เพราะต้องใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ เขาเลยต้องมาเป็น "เมีย" ของชายบ้าอำนาจ ผู้แสนเย่อหยิ่งที่สุดในโลก!!
ชาย-ชาย,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่,ตลก,NC,18+,เด็กช่าง,คลั่งรัก,สัญญาทาส,ประธานบริษัท,บอส,นิยายวาย,ไออุ่นในเดือนหนาว,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER]เพราะต้องใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ เขาเลยต้องมาเป็น "เมีย" ของชายบ้าอำนาจ ผู้แสนเย่อหยิ่งที่สุดในโลก!!
เรื่องย่อ
ตระกูล ธนันวรัชญ์ ต้องแต่งงานกับตระกูล พีรเดชา…
นั่นคือคำสัญญาที่สองตระกูลมีให้กัน แต่หลานชายคนโตอย่าง "วิน" มีหรือจะยอมเขาจึงวางแผนจ้างสาวสวยอย่าง "ไอน้ำ" มาเป็น เมียปลอมๆ เพื่อหนีจากการโดนจับคลุมถุงชน
หลังจากที่เธอตกลงรับเงินค่าจ้าง วินก็ตั้งใจพาเธอไปเปิดตัวกับคนในตระกูล
แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผน เมื่อผู้หญิงที่ควรมาตามนัดกลับกลายเป็นเด็กหนุ่มปากร้ายที่ชื่อ "ไออุ่น" ไปซะได้
นี่มันหมายความว่าไง!!
แม้จะโกรธที่โดนหลอกลวง แต่วินก็ไม่มีทางเลือก เขาทำได้เพียงกัดฟันโอบไหล่ผู้ชายคนนั้น แล้วแนะนำกับคนในตระกูลไปว่า…
“นี่ไออุ่น…คนรักของผมเองครับ"
"จะทำอะไร"
"จูบไง"
"จูบละหมื่น"
ติ้ง
"เชี้ย...โอนมาจริงดิ...นี่เดี๋ยวก่อน! ผมพูดเล่น...เฮ้ยไอ้คุณวิน!! บอกว่าพูดเล่นไง!"
"แต่ฉันไม่เล่น ฉันถนัดเอาจริงมากกว่า"
"เอาบ้าเอาบอกอะไรล่ะ ปล่อยนะเว้ย!...แล้วคุณมาถอดกางเกงผมทำไมเนี่ย ไหนบอกว่าแค่จูบไง ไอ้ขี้โกง!!"
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายฟิวกู๊ด ว่าด้วยเรื่องของคุณชายผู้แสนเยือกเย็นราวหิมะในฤดูหนาว ที่ถูกไออุ่นจากเจ้าเด็กปากร้ายหลอมละลาย จนตัวเหลว ติดเด็กงอมแงม ราวกับคนโดนของ ถึงขั้นได้ฉายา "เสี่ยเลี้ยงของเจ้าหนูไออุ่น!!"
รอช้าอยู่ใย...ไปอ่านโล้ดดดด
.
.
.
[โปรดทำความเข้าใจก่อนอ่าน]
Boy's love story 18+
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง ไม่เกี่ยวข้องกับชื่อ บุคคล หน่วยงาน สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และพฤติกรรมต่าง ๆ ในเรื่อง ผู้แต่งไม่ได้มีเจตนาชี้นำแต่ประการใด โปรดอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
**เนื้อหาบางส่วนมีการบรรยายฉากร่วมเพศ (NC)
มีการใช้ภาษาไม่สุภาพ ใช้ภาษาปากเพื่ออรรถรสในการอ่าน
เรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ผู้อ่านที่เป็นเยาวชนควรได้รับคำแนะนำ**
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และแสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสม
.
.
.
นิยายเรื่องไออุ่นในเดือนหนาว
© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ.2558
ห้ามคัดลอก ดัดแปลง นำไปเผยแพร่ หรือนำไปใช้ในงานอื่น ไม่ว่าจะเป็นภาพปก ภาพประกอบ และเนื้อหานิยายของเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตจากนักเขียนโดยเด็ดขาด
ติดต่อนักเขียน
Facebook Fanpage : แยมขนมปัง
Twitter (X) : @AngelsKiss1234
Instagram : yamkhanompang
เล่นแท็ก #ไออุ่นในเดือนหนาว
ตอนที่ 2
(โดย แยมขนมปัง)
แม้โบราณว่าไว้ช่วงอายุ 25 ปี ถือเป็นปีแห่งการชง ที่จะต้องพบเจอเรื่องเลวร้าย แต่ไออุ่นไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลยจนกระทั่งได้เจอกับชายนิสัยแย่คนนั้น แค่นึกถึงคนหัวร้อนก็เลือดขึ้นหน้าแล้ว
แต่ไหนแต่ไรไออุ่นไม่เคยถูกชะตากับพวกเศรษฐีผู้ดีตีนแดงเลยสักนิด จนเพื่อนๆ ต่างบอกว่าเขาอคติเกินไป คนรวยก็ใช่ว่าจะนิสัยแย่กันทุกคน แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้แล้วว่า…เขาคิดถูก
สายตาเย็นชาที่เต็มไปด้วยการหยามเหยียดคู่นั้นยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำ เพียงแค่ถูกอีกฝ่ายจ้องมอง ไออุ่นก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นตัวไรฝุ่นแล้ว ไหนจะท่าทางหยิ่งผยองทำตัวราวกับสูงส่งกว่าคนอื่นๆ อีก ทุกอย่างในตัวเศรษฐีหนุ่มคนนั้นคือสิ่งที่ไออุ่นชิงชังเป็นที่สุด
“ไม่ถูกชะตากับแม่งเลยเว้ย! อย่าให้กูเจออีกนะ”
คำพูดที่บ่งบอกถึงความเคียดแค้นส่งออกมาทางน้ำเสียงและสีหน้าของคนพูด ขณะที่เจ้าตัวใช้มือขยี้เสื้อตัวใหม่ป้ายแดงของตัวเองในกะละมังไปด้วย ซึ่งตอนนี้มันเลอะน้ำสกปรกขึ้นเป็นรอยด่างจนแทบลืมสภาพเดิม ไม่บ่อยครั้งนักที่คนประหยัดอดออมอย่างไออุ่นจะซื้อเสื้อตัวใหม่ แต่ไม่ทันได้อวดใคร ความใหม่ของมันก็ถูกทำลายสิ้นไปหมดแล้ว
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจ!
“นี่ไอ้อุ่น ถ้ามึงยังเอาความโกรธไปลงกับเสื้อแบบนั้น กูว่าเสื้อมึงคงได้ขาดกันพอดี” ชลธี เพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็กของไออุ่นพูดไปขำไปขณะยืนสูบบุหรี่มองเพื่อนซักผ้าด้วยความเวทนา
“ก็กูโมโหนี่หว่า มึงไม่น่ามาห้ามกูไว้เลย นี่ถ้ากูได้ต่อยปากมันสักหมัดสองหมัด กูคงรู้สึกดีกว่านี้”
“มึงรู้สึกดี แต่ถ้าโดนเขาแจ้งความจับข้อหาทำร้ายร่างกายขึ้นมามันจะคุ้มกันไหมฮะ คิดบ้างสิวะ”
“ถ้ามันแจ้งความ กูก็จะแจ้งเหมือนกัน”
“มึงจะไปแจ้งจับเขาข้อหาอะไร”
“ข้อหาขับรถเหี้ย แล้วก็ปากหมาใส่กูด้วย”
“สัด ข้อหานั้นมีที่ไหน” ชลธียิ้มขำ “เฮ้ยไอ้อุ่น มึงดูนี่สิ คลิปที่ลงเมื่อวานคนดูอย่างเยอะ”
โทรศัพท์สีดำถูกยื่นไปตรงหน้าคนเจ้าอารมณ์ ปรากฏเป็นคลิปวิดีโอเหตุการณ์ตอนที่ไออุ่นถูกรถราคาหลักล้านเหยียบน้ำกระเด็นใส่อยู่ในโลกออนไลน์
“มึงเอาลงทำเหี้ยอะไรเนี่ย!”
“ทำไมวะ ดูสมจริงดีออก คนดูเขาชอบอะไรแบบนี้นี่แหละ”
“สมจริงกับผีน่ะสิ ลบเลยนะมึง”
“มึงแน่ใจเหรอว่าจะให้กูลบ ยอดวิวตั้งพันสองเลยนะเว้ย”
อาจฟังดูน้อยนิด แต่สำหรับช่องไออุ่นสตอรี่ที่ปกติมียอดเข้าชมไม่ถึงหลักร้อยแล้ว นี่จึงถือเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ราวกับเป็นปรากฏการณ์เลยก็ว่าได้
“มีคนเข้ามาคอมเมนต์ด้วยนะมึง”
คนปากแข็งทำทีเป็นไม่สนใจแต่กลับรีบแย่งโทรศัพท์ในมือชลธีมาเลื่อนอ่านคอมเมนต์ที่นานทีปีหนจะเกิดขึ้นในช่องเขาสักครั้ง
Beexxc: ไปยืนโง่ตรงนั้นเอง ยังจะไปด่าเจ้าของรถอีก
MAlaa: ช็อตตอนโดนน้ำสาดอย่างฮ่าเลย 5555
Diidyy: ควรจะทำคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์กว่านี้นะคะ
“ดีใจเลยสิมึง”
“ดีใจเชี่ยอะไร มีแต่คอมเมนต์ด่ากูทั้งนั้น เอาของมึงคืนไปเลย” ไออุ่นโยนโทรศัพท์คืนให้ชลธี แล้วหันกลับมาซักผ้าในกะละมังต่อ
“เอาน่ะมึง ถึงจะเป็นคอมเมนต์ด่า แต่ก็มีคนสนใจดูคลิปของมึงนะเว้ย ไหนมึงบอกว่าอยากเป็นยูทูบเบอร์ชื่อดังไง นี่อาจจะเป็นคลิปเปิดตัวของมึงเลยก็ได้นะ” ชลธียังคงพูดจูงใจเพื่อนสนิทเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายลบคลิปน่าอับอายนี้
ความจริงแล้วไออุ่นไม่ได้สนใจที่จะเป็นยูทูบเบอร์นักหรอก เขาเพียงแค่อยากลองทำอะไรก็ตามที่หาเงินได้เยอะๆ ทางไหนมีโอกาสได้เงิน เขาก็ทำหมด ขอแค่เป็นอาชีพสุจริตก็พอ
จุดเริ่มต้นที่ไออุ่นได้มาทำช่องยูทูบ เกิดจากคำแนะนำของชลธี ด้วยในยุคปัจจุบันสิ่งนี้เป็นที่นิยมมาก อีกทั้งยังมีหลายคนที่ได้เปลี่ยนชีวิตจากการเป็นยูทูบเบอร์ เด็กหนุ่มที่มีความมุ่งมั่นอันเปี่ยมล้มอย่างไออุ่นจึงอยากลองทำดูสักครั้ง เผื่ออนาคตจะรุ่ง ซึ่งก็ได้ชลธีเป็นคนช่วยถ่ายช่วยตัดต่อให้ แม้สุดท้ายแล้วงานนี้จะไม่ได้สร้างรายได้ให้เขาเลยก็ตาม จนไออุ่นเริ่มท้อใจ
“ไอ้อุ่น กูว่าบางทีดวงมึงอาจจะเป็นไปตามที่แม่กูดูให้ก็ได้นะ ว่าปีนี้จะเป็นปีแห่งการพลิกชีวิตครั้งใหญ่ของมึง” แม่ของชลธีเป็นหมอดูที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงมากในย่านนี้ ไออุ่นจึงถูกเพื่อนสนิทลากไปดูดวงอยู่บ่อยครั้ง แม้เจ้าตัวจะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้เลยก็ตาม
ชีวิตคนนะไม่ใช่กระดาษ มันจะพลิกไปพลิกมาได้ง่ายๆ ยังไง
“เฮ้ยไอ้อุ่น เฮียโชนทักมาบอกว่าให้เข้าอู่ได้แล้ว มึงซักผ้าเสร็จยังเนี่ย”
“เออๆ กูใกล้เสร็จแล้ว บอกเฮียสองนาทีถึง”
พอโดนเจ้านายตามตัว สองมือแข็งแรงก็รีบขยี้เสื้อในกะละมังลวกๆ สะบัดหมาดๆ เป็นพิธี แล้วเอาไปตากกับราวผ้าหลังบ้าน จัดแจงเปลี่ยนมาใส่ชุดหมีช่างสีแดงซึ่งเป็นเครื่องแบบของอู่ด้วยความเร็วแสง ก่อนจะกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซค์คันเก่งของเพื่อนสนิท แล้วตรงไปยังอู่เฮียโชน สถานที่ที่เลี้ยงปากท้องไออุ่นมานานหลายปี
การเป็นยูทูบเบอร์มันก็แค่งานอดิเรกเท่านั้น สิ่งที่ไออุ่นเรียกได้ว่าเป็นอาชีพของเขาจริงๆ คือการเป็นช่างซ่อมบำรุงที่อู่เฮียโชน เขาทำงานที่นี่มาได้หกปีกว่าแล้ว เริ่มแรกเด็กหนุ่มเคยมาฝึกงานกับโชนสมัยเรียนปวช. โชนเห็นว่าไออุ่นเป็นเด็กขยันขันแข็ง มีความสามารถ จึงได้ทาบทามให้มาทำงานด้วยกัน
“กว่าจะเสด็จกันมาได้นะพวกมึง” โชนเอ่ยทักเด็กหนุ่มทั้งสองคน
“หวัดดีเฮีย กินอะไรอยู่อะ ผมกินด้วยดิ กำลังหิวอยู่พอดี” ชลธีไม่พูดเปล่าแย่งไก่ย่างมาจากมือผู้เป็นนาย แล้วเอาไปกินหน้าตาเฉย
“ไอ้ห่านี่ มาสายแล้วยังจะมาแย่งกูแดกอีก นู่น ไปทำงานไป วันนี้งานล้นมือเลย พวกไอ้โป้งก็ดันมาลาพร้อมกัน มึงสองตัวก็ยังเสือกมาสายอีก ลูกน้องกูแต่ละคนดีๆ ทั้งนั้น”
สองหนุ่มพากันขำขันกับคำพูดบ่นของคนอายุมากกว่า ก่อนจะหันไปมองภาระงานตรงหน้า ก็เห็นว่าวันนี้มีรถหลายคันจอดรอให้พวกเขาจัดการอยู่ในอู่
“ไอ้อุ่น กูจองคันนั้น” ชลธีรีบพุ่งตัวเข้าไปยังรถสปอร์ตคันหรู ให้เพื่อนสนิทส่ายหน้าระอา
การใช้ชีวิตของไออุ่นในวันนี้ยังคงเหมือนวันที่ผ่านมา เขาขลุกตัวอยู่ในอู่ตั้งแต่เช้ายันเย็น เรียกได้ว่าอยู่กับเครื่องยนต์มากกว่าอยู่กับคนเสียอีก ยิ่งเวลาอารมณ์ไม่ดี ช่างหนุ่มก็จะขยันเป็นพิเศษ เพราะอยากสลัดเรื่องที่ยุ่งเหยิงในหัวออกไป ซึ่งในเวลานี้มันก็มีอยู่แค่เรื่องเดียวเท่านั้น
ไอ้แว่นตีนผี
แม้เรื่องมันจะผ่านมาแล้ว แต่พอนึกถึงทีไรไออุ่นก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดทุกที เกิดมาเขาไม่เคยรู้สึกเหม็นขี้หน้าใครเท่านี้มาก่อน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะเผาพริกเผาเกลือสาปแช่งมันเลยด้วยซ้ำ
“เฮ้ยไอ้ชล”
“ครับเฮีย”
“ไอ้อุ่นเป็นอะไรวะ เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ไม่พูดไม่จากับใคร”
“มันขยันก็ดีแล้วนี่เฮีย หรือเฮียอยากให้มันนั่งอู้งานเหมือนผมล่ะ”
“ไอ้ขยันมันก็ดีอยู่หรอก แต่กูว่ามันดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้”
“สงสัยมันยังหงุดหงิดเรื่องเมื่อวันก่อนอยู่มั้ง”
“เกิดอะไรขึ้นวะ”
ชลธีเล่าวีรกรรมของเพื่อนสนิทให้ผู้เป็นนายฟัง เพื่อนเขาคนนี้เป็นคนใจร้อนมากแค่ไหน ชลธีรู้ดีกว่าใคร หากวันนั้นเขาตามไปห้ามไม่ทันล่ะก็ ป่านนี้คงต้องไปเจอเพื่อนรักที่โรงพักแล้ว
“โชคดีนะเนี่ยที่มึงห้ามไอ้อุ่นไว้ทัน ไม่งั้นกูคงได้ไปประกันตัวมัน”
“ก็ใช่ไงเฮีย ผมเป็นเพื่อนที่ดีใช่ไหมล่ะ”
“ดีกับผีน่ะสิ” กระดานล้อเลื่อนที่มีช่างหนุ่มนอนซ่อมรถอยู่เคลื่อนออกมาจากใต้ท้องรถ “สิ่งที่ไอ้เชี่ยนั่นมันพูดกับกู แค่กูต่อยมันยังน้อยไปด้วยซ้ำเหอะ”
“ไอ้หนุ่มนั่นมันพูดอะไรกับมึงวะ มึงถึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟถึงขนาดนี้” โชนเอ่ยถาม พร้อมกับโยนน้ำขวดหนึ่งไปให้หวังดับไฟร้อนที่สุมอยู่ในอกลูกน้อง
“มันว่าผมเป็นมิจฉาชีพ ปั้นเรื่องโกหกจะไปหลอกเอาเงินจากมัน แถมมันยังเอาเงินมาฟาดหัวผมอีก แค่นั้นไม่พอ มันยังด่าว่าผมสกปรกเหมือนหนูในท่อระบายน้ำเสียด้วยนะเฮีย” ไออุ่นได้ทีระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมา
“มึงก็ดูเหมือนอยู่นะ หนูท่อน่ะ ฮ่าๆๆๆ” ชลธีหัวเราะร่วน พลางมองไออุ่นที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบน้ำมันเครื่อง มอมแมมไม่ต่างจากที่ถูกล่าวว่า ด้วยความหมั่นไส้ไออุ่นจึงเดินไปเบิร์ดกะโหลกเพื่อนฉาดใหญ่เอาคืนที่โดนหัวเราะเยาะ
“เดี๋ยวมึงจะได้กินตีนกูไอ้ชล”
“กูเพื่อนรักมึงน้า” ชลธีกอดคอไออุ่นอย่างออดอ้อน
“เอาน่ะมึง เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว คิดซะว่าเดินเหยียบขี้หมา” โชนพูดปลอบใจ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ไออุ่นรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด “เอางี้ เดี๋ยวคืนนี้กูพาเลี้ยงเหล้า สนใจไหมพวกมึง”
“สนครับ!!” ชลธีตอบทันทีแทบไม่ต้องคิด
“อารมณ์ไหนของเฮียเนี่ย จู่ๆ จะมาเลี้ยงเหล้าพวกผม”
“อารมณ์อยากเลี้ยงลูกน้อง ไม่ได้หรือไง”
“ป๊าดดดดดด งั้นแค่เหล้าร้านเจ๊มอยหน้าปากซอยคงไม่พอแล้วมั้งเฮีย”
“มึงอยากแดกอะไรบอกเฮีย เดี๋ยวเฮียจัดให้”
“จัดไปครับบบบบ”
คนต่างอายุกอดคอกันอย่างเริงร่า เข้าขากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ถึงโชนจะแก่กว่าเด็กหนุ่มทั้งสองคนถึงสิบปี แต่ก็ยังติดเล่นเป็นเด็กๆ ไม่เคยสร้างความอึดอัดใจหรือใช้อำนาจกับพวกลูกน้องในอู่เลยสักครั้ง ทั้งยังคอยช่วยเหลืออยู่เสมอ สำหรับไออุ่นและชลธี โชนจึงไม่ต่างอะไรกับพี่ชายแท้ๆ ของพวกเขาเลย
หลังจากที่ตกลงกันเสร็จสรรพ พอสองทุ่มปุ๊บไออุ่นก็ถูกทั้งเจ้านายและเพื่อนสนิทลากขึ้นรถทันที ไม่ให้โอกาสเขาได้ตอบรับหรือปฏิเสธใดๆ
แต่ก็นะ เหล้าฟรีใครมันจะไม่ชอบกันล่ะ
“โห ที่นี่เลยเหรอเฮีย ผมไม่คิดว่าเฮียจะเล่นใหญ่เบอร์นี้” ตาสีน้ำผึ้งเข้มเบิกกว้างจ้องมองไปยังสถานที่ที่เหนือความคาดหมาย
“ระดับกูพามาเลี้ยงทั้งที จะธรรมดาได้ไงวะ”
“ผมรักเฮียที่สู๊ดดดดด” ชลธีกระโจนเข้าไปกอดโชน ให้ไออุ่นได้ยิ้มระอา แต่จะว่าเพื่อนก็ไม่ได้ เพราะเขาเองก็แอบตื่นเต้นนิดๆ อยู่เหมือนกัน
Multiverse (มัลติเวิร์ส) สถานบันเทิงชื่อดังหนึ่งในสามผับใหญ่ระดับประเทศ ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ด้วยความหรูหราอลังการและทันสมัย จึงทำให้มีผู้คนมากมายอยากเข้าไปดื่มด่ำบรรยากาศในนั้นสักครั้งหนึ่งในชีวิต ซึ่งลูกค้าประจำส่วนใหญ่ของที่นี่ก็จะมีตั้งแต่ดารา เซเลบ ไฮโซ จนไปถึงนักการเมืองเลยก็ว่าได้
“กูจองโต๊ะไว้แล้ว เข้าไปกันเถอะ”
“ไปๆๆ” ชลธีกระโดดโลดเต้นกอดแขนโชนไม่ห่วง
“เฮียพาไอ้ชลเข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไป” ไออุ่นพูดบอก
“จะโทรไปรายงานแม่เหรอจ๊ะ” ชลธีแขวะเพื่อนรัก ให้คนถูกแขวะได้ด่ากลับไปไม่จริงจังนัก
พอเห็นว่าทั้งสองคนเดินเข้าไปในผับแล้ว ไออุ่นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาใครบางคน
[“ว่าไง”]
“ถึงบ้านยัง”
[“อืมพึ่งถึง นั่นอุ่นยังไม่เลิกงานเหรอ”]
“เลิกแล้ว แต่เฮียโชนพามาเลี้ยงเหล้า เลยจะโทรมาบอกว่าคืนนี้กลับดึกนะ”
[“อืม อย่าดื่มเยอะละกัน น้ำไม่อยากตื่นมาเช็ดอ้วกอุ่น”]
“รู้แล้วน่า ล็อกบ้านให้ดีล่ะ”
[“อืมๆ”]
เมื่อเจ้าของเสียงหวานวางสายไป ร่างสูงจึงเดินตามหัวหน้ากับเพื่อนสนิทเข้ามาในผับ วินาทีที่ได้เห็นความอลังการของที่นี่ ดวงตาสีนิลก็ถึงกับเป็นประกายขึ้นมาทันที ทั้งแสง สี เสียง ผู้คน รวมไปถึงบรรยากาศในร้าน มองไปทางไหนก็ดูตื่นตาตื่นใจไปหมด ในทางกลับกันมันก็ทำให้ไออุ่นรู้สึกประหม่ามาก ด้วยการแต่งกายของเขาดูจะไม่เข้ากับสถานที่เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืดเก่าๆ หรือกางเกงยีนสีซีดๆ ที่เจ้าตัวสวมใส่อยู่ในตอนนี้
มือเรียวรีบกดโทรหาโชนเพื่อถามตำแหน่งโต๊ะ ที่นี่ค่อนข้างกว้างขวางมาก ให้เดินหาเองทั้งคืนก็คงไม่เจอ มีแต่จะหลงเอาเปล่าๆ
“ไอ้อุ่นทางนี้!!”
หลังจากเดินไปตามตำแหน่งที่โชนบอก ไออุ่นก็มาเจอกับชลธีที่กำลังยืนเต้นแร้งเต้นกาอยู่ข้างๆ เจ้าภาพ
โต๊ะที่โชนจองไว้เป็นโต๊ะแบบยืนดื่ม เหมาะสำหรับลูกค้าที่มากันไม่เกิน 2-3 คน แม้จะไม่ได้ใหญ่โตหรือมีที่นั่งสบายๆ แต่ก็มีค่าเปิดโต๊ะถึงหลักพัน สมกับเป็นผับชื่อดัง ซึ่งพอไออุ่นรู้ค่าใช้จ่ายที่โชนบอก เด็กหนุ่มก็ถึงกับตาโต หากเจ้านายไม่ออกปากว่าจะเลี้ยง ไออุ่นไม่มีทางย่างกายเข้ามาที่นี่เด็ดขาด เพราะดูแล้วเงินเก็บทั้งชีวิตของเขา คงได้หมดไปในชั่วข้ามคืนเป็นแน่แท้
ชลธีรับหน้าที่ในการสั่งเครื่องดื่มตามประสาคนไม่รู้จักเกรงใจ เหล้าแพงๆ หลายขวดจึงถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ให้ไออุ่นได้กุมขมับ
“พอเฮียบอกจะเลี้ยงหน่อย มึงกะเอาคุ้มเลยนะไอ้ชล”
“แค่นี้ขนหน้าแข้งเฮียโชนไม่ร่วงหรอกมึง…เนอะเฮียเนอะ”
โชนส่ายหน้ายิ้มขำ
เพื่อไม่ให้ไออุ่นบ่นไปมากกว่านี้ ชลธีจึงเปิดฉากรินเครื่องดื่มเข้มๆ ให้เพื่อนรักทันที “กูจัดออนเดอะร็อกให้มึงเป็นพิเศษเลย”
ไออุ่นรับแก้วมาดื่ม เพียงแค่จรดริมฝีปากลงไปก็รับรู้ได้ถึงความแรงของแอลกอฮอล์ที่ไหลบาดคอ แม้มันจะเข้มมาก แต่รสชาติกลับละมุนปลายลิ้นสมกับเป็นของแพง
“คืนนี้พวกมึงเมาได้เต็มทีเลยนะ เดี๋ยวกูเก็บศพเอง” โชนพูดบอก
“ระดับผมไม่เมาง่ายๆ หรอกเฮีย บอกเลยคนอย่างไออุ่นน่ะ มีแค่ลิฟต์เท่านั้นแหละที่เอาผมลงได้” คนปากเก่งยักไหล่โอ้อวด ด้วยเพราะไม่บ่อยนักที่แอลกอฮอล์จะทำให้คนอย่างไออุ่นเมาได้ แม้เขาจะไม่เคยดื่มเหล้าแพงๆ พวกนี้มาก่อน แต่ไออุ่นก็มั่นใจว่าเหล้าแพงไม่กี่แก้ว ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก
*****
“~ก็เด็กช่างคนเน้ เบี้ยมีอยู่แต่มีน้อยยย จะจนก็รวยหัวใจรู้ไหมครับบบบ ใครลองได้รัก รับรองว่าหร็อยนะ วิดวิ้วววว~”
เด็กหนุ่มร่างสูงตะโกนแหกปากร้องเพลงลั่นด้วยน้ำเสียงยานๆ พร้อมร่างกายที่ซวนเซไปมา สองขาแทบยืนทรงตัวไม่ได้ จนต้องลำบากเจ้านายอย่างโชนคอยช่วยประคองไม่ห่างตัว
“ทำมาบอกกูว่ามีแค่ลิฟต์ที่เอามึงลง ถุ้ย!”
โชนพูดบ่น ขณะประคองไออุ่นออกมาจากผับ ด้วยตอนนี้ดึกมากแล้ว อีกทั้งสภาพลูกน้องคนสนิทก็ดูไม่ต่างจากศพเดินได้ ขืนปล่อยให้อยู่ต่อคงได้สร้างความวุ่นวายแน่นอน
“ไอ้ชลเดี๋ยวคืนนี้พวกมึงค้างที่บ้านกูเลยแล้วกันนะ”
โชนพูดกับลูกน้องอีกคน แต่กลับไม่ได้รับการตอบรับใดๆ เขาจึงเหลียวหลังหันไปมอง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของชลธี
“ฉิบหายแล้วไง เมื่อกี้ยังเดินตามมาอยู่เลย ไปเมาหัวทิ่มอยู่ตรงไหนวะเนี่ยยย ภาระจริงๆ ไม่น่าบอกให้พวกมันเมาเต็มที่เลยกู”
โชนแทบจะทึ้งหัวกับความผิดพลาดครั้งใหญ่ของตัวเอง ที่เขาพูดออกไปแบบนั้น เพราะไม่คิดว่าไออุ่นกับชลธีจะเมาหนักขนาดนี้ โดยพื้นฐานแล้วทั้งสองคนค่อนข้างคอแข็งเอาเรื่อง ดื่มด้วยกันทีไรก็ไม่เห็นจะเคยเมาสักที
ต่อไปนี้แดกเหล้าขาวไปทั้งชีวิตเลยนะไอ้พวกเวร จะได้ไม่เป็นภาระกู…
โชนก่นด่าลูกน้องในใจพลางประคองไออุ่นมาที่รถ จัดการเปิดประตูแล้วดันเด็กร่างโตเข้าไปอย่างทุลักทุเล
“นั่งรอในรถ อย่าออกไปไหนล่ะ เดี๋ยวกูไปเดินหาไอ้ชลก่อน”
“จะไปไหนก็ไปเลยไป!!” ไออุ่นปัดมือไล่ ก่อนจะฟุบหน้าลงกับคอนโซลรถ
โชนมองสภาพลูกน้องตัวเองแล้วส่ายหน้าระอาด้วยความเวทนา เขาจัดการปิดประตูรถ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในผับอีกครั้ง เพื่อตามหาลูกน้องอีกคน
พอเหลือตัวคนเดียว คนเมาที่เหมือนจะหมดสติไปแล้ว ก็ผละตัวขึ้นมานั่งหลังตรง หันซ้ายมองขวาเห็นเพียงรถที่ว่างเปล่า ไร้เพื่อนไร้เจ้านายที่มาด้วยกัน สองข้างขมับของเขาปวดตุบๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สายตาพร่ามัวคล้ายมีม่านน้ำมาบังไว้ รู้ตัวว่ากำลังเมา แต่ไออุ่นก็ไม่อยากยอมรับสักเท่าไหร่
“เฮียโชน~ ไอ้ชล~ หายหัวไปไหนกันหมดวะ~”
ไออุ่นยังคงเรียกหาชายทั้งสองคน แต่ก็ไร้วี่แววที่จะเจอตัว มือสากๆ ที่ปกติจับแต่เครื่องมือช่าง จึงเอื้อมไปเปิดประตู พาตัวเองออกจากรถ หมายจะตามหาคนสนิททั้งสอง
สงสัยเฮียโชนกับไอ้ชลธีจะเมาหัวทิ่มอยู่ในผับ
คนกึ่งไร้สติที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองเมาคิดแบบนั้น เขาจึงตั้งใจจะไปตามหาโชนกับชลธีในผับ ทว่าสองขาไม่รักดีกลับไม่ได้ดั่งใจ เซไปเซมาจนไออุ่นเดินลำบาก แต่ละย่างก้าวแทบทำเขาล้มหน้าคะมำ
“ขากูเป็นเหี้ยอะไรวะเนี่ย มึงเดินดีๆ หน่อยได้ไหมฮะ!” คนเมาก่นด่าขาตัวเอง พร้อมทั้งใช้มือทุบตีมันด้วยความหงุดหงิดใจ
แต่แล้วในจังหวะนั้น สายตาพร่ามัวของไออุ่นก็ดันหันไปสบประสานเข้ากับรถยุโรปคันหนึ่ง เขาเพ่งตาหรี่มองมันอยู่นาน ด้วยรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยเห็นรถคันนั้นที่ไหนมาก่อน และเพื่อให้ความกระจ่างในข้อสงสัย สองขาที่ซวนเซเมื่อครู่ ก็พาคนเมากึ่งไร้สติเดินตรงดิ่งเข้าไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล
ยิ่งเห็นใกล้ๆ ยิ่งคุ้นแฮะ
ร่างสูงเดินสำรวจไปรอบๆ รถหรู พร้อมทั้งแนบหน้าชิดกระจกสอดส่องสายตาเข้าไปในรถ แต่ก็ไม่พบใคร เขาจึงทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ รถคันนั้น พยายามใช้สมองทบทวนความคิดของตัวเอง
“อืออ…เคยเห็นที่ไหนน้า…เคยเห็นที่ไหนเอ่ยยย~ เคยเห็นที่…” คนเมาที่งึมงำอยู่คนเดียวนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เหมือนว่าเขาจะคิดอะไรได้บางอย่างแล้ว
ไอ้แว่นตีนผี!!
ชื่อนั้นผุดขึ้นมาในหัว พร้อมกับภาพเหตุการณ์ในอดีต ไออุ่นจำได้แล้วว่าเขาเคยเห็นรถคันนี้ที่ไหน นี่มันเป็นรถของคนที่เคยพูดจาดูถูกเขาอย่างเจ็บแสบ เพราะความคับแค้นใจไออุ่นจึงจำได้ในทันที แม้สติจะไม่เต็มร้อยก็ตาม
ร่างที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า ใช้มือยันประตูรถประคองตัวเองให้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ไออุ่นมองไปที่รถคันเดิม เขายังคงจ้องมันอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเผยรอยยิ้มร้ายกาจออกมา
บางทีโชคชะตาคงอยากให้เขาได้ล้างแค้นสินะ เขาจึงไม่รอช้าที่จะสำเร็จโทษไอ้รถเจ้ากรรมด้วยความสะใจ
เสร็จกูไอ้รถเวร!!
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป