เพราะต้องใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ เขาเลยต้องมาเป็น "เมีย" ของชายบ้าอำนาจ ผู้แสนเย่อหยิ่งที่สุดในโลก!!

ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER] - 03 หนูพ่นพิษ โดย แยมขนมปัง @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่,ตลก,NC,18+,เด็กช่าง,คลั่งรัก,สัญญาทาส,ประธานบริษัท,บอส,นิยายวาย,ไออุ่นในเดือนหนาว,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ไทย,รัก,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ตลก,NC,18+,เด็กช่าง,คลั่งรัก,สัญญาทาส,ประธานบริษัท,บอส,นิยายวาย,ไออุ่นในเดือนหนาว

รายละเอียด

เพราะต้องใช้หนี้ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ เขาเลยต้องมาเป็น "เมีย" ของชายบ้าอำนาจ ผู้แสนเย่อหยิ่งที่สุดในโลก!!

ผู้แต่ง

แยมขนมปัง

เรื่องย่อ

เรื่องย่อ


ตระกูล ธนันวรัชญ์ ต้องแต่งงานกับตระกูล พีรเดชา

นั่นคือคำสัญญาที่สองตระกูลมีให้กัน แต่หลานชายคนโตอย่าง "วิน" มีหรือจะยอมเขาจึงวางแผนจ้างสาวสวยอย่าง "ไอน้ำ" มาเป็น เมียปลอมๆ เพื่อหนีจากการโดนจับคลุมถุงชน

หลังจากที่เธอตกลงรับเงินค่าจ้าง วินก็ตั้งใจพาเธอไปเปิดตัวกับคนในตระกูล

แต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผน เมื่อผู้หญิงที่ควรมาตามนัดกลับกลายเป็นเด็กหนุ่มปากร้ายที่ชื่อ "ไออุ่น" ไปซะได้

นี่มันหมายความว่าไง!!

แม้จะโกรธที่โดนหลอกลวง แต่วินก็ไม่มีทางเลือก เขาทำได้เพียงกัดฟันโอบไหล่ผู้ชายคนนั้น แล้วแนะนำกับคนในตระกูลไปว่า…

“นี่ไออุ่น…คนรักของผมเองครับ"



"จะทำอะไร"

"จูบไง"

"จูบละหมื่น"

ติ้ง

"เชี้ย...โอนมาจริงดิ...นี่เดี๋ยวก่อน! ผมพูดเล่น...เฮ้ยไอ้คุณวิน!! บอกว่าพูดเล่นไง!"

"แต่ฉันไม่เล่น ฉันถนัดเอาจริงมากกว่า"

"เอาบ้าเอาบอกอะไรล่ะ ปล่อยนะเว้ย!...แล้วคุณมาถอดกางเกงผมทำไมเนี่ย ไหนบอกว่าแค่จูบไง ไอ้ขี้โกง!!"


นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายฟิวกู๊ด ว่าด้วยเรื่องของคุณชายผู้แสนเยือกเย็นราวหิมะในฤดูหนาว ที่ถูกไออุ่นจากเจ้าเด็กปากร้ายหลอมละลาย จนตัวเหลว ติดเด็กงอมแงม ราวกับคนโดนของ ถึงขั้นได้ฉายา "เสี่ยเลี้ยงของเจ้าหนูไออุ่น!!"

รอช้าอยู่ใย...ไปอ่านโล้ดดดด




.

.

.


[โปรดทำความเข้าใจก่อนอ่าน] 

Boy's love story 18+

นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นตามจินตนาการของผู้แต่ง ไม่เกี่ยวข้องกับชื่อ บุคคล หน่วยงาน สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และพฤติกรรมต่าง ๆ ในเรื่อง ผู้แต่งไม่ได้มีเจตนาชี้นำแต่ประการใด โปรดอ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น


**เนื้อหาบางส่วนมีการบรรยายฉากร่วมเพศ (NC) 

มีการใช้ภาษาไม่สุภาพ ใช้ภาษาปากเพื่ออรรถรสในการอ่าน 

เรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ผู้อ่านที่เป็นเยาวชนควรได้รับคำแนะนำ**


โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และแสดงความคิดเห็นอย่างเหมาะสม 

.

.

.





นิยายเรื่องไออุ่นในเดือนหนาว

© สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับเพิ่มเติม) พ.ศ.2558

ห้ามคัดลอก ดัดแปลง นำไปเผยแพร่ หรือนำไปใช้ในงานอื่น ไม่ว่าจะเป็นภาพปก ภาพประกอบ และเนื้อหานิยายของเรื่องนี้ ก่อนได้รับอนุญาตจากนักเขียนโดยเด็ดขาด


ติดต่อนักเขียน

Facebook Fanpage : แยมขนมปัง

Twitter (X) : @AngelsKiss1234

Instagram : yamkhanompang


เล่นแท็ก #ไออุ่นในเดือนหนาว 

สารบัญ

ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER]-00 บทนำ,ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER]-01 ไม่ถูกชะตา,ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER]-02 แค้นฝังใจ,ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER]-03 หนูพ่นพิษ,ไออุ่นในเดือนหนาว [WINTER]-04 คำทำนาย

เนื้อหา

03 หนูพ่นพิษ

ตอนที่ 3

 โดย แยมขนมปัง




“คนนี้ผอมไป”

“…..”

“คนนี้ยิ้มไม่จริงใจ”

“…..”

“คนนี้ยังเรียนไม่จบเลย”

“…..”

“ส่วนคนนี้ก็ใช้ไม่ได้” ผู้บริหารฯ หนุ่มถอนหายใจยาวหลังจากได้อ่านโปรไฟล์หญิงสาวมากหน้าหลายตาที่เลขาฯ รวบรวมมานำเสนอ “ผมให้เวลาคุณตั้งหลายวัน แต่คุณหามาได้แค่นี้เองเหรอคุณคชา”

“เอ่อ…ท่านรองไม่เจอคนที่ถูกใจเลยเหรอครับ”

วินใช้สายตาเรียบนิ่งแทนคำตอบทุกอย่าง ก่อเกิดความลำบากใจให้แก่เลขาฯ ตัวน้อย

การจะหาใครสักคนมาหลอกคนในตระกูล ผู้หญิงคนนั้นต้องเพียบพร้อมทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งหน้าตา บุคลิก การศึกษา มันสมอง หน้าที่การงาน และที่สำคัญคือต้องมีไหวพริบปฏิภาณ วินรู้ดีว่าคนในตระกูลไม่มีทางเชื่อแน่นอนหากเขาบอกว่ามีเมียเป็นตัวเป็นตน เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่มีสักครั้งที่เขาจะพูดถึงเรื่องความรัก ดังนั้นเพื่อให้แผนการนี้สำเร็จ ทุกอย่างจึงต้องไร้ที่ติ

“คุณไปจัดการหามาใหม่ก็แล้วกัน”

“ไอ้หามันก็หาได้อยู่หรอกครับ แต่ท่านรองเล่นวางเงื่อนไขไว้สูงลิบลิ่วขนาดนั้น ผมเองก็จนปัญญาเหมือนกัน”

“แค่นี้คุณทำไม่ได้เหรอ” สายตาเยือกเย็นของหนุ่มเผด็จการ ทำให้ผู้ที่ได้เห็นเป็นต้องขนลุกซู่ กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่

“ผมทำได้ครับ! แค่นี้สบายมาก” คชารับคำหนักแน่น แต่รอยยิ้มกลับแห้งเหี่ยวไม่ไหว สร้างความหวั่นใจให้คนออกคำสั่ง

“ออกไปได้แล้ว”

คชาโค้งตัวลา กำลังจะหันหลังเดินออกไป แต่เขานึกอะไรได้บางอย่าง จึงหันกลับไปหาผู้เป็นนายอีกครั้ง

“เอ่อ…ท่านรองครับ”

“มีอะไรอีก”

“พอดีเมื่อเช้าผมเห็นสูทของท่านวางอยู่หลังรถ ไม่ทราบว่าจะให้ผมส่งซักให้ไหมครับ”

มือที่กำลังจะจรดปลายปากกาลงในเอกสารเป็นต้องชะงักนิ่ง แล้วนึกถึงสูทเจ้ากรรมที่เลขาฯ พูดถึง ทำให้ภาพเหตุการณ์ที่ตัวเองถูกหนูสกปรกกระโจนใส่ฉายกลับเข้ามาในหัวทันที พาเจ้าของสูทราคาแพงได้หงุดหงิดใจ

“ไม่ต้อง ผมฝากคุณเอาไปทิ้งให้หน่อยแล้วกัน”

“ฮะ! ทิ้งเลยเหรอครับ!?”

“ใช่ ผมพูดฟังเข้าใจยากตรงไหน”

“เปล่าครับ คือผมแค่สงสัยว่าทำไมต้องถึงขั้นเอาไปทิ้งล่ะครับ ผมจำได้ว่าสูทตัวนั้นท่านรองพึ่งสั่งตัดจากดีไซเนอร์ฝรั่งเศสเมื่อเดือนก่อนเองนะครับ”

“มันโดนหนูโสโครกทำให้สกปรกแล้ว ผมเลยไม่อยากใส่ เอาไปทิ้งซะ”

“หนูโสโครก?”

“ทำตามที่ผมสั่ง แล้วออกไปได้แล้ว ผมจะทำงาน”

“ครับๆ” คชาเดินออกไปด้วยสีหน้างุนงง

Rrrr…

วินที่กำลังจะทำงานต่อ เป็นต้องละสายตาจากเอกสารในมือ หันไปมองโทรศัพท์ที่สั่นไม่หยุด ซึ่งปรากฏชื่อของเพื่อนสนิทอย่างสีคราม เขาจึงกดรับสาย

“โทรมาทำไม”

[“ประโยคทักทายสมกับเป็นมึงเลยนะไอ้คุณชาย”]

“กูบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกกูแบบนั้น”

[“หึๆ คืนนี้มาผับกูสิ พึ่งรีโนเวทเสร็จใหม่ๆ เลย อยากอวดว่ะ”]

“จะชวนกูไปดื่มก็บอกมาเหอะ อย่าเอาเรื่องรีโนเวทร้านมาอ้าง”

[“มึงนี่รู้ใจกูเหมือนเดิมเลยนะ…ตกลงจะมาไหมล่ะ”]

ตอนแรกวินตั้งใจจะปฏิเสธ แต่คิดไปคิดมาเขาเองก็ไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตานานแล้วเหมือนกัน ช่วงนี้ยิ่งมีเรื่องให้หนักใจ ถ้าได้พักสมองบ้างก็คงดี

“อืม คืนนี้เจอกัน”

[“โอเคเพื่อน เดี๋ยวกูเตรียมวิสกี้ของโปรดมึงไว้รอ”] พอได้ดั่งใจแล้วสีครามก็กดวางสายทันที ให้วินได้หน่ายใจ

วินรู้จักกับสีครามตั้งแต่สมัยมัธยม ด้วยนิสัยส่วนตัวของวินที่ไม่ค่อยสนใจใคร เขาจึงค่อนข้างมีเพื่อนน้อย ถ้าจะให้เรียกว่าเพื่อนสนิทจริงๆ ก็คงมีแค่สีครามคนเดียว

การที่เจ้าของผับดังกับทายาทธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่เป็นเพื่อนสนิทกัน คนนอกอาจมองว่าปกติ แต่หากได้รู้จักนิสัยใจคอของสองหนุ่ม จะรู้ว่าวินกับสีครามมีนิสัยและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันมาก ขณะที่วินเป็นหนุ่มนักธุรกิจที่บ้างาน ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร สีครามกลับเป็นมนุษย์สังคมตัวยง ชอบการสังสรรค์เป็นที่สุด ทั้งยังเป็นหนุ่มนักโปรยเสน่ห์ จนบางครั้งวินยังสงสัยเลยว่าเขากับสีครามเป็นเพื่อนสนิทกันมานานถึงสิบหกปีได้ยังไง

*****

สี่ทุ่มสิบห้านาทีเป็นเวลาที่รถ BMW 3-Series Gran Sedan LCI สี Skyscraper Grey Metallic ขับเข้ามาจอดยังโซน VIP ของผับชื่อดังอย่าง มัลติเวิร์ส

สีครามไม่ได้เป็นเพียงเพื่อนสนิทของวินเท่านั้น แต่ยังพ่วงตำแหน่งลูกค้าคนสำคัญของบริษัท ธนันวรัชญ์ กรุ๊ปอีกด้วย เครื่องดื่มส่วนใหญ่ที่ผับของสีครามจำหน่าย ก็รับมาจากบริษัทของวินเช่นกัน

“สวัสดีครับคุณวิน คุณสีครามรออยู่ที่ห้อง Private แล้วครับ”

หนุ่มภูมิฐานพยักหน้าตอบรับพนักงาน ก่อนจะเดินเข้าไปด้านใน บรรยากาศของที่นี่ยังคงครึกครื้นเหมือนทุกครั้ง แม้เขาจะไม่ได้มาบ่อยนักก็ตาม วินเป็นคนติดบ้าน หากไม่เข้าบริษัทหรือต้องไปพบลูกค้า เขาก็แทบไม่ออกไปไหนเลย ด้วยนิสัยที่ไม่ชอบความวุ่นวาย แม้วินจะเป็นทายาทบริษัทผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่สถานบันเทิงกับงานสังสรรค์กลับไม่ใช่ทางของเขาเลยจริงๆ

“Hey, my friend!!” สีครามพุ่งตัวเข้าไปกอดวินทันทีที่เจอกัน “กูโคตรคิดถึงมึงเลยว่ะ มึงไม่มาหากูนานเท่าไหร่แล้ววะเนี่ย มาจุ๊บให้ชื่นใจหน่อยซิ”

มือหนารีบผลักหน้าสีครามออกอย่างไวด้วยความรังเกียจ นิสัยที่ชอบเล่นพิเรนทร์ถึงเนื้อถึงตัวของเพื่อนคนนี้ ทำให้วินหน่ายใจได้ทุกครั้ง

“เป็นไง โฉมไหมร้านกู อลังการล้านแปดเลยใช่ไหมล่ะ” สีครามนั่งลงบนโซฟาเยื้องกับฝั่งที่วินนั่ง ก่อนจะรินวิสกี้ขวดหลักแสนปลายๆ ให้เพื่อนสนิทดื่มอย่างรู้ใจ

“ก็งั้นๆ” คนพูดดื่มวิสกี้ที่เพื่อนรินให้ เพียงได้ลิ้นรสผ่านปลายลิ้น เขาก็รับรู้ถึงความกลมกล่อมนุ่มลึก ทั้งกลิ่น ทั้งรสสัมผัสถูกใจคนคลั่งไคล้วิสกี้อย่างเขามาก

“หึๆ คำตอบสมกับเป็นมึงเลยนะ นี่แหละเพื่อนรักกูตัวจริงเสียงจริงแน่นอน” มือเรียวยื่นแก้วไปตรงหน้าวิน ให้เขาได้ชนแก้วนั้นแทนการตอบรับ

การที่หนุ่มบ้างานอย่างวินจะออกมาสังสรรค์ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ สีครามเลยมีเรื่องพูดคุยกับเพื่อนสนิทมากมายเหมือนกับไม่ได้เจอกันมาชาติเศษๆ แม้วินจะไม่ได้สนใจฟังก็ตาม ชายหนุ่มเพียงแค่นั่งดื่มเงียบๆ โยนสายตาคู่คมออกไปนอกบานกระจกใสที่สามารถมองทะลุลงไปยังโซนธรรมดาได้อย่างไร้จุดหมาย

“เป็นอะไรวะมึง เครียดเรื่องงานอีกแล้วเหรอ” สีครามเอ่ยถามขึ้นมา หลังจากสังเกตเห็นความผิดแปลกบางอย่างในตัวเพื่อนสนิท

“…ไม่ใช่เรื่องงานหรอก เรื่องอื่นน่ะ”

ใบหน้าทะเล้นเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ “มนุษย์บ้างานอย่ามึง มีเรื่องอื่นให้เครียดด้วยเหรอวะ”

“ชีวิตกูก็ไม่ได้มีแต่เรื่องงานไหม”

“ไอ้วิน…กูเป็นเพื่อนกับมึงมาตั้งกี่ปี ทำไมกูจะไม่รู้ว่าคนอย่างมึง ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน มึงก็ไม่สนใจห่าเหวอะไรอีกแล้ว”

“อืม นั่นสิเนอะ” คนพูดตอบรับเบาๆ แล้วจมอยู่กับความคิดตัวเอง

“นี่กูชักกลัวแล้วนะ เป็นอะไรของมึงเนี่ย ไหนลองเล่ามาซิ ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้คุณวินเทอร์คิดหนัก”

วินมองหน้าอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ แต่สุดท้ายเขาก็เล่าทุกอย่างให้เพื่อนฟัง หลังจากที่สีครามได้รับรู้เรื่องราวชีวิตของเพื่อนสนิททั้งหมด เขาก็ถึงกับพูดไม่ออก

“ปู่มึงอย่างโหด ถึงกับจะยกมรดกให้สาธารณะเลยเหรอวะ”

“อืม นั่นแหละปู่กูเลย”

“งั้นมึงก็ยอมแต่งไปให้จบๆ สิ ยังไงมึงก็สามสิบกว่าแล้วนะ เป็นวัยที่เหมาะกับการสร้างครอบครัวพอดี”

“มึงก็อายุเท่ากูไหมล่ะไอ้คราม ไว้มึงแต่งก่อนเถอะ แล้วกูค่อยแต่งตาม”

สีครามเพียงแค่ดื่มวิสกี้ในแก้ว ไม่ได้สนใจคำเหน็บแนมของเพื่อน

วินรู้ดีว่าเพื่อนสนิทของเขาก็แค่ตั้งใจกวนประสาทกันเท่านั้น โดยที่เจ้าตัวไม่ได้คิดตามที่พูด เพราะสำหรับหนุ่มเจ้าสำราญอย่างสีครามแล้ว การแต่งงานคงเป็นสิ่งสุดท้ายในชีวิตที่มันจะยอมทำ

“อย่าพึ่งเครียดไปเลย กูเชื่อว่าอย่างมึงต้องหาทางออกได้แน่นอน”

สีครามพูดให้กำลังใจ โดยที่วินไม่ได้โต้ตอบอะไร จนเวลาล่วงเลยมาหลายชั่วโมง วินดูนาฬิกาก็เห็นว่าดึกมากแล้ว อีกทั้งเจ้าของผับยังมีนัดสำคัญกับคนที่ดีลไว้ในห้องพักส่วนตัวชั้นบนอีกด้วย วินจึงขอตัวกลับก่อน

ร่างสูงราวร้อยเก้าสิบเซนติเมตรก้าวเท้าลงบันไดมายังชั้นล่างของผับ ทุกการเคลื่อนไหวช่างมั่นคงและหนักแน่นบ่งบอกถึงความมั่นใจของชายหนุ่มคนนี้ และด้วยความภูมิฐานประกอบกับหน้าตาอันหล่อเหลา จึงไม่แปลกเลยที่จะมีหญิงสาวมากมายพร้อมใจกันส่งยิ้มหวานอย่างสื่อความหมายมาให้วิน แต่เรียวขายาวกลับเดินออกมาจากผับโดยที่ไม่ชายตาแลใครเลยสักคน วินไม่ใช่คนตายด้านตามที่เพื่อนสนิทชอบเหน็บแนม เขาเพียงแค่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจเท่านั้น

ขณะที่กำลังย่างเท้าไปที่รถ คิ้วคมเข้มก็ต้องขมวดชนกัน เมื่อสังเกตเห็นว่ามีใครบางคนยืนด้อมๆ มองๆ อยู่ใกล้รถหรูที่มีชื่อของเขาเป็นเจ้าของ

ใครกัน…หรือว่าขโมย?

เป็นที่รู้กันดีว่า มัลติเวิร์ส ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยมาก จึงไม่น่าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นได้ ดวงตาคู่คมลองเพ่งมองชายน่าสงสัยอีกครั้ง จากที่สังเกตท่าทางการยืนของชายคนนั้นที่ซวนเซไปมาไม่มั่นคง ก็ได้ข้อสรุปว่าอีกฝ่ายคงเมาหนักแล้วจำรถผิด วินจึงตั้งใจจะเดินเข้าไปบอก แต่ไม่ทันได้ก้าวขา สิ่งที่วินได้เห็นต่อจากนั้น ก็ทำเอาเขาอ้าปากค้าง

ฉี่…~

“อ้า…สบายจังงงง~”

นี่ไม่ใช่เรื่องสมมุติ ไม่ใช่ตัวแสดงแทน แต่คือเหตุการณ์จริง คนเมาที่วินคิดว่าแค่จำรถผิดคัน สร้างวีรกรรมอันน่าสยดสยองอย่างการงัดของสงวนออกมาจากกางเกงแล้วปล่อยของเหลวใส่รถหรูต่อหน้าต่อตาเจ้าของรถที่ตอนนี้ถึงกับยืนช็อก ภาพที่เห็นกลายเป็นภาพติดตาของเขาไปเสียแล้ว

อะไรของมันวะนั่น!?

พอได้สติวินก็ไม่รอช้ารีบพุ่งตัวเข้าไปผลักชายขี้เมาให้ออกห่างจากรถ ก่อนจะหันไปดูลูกรักก็พบว่ามีบางอย่างเลอะเปรอะเปื้อนอยู่ตรงฝั่งประตูคนขับเป็นที่เรียบร้อย ให้เจ้าของรถหรูได้เลือดขึ้นหน้า ไฟโทสะลุกโชนทั้งตัว

“นี่คุณ! เมาแล้วมาฉี่ใส่รถคนอื่นได้ไง เป็นหมาหรือไงฮะ!!” ฝ่ามือแข็งแรงกระชากแขนคนเมาเพื่อกล่าวตำหนิ ทว่าใบหน้าของชายคนนี้กลับทำวินชะงักอีกรอบ ดวงตาเฉี่ยวๆ จมูกรั้นๆ กับใบหน้าดื้อด้าน เขาจำได้ไม่มีวันลืม

ไอ้หนูท่อ!!

“นี่คุณอีกแล้วเหรอ!!?”

เหมือนโชคชะตาเล่นตลก วินไม่คิดเลยว่าเขาจะได้มาเจอเด็กหนุ่มปากกล้าอีกครั้ง รอบก่อนทำสูทตัวแพงเสียหาย รอบนี้ฉี่ใส่รถหรู วีรกรรมที่เจ้าหนูขี้เมาสร้างไว้แต่ละอย่าง ทำเอาวินอยากจะบดขยี้หนูตัวนี้ให้ตายคามือ

เด็กอะไรสร้างเรื่องเก่งจริงๆ!!

“เฮ้ยปล่อยนะเว้ย~ เป็นใครมาจับ เดี๋ยวปั๊ดสอยให้ร่วงเลย~”

อีกฝ่ายยังคงอวดเก่งไม่ต่างจากครั้งแรกที่เจอกัน มือหยาบผลักอกคนอายุมากกว่าให้ออกห่างจากตัวเอง ทว่าด้วยความมึนเมา ร่างกายที่ไม่คงที่จึงเสียหลักซวนเซใกล้ล้ม ด้วยสัญชาตญาณวินจึงพุ่งเข้าไปประคองเด็กหนุ่มเอาไว้ แต่พอรู้ตัวว่าทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ร่างสูงก็รีบปล่อยอีกฝ่ายทันที จนคนเมาล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปนั่งกองกับพื้น

“โอ๊ยย! มึงผลักกูเหรอ~”

คนพาลยกนิ้วชี้หน้าโวยวายใส่วิน เป็นจังหวะให้ทั้งสองคนได้สบตากัน ไออุ่นนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะประคองตัวเองให้ลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล แล้วจึงยื่นใบหน้าแดงก่ำที่มีแต่กลิ่นเหล้าเข้าไปมองหน้าหนุ่มภูมิฐานใกล้ๆ

“เฮ้~ นี่มันไอ้แว่นนี่นา~” ปลายนิ้วเรียวจิ้มไปที่เลนส์แว่นของวิน พร้อมทั้งโถมตัวเข้าใส่ จนวินต้องรีบผลักออกด้วยความรังเกียจ

“คุณช่วยตั้งสติหน่อยได้ไหม รู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป”

“ทำอารายยย~ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อยยย”

“ไม่ได้ทำอะไรงั้นเหรอ แล้วนั่นอะไร” วินพยักพเยิดหน้าไปทางประตูรถ ที่ยังคงมีคราบของเหลวทิ้งไว้ให้เห็นเป็นหลักฐาน

“หืมมม~ นี่มึงเยี่ยวใส่รถเหรอวะ อี๋ๆ ไอ้สกปรก~” ไออุ่นยกมือขึ้นปิดจมูกตัวเอง ให้เจ้าของรถได้โมโหมากกว่าเดิม

“นั่นมันฉี่คุณต่างหาก นี่ผมไม่เคยเจอใครหน้าด้านเท่าคุณมาก่อนเลยนะ”

“เฮ้ยย อย่ามาใส่ร้ายกันนะ ไหนล่ะหลักฐาน~”

ขนาดเมายังพูดจาอวดดีไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้ตัวแสบ

วินก่นด่าเด็กไร้ยางอายในใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปรั้งกางเกงคนเมาที่ยังไม่ทันได้รูดซิป จนเด็กหนุ่มถลาเข้ามาตามแรงดึง ให้สองฝ่ายได้ใกล้ชิดกันอีกครั้ง

“นี่ไงหลักฐาน…ล่อนจ้อนขนาดนี้ ยังจะปฏิเสธอีกไหม”

“เฮ้ยทำอะไรวะ~ นี่มึงเป็นโรคจิตเหรอฮะ!”

“หึ คิดว่าผมอยากโดนตัวคุณนักหรือไง” คนพูดกระแทกเสียงก่อนจะผลักร่างคนเมาไปชนกับประตูรถ

“กูก็ไม่อยากโดนตัวมึงเหมือนกันนั่นแหละ อะโด่~”

“นี่คุณจะไปไหนน่ะ คิดจะหนีเหรอ!”

เสียงทรงพลังตะคอกถามทันทีที่เห็นคนเมากำลังจะหันหลังเดินออกไป และเพื่อไม่ให้คนผิดหนี ชายหนุ่มจึงรีบเข้าไปรั้งแขนเรียวเอาไว้

“เฮ้ยอย่ามาจับ~!!”

“คุณไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น จนกว่าจะรับผิดชอบในสิ่งที่คุณทำ”

“ทำไมกูต้องรับผิดชอบด้วย~ ครั้งก่อนมึงเองก็ทำเสื้อกูสกปรกเหมือนกันนั่นแหละ ก็ถือว่าเจ๊ากันเนอะ โอเคะ~”

“ยอมรับแล้วสินะ ว่าตั้งใจเอาคืนผม” วินคิดเอาไว้อยู่แล้วว่านี่คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นความตั้งใจของเด็กเจ้าคิดเจ้าแค้น

“เออ มีปัญหาอะไรไหมจ๊ะ~” ไออุ่นยื่นหน้าเข้าไปใกล้วิน จนปลายจมูกของทั้งสองคนเกือบชนกัน

“ถอยออกไป เหม็นเหล้า”

คนเมาทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นเสื้อตัวเอง “ไม่เห็นเหม็นเลย หอมจะตาย ไม่เชื่อก็ดมดูสิ~”

เด็กหนุ่มไม่พูดเปล่ากระโจนใส่ร่างภูมิฐานเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรก ก่อนจะใช้สองมือคล้องคอวินเอาไว้แน่น ทั้งยังเอาตัวคลอเคลียแนบชิดไม่ห่างอย่างตั้งใจให้อีกฝ่ายได้ดมกลิ่นกาย

“เมาแล้วก็อย่ามาระรานคนอื่น…นี่ฟังกันบ้างไหมเนี่ย ไอ้หนูท่อ!”

“มึงว่ากูเป็นหนูท่ออีกแล้วนะ~!!” ไออุ่นผละหน้าออกจากซอกคอวิน แล้วจ้องร่างสูงเขม็งด้วยใบหน้าบึ้งตึง

“ก็คุณเป็นหนูท่อจริงๆ นี่ สกปรกมอมแมมเหมือนหนูท่อไม่มีผิด”

ไออุ่นขบกรามแน่น ในแววตาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจจนวินรับรู้ได้ถึงแรงอาฆาตจากดวงตาคู่ดื้อรั้น

“ได้…มึงจะเอาแบบนี้ใช่ไหมมม~”

คนกึ่งไร้สติพูดจาบางอย่างที่วินไม่เข้าใจนัก แต่ไม่ทันได้ถามกลับไป สิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้ร่างภูมิฐานแข็งทื่อไปทั้งตัว

กึด

เฮ้ย!!!

ริมฝีปากซุกซนพุ่งเข้าใส่ปากวินด้วยความเร็วแสงโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่เจ้าหนูจะใช้ฟันซี่คมกัดผิวเนื้อปากนิ่มเต็มแรง จนเจ้าของปากย่นหน้าด้วยความเจ็บ รับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่ซึมไหลออกมา บอกให้รู้ว่าเกิดความเสียหายตรงริมฝีปากของเขา ซึ่งเกิดจากการโดนคนเมาจู่โจมด้วย…ปาก

พอสร้างบาดแผลให้คู่อริได้สำเร็จ ไออุ่นก็ผละหน้าออกมาชื่นชมผลงานของตัวเอง คนเมาฉีกยิ้มกว้างด้วยความพอใจ ไม่สิ ต้องบอกว่าสะใจเสียมากกว่า ในขณะที่คนโดนกระทำยังช็อกไม่หายกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ว่ากูเป็นหนูท่อดีนัก เป็นงายย…โดนหนูท่อกัด~ ทีนี้มึงก็ติดเชื้อสกปรกจากกูแล้ว ว้ายๆ ไอ้หนูสกปรกกก~ ฮ่าๆๆๆ”

ยัง…ยังจะมาหัวเราะอีก

เสียงสบถหยาบดังขึ้นในหัววินประมาณพันแสนล้านคำ ไม่คิดว่าแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปจะทำให้คนเราบ้าได้ถึงขนาดนี้ แล้วเขาควรจัดการกับไอ้หนูบ้าตัวนี้ยังไงดีนะ ถึงจะสาสมกับสิ่งที่เจ้าตัวทำ!

.

.

.

โปรดติดตามตอนต่อไป