะ ถ้าเจ้าอ่านจบไวพรุ่งนี้ข้าจะหาหนังสือศาสตร์เวทระดับกลางมาให้"

"พรุ่งนี้เหรอครับ?"

แคลเรตยิ้ม

"ใช่ ข้าจะเอามาให้เจ้าพรุ่งนี้ และหากเจ้าสนใจในศาสตร์เวท ในห้องสมุดกลางของปราสาทก็มีมันเช่นกัน"

อัลมอนด์เงียบไปสักพัก สายตาเหลือบมองในอากาศก่อนจะสบตากับเขา

"จะดีเหรอครับ?"

"แล้วทำไมมันถึงจะเป็นเรื่องไม่ดีไปได้ล่ะ?"

มันออกจะดีด้วยซ้ำถ้าเขาสามารถยืดเวลาออกไปได้สักหน่อยและหาวิธีตั้งรับการ 'สังหารหมู่' ในภายหลัง เพราะเพียงแค่การจัดการกับพวกเข้ามา 'ลอบสังหาร' นั้นก็มากเกินพอแล้วสำหรับตอนนี้ ขืนมีการโจมตีเข้ามาพร้อมกันถึงสองทางอย่างว่าแต่การรับมือเลย บางทีฉันนี่แหละที่จะตายคนแรก

"ถ้าจะเป็นคนของข้าอย่างน้อย ๆ ก็ต้องเก่งมากพอที่จะรักษาชีวิตจากอันตรายได้จริงไหม?"

ถึงนั่นจะไม่ใช่สิ่งที่อยากบออกอีกฝ่ายแต่นั่นก็เป็นสิ่งที่แคลเรตคิดไว้จริง คงไม่มีใครหรอกที่อยากไปเยี่ยมหลุมศพคนของตัวเองอยู่ทุก ๆ ปีให้สภาพจิตย่ำแย่ แคลเรตหยิบแก้วน้ำส้มตรงหน้าขึ้นดื่มอีกครั้ง จากนั้นจึงหยิบเหยือกน้ำขึ้นมารินใส่

ติ๋ง!

"..."

ดูเหมือนการอยู่กับอัลมอนด์มากเกินไปจะทำให้เขเคอแห้งกว่าทุกวันจนไม่รู้ว่าน้ำหมดเมื่อไหร่

เอี๊ยด

"ผมจะไปเอามาเพิ่มให้ครับ"

อัลมอนด์วางหนังสือในมือลง รีบลุกขึ้นทำหน้าที่พ่อบ้านในทันที แคลเรตส่งเหยือกไปให้แต่โดยดีไม่ลืมเอ่ยเสริม

"ฝากด้วยล่ะ"

สิ้นสุดคำ อัลมอนด์ก็จากไปพร้อมกับเหยือกเปล่า ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้อย่างแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยินเสียงปิด แคลเรตมองถ้วยน้ำชาบนโต๊ะและหนังสือศาสตร์เวทที่ถูกคั่นหนั่งสือเอาไว้อย่างดิบดี

'ดูเหมือนจะชอบจริง ๆ สินะ'

ปัจจุบันหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์เวทส่วนใหญ่อยู่ในการครอบครองของหอคอยจอมเวท ทำให้หนังสือเวทส่วนใหญ่มีราคาแพงและหายาก หากไม่ใช่นักเรียนในโรงเรียนจอมเวทโดยตรงหรือมีเงินมากพอที่จะสู้ราคาในตลาด ผู้คนที่ต่อให้มีพรสวรรค์ก็แทบไม่มีโอกาสได้พบเห็นมันได้เหมือนกับพวกขุนนาง



[ อัตราความสำเร็จปัจจุบัน 18% ]



'เป็นพวกไร้เดียงสาหรือยังไง'

แคลเรตเริ่มสงสัยเกี่ยวกับความสามารถของอัลมอนด์ที่หากไม่ใช่ตัวการแต่เป็นคนที่ถูกว่าจ้างมานั้น การที่อีกฝ่ายยังคงมีอิทธิพลต้องความเป็นอยู่ของคนนับร้อยในปราสาทได้นั้น บางทีเขาอาจจะมีความสามารถที่แข็งแกร่งมากพอที่จะทำมันได้ด้วยตัวคนเดียวและมีประสิทธิภาพสูงทีเดียว

เขาไม่รู้จะนึกคำอธิบายสิ่งนี้ว่าอะไรดี นอกจาก..

'สมกับมีต้นฉบับเป็นนิยายรักโรแมนติกที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกของผู้คนซะไม่มี'

ขนาดการตายของคนอื่น ๆ ก็ยังขึ้นอยู่กับอารมณ์ของคนเพียงคนเดียว

เขาแหงนหน้าออกไปมองดวงจันทร์ที่วันนี้ดวงจันทร์ทั้งสองเต็มดวงและสว่างสวยยิ่งกว่าสามวันที่ผ่านมา ดูเงียบสงบราวกับช่วงเวลาก่อนที่พายุลูกใหญ่กำลังจะมา

แคลเรตมองหน้าต่างระบบที่ยังคงนับถอยหลังไม่หยุด



[ เควสจะเริ่มในอีก 00:00:00:10 น. ]



สิบวิ

เหลือเวลาแค่สิบวิเพียงแค่นั่นการสังหารหมู่ก็จะเริ่มขึ้น

ชิ้งงง

ทันใดนั้นแสงวาบก็สว่างเข้ามาในหางตาของเขา ศรเพลิงจากระยะใกล้ถูกเล็งมายังปราสาทแครอลท่ามกลางความมืดในยามวิกาล

เปรี้ยงงงง!!!

บาเรียที่เพิ่งถูกกางขึ้นใหม่แตกออกอย่างง่ายดาย ศรเพลิงขนาดใหญ่พุ่งตรงเข้าห้องนอนของแคลเรตในทันที เปลวเพลิงลุกท่วมห้องภายในพริบตา ล้นทะลักออกมาด้านนอกหน้าต่าง เผาไหม้ผ้าม่านและหลังคา เกิดเป็นควันไฟสีดำสนิทลอยขึ้นเหนือปราสาทแครอล

ชายชุดคลุมเจ้าของศรเพลิงในตอนแรกนั้นยกมือขึ้นสูง

กลุ่มคนที่ใส่ชุดคลุมเหมือนกันปรากฏขึ้นด้านหลัง ในมือถือคันธนูเปล่า แขนแกร่งเหนี่ยวรั้งสายธนู วงเวทถูกร่ายขึ้นอย่างพร้อมเพรียงปรากฏศรเพลิง

ดึ๋ง!

สายธนูถูกปล่อย ศรเพลิงจำนวนมากพวยพุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้าก่อนจะแตกจำนวนขึ้นอย่างทวีคูณโจมตีใส่ส่วนอื่นของปราสาทแครอลอีกครั้ง

เพล้งงงง!!!

กรี๊ดดดดด!!!

เสียงกระจกทั่วทั้งปราสาทแตกละเอียดพร้อมไฟลุกไหม้ ผู้คนต่างกรีดร้องวิ่งวุ่นหนีตายกันอย่างไร้จุดหมาย

"จิ๊"

แคลเรตคลิกลิ้น ดูเหมือนนอกจากพวกแทรกแซงเข้ามาแล้วยังมีพวกที่โจมตีอย่างโจ่งแจ้งด้วยเช่นกัน เขาลอบมองกลุ่มคนสวมเสื้อคลุมสีดำสนิท ดีไซน์คล้ายจอมเวทหรือพวกคลั่งลัทธิในเกมผจญภัยโลกแฟนซีไม่มีผิด พวกมันยังคงโหมกระหน่ำยิงใส่ปราสาทไม่หยุดหย่อน

จู่ๆ คำบรรยายของแอลรีสที่เกี่ยวกับสถานการณ์ของวันล่มสลายของตระกูลแครอลก็ดังขึ้นมาในหัวของเขา



[ในขณะที่ข้ากำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด ก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นที่ทางทิศตะวันออกของปราสาท หลังจากนั้น ข้ารับใช้ที่อยู่กับข้าก็ต่างเริ่มโจมตีโดยไม่ทันตั้งตัว]



"..."

ทิศตะวันออก...นั่นมันคือที่ที่เขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่หรือไง?

แคลเรตลืมไปเกี่ยวกับความจริงที่ว่าห้องนอนของเขาถูกตั้งอยู่ที่ทางทิศตะวันออก หรือก็คือสถานที่แรกที่จะถูกลอบโจมตีนั่นเอง เขาขยี้เส้นผมของตนจนยุ่งฟูเมื่อนึกถึงข้อเท็จจริงนั้น

'แล้ว...จะออกไปยังไงล่ะทีนี้'

เขาทิ้งตัวลงนั่งพิงกำแพงฝั่งหน้าต่าง มองเปลวไฟที่ลุกท่วมห้องปิดเส้นทางออกของเขาจนหมดสิ้น ถึงจะโชคดีที่สายตาของเขาจะไวต่อแสงเลยหลบการโจมตีได้ทันแต่ก็ใช่ว่าจะทนไฟได้สักหน่อย แคลเรตมองซ้ายมองขวาเพื่อหาบางอย่าง เขารีบคว้าแก้วน้ำของอัลมอนด์ที่ยังมีน้ำอยู่มา ชุบผ้าเช็ดหน้าแล้วปิดจมูก เฝ้ารอสถานการณ์เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากทางเดินด้านนอก

ปัง!

"นายน้อย! ปลอดภัยดีไหมครับ!"

อัศวินสวมชุดเกราะถีบประตูเข้ามาเต็มแรง ร้องเรียกบุตรชายคนโตของตระกูลแครอล ศรเพลิงถูกยิงเข้ามาอีกครั้ง อัศวินคนนั้นชักดาบฟาดฟันผ่านอากาศ แผดออร่าสีน้ำเงินออกมาตัดผ่านศรเพลิงจนสลายหายไป

วาบบบบ

โอ้

แคลเรตแทบอยากปรบมือให้กับอัศวินคนนั้นที่มากความสามารถแต่ไม่มีเวลามากพอที่จะมาเล่น อัศวินคนอื่นๆ และจอมเวทของตระกูลรีบวิ่งแทรกเข้ามาในห้อง เสกสรรมวลน้ำออกมาดับไฟในขณะที่อีกกลุ่มวิ่งออกมากางบาเรียด้วยเวทน้ำ ป้องกันการโจมตีจากด้านนอก

ซูมมมมมม

ศรเพลิงลูกใหญ่ปะทะเข้ากับบาเรีย เกิดไอร้อนระเหิดขึ้นในทันที

อัศวินวิ่งฝ่าบาเรียออกไป ชักดาบฟาดฟันศัตรู เกิดการต่อสู้เล็กๆ ในอีกฟากของอาคารตรงข้าม แคลเรตรีบลุกขึ้นปัดป่ายเศษฝุ่น โยนผ้าเช็ดหน้าที่ชุ่มน้ำในมือทิ้งเมื่อไร้ประโยชน์

แค่กๆๆ

แต่ไอควันยังคงมีอยู่ จนเผลอสูดเข้าไปเต็มที่จนสำลัก

"ไหวไหมครับนายน้อย–"

อัศวินคนแรกที่เข้ามาในห้องรีบเข้ามาประคองแคลเรต มือหนาภายใต้ถุงมือเหล็กดันหน้ากากขึ้น เผยใบหน้าของชายวัยกลางคนที่ดูใจดี แสดงตนให้รู้ถึงความไม่เป็นพิษภัยเมื่อเห็นแคลเรตมีท่าทีแปลกไป

"อย่ากังวลเลยครับ ข้าชื่อโลแกน พวกเรามาเพื่อช่วยนายน้อยตามคำสั่งของท่านดยุก"

ทว่า สิ่งที่เขาเข้าใจนั้นผิดไป

แคลเรตไม่ได้มองเขา แต่เป็นหน้าต่างเควสที่เด้งขึ้นมาตรงหน้า



[ เควสระดับกลาง : กำจัดผู้ลอบสังหารที่แฝงตัวเข้ามาเป็นคนงานในปราสาทแครอล ]

[ จำนวนปัจจุบัน 72 คน ]



'จะ เจ็ดสิบสอง?'

แคลเรตมองจำนวนตัวเลขตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อในสายตา ถึงจะคาดเดาไว้แล้วว่าต้องมีมากแต่นี่มันก็มากเกินไปแล้ว