เพราะต้องใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ เขาเลยต้องมาเป็น "เมีย" ของชายบ้าอำนาจ ผู้แสนเย่อหยิ่งที่สุดในโลก!!
ชาย-ชาย,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่,ตลก,NC,18+,เด็กช่าง,คลั่งรัก,สัญญาทาส,ประธานบริษัท,บอส,นิยายวาย,ไออุ่นในเดือนหนาว,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER]เพราะต้องใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ เขาเลยต้องมาเป็น "เมีย" ของชายบ้าอำนาจ ผู้แสนเย่อหยิ่งที่สุดในโลก!!
เรื่องย่อ
ตระกูล ธนันวรัชญ์ ต้องแต่งงานกับตระกูล พีรเดชา…
นั่นคือคำสัญญาที่สองตระกูลมีให้กัน แต่หลานชายคนโตอย่าง "วิน" มีหรือจะยอมเขาจึงวางแผนจ้างสาวสวยอย่าง "ไอน้ำ" มาเป็น เมียปลอมๆ เพื่อหนีจากการโดนจับคลุมถุงชน
หลังจากที่เธอตกลงรับเงินค่าจ้าง วินก็ตั้งใจพาเธอไปเปิดตัวกับคนในตระกูล
แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผน เมื่อผู้หญิงที่ควรมาตามนัดกลับกลายเป็นเด็กหนุ่มปากร้ายที่ชื่อ "ไออุ่น" ไปซะได้
นี่มันหมายความว่าไง!!
แม้จะโกรธที่โดนหลอกลวง แต่วินก็ไม่มีทางเลือก เขาทำได้เพียงกัดฟันโอบไหล่ผู้ชายคนนั้น แล้วแนะนำกับคนในตระกูลไปว่า…
“นี่ไออุ่น…คนรักของผมเองครับ"
"จะทำอะไร"
"จูบไง"
"จูบละหมื่น"
ติ้ง
"เชี้ย...โอนมาจริงดิ...นี่เดี๋ยวก่อน! ผมพูดเล่น...เฮ้ยไอ้คุณวิน!! บอกว่าพูดเล่นไง!"
"แต่ฉันไม่เล่น ฉันถนัดเอาจริงมากกว่า"
"เอาบ้าเอาบอกอะไรล่ะ ปล่อยนะเว้ย!...แล้วคุณมาถอดกางเกงผมทำไมเนี่ย ไหนบอกว่าแค่จูบไง ไอ้ขี้โกง!!"
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายฟิวกู๊ด ว่าด้วยเรื่องของคุณชายผู้แสนเยือกเย็นราวหิมะในฤดูหนาว ที่ถูกไออุ่นจากเจ้าเด็กปากร้ายหลอมละลาย จนตัวเหลว ติดเด็กงอมแงม ราวกับคนโดนของ ถึงขั้นได้ฉายา "เสี่ยเลี้ยงของเจ้าหนูไออุ่น!!"
รอช้าอยู่ใย...ไปอ่านโล้ดดดด
.
.
.
[โปรดทำความเข้าใจก่อนอ่าน]
Boy's love story 18+
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง ไม่เกี่ยวข้องกับชื่อ บุคคล หน่วยงาน สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และพฤติกรรมต่าง ๆ ในเรื่อง ผู้แต่งไม่ได้มีเจตนาชี้นำแต่ประการใด โปรดอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
**เนื้อหาบางส่วนมีการบรรยายฉากร่วมเพศ (NC)
มีการใช้ภาษาไม่สุภาพ ใช้ภาษาปากเพื่ออรรถรสในการอ่าน
เรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ผู้อ่านที่เป็นเยาวชนควรได้รับคำแนะนำ**
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และแสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสม
.
.
.
นิยายเรื่องไออุ่นในเดือนหนาว
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ.2558
ห้ามคัดลอก ดัดแปลง นำไปเผยแพร่ หรือนำไปใช้ในงานอื่น ไม่ว่าจะเป็นภาพปก ภาพประกอบ และเนื้อหานิยายของเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตจากนักเขียนโดยเด็ดขาด
ติดต่อนักเขียน
Facebook Fanpage : แยมขนมปัง
Twitter (X) : @AngelsKiss1234
Instagram : yamkhanompang
เล่นแท็ก #ไออุ่นในเดือนหนาว
INTRO
(โดย แยมขนมปัง)
ธนันวรัชญ์…
ตระกูลเศรษฐีที่มีคนนับหน้าถือตา แม้ในอดีตจะเป็นเพียงลูกจ้างในโรงเหล้า แต่จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ก็นำพาธนันวรัชญ์ให้ก้าวสู่สังเวียนทางการค้า จับธุรกิจเครื่องดื่มที่คุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี
สุรา…
เริ่มจากธุรกิจเล็กๆ แต่เพียงไม่กี่สิบปีก็ก่อเกิดเป็นบริษัท ธนันวรัชญ์ กรุ๊ป บริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ของประเทศ ทั้งเหล้า เบียร์ รวมไปถึงไวน์ชั้นดี ก้าวขึ้นมาเป็นเบอร์ใหญ่ในวงการ
แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย…
ชยุต ธนันวรัชญ์ ผู้ริเริ่มและก่อตั้งบริษัทขึ้นมา ในอดีตเขาผ่านความยากลำบากและคำดูถูกดูแคลนมามากมาย หากไม่ได้เพื่อนรักตั้งแต่วัยเยาว์อย่างเปรม พีรเดชา คอยช่วยเหลือเกื้อกูล ตระกูลธนันวรัชญ์คงไม่มีวันนี้
บุญคุณต้องทดแทน
คือสิ่งที่ชยุตยึดมั่น และด้วยเหตุนั้นเขาจึงให้คำสัญญากับเพื่อนสนิทอย่างเปรมไว้ว่า ในอนาคตไม่ว่ายังไงทั้งสองตระกูลจะต้องได้เกี่ยวดองกัน
“ท่านประธานครับ ทางตระกูลพีรเดชาแจ้งว่าท่านเปรมเสียชีวิตแล้วครับ”
ข่าวร้ายที่ได้รับความ ทำเอาชยุตใจหล่นวูบ เขาแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นนานหลายนาที รู้ว่าเพื่อนป่วย รู้ว่าเพื่อนเป็นโรคร้าย แต่เขาก็ไม่คิดว่าเพื่อนที่เขารักประดุจพี่น้องไม่ต่างจากคนในครอบครัว จะด่วนจากไปในวัยเพียงเจ็ดสิบหกปี ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เขาไม่แม้แต่จะได้เอ่ยคำร่ำลาด้วยซ้ำ
หลังเสร็จสิ้นงานศพของเปรม ชยุตใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่บ้านสวน ที่แต่ก่อนเป็นเพียงบ้านหลังน้อยพอให้ได้พักพิง สถานที่ที่เขากับเพื่อนสนิทชอบมาวิ่งเล่นกัน แม้มันจะไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่เขาสองคนก็มีความสุขดี
ในระหว่างที่ได้ใช้เวลารำลึกความหลังถึงเพื่อนรัก คำสัญญาที่เคยให้ไว้กับเพื่อนเมื่อครั้งอดีตก็หวนคืนกลับเข้ามาในหัว ชยุตเป็นคนยึดมั่นในสัจจะ หากลั่นวาจาออกไปแล้วไม่มีคืนคำ
วันรุ่งเช้า มีประกาศิตจากผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน เรียกประชุมลูกหลานทุกคนในตระกูล เขามีเรื่องสำคัญต้องพูด และเรื่องที่เขาจะพูดเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถคัดค้านได้
“ภายในหนึ่งปี ตระกูลของเราต้องได้เกี่ยวดองกับตระกูลพีรเดชา” สิ่งที่ชยุตเอ่ย สร้างบรรยากาศตึงเครียดฉับพลัน ด้วยทุกคนไม่คิดว่าคำสัญญานั้นจะตกทอดมาสู่รุ่นหลานได้
ชยุตมีหลานชายสามคนจากลูกชายคนโต และมีหลานสาวหนึ่งคนจากลูกชายคนรอง หลานสาวอายุเพียง 13 ปี เด็กเกินกว่าจะแต่งงานได้ภายในหนึ่งปีนี้ ความหวังทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่หลานชายทั้งสาม
เหมันต์ ธนันวรัชญ์
วัสสานะ ธนันวรัชญ์
และ คิมหันต์ ธนันวรัชญ์
ภายในหนึ่งปี หากใครได้แต่งงานกับตระกูลพีรเดชา จะได้เป็นผู้สืบทอดบริษัท ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งประธาน รวมถึงได้สิทธิ์ในการจัดการทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูล
แต่หากไม่มีใครได้แต่งงานกับพีรเดชา ชยุตกล่าวว่าจะยกมรดกของตระกูลทั้งหมดให้แก่สาธารณะ เขาลั่นวาจาหนักแน่น พร้อมให้ทนายของตระกูลบันทึกทุกอย่างไว้เป็นลายลักษณ์อักษรไม่ต่างกับพินัยกรรม ซึ่งชยุตเองก็ไม่มีวี่แววที่จะเปลี่ยนใจ
เพราะไม่ว่ายังไง เขาจะไม่ผิดคำพูดที่ให้ไว้กับเพื่อนที่จากไปแน่นอน
*****
ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่ มีกระจกใสบานกว้างที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอกจากชั้นบนสุดของตึกได้ จนแสงอาทิตย์ส่องผ่านเข้ามายึดพื้นที่ในห้องไปทั้งหมด แต่ก็ไม่อาจทำให้ชายหนุ่มภูมิฐานในชุดสูทสีสุภาพคลายจากความมืดมนลงได้เลย มือของเขาประสานกันแน่น พร้อมกับสองคมคิ้วขมวดชนกันตลอดเวลา บอกถึงความเคร่งเครียดที่สุมอยู่ในหัว
ในหนึ่งปีต้องแต่งงานกับคนของตระกูลพีรเดชาเนี่ยนะ!?
คำสั่งที่ไม่ต่างอะไรกับข้อผูกมัด เหมือนหินก้อนใหญ่ทับอยู่บนอกของหลานชายคนโตอย่างวิน เขารู้ว่าปู่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลพีรเดชามาเนิ่นนาน ท่านพูดกรอกหูทุกคนเสมอว่าธนันวรัชญ์มีวันนี้ได้ ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากพีรเดชา
แต่สำหรับวินแล้วการตอบแทนบุญคุณนั้นมีหลายร้อยพันวิธี เขาไม่เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องใช้การแต่งงานเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งตอนที่ปู่ให้คำสัญญา เขากับน้องๆ ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ แล้วทำไมกรรมดันมาตกที่รุ่นเขาได้ล่ะ
ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย
และถึงแม้ประมุขของบ้านจะไม่ได้เอ่ยออกมาตรงๆ แต่ก็เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า ในบรรดาหลานชายทั้งสามคน หลานชายคนโตย่อมถูกหมายตาเป็นที่สุด ด้วยเงื่อนไขที่ว่าจะยกตำแหน่งประธานบริษัทให้ มันก็มากพอให้คุณหญิงเฟื่องรัตน์มาบังคับกดดันลูกชายคนโตอีกที ซึ่งคนอย่างคุณหญิง ถ้าต้องการอะไรต้องได้ดั่งใจท่านทุกอย่าง
วินรู้ดีว่าการรับมือกับคนอย่างแม่เป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าการทำยอดขายสูงสุดให้บริษัทเสียอีก นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มคิดแทบไม่ตก ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร จึงจะสามารถหลุดพ้นออกจากเรื่องพวกนี้ได้
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูห้องดึงสติวินออกจากห้วงความคิด ก่อนที่คชา เลขาฯ ของเขาจะเดินเข้ามา
“ท่านรองครับ ถึงเวลาประชุมแล้วครับ”
ชายผู้เป็นนายพยักหน้ารับรู้ เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ถอนหายใจให้กับสิ่งที่ยังค้างคาอยู่ในหัว แล้วจึงเดินนำเลขาฯ ออกไป
ภายในห้องประชุมที่มีเสียงพูดคุยจอแจอย่างกับผึ้งแตกรังเป็นต้องเงียบฉับพลันเพียงแค่เห็นเสี้ยวเงาของรองประธานเดินเข้ามา
อึดอัด…
คงเป็นคำสั้นๆ แต่มีความหมายมากพอที่จะใช้อธิบายบรรยากาศภายในห้องประชุมในตอนนี้ พนักงานนับสิบชีวิตนั่งตัวแข็งทื่อไม่ต่างจากก้อนหิน จนแทบไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจ
วินหยุดยืนอยู่ที่เก้าอี้ประจำตำแหน่งตรงหัวโต๊ะ ทิ้งตัวนั่งลงบนเบาะนุ่ม เขากวาดสายตามองพนักงานด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่แฝงความดุดันในแววตาจนทุกคนพากันก้มหน้า ทำท่าทางหวาดกลัวราวกับจะโดนเจ้านายจับกินก็ไม่ปาน
พรึ่บ
เพราะความเงียบภายในห้อง เสียงวางเอกสารลงบนโต๊ะจึงดังมากพอให้คนในห้องประชุมสะดุ้งโหยง ยิ่งพอได้ยินเสียงเจ้าของฝ่ามือที่วางเอกสารเมื่อครู่ถอนหายใจยาว แต่ละคนก็ตื่นตระหนก ด้วยรับรู้ชะตากรรมของตัวเองแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้
“คุณกชพร”
“ขะ…ค่ะ!” เจ้าของชื่อนั้นขานรับ
“คุณมาอยู่บริษัทนี้เพื่ออะไร” น้ำเสียงเรียบนิ่งของชายภูมิฐาน ทำคนถูกถามรวมไปถึงคนอื่นๆ ในห้องประชุมต่างมีสีหน้าลำบากใจ
“เพื่อ…เพื่อทำงานและทำประโยชน์ให้กับบริษัทค่ะ”
“งั้นเหรอ…แต่คุณกลับเอาขยะมาเสนอผมเนี่ยนะ”
วินโยนเอกสารที่พึ่งอ่านจบกลับไปให้หัวหน้าฝ่ายที่รับผิดชอบโครงการ ทำเอาหญิงสาวหน้าเผือดสี รีบเอ่ยขอโทษจนปากสั่น
“ถ้าเข้ามาแล้วทำงานได้แค่นี้ ผมว่าคุณลาออกไปทำอย่างอื่นเถอะ”
“ขอโทษค่ะ ดิฉันจะรีบแก้ไขให้เร็วที่สุด” เธอพูดทั้งสีหน้าไม่สู้ดีนัก
หลังจากผ่านการประชุมอันแสนหนักหน่วงที่ทำพนักงานกว่าสิบชีวิตภายในนั้นเกือบขาดอากาศหายใจนานหนึ่งชั่วโมง ก็เป็นอันได้ข้อสรุปว่าต้องแก้งานใหม่ทั้งหมด วินรู้ดีว่ากว่าจะได้เอกสารเหล่านั้นมา พนักงานต้องอดหลับอดนอนทำโอทีกันอยู่หลายคืน เขาเห็นถึงความพยายามในข้อนั้น แต่ก็ไม่อาจเซ็นอนุมัติงานที่มีข้อบกพร่องให้ผ่านไปได้จริงๆ
วินเป็นชายหนุ่มที่รักความสมบูรณ์แบบมาก สำหรับเขาแล้วทุกอย่างต้องไร้ที่ติ เขาไม่เคยปล่อยผ่านข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ไปเลยสักครั้ง จนพนักงานในบริษัทต่างมองว่าเขาเป็นเจ้านายที่เผด็จการ อีกทั้งยังชอบพูดจาเสียดแทงผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึกอย่างเยือกเย็น เหล่าพนักงานจึงตั้งฉายาให้วินว่าคุณชายน้ำแข็ง สมชื่อเหมันต์ที่แปลว่าฤดูหนาว
แต่ก็ใช่ว่าวินจะไม่รู้ว่าทุกคนมองเขาแบบไหน เขาเพียงแค่ไม่คิดจะใส่ใจ หากการได้รับงานที่มีคุณภาพ ต้องแลกมาด้วยการถูกคนทั้งบริษัทเกลียด
วินก็มองว่ามันไม่ได้เสียหายอะไร
“คุณคชา วันนี้ผมมีกำหนดการทำอะไรบ้าง”
“วันนี้ตอนเที่ยงมีไปกินข้าวกับลูกค้าจากสิงคโปร์ บ่ายสองประชุมกับทางฮ่องกง บ่ายสามโมงครึ่งประชุมกับบริษัทจีเอ็นกรุ๊ป เรื่องโครงการวิวไวน์ครับ”
วินพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปสนใจกองเอกสารบนโต๊ะที่รอเขาเซ็นอนุมัติ ระหว่างนั้นคชาก็ยังยืนนิ่งอยู่กับที่ จ้องมองผู้เป็นนายด้วยท่าทีลำบากใจ เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง จนวินจับสังเกตเห็นความลุกลี้ลุกลนของเลขาฯ หนุ่ม
“คุณมีอะไรอีกหรือเปล่า”
“คือ…อย่าหาว่าผมละลาบละล้วงเลยนะครับ แต่ไม่ทราบว่าท่านรองมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าครับ”
“ทำไมคุณถึงคิดว่าผมมีเรื่องไม่สบายใจล่ะ”
“ก็วันนี้ท่านรองดู…เอ่อ…”
“อารมณ์ไม่ดี” วินพูดสวนกลับอย่างรู้ทัน
“ครับ…”
วินมองหน้าเลขาฯ ผ่านเลนส์แว่นครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดบางอย่าง “คุณคชา…ถ้าปู่คุณบังคับให้คุณแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่คุณไม่อยากแต่ง คุณจะทำยังไง”
คชาขมวดคิ้วสีหน้าบอกถึงความงุนงง ปกติแล้วในหัวของเจ้านายมีแต่เรื่องงานเท่านั้น พอเจอคำถามเรื่องส่วนตัว เลขาฯ อย่างเขาก็ต้องแปลกใจเป็นธรรมดา
“ถ้าผมไม่อยากแต่ง ผมก็คงปฏิเสธออกไปตรงๆ ครับ”
“แล้วถ้าปู่คุณบอกว่าจะตัดคุณออกจากกองมรดก ถ้าไม่ยอมแต่งงานล่ะ”
คชานิ่งคิด “ถ้าขนาดนั้นก็คงยอมแต่งๆ ไปก่อนแหละครับ”
“ก็บอกว่าไม่อยากแต่งไง” วินพูดสวนกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าปกติ ทำเอาคู่สนทนาสะดุ้งตกใจ
“เอ่อ…นี่อย่าบอกนะครับว่าท่านประธานจะบังคับให้ท่านรองแต่งงาน”
“ก็ไม่ถึงกับบังคับหรอก” วินชั่งใจเล็กน้อยก่อนเล่า แต่ระยะเวลาเกือบแปดปีที่คชาทำหน้าที่เลขาฯ ให้เขามา ก็ทำให้วินสนิทใจมากพอที่จะเล่าเรื่องส่วนตัว
“โห อย่างกับในละครเลยนะครับ” คชาพูดขึ้นหลังจากได้ฟังความ “แต่ผมสงสัยอยู่นิดหนึ่ง ทำไมสัญญามันถึงตกมาที่รุ่นท่านรองได้ล่ะครับ ในเมื่อท่านประธานเองก็มีลูกชายตั้งสองคน”
“ก็ปู่ยังไม่ทันได้ออกคำสั่ง ทั้งพ่อทั้งอาชนะ ก็ชิงมีภรรยากันซะก่อนน่ะสิ”
สิ่งที่แม่เคยเล่าให้วินฟังในวัยเด็กห้วนกลับเข้ามาในหัว ว่าตอนที่พ่อกับอาของเขาบอกปู่ว่าจะแต่งงานกับหญิงที่รัก ท่านก็โกรธมาก ถึงขั้นไม่คุยกับลูกชายทั้งสองคนเป็นเดือนๆ
“แล้วทำไมท่านประธานถึงยอมให้แต่งล่ะครับ ทั้งๆ ที่คัดค้านได้”
“ก็คงเห็นว่าลูกชายมีคนรักแล้ว ท่านเลยไม่อยากฝืนใจ”
คชาที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะทำให้เจ้านายตกอกตกใจด้วยการวิ่งกระโจนเข้าไปยืนประชิดขอบโต๊ะทำงาน
“ท่านรองครับ! ผมคิดออกแล้วว่าทำยังไงท่านรองถึงจะไม่ถูกคลุมถุงชน!!”
“ยังไง” วินถามอย่างมีความหวัง สมแล้วที่เป็นเลขาฯ ผู้มากความสามารถ
“แค่ท่านรองมีเมีย ท่านประธานหรือแม้แต่คุณหญิงเฟื่องรัตน์ ก็ไม่กล้าบังคับให้ท่านรองแต่งงานแล้วครับ!!”
วินลบล้างคำชมที่ผุดขึ้นมาในหัวเมื่อครู่ทันที หลังจากได้ฟังความคิดเห็นแสนจะไร้สาระของเลขาฯ คนเก่งที่เขาคาดหวัง
“เมียนะ ไม่ใช่ผัก ถึงจะหาได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ต คุณก็เห็นว่าผมยุ่งแต่กับเรื่องงาน จะเอาเวลาไหนไปหาเมีย”
“ผมไม่ได้จะให้ท่านรองมีเมียจริงๆ สักหน่อยครับ”
วินขมวดคิ้ว “หมายความว่าไง”
“อย่างนี้ครับ…ท่านรองก็แค่พาสาวสักคนไปแนะนำกับท่านประธานว่าเป็นคนรัก แค่นี้ท่านรองก็ไม่ถูกจับแต่งงานแล้วครับ”
“มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่ลองก็ไม่รู้นี่ครับ จริงไหมล่ะ”
ชายหนุ่มคิดตามที่เลขาฯ พูด แม้มันจะฟังดูไร้สาระไปบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ พ่อยังรอดเพราะมีแม่ งั้นถ้าเขามีเมียก็อาจจะมีสิทธิ์รอดเหมือนกัน…
ไหมนะ??
“แต่ท่านรองครับ ถ้าท่านรองไม่ได้แต่งกับพีรเดชา ก็จะไม่ได้สืบทอดบริษัทสิครับ แบบนั้นจะดีเหรอ”
“นี่เป็นบริษัทของปู่ ท่านอยากจะยกให้ใครก็เป็นสิทธิ์ของท่าน”
ด้วยตำแหน่งหน้าที่ในปัจจุบันรวมถึงการเป็นหลานชายคนโต ใครๆ จึงต่างคิดว่าตำแหน่งประธานบริษัทรุ่นต่อไปคงหนีไม่พ้นวินแน่นอน แต่ชายหนุ่มกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาเพียงแค่ทำทุกอย่างตามหน้าที่ ดูแลบริษัทที่ปู่รักให้ดีที่สุด แทนพ่อที่เสียไป
“งั้นก็เอาตามแผนนั้น คุณช่วยไปจัดการหาผู้หญิงที่เหมาะจะมาเป็นเมียปลอมๆ ของผมให้หน่อยแล้วกัน นี่อาจเป็นงานที่อยู่นอกเหนือหน้าที่ของคุณ แต่เดี๋ยวผมมีโบนัสให้คุณแน่นอน”
“ครับ! ผมจะหาผู้หญิงโปรไฟล์เลิศมาให้ได้ครับ!!”
หลังจากได้รับภารกิจ คชาก็ออกไปจากห้องเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ลับๆ ก็ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี ถึงจะรู้สึกผิดกับน้องชายทั้งสองคน ที่หากเขารอด ทั้งคู่ก็คงตกเป็นเป้าหมายของปู่แทน แต่ในตอนนี้ตัวเขาเองก็ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แล้วเหมือนกัน
ความรัก…
การแต่งงาน…
สำหรับวินมันคือเรื่องไร้สาระ ชีวิตเขามีอะไรที่ต้องรับผิดชอบมากมาย เขาไม่ว่างพอที่จะเอาเวลาอันแสนมีค่าไปวุ่นกับเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หรอก
พอเริ่มจะเห็นทางออก วินก็หายใจหายคอสะดวกขึ้น ได้กลับมาโฟกัสกับการทำงานอีกครั้ง เขาจัดการเคลียร์เอกสารที่ค้างคาต่อ จนเวลาล่วงเลยมาถึงสิบเอ็ดโมงครึ่ง ซึ่งใกล้เวลานัดกับลูกค้าแล้ว วินจึงวางมือจากงานตรงหน้า เตรียมจะออกไปเจอลูกค้า แต่ไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นปรากฏเบอร์ผู้เป็นแม่ จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะรับสาย
[“ลูกรักของแม่~ ทำอะไรอยู่จ๊ะลูก”]
“ผมกำลังจะออกไปพบลูกค้าครับ แม่มีอะไรหรือเปล่า”
[“วันนี้วินพอจะมีเวลาว่างให้แม่บ้างไหม”]
“วันนี้ผมยุ่งทั้งวันเลยครับแม่”
[“แค่เจียดเวลาให้แม่สักนิดไม่ได้เลยหรือไง…รู้บ้างไหมว่าแม่เหงามากแค่ไหน พ่อลูกก็มาด่วนจากไป มีลูกชายสองคนก็บ้างานทั้งคู่ ไม่มีใครรักแม่เลย”]
คุณหญิงเฟื่องรัตน์การละครเล่นบทดราม่าใส่ชุดใหญ่ มีหรือลูกชายคนโตจะขัดใจท่านได้ สุดท้ายวินจึงยอมตกปากรับคำไปเจอแม่ แม้พอคาดเดาได้อยู่แล้วว่าท่านต้องการเจอเขาด้วยเหตุผลใดก็ตาม
.
.
.
TALK
สวัสดีค่ะ คุณนักอ่านทุกท่าน ในที่สุดแจมก็ได้มาเปิดจักรวาลใหม่สักที ซึ่งเรื่องแรกในจักรวาลนี้ คือเรื่อง ไออุ่นในเดือนหนาว นั่นเอง!! เรียกได้ว่าเป็นบทใหม่ ตัวละครใหม่ เลยก็ว่าได้ เลยทำให้แจมค่อนข้างกดดันมากๆ แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน ที่จะได้มาสร้างเรื่องราวใหม่ๆ แจมหวังว่าทุกคนจะรับลูกๆ คนใหม่ของแจมไปไว้ในอ้อมอกอ้อมใจนะคะ ><
ตอนนี้แจมมาแค่เกริ่นนำคร่าวๆ ก่อน ส่วนเนื้อเรื่องหลักจะดำเนินไปในทิศทางไหน ก็สามารถติดตามกันได้ในตอนต่อไปน้า
หากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินกับการอ่านน้าา จุ๊บๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป