เมื่อลืมตาตื่น 'ดารินทร์' ก็พบว่าตัวเขาได้เข้ามาอยู่ในเกมผจญภัยในโลกแฟนตาซีที่เคยเล่นในอดีต ทว่า "ร่างที่ฉันเข้ามาอยู่กำลังจะถูกลอบสังหารในอีก 3 วัน"

เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก - EP.9 ดัชเชสเอวาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตราย โดย Zephyr_W @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,แอคชั่น,ชาย-ชาย,ตะวันตก,transmigration,ทะลุมิติ,ต่างโลก,แฟนตาซี,แนวระบบ,ตลก,แอ็คชั่น ,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,แอคชั่น,ชาย-ชาย,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

transmigration,ทะลุมิติ,ต่างโลก,แฟนตาซี,แนวระบบ,ตลก,แอ็คชั่น ,ดราม่า

รายละเอียด

เมื่อลืมตาตื่น 'ดารินทร์' ก็พบว่าตัวเขาได้เข้ามาอยู่ในเกมผจญภัยในโลกแฟนตาซีที่เคยเล่นในอดีต ทว่า "ร่างที่ฉันเข้ามาอยู่กำลังจะถูกลอบสังหารในอีก 3 วัน"

ผู้แต่ง

Zephyr_W

เรื่องย่อ

[ The tale of light ] หรือ [TOL] หนึ่งในเกมผจญภัยในโลกแฟนตาซี ที่มีตัวเอกเป็นนักบุญของมหาวิหารแห่งหนึ่ง ซึ่งเน้นเรื่องราวการผจญภัยไปกับชายรูปงามที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายรักขายดีอันดับหนึ่งติดต่อกัน 3 ปีซ้อน


เป็นเกมออนไลน์แนว open world ที่จะเปิดโอกาสท่องโลกเก็บเกี่ยวประสบการณ์เรื่องราวความรักและการต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาด อีกทั้งยังมีระบบแต่งบ้าน สร้างร้านค้า ดูแลอาณาเขตที่ดินและระบบจีบ


ทว่า...


" ร่างที่ฉันเข้ามาอยู่ในตอนนี้กำลังจะถูกลอบสังหารในอีก 3 วัน"


รินทิ้งศรีษะลงบนมือทั้งสองที่นุ่มเกินกว่าจะเป็นมือของเขาทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ดังนั้น


...นี่มันแย่ชะมัด




สารบัญ

เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.1 ตัวประกอบผู้ไม่มีแม้แต่บท,เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.2 ยับยั้งการสังหารหมู่ (1),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.3 ยับยั้งการสังหารหมู่ (2),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.4 ยับยั้งการสังหารหมู่ (3),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.5 สามสิ่งที่บ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง,เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.6 เพราะมันมีต้นฉบับเป็นนิยายรักโรแมนติก (?),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.7 คืนวันลอบสังหาร (1),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.8 คืนวันลอบสังหาร (2),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.9 ดัชเชสเอวาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตราย,เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.10 ต้องวางแผนกันใหม่ (1),เกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้บท #นายท่านต้องการลาออก-EP.11 ต้องวางแผนกันใหม่ (2)

เนื้อหา

EP.9 ดัชเชสเอวาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตราย




EP.9 ดัชเชสเอวาเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตราย





หลังจากผ่านคืนลอบสังหารไป ปราสาทแครอลก็เข้าสู่การบูรณะครั้งใหญ่เพื่อซ่อมแซมส่วนที่พังทลายไปกว่าครึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่คนที่พังมันก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากบุตรชายคนโตของตระกูลแครอล

โชคดีที่คืนนั้นเรนเดลเอายามาให้เขาพอดีหลังตรวจสอบว่าระเบิดนั้นเกิดจากโอลิเวอร์ที่พยายามฆ่าปิดปากตัวเอง แคลเรตจึงรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ไม่อย่างนั้นคงได้มีข่าวผู้รอดชีวิตจากการลอบสังหารแต่ตายเพราะเป็นปอดบวมขึ้นข่าวหน้าหนึ่งแน่

'ถึงสุดท้ายฉันจะป่วยอยู่ดีก็เถอะ'

แค่กๆๆ



ติ๊ง!

[ อัตราความสำเร็จปัจจุบัน 28% ]



'อัลมอนด์ ไอ้คนเฮงซวย'

แคลเรตกัดแก้วน้ำกรอด มองขวางใส่อัลมอนด์ที่ดูจะกระตือรือร้นในการดูแลเขาเป็นพิเศษในช่วงพักหลังมานี้ อันที่จริง เจ้าตัวดูจะชื่นชอบการดูแลใครสักคนเอามาก ๆ จนน่าหมั่นไส้เสียด้วยซ้ำ

'หมอนี่มันชอบที่เห็นฉันอ่อนแอหรือไงกัน? ไม่สิ ไอ้เวรนี่แค่คิดว่าถ้าฉันตายไปเองคงจะง่ายกว่าต้องมือเปื้อนเลือดมากกว่า'

หลังจากที่เขาได้ลองสังเกตการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขผ่านการผันผวนมาสักพัก ดูเหมือนนอกจากมันจะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เขาแสดงภาพพจน์ของเจ้านายที่ดีคนหนึ่ง มันยังเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เขาอยู่ในสภาพที่อ่อนแอเช่นกัน

แถมเมื่อกี้เปอร์เซ็นต์บ้านั่นก็ดันเพิ่มขึ้นเพียงเพราะเขาไอออกมาด้วยเหอะ แคลเรตยกน้ำในแก้วขึ้นดื่มอีกครั้งเมื่อรู้สึกคอแห้ง ริมฝีปากขยับมุบมิบก่นด่าอีกฝ่ายไม่ให้มีเสียง

'ไอ้โรคจิตเอ๊ย'

"อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?"

อัลมอนด์กะพริบตาปริบ เขารู้สึกได้ถึงการจ้องมองของแคลเรตมาสักพักจึงตัดสินใจเอ่ยทัก แคลเรตรีบเปลี่ยนท่าทีไปเป็นเจ้านายที่ดี ส่งยิ้มหวานให้ขณะยื่นแก้วน้ำให้อัลมอนด์รับไว้

"ไม่ล่ะ วันนี้ข้าจะออกไปด้านนอกสักหน่อย"

"ห้ามออกไปไหนจนกว่าจะหายดีนะครับ"

อัลมอนด์รีบคัดค้าน วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะก่อนจะหันมากดเจ้านายตนลงบนหมอน

ตุบ!

หัวแคลเรตแทบจะฟาดกับขอบเตียงให้ได้หากไม่มีหมอนใบหนารองรับหัวไว้ อัลมอนด์ที่เหมือนจะไม่เห็นหน้าตาเหลอหลาของคนถูกกระทำหันกลับไปดึงผ้าห่มขึ้นมาให้จนมิดคอ

"..."

แคลเรตถึงกับคิ้วกระตุก รู้สึกเหมือนสถานการณ์ตอนนี้มันจะมีอะไรแปลกๆ เขาแค่จะออกไปนอกปราสาทไม่ใช่นอกอาณาเขตดยุกเสียหน่อย ทำไมต้องโอเวอร์ขนาดนั้นด้วย แคลเรตรีบชี้แจงใหม่อีกครั้งกันไม่ให้อัลมอนด์เข้าใจผิด

"ข้าจะออกไปเยี่ยมหลุมศพ"

อัลมอนด์ชะงัก มองแคลเรตเหมือนเป็นคนแปลกหน้า แต่นั่นก็เป็นเพียงเสี้ยววิเท่านั้นก่อนที่จะกลับมาประดับยิ้มให้เขาอีกครั้ง



ติ๊ง!

[ อัตราความสำเร็จปัจจุบัน  29% ]



"ผมจะพาออกไปช่วงสายๆ ตอนนี้นายน้อยพักผ่อนก่อนเถอะครับ"

"อ อืม เอางั้นก็ได้"

อัลมอนด์ว่ายังไงเขาก็คงต้องว่าอย่างนั้นแหละ ขืนไปขัดใจขึ้นมาฉันนี่แหละที่จะโดนฆ่าปิดปากเป็นคนแรก แคลเรตพยักหน้าหงึกดึงผ้าห่มขึ้นหวังจะข่มตาให้หลับปล่อยจิตปล่อยใจให้หลับฝันดึง

แต่ก็ทำได้ไม่นาน แคลเรตก็ต้องลืมตาพรึ่บ! มองมืออัลมอนด์ที่วางอยู่บนอกเขา แม้จะมีผ้าห่มผืนหนาขวางมือเอาไว้อยู่แต่ก็ยังทำให้ขนลุกอยู่ดี

เขามองอัลมอนด์ที่ยังคงส่งยิ้มยินดีที่ดูอบอุ่นให้เขา มันดูแตกต่างจากรอยยิ้มตามมารยาทที่เขาเคยได้เมื่อหลายวันก่อน แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้เบาใจขึ้นสักนิด อันที่จริง นี่มันน่ากลัวชะมัด

"ฮ่าๆๆ"

แคลเรตได้แต่หัวเราะเจื่อน กลบเกลื่อนความรู้สึกที่เหมือนกำลังถูกกดดันแปลก ๆ ทุกครั้งที่เห็นมืออัลมอนด์เข้ามาใกล้



...



"พักผ่อนสบายดีไหมครับนายน้อย"

หนึ่งในคนงานที่ยังเหลืออยู่ทักทายแคลเรตระหว่างทางเดิน

"...แน่นอน"

เขาแทบไม่ได้นอนเลยสักนิดเดียวเพราะมีไอ้บ้าฆาตกรนั่นเล่นนั่งเฝ้าอยู่ตลอดเวลาน่ะสิ ทำเอาไม่กล้าข่มตาหลับเพราะไม่รู้ว่าถ้าเผลอหลับขึ้นมา จะได้หลับของจริงแบบไม่มีวันฟื้นหรือเปล่าไม่มีใครรู้

ตุบ!

เขาโยนกุญแจดอกหนึ่งส่งให้พ่อบ้านคนนั้น เจ้าตัวรีบคว้ามันไว้ได้ทันก่อนจะตกลงพื้น

"ไปเอาหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์เวทในห้องสมุดส่วนกลางกับอัลมอนด์"

"ครับ?"

แคลเรตเพิกเฉยพ่อบ้านหนุ่ม หันไปหาอัลมอนด์ที่ยังคงประกบติดเป็นเงาเหมือนทุกที ที่เหมือนจะทำงานได้ดียิ่งกว่าอัศวินที่ถูกดยุกส่งมาให้คุ้มครองเขา

"เลือกอันที่สนใจได้ตามสบาย ข้าจะกลับมาช้าสักหน่อย"

"อะ! เดี๋ยวครับนายน้อย!"

"ข้าจะไปเยี่ยมหลุมศพเพราะงั้นห้ามใครตามมาทั้งนั้น"

ว่าจบแคลเรตก็รีบสาวเท้าออกจากที่นั่นทันที ไม่สนเสียงคัดค้านใด ๆ ของอัลมอนด์และพวกอัศวิน ถึงสิ่งที่เขากำลังจะไปทำมันไม่ใช่ความลับอะไรแต่การพาคนไปมาก ๆ ก็รังแต่จะน่ารำคาญ อีกอย่างเขาต้องการความเป็นส่วนตัว



กรอบแกรบ

'เยอะกว่าครั้งล่าสุดที่เห็นหรือเปล่านะ?'

แคลเรตมองหลุมศพจำนวนมากที่มีร่องรอยของการกลบฝังใหม่ สถานที่ที่ฝังร่างของบรรพบุรุษและคนงานตระกูลแครอลที่ไม่มีสถานที่ให้ได้กลับไป เขาสาวเท้าไปยังหลุมศพที่มีขนาดใหญ่หรูหราและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี หลุมศพที่เขาตั้งใจจะมาไหว้สักครั้งหนึ่งหลังตัดสินใจว่าจะใช้ชีวิตครั้งที่สองในฐานะของแคลเรต เอ แครอลต่อจากนี้

[ เมเดีย แครอล ]

นั่นเป็นชื่อของดัชเชสคนก่อนหรือแม่ของพวกเด็กๆ

เขาเคยเห็นภาพเหมือนของเธออยู่บ้าง แต่นั่นก็เป็นแค่ภาพสมัยเด็กก่อนงานแต่งของเธอเท่านั้นจึงนึกไม่ออกว่าใบหน้าที่โตเต็มวัยของเธอนั้นเป็นอย่างไร ก็แหงล่ะ คงไม่มีภรรยาคนไหนดีใจนักหรอกที่จะเห็นสามีตัวเองแขวนรูปภรรยาที่ตายไปแล้วไว้กลางปราสาท แค่เห็นว่ามีรูปภรรยาเก่าที่แขวนไว้ในห้องทำงานของเดริคอยู่รอดมาถึงทุกวันนี้ได้ก็นับว่าปาฏิหาริย์แล้ว

แคลเรตใช้เวลาในการเคารพหลุมศพอยู่พักใหญ่ ๆ ก่อนจะเดินผ่านป้ายหลุมศพมากมายเหล่านั้นไป มุ่งหน้ายังป่าทึบที่อยู่ด้านหลังของสุสานเพื่อตรวจเช็กบางอย่าง

ที่ดินเพียงหนึ่งเดียวที่อยู่ในกรรมสิทธิ์ของแคลเรต

ตามหนังสือเกี่ยวกับประวัติของตระกูลแครอลถูกระบุไว้ว่า ดัชเชสคนก่อนได้ป่วยเป็นโรคประหลาดที่รักษาไม่หาย ท่านดยุกคนก่อนจึงได้สร้างบ้านพักตากอากาศในป่ารกร้างที่ถูกละเลยแห่งนั้นให้เธอ ถึงจะเรียกว่าป่ารกร้างแต่ในอดีตมันเป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์และสวยที่สุดจากบรรดาที่ดินทั้งหมดในตระกูล เรียกได้ว่าแม้เธอจะเป็นโรคประหลาดที่ทำให้ใบหน้าเสียโฉมแต่ก็ยังคงได้รับความรักที่เปี่ยมล้นจากดยุกคนก่อนจนถึงวินาทีสุดท้าย เป็นหนึ่งในเรื่องราวความรักที่ถูกนำไปประพันธ์และถูกทำซ้ำจำนวนมากจนมีชื่อเสียงโด่งดังแม้ในต่างแดน

ป๊อก!

แคลเรตหักกิ่งไม้ที่ขวางทางตรงหน้า ผลักมันออกไปด้านข้างเมื่อมาถึงลานกว้างกลางป่าทึบ บ้านพักตากอากาศสองชั้นที่เคยเห็นในหนังสือตอนนี้กำลังอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว มันมีสไตล์ที่ดูหรูหราโอ่อ่า ตั้งตระหง่านอยู่กลางพื้นที่โล่ง แต่ก็ยังคงเต็มไปเถาวัลย์และรากไม้ปกคลุมทั่วทั้งตัวบ้าน ให้บรรยากาศวังเวงคล้ายจะมีบางอย่างโผล่ออกมาที่หน้าต่างทุกครั้งเผลอมองมัน

แอดดดด

เขาดันรั้วกั้นที่ขึ้นสนิมเข้าไปด้านใน เดินผ่านบ้านที่มีบรรยากาศน่ากลัวนั้นไปอย่างไม่ใยดี สถานที่มีเขาต้องการจะไปไม่ใช่ที่นี่ แต่เป็นบึงที่อยู่ด้านหลังที่อยู่ถัดออกไป



ตุบ!

แฮ่ก แฮ่ก

'นี่มันเหนื่อยชะมัด'

แคลเรตหอบหายใจ ล้มลงไปคุกเข่ากับพื้นด้วยอาการเหนื่อยหอบ ถึงจะรู้ว่ามันอยู่ด้านหลังแต่ใครมันจะไปคิดล่ะว่ามันจะไกลขนาดนี้

แคลเรตใช้เวลาพักหายใจอยู่อย่างนั้นอยู่พักใหญ่ พอเริ่มหายเหนื่อยจึงหยิบกระเป๋ามิติออก ควานหาอุปกรณ์ขุดดินที่แอบจิกมาจากไร่เมื่อหลายวันก่อน ตั้งท่าเตรียมขุดดินแถว ๆ นั้นก่อนเป็นจุดแรก

'มาหาเงินแล้วออกไปเที่ยวกันเถอะ'

ฉึก! ฉึก!

แคลเรตรีบลงมือขุดมันด้วยตัวเอง ไม่สนว่าตอนนี้กำลังอยู่ในชุดขุนนางราคาแพง

ฉึก! ฉึก! ฉึก!

เกร็ง!

มันเป็นเสียงกะเทาะกับของแข็งบางอย่าง แคลเรตโยนพลั่วในมือทิ้งไปแล้วหยิบจอบขุดเล็ก ๆ ออกมาขุดแทน

วาบบบบ

หินแร่สีรุ้งขนาดใหญ่เปล่งประกายขึ้นตรงหน้า โปร่งใสจนสะท้อนแสงอาทิตย์สาดเข้ามาในดวงตาจนรู้ต้องสะดุ้งเฮือก!

'ไม่ชินสักทีแฮะ'

แคลเรตขยี้ดวงตา หยิบหินแร่สีรุ้งเรืองแสงที่ดูเหมือนของปลอมนั้นขึ้นมา อันที่จริง ไม่ใช่แค่หินแร่ธรรมดา ๆ ทั่วไป แต่เป็นหินเวทมนตร์ที่อัดแน่นไปด้วยมานาจำนวนมาก หนึ่งในวัตถุดิบหลักที่ใช้สำหรับการสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ และเป็นหินแร่ชนิดเดียวที่ทนทานต่อการสลักศาสตร์เวทขนาดใหญ่ลงไปได้โดยไม่แตกสลายเหมือนอัญมณีทั่วไป

ในเนื้อเรื่องของเกม หลังการล่มสลายของตระกูลแครอลสถานที่แห่งนี้จะถูกโอนไปอยู่ในกรรมสิทธิ์ของรองมาสเตอร์หอคอยในทันที เนื่องจากเป็นสถานที่แห่งเดียวที่พบหินมานาระดับสูงอยู่ในเวลานี้ แน่นอนว่ายังมีที่อื่นอยู่ด้วยเช่นกัน แต่สถานที่เหล่านั้นล้วนอยู่นอกเหนืออาณาเขตที่มนุษย์สามารถเข้าถึงได้

แต่...

ตระกูลแครอลยังคงอยู่ และที่ดินตรงนี้เองก็ยังคงอยู่ในกรรมสิทธิ์ของแคลเรต เอ แครอล หรือก็คือฉัน!

นั่นไม่ได้หมายความว่าเงินที่ได้จากการขายหินเวทมนตร์ที่เป็นวัตถุดิบหลังในการสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ทั้งหมดตอนนี้ จะถูกโอนเข้ามาในบัญชีของเขาหรอกเหรอ? ไม่ใช่แค่ในหอคอย แต่ทั่วทั้งอาณาจักร ไม่สิ มนุษย์ทุกคนที่ต้องการความสะดวกสบายล้วนต้องการมัน จากนั้นเขาก็จะกลายเป็นมหาเศรษฐีที่แม้แต่กระเป๋ามิติก็ยังไม่พอที่จะใส่เงิน

"อุ๊ปส์"

แค่คิดว่าจะได้หนึ่งในขุมรายได้หลักของคนที่รวยที่สุดในโลกมาอยู่ในมือ มุมปากของเขาก็แทบจะหุบไม่อยู่แล้ว

"ฮึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ๆ ๆ ๆ!!!!"

เขารีบยัดหินเวทมนตร์ใส่กระเป๋ามิติ หยิบจอบขึ้นมาใหม่ก่อนจะลงมือขุดหาหินเวทมนตร์อีกครั้ง ใครจะรู้ล่ะว่าป่ารกๆ ที่ดูน่ากลัวนี่จะเป็นเหมืองหินเวทมนตร์ที่จะทำให้เขาเป็นมหาเศรษฐีในชั่วข้ามคืน ไม่เพียงแค่มีเงินพอสำหรับการบูรณะปราสาทที่เขาเพิ่งพังไป แต่มันยังมากพอที่จะซื้อปราสาทมาทุบทิ้งเล่นได้สบายๆ แล้วยังเหลือสำหรับเอาไปถลุงเงินเล่น ฉันจะกลายเป็นคนร่ำรวยที่ไม่ต้องทำงานเลยด้วยซ้ำ

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ๆ ๆ!!!!"

ฉึก! ฉึก! ฉึก!

เสียงหัวเราะดังระงมท่ามกลางป่าลึกสลับกับเสียงขุดที่ดังขึ้นเป็นระยะตลอดทั้งวัน กระทั่งท้องฟ้าเริ่มมีเมฆตั้งเค้าแคลเรตถึงได้ยอมละมือ เก็บอุปกรณ์และหินเวทมนตร์ที่ขุดได้ใส่กระเป๋ามิติ หอบหิ้วพวกมันกลับปราสาทไปอย่างอารมณ์ดี

"ตายแล้ว ไปทำอะไรมาน่ะแคลเรต?"

ดัชเชสเอวารีบวิ่งออกจากปราสาท คว้าแขนแคลเรตสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่เชื่อสายตา เสื้อผ้าที่ดูหรูหราราคาแพงตอนนี้กลับเต็มไปด้วยฝุ่น ใบไม้หรือแม้แต่เศษหญ้าดูหมดราคาไปในทันที แม้แต่ใบหน้าหรือผมเผ้าเองก็ยุ่งฟูเต็มไปด้วยดินสกปรก เรียกได้ว่า...ยับเยินสิ้นดี

ดัชเชสเอวาส่งร่มในมือให้คนรับใช้ถือ ดึงมือแคลเรตที่เต็มไปด้วยดินสกปรกขึ้นมาดู มือบาง ๆ ที่เหมือนไม่เคยจับของหนักมาก่อน บัดนี้ แปรเปลี่ยนเป็นมือหยาบที่มีแผลพุพองดูสกปรก

"แค่ล้มนิดหน่อยครับ"

แคลเรตยิ้มตอบ ระหว่างที่กำลังจะเก็บหินเวทมนตร์เขาได้สะดุดจอบแล้วล้มหน้าคะมำลงไปจริงๆ เพราะงั้นสิ่งที่เขาพูดไม่ใช่เรื่องโกหก

"...มานี่สิ"

ดัชเชสเอวารีบดึงมือแคลเรตไปตามทางเดินด้วยความเร่งรีบ โบกมือไล่คนรับใช้ออกไปก่อนจะพาเข้าไปยังห้องห้องหนึ่งที่แคลเรตไม่รู้จัก

ปัง!

แคลเรตที่เดินตามเข้ามาปิดประตูไล่หลังให้เป็นอย่างดี แสดงความเป็นลูกที่ดีไม่ให้คนเป็นแม่ต้องเหนื่อยเปล่า ทันใดนั้นเองเสียงแจ้งเตือนระบบก็เด้งขึ้นมาในหัว



ติ๊ง!

[ เควสระดับง่าย : สวมบทบาทของ 'แคลเรต เอ แครอล' เพื่อให้รอดพ้นจากสถานการณ์คับขัน! ]

[ หากล้มเหลว : การตายของคุณ ]



'อะไร–'

แคลเรตยังไม่ทันจะคิดเกี่ยวกับเควสที่อยู่ดี ๆ ก็เด้งมาข้างหน้า เหล็กเย็น ๆ ถูกทาบลงบนต้นคอขาวจนแทบหยุดหายใจ

"..."

แคลเรตมองกริชที่ไม่รู้ว่าโผล่มาตั้งแต่เมื่อไหร่สลับกับใบหน้าน่ารักของดัชเชสที่มืดลงหนึ่งระดับ สายตาของเธอที่เคยเป็นมิตรกลับกลายเป็นความเหี้ยมโหดเหมือนโจรโรคจิตในหนังสักเรื่อง

"เจ้าเป็นใครกัน?"

แคลเรตแทบเผลอกลั้นหายใจ มองดัชเชสเอวาด้วยความตื่นตระหนก เขาหลับตาลงหนึ่งครั้งเพื่อตั้งสติใหม่ ก่อนจะลืมตาขึ้นมามองเธอด้วยท่าทีที่ปกติที่สุด

"จำลูกตัวเองไม่ได้เหรอครับท่านแม่"

แคลเรตยิ้มอย่างมั่นใจราวกับสิ่งนี้เป็นเรื่องตลกร้าย ยังไงซะ ร่างนี้ก็ยังเป็นลูกของเธอจริงๆ เขาไม่รู้ว่าเธอรู้ได้ยังไง แต่สัญชาตญาณของคนเป็นแม่คงเป็นอะไรที่น่ากลัวเกินกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก

ดวงตาสีแดงฉานของเธอหรี่ลง เอ่ยอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหวานที่ทรงพลัง

"ข้ากำลังหมายถึงเจ้า ไม่ใช่แคลเรตที่รักของข้า"

วาบบบบบ

แคลเรตรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว มือและเท้าชาอย่างไร้เหตุผล มันไม่ใช่เพราะอากาศหนาวหรืออาการหลังเป็นไข้อย่างแน่นอน

 บางทีมันอาจเป็นเพราะความกลัว

 เขาสวดมนต์สักบทเท่าที่เคยจำได้ ยกมือขึ้นจับแขนเธอเอาไว้ให้ออกห่าง ภาวนาไม่ให้เธอเผลอฆ่าเขาโดยไม่ทันตั้งตัว

'เวรเอ๊ย! ถ้านี่มันมีต้นฉบับเป็นนิยายรักโรแมนติกอย่างน้อยก็ควรมีผลกับอะไรแบบนี้สิ!'

โดยปกติ หากโลกนี้ถูกจัดอยู่ในหมวดนิยายรักโรแมนติก ที่มีใครสักคนเข้ามาสิ่งร่างของคนอื่น ปัญหาด้านความสัมพันธ์ในครอบครัวมักเป็นสิ่งสุดท้ายที่ถูกระลึกถึง พวกเขาส่วนใหญ่จะพบถึงความผิดปกติบางอย่างในตัวของผู้ที่มาสองร่าง ทว่า มันก็แค่สงสัยและยอมรับมันหลังพูดคุยกันเล็กน้อยเท่านั้น

ไม่ใช่การเอามีดมาจี้คอขู่ฆ่ากันแบบนี้!

"อะไรทำให้คิดว่าไม่ใช่หรือครับ?"

แคลเรตพยายามใจดีสู้เสือ รวบรวมสติทั้งหมดที่มี ทำทีว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นเป็นเรื่องเข้าใจผิด มันเป็นเรื่องง่ายที่เขาจะสามารถพูดออกไปได้เต็มปากว่าเป็นลูกของเธอจริง ๆ ตราบใดที่เขาเชื่อว่ามันเป็นเช่นนั้น

หากกล่าวถึงการโกหกเพื่อให้ได้ผลดีนั้นเป็นสิ่งที่ง่าย ตราบใดว่าเขาคิดว่ามันเป็นซ้าย แม้มันจะเป็นขวา เขาก็สามารถบอกว่ามันเป็นซ้ายได้โดยไม่ถือเป็นการโกหก ส่วนเหตุผลรองรับที่ว่าจะหมายถึงซ้ายของเขาหรือซ้ายของเอวาที่อยู่ตรงหน้านั้น อันนี้ก็ค่อยไปว่ากันอีกที

สิ่งที่เขาต้องทำเพื่อให้รอดไปจากตรงนี้ได้ ก็แค่ต้องเชื่อว่าตัวเองเป็นแคลเรตจริง ๆ ไม่ว่านั่นจะเป็นแค่เปลือกก็ตาม

ถึงจะไม่รู้ว่าแคลเรตที่ว่ามีนิสัยอย่างไรก็เถอะ



'ปกติเห็นออกไปแค่เดือนละครั้ง คงเจอที่ดี ๆ ล่ะสินะ'



เพราะสิ่งที่เขาพอจะรู้ ก็แค่เจ้าตัวอาจเป็นพวกไม่ค่อยออกจากบ้าน



'พรากบริสุทธิ์ไปแล้วหรือคะ'



'อา แล้วก็อาจจะเป็นพวกเจ้าชู้ด้วยเหมือนกัน'

 แคลเรตพยายามนึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับแคลเรตคนก่อนที่พอจะช่วยอธิบายนิสัยเจ้าตัวได้ แต่ก็ไม่มีอะไรที่พอจะช่วยได้อยู่ในความทรงจำเขาเลยนอกจากสองสิ่งนี้

ที่เหลือก็แค่ต้องใช้โชคเท่านั้นว่าดัชเชสเอวาจะเชื่อเขาหรือไม่

แกรก!

มีดในมือของเธอขยับ ไม่ใช่ขยับออกแต่เธอกดมันเข้ามาแนบเนื้อจนเลือดไหลซิบ

"แคลเรตที่รักของข้าไม่เคยใช้วิธีพูดที่ดูชั้นต่ำ"

อึ่ก!

แคลเรตสะอึกรู้สึกเหมือนโดนหินก้อนใหญ่ๆ ทับลงกลางหัว ดูเหมือนแคลเรตคนก่อนจะใช้วิธีพูดแบบเจ้านายและข้ารับใช้แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นแม่ของตน  นั่นยิ่งทำให้เขาไม่แปลกใจสักนิดว่าทำไมตอนที่เขาพูดดี ๆ เธอถึงได้มีท่าทีแปลก ๆ ทุกครั้ง

"กิริยาท่าทางเองก็สง่าผ่าเผย ไม่ดูไร้การศึกษาเช่นนี้"

อึ่ก!

แคลเรตพูดไม่ออกแต่โดนทุกดอกที่เธอพูดมา  เขาปาดเลือดทิพย์ที่มุมปากออก รู้สึกเหมือนโดน'สมบัติผู้ดี'ฟาดลงกลางหัว นี่มันเจ็บยิ่งกว่าแผลที่คออีกไม่ใช่หรือไง?

ดัชเชสเอวาขยับกริชในมือออกจากเขา แล้วหันมาชี้มีดไล่ตามสันกรามดูน่าหวาดเสียว พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเสียดายเต็มที

"ถึงใบหน้าจะยังคงงดงามเหมือนเคยก็เถอะ"

แคลเรตมองตามเหล็กเย็น ๆ ที่มีเลือดของเขาติดอยู่ก่อนจะสบตากับดัชเชสเอวาอย่างใจเย็น ดูเหมือนเธอจะอันตรายยิ่งกว่าที่เขาคาดไว้มาก

'โดยเฉพาะสายตาที่น่าขนลุกนั่น'

บางทีเขาต้องลองเสี่ยงมันดู

เขาปล่อยมือออกจากเธอ เอนหลังพิงกำแพงขณะยืนกอดอกด้วยท่าทีที่ดูผ่อนคลาย

"ถ้าเกิดข้าไม่ใช่แคลเรตแล้วท่านแม่–"

ปึก!

แคลเรตยังพูดไม่ทันขาดคำ ของมีคนวาดผ่านใบหน้าปักลงบนประตูเต็มแรง ออร่าสีแดงฉานลุกโชนมีดสั้น มือของดัชเชสที่กำลังกำมันไว้สั่นสะท้านตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง

แคลเรตมองมันด้วยท่าทีนิ่งเฉย แม้ความจริงจะตกใจจนแสดงออกไม่ถูก

'เวรแล้วไง'

เขามองมีดเล่มนั้นสลับกับดัชเชสเอวาที่หอบหายใจฟืดฟาดยาวเหยียดเพื่อควบคุมอารมณ์ ผู้หญิงที่รู้จักในฐานะอดีตสาวงามจากย่านเริงรมย์ที่ดยุกเดริคหิ้วติดกลับบ้านมาด้วย  ทว่า เธอกลับสามารถใช้ออร่าที่เป็นของปรมาจารย์ดาบได้เนี่ยนะ?

'นี่มันแปลกเกินไปแล้ว!'

ดูเหมือนดัชเชสเอวาจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อันตรายเกินไป แคลเรตเบนใบหน้าออกห่างจากใบมีดที่ปักคาอยู่กับประตูด้วยความหวาดเสียว

'ขอร้องล่ะ ช่วยสงบสติให้ได้ทีเถอะแม่คุณ'

ไม่รู้ว่าแคลเรตรู้สึกไปเองหรือไม่ แต่ดูเหมือนดัชเชสเอวาจะน่ากลัวยิ่งกว่าอัลมอนด์เสียด้วยซ้ำ จากอัลมอนด์ที่ครั้งหนึ่งเป็นเหมือนภูเขาลูกใหญ่ที่ต้องใช้เวลาร่วมสิบปีในการเดินข้ามมันไป กลับกลายเป็นแค่ก้อนหินที่ต้องหยิบออกในสายตาเขาในทันทีเมื่อเทียบกับดัชเชสตรงหน้านี้

ดัชเชสเอวาหอบหายใจ ควบคุมสติอารมณ์ไม่ให้พลั้งมือฆ่าผู้ชายตรงหน้า เธอตวัดสายตาสีแดงฉานมองไปที่เขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แข็งกระด้าง

"ข้าไม่ใช่แม่เจ้า อย่าได้ใช้ปากนั่นเรียกข้าเช่นนั้นอีกไม่งั้นข้าจะฉีกปากเจ้าให้เป็นชิ้นๆ"

"..."

นัยน์ตาสีอเมทิสต์หม่นลงหนึ่งระดับ แม้แต่รอยยิ้มของแคลเรตเองก็ลดลง ดูเหมือนการอธิบายถึงสถานการณ์ของเขาให้เธอฟังเพื่อทำความเข้าใจคงจะไม่ใช่ทางออกที่ดี เขามองเธอด้วยท่าทีนิ่งเฉย เปลี่ยนวิธีการพูดใหม่ไม่ให้ความเคารพเธอ

"เจ้ากล้าทำจริง ๆ งั้นรึ?"

ยังไงซะเธอก็ไม่เห็นว่าเขาเป็นคนที่จะคุยกันดี ๆ ได้แล้ว เขาเองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้เกียรติเธอเช่นกัน

เมื่อนับตามอายุจริง เขาสามารถที่จะไม่ให้เกียรติเธอได้

"หากเจอมีความกล้าพอที่จะกำจัดร่างกายนี้ก็ทำเสียสิ"

ยังไงซะถ้าเธอคิดจะทำมัน เขาก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะรับมือกับเธอได้อยู่ดี ทว่า...แม้ตัวเขาจะไม่ใช่แต่ยังไงร่างกายนี้ก็ยังเป็นลูกของเธออยู่ดี เขาไม่รู้ว่าแคลเรตคนก่อนเป็นตายร้ายดียังไง แต่ทันทีที่เธอฆ่าเขา นั่นก็หมายความว่าเธอกำลังฆ่าแคลเรตด้วยเช่นกัน

'เธอสามารถฆ่าลูกชายตัวเองกับมือได้จริง ๆ น่ะเหรอ?'

"..."

แคลเรตยังคงมองดวงตาสีแดงของดัชเชสเอวาไม่ไหวติง ต่างจากเธอที่เริ่มมีท่าทีเปลี่ยนไปทีละน้อย เธอกัดฟันกรอด ดึงกริชออกจากบานประตู

'นั่นแหละ เก็บมันให้ไวเลย'

"ข้าจะจับตาดูเจ้าไปสักพัก"

เธอคว้าลูกบิดประตูที่อยู่ด้านหน้า แคลเรตรีบเบี่ยงตัวให้เธออย่างรู้งานไม่พยายามที่จะยื้อคนอันตรายเอาไว้ให้อยู่ต่อ

"อย่าได้คิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไป ไอ้สารเลว"

ปัง!

ดัชเชสเอวาพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะปิดประตูอัดใส่หน้าเขาไปหนึ่งที แคลเรตได้แต่ยิ้มเจื่อน

'นั่นเป็นนิสัยจริง ๆ ของเธอสินะ'

เขาสางเส้นผมของตนไปด้านหลัง พ่นลมหายใจออกมาเหมือนเพิ่งหลุดพ้นประตูนรกมาได้หมาดๆ  สำรวจภายในห้องที่มืดสลัวไม่เห็นอะไรที่ดูเจริญหูเจริญตาให้ได้ดู นอกจากเฟอร์นิเจอร์จำนวนมากที่มีทุกอย่างสำหรับการดำรงชีวิตครบครันไม่ต่างจากห้องของเขา

'ฉันเองก็ควรกลับห้องด้วยเหมือนกัน'

นึกได้เช่นนั้นก็คว้าลูกบิดประตู หวังกลับไปนอนสงบจิตสงบใจที่ห้อง ถึงที่นั่นจะมีอัลมอนด์แต่หมอนั่นก็ยังควบคุมอารมณ์ได้ดีไม่เคยขู่ฆ่าเขาเลยสักครั้ง

'ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นประเภทชักดาบแล้วต้องฆ่าเลยหรือเปล่าก็เถอะ'

กึก!

"..."

ประตูถูกล็อก

กึก กึก!

เขาเขย่ามันอีกครั้งเพื่อเช็กอีกที แต่มันกลับถูกล็อกเอาไว้จริงๆ

'ชิบ!'

ปัง! ปัง! ปัง!

"เฮ้! ข้างนอกมีใครอยู่ไหม?!!!"

แคลเรตรีบทุบประตูปักๆ ตะโกนขอความช่วยเหลือจากด้านนอกอยู่นานสองนานแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใดๆ เขารีบวิ่งไปที่ระเบียง เปิดผ้าม่านสีทึบออกพรึ่บ! ปรากฏของเหลวสีดำขมุกขมัวเหมือนน้ำมันเครื่องก่อตัวเป็นกำแพงแข็ง

'เวรเอ๊ย!'



ติ๊ง!

[ ได้รับรางวัลจากเควสระดับง่าย : สวมบทบาทของ 'แคลเรต เอ แครอล' เพื่อให้รอดพ้นจากสถานการณ์คับขัน! ]

[ ได้รับ 'หนังสือศาสตร์เวทเบื้องต้น' ]



'อะไรอีกวะเนี่ย!'

แคลเรตสบถด่าระบบอยู่ภายในใจที่นึกจะส่งเควสก็ส่ง จะให้รางวัลก็ให้ เขาจำไม่เห็นได้ว่าไปเคยกดรับเควสหรือทำอะไรที่เหมือนแคลเรตคนก่อนสักครั้งด้วยซ้ำ

"ไอ้ระบบเฮงซวยเอ๊ย! ฉันต้องการกุญแจ!"