เพราะต้องใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ เขาเลยต้องมาเป็น "เมีย" ของชายบ้าอำนาจ ผู้แสนเย่อหยิ่งที่สุดในโลก!!

ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER] - 01 ไม่ถูกชะตา โดย แยมขนมปัง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่,ตลก,NC,18+,เด็กช่าง,คลั่งรัก,สัญญาทาส,ประธานบริษัท,บอส,นิยายวาย,ไออุ่นในเดือนหนาว,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ตลก,NC,18+,เด็กช่าง,คลั่งรัก,สัญญาทาส,ประธานบริษัท,บอส,นิยายวาย,ไออุ่นในเดือนหนาว

รายละเอียด

เพราะต้องใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ เขาเลยต้องมาเป็น "เมีย" ของชายบ้าอำนาจ ผู้แสนเย่อหยิ่งที่สุดในโลก!!

ผู้แต่ง

แยมขนมปัง

เรื่องย่อ

เรื่องย่อ


ตระกูล ธนันวรัชญ์ ต้องแต่งงานกับตระกูล พีรเดชา

นั่นคือคำสัญญาที่สองตระกูลมีให้กัน แต่หลานชายคนโตอย่าง "วิน" มีหรือจะยอมเขาจึงวางแผนจ้างสาวสวยอย่าง "ไอน้ำ" มาเป็น เมียปลอมๆ เพื่อหนีจากการโดนจับคลุมถุงชน

หลังจากที่เธอตกลงรับเงินค่าจ้าง วินก็ตั้งใจพาเธอไปเปิดตัวกับคนในตระกูล

แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผน เมื่อผู้หญิงที่ควรมาตามนัดกลับกลายเป็นเด็กหนุ่มปากร้ายที่ชื่อ "ไออุ่น" ไปซะได้

นี่มันหมายความว่าไง!!

แม้จะโกรธที่โดนหลอกลวง แต่วินก็ไม่มีทางเลือก เขาทำได้เพียงกัดฟันโอบไหล่ผู้ชายคนนั้น แล้วแนะนำกับคนในตระกูลไปว่า…

“นี่ไออุ่น…คนรักของผมเองครับ"



"จะทำอะไร"

"จูบไง"

"จูบละหมื่น"

ติ้ง

"เชี้ย...โอนมาจริงดิ...นี่เดี๋ยวก่อน! ผมพูดเล่น...เฮ้ยไอ้คุณวิน!! บอกว่าพูดเล่นไง!"

"แต่ฉันไม่เล่น ฉันถนัดเอาจริงมากกว่า"

"เอาบ้าเอาบอกอะไรล่ะ ปล่อยนะเว้ย!...แล้วคุณมาถอดกางเกงผมทำไมเนี่ย ไหนบอกว่าแค่จูบไง ไอ้ขี้โกง!!"


นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายฟิวกู๊ด ว่าด้วยเรื่องของคุณชายผู้แสนเยือกเย็นราวหิมะในฤดูหนาว ที่ถูกไออุ่นจากเจ้าเด็กปากร้ายหลอมละลาย จนตัวเหลว ติดเด็กงอมแงม ราวกับคนโดนของ ถึงขั้นได้ฉายา "เสี่ยเลี้ยงของเจ้าหนูไออุ่น!!"

รอช้าอยู่ใย...ไปอ่านโล้ดดดด




.

.

.


[โปรดทำความเข้าใจก่อนอ่าน] 

Boy's love story 18+

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง ไม่เกี่ยวข้องกับชื่อ บุคคล หน่วยงาน สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และพฤติกรรมต่าง ๆ ในเรื่อง ผู้แต่งไม่ได้มีเจตนาชี้นำแต่ประการใด โปรดอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น


**เนื้อหาบางส่วนมีการบรรยายฉากร่วมเพศ (NC) 

มีการใช้ภาษาไม่สุภาพ ใช้ภาษาปากเพื่ออรรถรสในการอ่าน 

เรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ผู้อ่านที่เป็นเยาวชนควรได้รับคำแนะนำ**


โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และแสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสม 

.

.

.





นิยายเรื่องไออุ่นในเดือนหนาว

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ.2558

ห้ามคัดลอก ดัดแปลง นำไปเผยแพร่ หรือนำไปใช้ในงานอื่น ไม่ว่าจะเป็นภาพปก ภาพประกอบ และเนื้อหานิยายของเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตจากนักเขียนโดยเด็ดขาด


ติดต่อนักเขียน

Facebook Fanpage : แยมขนมปัง

Twitter (X) : @AngelsKiss1234

Instagram : yamkhanompang


เล่นแท็ก #ไออุ่นในเดือนหนาว 

สารบัญ

ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER]-00 บทนำ,ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER]-01 ไม่ถูกชะตา,ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER]-02 แค้นฝังใจ,ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER]-03 หนูพ่นพิษ,ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER]-04 คำทำนาย

เนื้อหา

01 ไม่ถูกชะตา

ตอนที่ 1

(โดย แยมขนมปัง)




การต้องมาติดแหง็กอยู่บนท้องถนนยังคงเป็นสิ่งที่ทำให้วินหงุดหงิดได้เสมอ ขณะที่นั่งมองสัญญาณไฟจราจร แม่ของเขาก็ยังกระหน่ำโทรเข้ามาไม่หยุด กว่าจะกินข้าวคุยงานกับลูกค้าเสร็จ ก็เลยเวลานัดของแม่มามากแล้ว ท่านจึงโทรจิกไม่พัก ด้วยคงกลัวว่าลูกชายคนโตจะเบี้ยวนัดเหมือนทุกที

[“ถึงไหนแล้ววิน แม่มารอลูกนานแล้วนะ”]

“ผมใกล้ถึงแล้วครับแม่”

[“โอเค แม่จะรอ”]

สายที่ตัดไปทำวินถอนหายใจอีกรอบ โดยพื้นฐานแล้วเขาไม่ใช่คนชอบถอนหายใจบ่อยนัก ทว่าตั้งแต่มีเรื่องการแต่งงาน ก็ทำให้วินถอนหายใจหลายร้อยครั้งต่อวัน ก็ได้แต่หวังว่าแผนของเลขาฯ จะสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย เขาจะได้หลุดพ้นจากบ่วงบ้าๆ นี่สักที

สายตาคู่คมเบนขึ้นไปมองท้องฟ้าที่ก่อนหน้านี้มืดครึ้มมีเม็ดฝนเทลงมาจนน้ำขังบนถนน แต่ในยามนี้กลับแจ่มใส เต็มไปด้วยแสงแดดที่มาพร้อมกับสายรุ้ง นี่สินะอากาศเมืองไทย ทั้งๆ ที่เข้าสู่หน้าหนาวแล้วแท้ๆ แต่อากาศกลับยังแปรปรวน เอาแน่เอานอนไม่ได้

ช่างเหมือนกับปู่จริงๆ เลย

หลังจากการรอคอยแสนนาน ในที่สุดไฟจราจรสีเขียวก็ปรากฏให้เห็น วินเหยียบคันเร่งเต็มกำลัง จนล้อรถแฉลบกับพื้นถนนใกล้ทางเท้าที่เต็มไปด้วยน้ำขังกระเซ็นไปทั่วทิศทาง กระทั่งมาถึงร้านอาหารสุดหรู ร้านโปรดของคุณหญิงแม่

เพียงชายหนุ่มภูมิฐานก้าวเท้าพ้นขอบประตูร้าน ก็มีพนักงานเข้ามาต้อนรับ เธอพาลูกค้าคนสำคัญมายังโต๊ะวิวสวน ซึ่งตอนนี้มีหญิงวัยกลางคนใส่เครื่องประดับระยิบระยับเต็มยศกำลังนั่งส่งยิ้มมาทางวินอยู่

“แม่คิดว่าวินจะเบี้ยวนัดแม่แล้วนะเนี่ย”

“ผมบอกว่าจะมาก็ต้องมาสิครับ”

ท่านยิ้มพอใจ “วินจะกินอะไรสั่งเลยนะลูก วันนี้แม่เป็นเจ้ามือเอง”

“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมทานกับลูกค้ามาแล้ว”

“แต่ร้านนี้มีสเต๊กเนื้อสตริปลอยโกเบของโปรดวินด้วยนะลูก”

“ไว้วันหลังเถอะครับแม่…ที่แม่อยากเจอผม มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ก็ช่วงนี้วินไม่กลับบ้านเลย เอาแต่อยู่ที่คอนโด แม่ก็ต้องคิดถึงลูก อยากเจอลูกเป็นธรรมดาสิ”

รู้ว่านั่นไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริง แต่วินก็ไม่คิดจะพูดขัดคอแม่

“ช่วงนี้วินได้คุยกับน้องบ้างหรือเปล่า แม่ติดต่อซันไม่ได้เลย” คุณหญิงถามถึงลูกชายอีกคน

“ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับมันเหมือนกันครับ มันติดถ่ายละครที่จีน คงยุ่งๆ น่ะครับ” วินช่วยพูดแก้ต่างให้น้องชาย ถึงนั่นจะเป็นความจริง แต่เหตุผลหลักๆ ที่ซันไม่ยอมรับสายแม่ ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของปู่

“มันน่าน้อยใจไหมเนี่ย มีลูกชายสองคน ก็เห็นงานดีกว่าแม่ทั้งนั้น นี่แม่แทบจะจำหน้าลูกของแม่ไม่ได้แล้วนะ” คุณหญิงทำน้ำเสียงกระเง้ากระงอด

“อีกสองสามเดือนซันมันก็กลับมาแล้วครับ”

“กลับมาตอนนั้นจะไปทันอะไร” คนพูดพึมพำ แต่วินก็พอจับใจความได้

“ไม่ทันอะไรเหรอครับ”

คุณหญิงชะงักไปนิดก่อนแสร้งกระแอมไอกลบเกลื่อน แล้วทำทีเป็นหยิบแก้วชาร้อนขึ้นมาจิบ “อื้ม ชารสชาติกำลังดีเลย เห็นว่าเป็นชาที่มาจากเขาอู๋อี๋ซานเลยนะ วินอยากชิมสักแก้วไหมลูก”

“ตอนบ่ายสองผมมีประชุมกับฝ่ายขาย ผมว่าแม่เข้าประเด็นเลยดีกว่าครับ” วินพูดออกไปตรงๆ ให้ผู้เป็นแม่ได้แสดงสีหน้าที่แท้จริง

“โอเค งั้นแม่เข้าเรื่องเลยละกัน…วินจำน้องแพรพลอยได้ใช่ไหม ที่ตอนเด็กๆ น้องเขาชอบมาวิ่งเล่นที่บ้านเรา แม่จำได้นะว่าตอนนั้นน้องติดวินมาก”

ชายหนุ่มทำได้แค่นั่งฟังเงียบๆ รู้ว่าแม่ต้องการจะสื่อถึงอะไร เพราะแพรพลอยที่ท่านพูดถึง คือหลานสาวจากตระกูลพีรเดชา คนที่ปู่หมายมั่นอยากจะได้มาเป็นหลานสะใภ้

“ตอนนี้น้องแพรพลอยโตเป็นสาวแล้วนะ แถมสวยมากด้วย นี่น้องก็พึ่งเรียนจบโทจากมหา’ ลัยดังในลอนดอน เห็นคุณหญิงแพรไหมบอกแม่ว่าหนูแพรพลอยจะกลับไทยเดือนหน้าแล้ว”

“ครับ แล้วยังไงครับ”

ท่านยิ้มกริ่ม เป็นรอยยิ้มแบบที่ทำให้คนมองขนลุกซู่

“วินต้องไปรับน้องที่สนามบิน”

ใบหน้าหล่อขมวดคิ้ว “แล้วทำไมผมต้องไปรับน้องเขาด้วยครับ ผมจำน้องเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“แม่ก็เลยจะให้วินไปเจอน้องไง จะได้มีเวลารำลึกความหลังกัน ใครจะรู้ พอได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง อาจจะชอบพอกันเลยก็ได้”

วินถึงกับพูดไม่ออกในสิ่งที่แม่กำลังวาดฝันพรรณนาให้เขาฟัง “ถ้าแม่อยากให้ผมไปเจอแพรพลอย เพราะเรื่องที่ปู่พูดเมื่อวานล่ะก็ พอเถอะครับ เพราะผมไม่มีความคิดที่จะแต่งงานกับน้องเขา”

รอยยิ้มสวยหายไปในชั่วพริบตาแทนที่ด้วยใบหน้าบึ้งตึง บอกให้รู้ว่าคุณหญิงท่านกำลังไม่พอใจลูกชายคนโตเอามากๆ

“ถึงไม่อยากแต่งก็ต้องแต่ง วินก็ได้ยินที่คุณปู่พูดแล้วนี่ ยังไงตำแหน่งประธานบริษัทก็ต้องเป็นของวิน ลูกจะให้คนอื่นมาชุบมือเปิบไปง่ายๆ หรือไง”

“…..”

“เมื่อวานวินก็เห็น ว่าไอ้เด็กนั่นมันตาลุกวาวแค่ไหน ตอนได้ยินที่ปู่ของลูกพูด คงอยากได้ตำแหน่งประธานจนตัวสั่นเลยล่ะสิท่า”

เรนไม่มีทางคิดแบบนั้นหรอกครับแม่”

“น้อยไปน่ะสิ” แม่พูดสวนขึ้นมาทันที

“แม่ครับ เรนก็เป็นธนันวรัชญ์เหมือนกัน เขาเป็นหลานปู่ เป็นลูกของคุณพ่อ แล้วก็เป็นน้องชายอีกคนของผม” วินเอ่ยกับผู้เป็นแม่ แต่ท่านก็ไม่คิดจะฟังเหมือนทุกครั้ง

เรนคือหลานชายคนกลางของตระกูล ทว่าเป็นพี่น้องต่างแม่กับวินและซัน คุณหญิงเฟื่องรัตน์เกลียดแม่ของเรนมาก แม้ว่าท่านจะเสียไปแล้วในอุบัติเหตุเดียวกันกับพ่อของวินเมื่อหลายปีก่อนก็ตาม แต่ความชิงชังในจิตใจของคุณหญิงก็ยังไม่จางหาย ซึ่งท่านเกลียดคนแม่ยังไง ก็เกลียดคนลูกไม่ต่างกัน

“เลิกพูดเรื่องเจ้าเด็กนั่นเถอะ กลับมาที่เรื่องของเราดีกว่า”

“…..”

“ถ้าวินยังเห็นแม่เป็นแม่อยู่ วินต้องไปรับหนูแพรพลอยที่สนามบิน”

“แม่ครับ”

“แม่กลับล่ะ” ท่านลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้ลูกชายได้คัดค้าน

ความเอาแต่ใจของผู้เป็นแม่ทำเอาลูกชายคนโตกุมขมับถอนหายใจอีกครา เขาเอนหลังทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ เอามือลูบหน้าด้วยความเหนื่อยใจ การที่ต้องมาเจอมรสุมชีวิตในวัย 33 ปี เป็นเรื่องที่วินไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย

ร่างสูงเดินออกมาจากร้านอาหารด้วยใจที่เหนื่อยหน่าย พลางก้มมองนาฬิกาข้อมือก็พบว่าใกล้ถึงเวลาประชุมแล้ว

หมับ!

วินที่กำลังจะเปิดประตูรถด้วยความเร่งรีบเป็นต้องชะงัก เมื่อดันมีมือปริศนาเข้ามากระชากแขนเขาเต็มแรง ให้ฝ่ายโดนกระทำได้หันไปมองเจ้าของมือหยาบ

“นี่รถคุณเหรอ”

ชายแปลกหน้าถามด้วยน้ำเสียงห้วนกร้าว ตอนแรกวินไม่คิดจะใส่ใจ และกำลังเอื้อมมือไปเปิดประตูรถอีกครั้ง แต่ก็ถูกชายคนเดิมเข้ามาขวางไว้ พร้อมกับใช้มือสากๆ ผลักอกวินจนร่างสูงถอยหลังออกห่างจากรถไปก้าวหนึ่ง

“ผมถามว่านี่รถคุณเหรอ ทำไมไม่ตอบ” คนพูดถามซ้ำด้วยน้ำเสียงที่ดุดันขึ้น ให้ฝ่ายถูกหาเรื่องได้แต่ยืนฉงนงงงวย

ไอ้บ้านี่มันเป็นใครกันวะ!?

วินกวาดตามองสำรวจฝ่ายตรงข้ามตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เสื้อผ้าเลอะเทอะ เนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ายาวเกือบประบ่าแม้จะถูกรวบมัดขึ้นไปเป็นจุกแบบลวกๆ แต่ก็ยังกระเซอะกระเซิงอยู่ดี จากที่เขาประเมินสภาพชายคนนี้ ก็ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านักเลงข้างถนนแล้ว

ปล่อยให้คนแบบนี้มาเดินป้วนเปี้ยนรบกวนลูกค้าได้ยังไงกัน…

“คุณต้องการอะไร”

“ต้องการคำตอบ ตกลงนี่ใช่รถคุณหรือเปล่า”

วินถอนหายใจแรงอย่างนึกรำคาญ ก่อนจะตอบกลับสั้นๆ “ใช่”

คราวนี้อีกฝ่ายกระตุกยิ้มมุมปาก สายตาคู่คมกริบดูแข็งกระด้างยิ่งกว่าเดิม

“รถก็ดูแพง แต่ทำไมขับรถอย่างกับซื้อใบขับขี่มาวะ ใช้ตีนหมุนพวงมาลัยหรือไง” ถ้อยคำหยาบคายที่หนุ่มแปลกหน้าพ่นออกมาทำเจ้าของรถหรูหน้าตึง เกิดความไม่พอใจที่จู่ๆ ก็มาโดนใครไม่รู้ด่าทอเสียๆ หายๆ

“คุณเป็นใคร กล้าดียังไงมาพูดจาไร้มารยาทใส่ผมแบบนี้”

“เหอะ ใครกันแน่ที่ไร้มารยาท”

“ผมไปทำอะไรให้คุณไม่ทราบ”

“นี่ไง แหกตาดูสิ!” เด็กหนุ่มชี้นิ้วไปยังเสื้อยืดที่ตนเองสวมใส่อยู่ ซึ่งมันเปียกเลอะเทอะสกปรกมาก แถมยังส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ จนคนรักสะอาดอย่างวินต้องก้าวถอยห่างออกมา

“แล้วไง”

“แล้วไงงั้นเหรอ!? ถามแบบนี้อยากตายใช่ไหม”

วินยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เด็กมอมแมมพูด

“ก็คุณเป็นคนขับรถเร่งเครื่องจนน้ำบนถนนมันสาดมาโดนผมเปียกไปทั้งตัวยังไงล่ะ นี่มันเสื้อตัวใหม่เลยนะเว้ย!”

ชายภูมิฐานมองเด็กไร้มารยาทอีกครั้งอย่างพิจารณา “คุณแน่ใจได้ไงว่าเป็นรถของผม นี่ไม่ใช่ว่าสร้างเรื่อง เพื่อจะมาหลอกเอาเงินคนอื่นหรอกนะ”

คนแบบนี้มีอยู่เยอะในสังคม ไอ้ประเภทที่พอเจอรถหรูราคาแพงเข้าหน่อย ก็สร้างเรื่องจะมาหลอกเอาเงินจากเจ้าของรถ คิดว่าเขาดูพวกมิจฉาชีพไม่ออกหรือไง

“ไอ้เวรนี่”

เด็กปากร้ายสบถพร้อมกำหมัดแน่น จ้องวินเขม็ง ก่อนจะใช้มือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ทำเอาคนแก่กว่าตกใจ หวั่นว่าอีกฝ่ายจะใช้อาวุธขู่รีดเงิน แต่สิ่งที่ชายคนนั้นหยิบออกมากลับเป็นเพียงโทรศัพท์มือถือ ไม่ใช่ของมีคมตามที่คิด

“เอานี่ ดูซะ!” มือหยาบยื่นโทรศัพท์มาตรงหน้าวิน

“ดูอะไร”

“หลักฐานไง”

วินมองสีหน้าของฝ่ายตรงข้าม ด้วยอยากรู้ว่ามิจฉาชีพคนนี้จะมาไม้ไหน เขาเลยจำใจดูจอโทรศัพท์ในมือนั้น ที่กำลังเล่นคลิปวิดีโอหนึ่งอยู่


“ไอ้ชล กดถ่ายยัง” 

“เออถ่ายแล้ว มึงพูดเลย” 

“โอเคๆ …สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับเข้าสู่ช่องไออุ่นสตอรี่นะครับ วันนี้ผมไม่ได้มาโชว์สกิลซ่อมรถขั้นเทพให้ทุกคนดูเหมือนครั้งก่อนๆ แต่ผมจะมาทำ vlog ชิวๆ ในวันหยุดอันแสนมีค่าของผมเอง ก่อนอื่นผมมีอะไรจะมาอวดด้วยล่ะ…นี่! เสื้อตัวใหม่ของผม!! เท่มากเลยใช่ไหม ผมพึ่งไปถอยมาเลยนะเนี่ย” 

บรึ่นนน

ซ่า!!!

“เชี่ย!! อะไรวะ…ไอ้เวรเอ๊ย!! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะเว้ยย!!! มึงจะรีบไปหาพ่อมึงหรือไงฮะ!! เดี๋ยวมึงเจอกูแน่…ไอ้ชลเอาโทรศัพท์กูมา” 

“มึงใจเย็นก่อนไอ้อุ่น แล้วนั่นมึงจะไปไหนวะ” 

“กูจะไปเอาเรื่องไอ้ตีนผีนั่นไง…เฮ้ยวินมอ’ ไซค์ ทางนี้” 

“ไปไหนน้อง” 

“ขับตามคันข้างหน้าไปเลยพี่!!” 

“ไอ้อุ่น รอกูด้วย ไอ้เชี่ยอุ่น!” 


คลิปที่อยู่ในโทรศัพท์ ปรากฏภาพเหตุการณ์วินาทีที่รถคันหนึ่งเร่งเครื่องออกตัวแรงผ่านแอ่งน้ำสกปรกบนถนนจนมันกระเด็นสาดใส่เด็กหนุ่มในคลิปเต็มๆ ซึ่งวินจำได้ในทันทีว่ารถคันนั้น…คือรถของเขาเอง

ซวยแล้วไง

“หลักฐานทนโท่ขนาดนี้ยังจะปากเก่งอีกไหมฮะ”

เจ้าของรถหรูนิ่งชะงัก จนปัญญาจะเถียง เพราะจากหลักฐานมันก็ชัดเจนมากพอแล้วว่าเขาเป็นฝ่ายผิดเต็มประตู

จากที่คิดว่าตนเองเป็นเหยื่อ กลับกลายเป็นผู้ร้ายไปซะได้ ถึงจะรู้สึกเสียหน้าอยู่บ้าง แต่วินก็พร้อมจะรับผิดชอบ มือหนาจึงล้วงกระเป๋าเงินออกมา หยิบธนบัตรสีเทาสองใบยื่นให้ เพราะดูจากการที่เด็กหนุ่มอุตส่าห์ตามมาโวยวายใส่เขา ก็คงมีอยู่เหตุผลเดียวเท่านั้น ทว่านอกจากอีกฝ่ายจะไม่ยอมรับเงินแล้ว ยังมองคนที่ยื่นเงินให้ด้วยสายตาอาฆาตแค้นจนเห็นลูกไฟในดวงตาคู่เฉี่ยว

“ทำไม ไม่พอเหรอ” วินหยิบเงินเพิ่มให้อีกใบ “สามพันแลกกับไอ้เสื้อที่ดูแล้วคงไม่เกินสามร้อยของคุณ ผมว่าคุณได้กำไรเห็นๆ เลยนะ”

ครั้งนี้ฝ่ายนั้นยอมรับเงินไป ทำเอาวินแสยะยิ้ม สุดท้ายที่อุตส่าห์โวยวายซะใหญ่โต ก็เพียงเพราะแค่อยากได้เงินตามที่เขาคิดไว้จริงๆ

“จบเรื่องแล้วใช่ไหม งั้นก็ช่วยถอยออกไปจากรถผมด้วย ผมรีบ” ร่างสูงจะเบี่ยงตัวเดินไปที่รถ แต่ก็ถูกเจ้าเด็กคนเดิมเข้ามาขวาง จนเขาเริ่มทนไม่ไหว

เวลาของฉันทุกวินาทีมันมีค่ามากนะ! ทำไมฉันต้องมาเสียเวลากับคนแบบนี้ด้วย!!

ฟึ่บ!

วินที่กำลังก่นด่าอีกฝ่ายในใจ เป็นต้องขมวดคิ้ว เมื่อธนบัตรที่พึ่งให้ไป กลายเป็นก้อนกลมๆ ก่อนจะถูกโยนใส่หน้าเจ้าของเงินเต็มๆ สร้างความฉุนเฉียวให้วินเป็นอย่างมาก จนต้องหันไปมองเด็กนิสัยเสียด้วยความขุ่นเคือง ซึ่งฝั่งนั้นก็มองกลับไม่ละสายตาเช่นกัน

“นี่ไอ้แว่น มึงคิดว่ารวยแล้วจะดูถูกใครก็ได้หรือไงฮะ เงินมันแก้ปัญหาทุกอย่างไม่ได้หรอกนะเว้ย!”

อะ…ไอ้แว่นงั้นเหรอ…

วินหลับตาข่มอารมณ์ แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาถูกคนอายุน้อยกว่าพูดจาปีนเกลียวใส่ เพราะดูยังไงเจ้าเด็กมอมแมมก็น่าจะอ่อนกว่าเขาหลายปี แต่วินก็ไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ เลยทำได้แค่ยุบหนอพองหนอ ผ่อนลมหายใจให้เย็นลง

“คุณต้องการอะไรก็ว่ามา”

“ขอโทษมาสิ แล้วขอโทษให้มันจริงใจด้วย”

คำพูดน่าขันทำเอาหนุ่มนักธุรกิจเค้นเสียงหัวเราะในลำคอ

“อย่ามาทำเป็นพูดดีไปหน่อยเลย เงินไม่พอก็บอกมาเถอะ อยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา ผมไม่ได้ว่างมาต่อปากต่อคำกับคุณทั้งวันหรอกนะ”

“พูดแบบนี้อยากแดกตีนใช่ไหม!” คนพูดตะโกนเต็มเสียง ใช้มือกระชากคอเสื้อราคาเหยียบแสน จนวินต้องรีบผลักเด็กมอมแมมออกไป

“อย่ามาแตะตัวผม” มือหนาหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อออกมาเช็ดร่องรอยที่ถูกคนใจร้อนสัมผัสโดน “คุณมอมแมมอย่างกับหนูในท่อระบายน้ำเสีย ยังจะมาแตะผมอีก รู้หรือเปล่าว่าสูทตัวนี้มันราคาเท่าไหร่”

“นี่!!”

เจ้าของฉายาที่วินพึ่งตั้งให้ตะคอกเสียงอย่างไม่พอใจ คำพูดนั้นไม่ต่างอะไรกับตัวจุดชนวน ทำให้คนฟังโกรธกริ้วควันออกหู ความอดทนขาดสะบั้น แต่เพียงไม่นานใบหน้านั้นก็เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำเอาคนอายุมากกว่ารู้สึกกังวลใจ

“ไอ้สูทนั่นมันราคาแพงมากสินะ”

“ก็ใช่น่ะสิ”

“งั้นดีเลย”

หมับ!

“เฮ้ย!” เจ้าหนูท่อทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด ด้วยการกระโจนเข้ามากอดร่างภูมิฐานแน่น พร้อมทั้งขยับบดขยี้ถูไถลูบไล้ไปตามเนื้อตัวของวินอย่างจาบจ้วง คงหมายจะให้สิ่งสกปรกเลอะชุดราคาแพง “เล่นบ้าอะไรของคุณเนี่ย ปล่อยนะ!!”

“ไม่ปล่อยเว้ย รังเกียจนักใช่ไหม งั้นก็สกปรกไปด้วยกันนี่แหละ ฮ่าๆๆๆ สะใจโว้ยยย”

“เป็นบ้าหรือไง บอกให้ปล่อย ไม่งั้นผมจะแจ้งตำรวจนะ!!”

“เออ อยากแจ้งก็แจ้งเลย คนอย่างไออุ่นไม่กลัวอยู่แล้ววว”

คนแปลกหน้ายังคงเล่นพิเรนทร์กอดรัดฟัดเหวี่ยงวินเป็นเด็กๆ จนเนื้อตัวชายหนุ่มเลอะเทอะไปหมด อีกทั้งการที่มีผู้ชายโตแล้วสองคนมายืนนัวกันแบบนี้ มันก็ง่ายต่อการตกเป็นเป้าสายตาของคนที่ผ่านไปมา สร้างความอับอายให้คนห่วงภาพลักษณ์อย่างวิน จนเขาต้องขืนแรงจับรัดตัวอีกฝ่ายก่อนจะพลิกกลับใช้แขนล็อกคอเด็กบ้าไว้แน่น ให้เจ้าตัวได้เป็นฝ่ายดิ้นบ้าง

“ปล่อยนะเว้ย กูเจ็บนะ!”

“คุณก็เลิกบ้าสักทีสิ”

“บอกให้ปล่อยไงไอ้แว่น! ถ้ากูหลุดไปได้ กูเอามึงตายแน่!!”

เด็กมอมแมมดิ้นตัวไปมา คงด้วยรูปร่างที่ไม่ต่างกันมาก เพียงไม่กี่อึดใจเจ้าเด็กแรงเยอะก็สามารถดิ้นหลุดออกจากวิน พอเป็นอิสระฝ่ายนั้นก็ไม่รอช้า ง้างหมัดขึ้นเตรียมพุ่งเข้าใส่คนอายุมากกว่าเต็มแรง

“เฮ้ยไอ้อุ่น!”

หมัดลุ่นๆ ที่กำลังพุ่งมาเป็นต้องชะงัก เมื่อมีชายร่างสูงคนหนึ่งเข้าไปล็อกตัวเจ้าหนูบ้าไว้ได้ทันท่วงที

ว่าแต่นี่ใครอีกล่ะ

“ไอ้ชลปล่อยกู! กูจะเอาเลือดออกจากปากไอ้เวรนั่น ปล่อยกู!!”

“มึงใจเย็นก่อนสิวะ เดี๋ยวก็ได้เป็นเรื่องหรอก” คนมาใหม่พูดเอ่ยห้าม ก่อนจะหันมาโค้งตัวให้วิน “ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะครับ เพื่อนผมใจร้อนไปหน่อย”

“มึงไปขอโทษมันทำไมวะ มันเริ่มก่อนนะเว้ย!”

“มึงน่ะเงียบไปเลยไอ้เชี่ยอุ่น”

วินมองเจ้าหนูบ้าด้วยความหงุดหงิด พร้อมทั้งถอดเสื้อสูทที่เลอะเทอะโยนไปหลังรถ ไม่คิดจะเสียเวลาไปมากกว่านี้ แม้อีกฝ่ายยังตะโกนด่าทอเขาด้วยถ้อยคำหยาบคายไม่เลิก แต่วินก็ไม่สนใจ รีบขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที

มองดูเวลาในตอนนี้คงเข้าประชุมไม่ทันแล้ว วินเลยโทรไปบอกเลขาฯ ให้เลื่อนการประชุมแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกเลยที่แบบแผนในชีวิตหนุ่มนักธุรกิจต้องรวนเรวุ่นวายถึงเพียงนี้

ไออุ่น

ชื่อที่เป็นเครื่องหมายของความหายนะ วินจำมันได้ขึ้นใจ

.

.

.

โปรดติดตามตอนต่อไป