ภาระกิจเพื่อชาติยังไม่ยากเท่าภาระกิจพิชิตใจเธอ ระหว่างพระเอกสายซึน มึนทุกสถานการณ์ กับพระเอกสายหมาเด็ก หมาลายเสือ ใครจะทำภาระกิจสำเร็จก่อนกัน
ชาย-ชาย,เมะลูกหมา,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฝ่าวิกฤต สงครามอนาคตภาระกิจเพื่อชาติยังไม่ยากเท่าภาระกิจพิชิตใจเธอ ระหว่างพระเอกสายซึน มึนทุกสถานการณ์ กับพระเอกสายหมาเด็ก หมาลายเสือ ใครจะทำภาระกิจสำเร็จก่อนกัน
ปี 2050 เกิดเหตุฝูงบินรบประหลาด ไม่ทราบสัญชาติ เข้าโจมตีฐานทัพอากาศและฐานทัพเรือ สร้างความเสียหายให้กองทัพอย่างมหาศาล
ผู้บังคับบัญชาสูงสุด จึงสั่งการให้มีการจัดตั้งทีมหน่วยรบพิเศษขึ้น เพื่อปฏิบัติภาระกิจในครั้งโดยเฉพาะ โดยมีอลันเป็นหัวหน้าทีม อลันได้รวมรวบสมาชิกทีมที่มากความสามารถ ทั้งของกองทัพเรือและกองทัพอากาศ พวกเขาต้องทำงานร่วมกัน เพื่อปฏิบัติภาระสำคัญในครั้งนี้ให้สำเร็จ ซึ่งนอกเหนือจากภาระกิจในทีมที่ต้องทำแล้ว ยังมีภาระกิจของหัวใจที่หนักหน่วงไม่แพ้กัน
แมททิว
“กูไม่รู้ว่ามันมาจากไหน แต่ที่รู้ ๆ คือวันนี้ทุกคนต้องรอด รวมถึงมึงด้วย มึงต้องรอดลงไปเป็นแฟนกูก่อน”
เดนิส
“กว่าจะพูดได้นะมึง นี่กูคงต้องขอบคุณพวกมันซินะ ที่สามารถง้างปากคนซึนอย่างมึงได้”
วิคเตอร์
“เฮ้อ กูละเหนื่อยใจกับมึงจริง ๆ เอางี้ถ้ามึงทำภาระกิจสำเร็จ กูหายโกรธมึงก็ได้”
ไค
“จริงนะพี่วิค ถ้างั้นระวังตัวด้วย แล้วเจอกันนะครับ วันนี้ผมจะเลี้ยงเหล้าพี่เอง”
WARNING
- นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงโดยจินตนาการของผู้เขียน ตัวละคร สถานที่และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล้วนเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ผู้เขียนไม่ได้มีจุดประสงค์ลบหลู่ผู้ใจ หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้
- นิยายเรื่องนี้เป็นนิยาย ชxช ผู้อ่านท่านใดไม่ชอบแนวนี้กดออกได้เลยนะคะ
Enjoy reading ขอบคุณค่า
หน่วยรบพิเศษ
เมื่อกลับมาถึงฐานที่ตั้งของหน่วยรบพิเศษ อลันให้ทุกคนแยกย้ายเข้าห้องพักของตัวเองเพื่อพักผ่อน และนัดประชุมพร้อมกันอีกครั้ง ตอนเช้าของวันต่อมา ที่ห้องประชุมใหญ่
เช้าวันต่อมา
“สวัสดีตอนเช้าทุกคน” อลันกล่าวทักทายคนในทีม ที่ตอนนี้กำลังนั่งประจำที่โต๊ะของห้องประชุมอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
“ครับ/ค่ะ” ลูกทีมทุกคนยืนตรงทำความเคารพผู้บังคับบัญชาของตนในตอนนี้อย่างพร้อมเพรียง
“ผมขอตอนรับทุกคนสู่ทีมหน่วยรบพิเศษอย่างเป็นทางการอีกครั้ง หลังจากนี้เป็นต้นไป พวกคุณทุกคนจะต้องเข้ารับการฝึกพิเศษเป็นเวลา 1 เดือน ในระหว่างการฝึกพิเศษนี้ พวกคุณทั้งหมดต้องพักอยู่ภายในฐานนี้เท่านั้น และเรามีกฏข้อห้ามไม่ให้ผู้ที่อยู่ระหว่างการฝึกออกไปภายนอกบริเวณฐานโดยไม่ได้รับอนุญาต หากมีเหตุจำเป็นให้แจ้งผมได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่หลังจากพวกคุณผ่านหลักสูตรการฝึกนี้ไปได้ พวกคุณจะเป็นเจ้าหน้าที่พิเศษประจำหน่วยรบพิเศษของผมทันที ซึ่งหลังจากนั้นพวกคุณสามารถเลือกที่จะพักอยู่ต่อที่นี้หรือจะออกไปพักบ้านของพวกคุณภายนอกได้ แต่ถ้ามีการเรียกรวมพล พวกคุณทุกคนต้องเข้ามารับภาระกิจภายในครึ่งชั่วโมงหลังจากที่ได้รับการแจ้งเตือน”
“รับทราบ”
“มีอีกเรื่องที่ผมอยากจะบอกกับพวกคุณ คือ พวกคุณทุกคนที่ผมเลือกเข้ามาร่วมทีมกับผม ผมถือว่าเป็นญาติ พี่น้องของผม เพราะฉะนั้นเรื่องตำแหน่งหรือยศของแต่ละคน ผมไม่นับรวม เราจะอยู่กันแบบพี่น้อง เพื่อนร่วมงาน เพราะฉะนั้นกรุณาเรียกผมว่าอลัน หรือหัวหน้าก็พอครับ”
“ครับ/ค่ะ”
“และนี้คือ ลิซ่า เธอจะทำหน้าที่ดูแลเรื่องโปรแกรมการฝึกของพวกคุณ และเป็นผู้จัดการภาระกิจต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมาย รวมถึงเรื่องทั่วไปของพวกคุณ ถ้ามีปัญหาอะไรปรึกษาเธอได้ตลอด” อลันหันไปแนะนำลิซ่าที่ตอนนี้ยืนส่งยิ้มหวานอยู่ด้านข้าง
“ขอบคุณอลัน สวัสดีทุกคน ฉันลิซ่า หลังจากนี้เราคงได้เจอกันทุกวัน หวังว่าจะมีความสุขกับทีมของเรานะคะ มีอะไรสงสัยหรือต้องการให้ช่วยบอกฉันได้ตลอดเวลานะคะ ยินดีที่ได้ร่วมงานกับทุกคนค่ะ” ลิซ่ากล่าวทักทายและพูดคุยกับสมาชิกใหม่ในทีมด้วยรอยยิ้มละมุน
“สวัสดีครับ/ค่ะ”
“เอาหล่ะ ถึงเวลาที่เราต้องเข้าโหมดจริงจังกันแล้ว ฉันจะอธิบายเรื่องโปรแกรมการฝึกอีก 1 เดือนต่อจากนี้ให้ทุกคนทราบนะคะ” หลังจากนั้น ลิซ่าจึงเริ่มแนะนำโปรแกรมการฝึกต่าง ๆ ที่พวกเขาทั้งหมดต้องเจอตลอด 1 เดือนนับจากนี้
วันแรกของการฝึก
“วันนี้เราเริ่มกันที่การทดสอบสมรรถภาพร่างกายของแต่ละคนดูก่อน” อลันยืนอธิบายลูกทีมบนลู่วิ่งที่จะใช้ทดสอบร่างกายของแต่ละคนในวันนี้
“แมทผ่าน เดนิสผ่าน” อลันบอกผลการทดสอบ หลังจากที่แมททิวและเดนิสทำการทดสอบในด้านแรก คือ การวิ่งบนลู่วิ่ง โดยติดตัววัดอัตราการเต้นของหัวใจในขณะวิ่งไปด้วย ทั้งคู่ใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถผ่านเกณฑ์ได้อย่างสบาย ๆ
“ต่อมา” ถึงคิวของไคและวิคเตอร์ที่ต้องขึ้นไปวิ่งบนลู่วิ่งเพื่อทดสอบเป็นลำดับถัดไป
“ผ่านทั้งคู่ แอน จินต่อเลย” อลันเรียกชื่อลูกทีมให้เข้าทดสอบต่อเนื่องจนครบ
“ผ่าน”
หลังจากนั้นพวกเขาทุกคนก็เข้าทดสอบในด่านต่าง ๆ จนครบ โดยที่ทุกคนในทีมสามารถผ่านการทดสอบไปได้อย่างสบาย ๆ
การทดสอบต่อไป จะเป็นการทดสอบความอดทนต่อแรง G หรือความเร่งเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของโลกที่กระทำต่อวัตถุต่าง ๆ การทดสอบนี้เป็นการทดสอบที่สำคัญสำหรับนักบินขับไล่ เพราะจะทำให้นักบินแต่ละคนทราบว่าตัวเองจะสามารถทนต่อแรง G ได้มากในระดับใด คนรับการทดสอบจะเข้าห้องที่ถูกจำลองเป็นห้องเครื่อง และมีการเพิ่มระดับของแรก G ขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่สามารถทนได้ โดยครั้งนี้เดนิสอาสาที่จะเริ่มก่อนเป็นคนแรก
“จะเพิ่มระดับแล้ว” อลันทำการปรับระดับจากเครื่องควบคุม
“มาเลย”
“5 G เป็นไงเดย์” อลันถามคนที่กำลังนั่งสบายอยู่ในห้องทดสอบ
“รีบ ๆ ต่อเลยหัวหน้า” เดนิสยังมีท่าทางสบาย ๆ
“6 7 8 G ยังไหวอยู่ไหม”
“สบายครับ”
“เพิ่มเป็น 10 G แล้วเป็นไงเดย์ยังอยู่ไหม”
“ชิลล์ ได้อยู่เพิ่มได้อีกครับหัวหน้า”
“แน่ใจนะ”
“มาเลย”
“11 G” สามสิบวินาทีผ่านไปอลันเริ่มปรับเพิ่มอีก “เพิ่มอีก 12 Gแล้วเดย์”
“เท่าไรแล้วครับ” เดย์เริ่มหายใจถี่และแรงขึ้น เขายังพยายามฝืนร่างกายของตัวเองให้มีสติอยู่
“12 G อีก 10 วินาทีจะครบ 30 วินาที มาเดย์สู้ ๆ 10 9 8” อลันนับเวลาถ้อยหลังจบครบตามกำหนดเวลา
“อีกนิดเดย์ อีกนิด เฮ้อ” เดย์พยายามกระตุ้นตัวเองให้รอดจากการหมดสติโดยพยายามหายใจเอาอากาศที่มีอยู่น้อยนิดเข้าไปให้ได้มากที่สุด ก่อนจะรอดได้อย่างหวุดหวิด
“เก่งมากเดย์” หลังจากปรับแรก G ไปสูงสุดถึง 12 ในสามสิบวินาที อลันจึงเริ่มปรับแรง G ลดลงจนเป็นปกติ
“เก่งมากเดย์” แอนนาที่ยืนให้กำลังใจรุ่นน้องอยู่ข้างนอกห้องทดสอบเอยชมทันที ที่เดนิสเดินออกจากห้องมา
“แน่นอนอยู่แล้วแอน” เดนิสส่งยิ้มกว้าง เรียกเสียงโห่ร้องจากคนในทีม สร้างความครึกครื้นให้การฝึกในครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี
“คนต่อไป ไค” อลันเรียกลูกทีมคนต่อไปให้เข้าห้องทดสอบต่อทันที
“ครับหัวหน้า” ไคเดินเข้าห้องทดสอบและนั่งประจำที่ พร้อมสวมอุปกรณ์ต่าง ๆ จนเรียบร้อยพร้อมเข้ารับการทำสอบ
“จะเพิ่มแรง G ตอนนี้อยู่ที่ 7 ไหวไหมวัยรุ่น”
“ครับหัวหน้า ไปต่อให้ไวเลย” ไคเริ่มหายใจถี่และเร็วขึ้น เข้ารู้ตัวเองว่าคงทนได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพยายามฝืนตัวเองไว้
“ต่อที่ 8 9 10 11 แล้วไค” อลันปรับระดับขึ้นเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง
“เฮือก หัวหน้า” หลังจากปรับระดับมาที่ 11 เพียงไม่กี่วินาที สติของไคกับดับวูบลง
“แมท เอาตัวเขาออกมา ลิซ่าฝากไคด้วย” อลันรีบเรียกให้คนอื่นเข้ามาช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้คนที่เพิ่งจะหมดสติไป ก่อนจะเรียกคนอื่น ๆ เข้าทำการทดสอบอย่างต่อเนื่อง
“ค่ะหัวหน้า”
การทดสอบแรง G ในครั้งนี้ ผู้ที่ทนต่อแรง G ได้มากที่สุด คงหนีไม่พ้นนักบินอย่างเดนิสที่สามารถอดทนต่อแรง G ได้ถึง 12 รองลงมาคือแมททิวและไคที่แม้จะหมดสติไปเพียงไม่กี่วินาทีที่แรง G แตะถึง 11 ก็ตาม ส่วนคนที่เหลือสามารถทนได้ถึง 10 ซึ่งถือว่าเป็นเกณฑ์ที่ดีเยี่ยมสำหรับนักบินขับไล่ทีเดียว
“เฮือก” เสียงหอบหายใจเร็วและแรงดังขึ้นหลังจากไคได้สติ เขาลืมตามองไปรอบ ๆ พบว่าตอนนี้ตัวเองนอนอยู่ที่เตียงในห้องพักของตน มองไปที่โซฟาตัวน้อยที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ เตียงมีใครบางคนนั่งไถโทรศัพท์ในมืออยู่
“ตื่นแล้วเหรอหมาเด็ก” วิคเตอร์เอยทักคนที่เพิ่งฟื้นคืนสติหลังจากหลับไปเกือบชั่วโมง
“พี่วิค” ไคเอยทักด้วยตกใจ
“เออ กูเอง อลันให้กูมาดูว่ามึงตื่นหรือยัง แต่พอเข้ามามึงยังหลับอยู่กูเลยนั่งเล่นโทรศัพท์รอ”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เย็นนี้อลันจะเลี้ยงตอนรับพวกเรา เขาเลยให้กูมาบอกมึงว่าเจอกันทุ่มนึงที่หน้าฐาน”
“อ๋อครับ”
“แล้วเป็นไงดีขึ้นยัง รู้ว่าทนไม่ได้มึงจะเสือกฝืนร่างกายตัวเองทำไม ถ้านี่เป็นการขึ้นบินจริง มึงได้ทิ้งดิ่งตัวเองลงมาแล้ว”
“ผมคิดว่าไหวนี่ครับ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง”
“ห่วงบ้าอะไร กูขี้เกียจเสียเวลาให้อลันหาคนเข้าทีมใหม่ อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมา”
“เจ็บจิ๊ดเลยครับ”
“หยุดพูดมากดิ๊ ไปล้างหน้าแล้วแต่งตัว จะได้เวลาแล้ว”
“ครับ ๆ รอแปบนะครับพี่วิคสุดหล่อ”
“รีบ ๆ เลยมึง กวนตีนกูหละ”
“ดุเป็นแมวน้อยเลย”
“มึงจะไปดี ๆ หรือจะให้กูยันมึงไปห่ะ ไอ้เด็กเวรนี้”
“ไปแล้วครับ”
“มากันครบแล้วนะ เป็นไงบ้างเรา” อลันหันไปถามอาการน้องเล็กสุดของทีม หลังจากหมดสติจากการทดสอบแรง G
“ดีครับหัวหน้า”
“โอเคก็ดีแล้ว ไปกันเถอะ” ทุกคนขึ้นรถที่อลันได้จัดเตรียมไว้สำหรับพาไปเลี้ยงตอนรับ
ร้านอาหารกึ่งบาร์ใกล้หน่วย
“โฮ้บรรยากาศดีเว่อร์” จินพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี
“ตามสบายเลยทุกคน วันนี้ผมพาพวกคุณมาเพื่อฉลองตอนรับทุกคน และวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่พวกคุณจะได้สังสรรค์กันอย่างเต็มที่ เพราะในระหว่าง 1 เดือนที่เข้าฝึก พวกคุณจะไม่ได้แตะเครื่องดื่มพวกนี้อีก”
“แอบเสียใจที่จะไม่ได้เที่ยว แต่ก็แค่เดือนเดียวเอง ยังไงก็ขอบคุณมากครับ อลัน” เดนิสกล่าวขอบคุณหัวหน้าทีมพร้อมกับคนอื่น ๆ
“วิวตรงนั้นโคตรสวยอ่ะ ไปถ่ายรูปกันพี่แอน” จินดึงมือแอนนาออกไปถ่ายรูปตามประสาสาวสวยเพียงสองคนในทีม
“ไปซิ ฝากสั่งเผื่อหน่อยนะเดย์ อะไรก็ได้ กินได้หมด” แอนนาหันไปบอกเดนิส
“ครับผม”
“อ้าว วันนี้เราต้องเต็มที่ เพราะอีกหนึ่งเดือนเราต้องจริงจัง งั้นมาชนแก้วกันทุกคน ชน” วิคเตอร์พูดพร้อมกับยกแก้วเครื่องดื่มในมือขึ้นชนกับทุกคนในทีม
“เฮ้ยวิค กูไปเข้าห้องน้ำก่อน” เดนิสกระซิบบอกวิคเตอร์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กัน
“เออมึงไหวไหมให้กูพาไปหรือเปล่า” วิคเตอร์เห็นสภาพของเพื่อนตัวเองได้แต่ส่ายศีรษะ เพราะตอนนี้เดนิสอยู่ในสภาพเมาจนแถบไม่มีสติหลงเหลืออยู่
“ไม่ต้องค่ะ มึงอยู่ตรงนี้เลย กูไหว” ถึงจะเมามากแต่เดนิสก็ยังต่อปากต่อคำเพื่อนได้เหมือนเคย
“เออตามใจ” วิคเตอร์ตัดบทด้วยความเอือมระอา
เดนิสเดินเซไปเซมาออกจากโต๊ะ เพื่อไปเข้าห้องน้ำ โดยที่มีสายตาของแมททิวมองตามไปตลอด
“คนสวยเดินไหวไหมจ๊ะ” นักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่ยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าห้องน้ำ เอยแซวทันทีเมื่อเห็นเดนิสเดินมาถึง
“สวยพร่องมึงซิ อย่างกูต้องหล่อเท่านั้นโว้ย” แม้จะเมามากแต่เดนิสยังคงมีสติหลงเหลืออยู่บ้าง สวนทางกับความห้าวที่เพิ่มมากขึ้น
“อ้าว ห้าวซะด้วย แบบนี้พี่ชอบท้าทายดี มา ๆ พี่ช่วย” หนึ่งในนักท่องเที่ยวกลุ่มเดิม เดินเข้ามาประคองรวบเอวคนเมาอย่างถือวิสาสะ
“ไม่ต้องมายุ่งกับกู คนจะไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยดิ๊” เดนิสพยายามสบัดตัวออก แต่เนื่องจากอาการเมาทำให้เรี่ยวแรงที่เคยมีหายไปเกือบหมด
“มาเหอะน่า เดี๋ยวพี่พาไป” นักท่องเที่ยวคนเดิมยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากเอวของเดนิส แถมยังพยายามลากตัวของเดนิสเข้าไปในห้องน้ำอีก
“รบกวนปล่อยมือจากคนของผมด้วยครับ” เสียงเคร่งขรึมของแมททิวดังขึ้นด้านหลัง จนชายคนนั้นเผลอปล่อยมือออกจากตัวเดนิสจนเกือบล้มลง แต่แมททิวก็เข้ามาคว้าตัวไว้ได้ทัน
“อ้าวมีเจ้าของก็ไม่บอก” เมื่อเห็นสายตาของแมททิว นักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นจึงรีบเดินหายออกไปจากบริเวณนั้นด้วยความรวดเร็ว
“เดย์ เดย์มึงไหวไหมเนี่ย” แมททิวประคองร่างของเพื่อนร่วมรุ่นที่ตอนนี้เซเข้ามาอยู่ในอ้อมอกของเขา ก่อนจะตบแก้มของเดนิสเบา ๆ ให้พอรู้ตัว
“อ้าวแมทเหรอ มาทำอาไร อ๋อมาชิ้งฉ่องเหมือนกันหรา” เดนิสใช้มือสองข้างคล้องที่ลำคอของแมททิวเพื่อประคองตัวเอง
“มึงไม่ไหวแล้วเนี่ย รู้ว่าคออ่อน เสือกแดกซะเยอะ มา ๆ กูพาไปเข้าห้องน้ำ จะได้กลับโต๊ะ” แมททิวรีบตัดรำคาญด้วยการประคองคนตรงหน้าเข้าห้องน้ำทำภาระกิจส่วนตัวทันที
“กูเดินเองได้”
“ได้ก็เหี้ยล่ะ ปล่อยไว้คนเดียว เดี๋ยวก็โดนลากไปทำอย่างอื่นพอดี”
“อือ ปวดฉี่”
“เออ ๆ กูรู้แล้ว”
หลังจากส่งเดนิสทำธุระจนเรียบร้อยแล้ว แมททิวจึงประคองเดนิสมาที่อ่างล้างหน้าเพื่อล้างมือให้จนเสร็จเรียบร้อย ก่อนจะพากลับโต๊ะ ดีที่เข้าเอะใจเดินตามอีกคนมา ไม่อย่างนั้นปานนี้คงถูกลากไปที่ไหนต่อไหนเรียบร้อยแล้ว
“วันนี้เราจะมาทบทวนการป้องกันตัวกันด้วยวิธีต่าง ๆ ทั้งการใช้อาวุธและมือเปล่า ผมคิดว่าทุกคนคงมีประสบการณ์กันมาไม่น้อย แต่วันนี้เราจะมาเคาะสนิมกัน”
การฝึกศิลปะป้องกันตัวเป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งในหลักสูตร เพราะหากพบกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา การได้รับการฝึกฝนจนเกิดทักษะที่ดีจะเป็นตัวช่วยให้ผ่านพ้นจากสถานการณ์นั้นมาได้
“พร้อมนะไค วิค”
“พร้อมครับ”
“เริ่มได้” หลังจากอลันให้เริ่มต่อสู้ได้
ทั้งไคและวิคเตอร์โค้งคำนับเป็นการแสดงความเคารพต่อคู่ต่อสู้ก่อนเริ่มทำการต่อสู้ หลังจากนั้น ทั้งไคและวิคเตอร์ต่างพลัดกันออกอาวุธเพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่มีใครยอมใคร วิคเตอร์เตะเข้าที่บริเวณสีข้างของไค แต่ไคก็เบี่ยงตัวหลบได้อย่างหวุดหวิด
“ฮู้ เล่นแรงจังเลยครับ”
“เงียบปากไปเลย”
ไคสวนหมัดใส่วิคเตอร์ในจังหวะที่วิคเตอร์เตรียมโจมตีไค ทำให้ไม่ทันระวังจนถูกหมัดของไคที่บริเวณคิ้วซ้าย
“เฮ้ยพี่เป็นอะไรไหม” ไคตกใจที่อีกฝ่ายไม่ได้หลบหมัดของตนอย่างที่คิดไว้ เขารีบเดินเข้าไปดูอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วงทันที
“มีคนเคยสอนมึงไหมว่าอย่าไว้ใจใครง่าย ๆ” วิคเตอร์พูดพร้อมกับจับแขนของไคที่กำลังเข้าหาตนเหวียงลงพื้นอย่างแรง แล้วนั่งทับอีกฝ่ายไว้
“โอ้ย พี่วิค เจ็บ ๆ ๆ ปล่อยผม” ไคดิ้นอยู่ด้านล่างพร้อมส่งเสียงให้อีกฝ่ายหนึ่งปล่อย
“ใครใช้ให้มึงว่อกแว่ก ระหว่างต่อสู้กันหละ” วิคเตอร์กดแรงลงไปที่คนใต้ร่างอย่างแรงก่อนจะค่อย ๆ ผ่อนแรงปล่อยตัวไคออกมา
“ฮู้ เกือบขิตแล้ว พี่ใจร้าย” หลังจากถูกปล่อยตัว ไครีบหายใจกอบโกยเอากาศเข้าปอดทันที พร้อมเอยตัดพ้อคนใจร้ายที่ทำร้ายตนได้ลงคอ
“ยกนี้วิคเตอร์ชนะ” อลันขานประกาศผลด้วยสีหน้าพอใจ
“การต่อสู้เพื่อป้องกันตัวทุกครั้ง เราต้องมีสติ ผู้ที่อยู่ตรงหน้าของเราคือศัตรูที่สามารถเข้ามาทำร้ายเราได้ทุกเวลา เพราะฉะนั้นไม่ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของเราจะเป็นใคร เป็นญาติพี่น้อง หรือแม้กระทั่งคนที่เรารัก เราก็ไม่อาจไว้ใจเขาได้ เข้าใจไหมไค”
“เข้าใจแล้วครับ หัวหน้า”
“แต่วันนี้คุณทำดีแล้ว รอบหน้าขอให้ตั้งสติมากกว่านี้”
“รับทราบครับ หัวหน้า”
“ดีมาก คู่ต่อไปแอนกับจิน เริ่มได้”
ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูห้องของวิคเตอร์ดังขึ้น
“พี่วิค เปิดประตูให้หน่อยครับ”
“มีอะไร”
“ผมขอเข้าไปข้างในหน่อย”
“เข้ามาซิ มีอะไร” วิคเตอร์เดินไปเปิดประตูให้ไค ในสภาพเปลือยท่อนบน ท่อนล่างมีเพียงผ้าเช็ดตัวพันไว้อย่างหมิ่นเหม่
“อาบน้ำเพิ่งเสร็จเหรอครับ พี่แต่งตัวให้เสร็จก่อนก็ได้นะครับ” ไคพูดกับอีกฝ่ายโดยพยายามไม่โฟกัสกับคนตรงหน้า
“ไม่อ่ะ มีอะไรบอกมาก่อน”
“ผมเอายาทาแก้ฟกช้ำมาให้”
“อ๋อ ขอบใจ เสร็จแล้วก็ไปได้แล้ว”
“ผมขอดูแผลให้ก่อนได้ไหมครับ จะทายาให้ด้วย”
“นี่ ไอ้หมาเด็ก มึงรู้จักกระจกไหม”
“รู้จักซิครับ พี่พูดอะไรเนี่ย ใครที่ไหนจะไม่รู้จักกระจก”
“เออ กูจะบอกว่าที่ห้องกูมีกระจก กูแค่ส่องกระจกก็เห็นรอยแผลที่หน้ากูแล้ว เพราะฉะนั้นกูทายาเองได้ครับ”
“แต่ผมอย่างรับผิดชอบที่ทำให้พี่ต้องเจ็บตัวนี่ครับ”
“มึงไม่ต้องมารู้สึกผิดเลย มันเกิดขึ้นได้ มันเป็นแค่การฝึก มึงไม่เห็นจะต้องคิดมากเลย”
“ไม่ครับ ถ้าพี่ไม่ให้ผมทายาให้ ผมไม่ออกจากห้องพี่แน่นอน”
“มีใครเคยบอกมึงไหมว่ามึงมันดื้อตาใส”
“พี่คนแรกเลย”
“เฮ่อ แล้วแต่มึงแล้วกัน อ่ะ อย่างทาตรงไหนก็ทา แล้วรีบ ๆ ออกไปจากห้องกูซะ”
วิคเตอร์นั่งลงบนเตียงทั้งที่ยังใส่แค่ผ้าเช็ดตัวพื้นเดียว พร้อมกับยื่นหน้าของตัวเองให้กับไคที่ตอนนี้เดินมานั่งลงข้าง ๆ กันบนเตียงเพื่อทายาที่ใบหน้าให้
ไครู้สึกว่าตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงแบบไม่เคยเป็นมาก่อน ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเขินหรือประหม่าให้กับใครที่ผ่านเข้ามาเลย แต่ตอนนี้เขากำลังเป็นกับรุ่นพี่ในทีมของตัวเอง ยิ่งตอนนี้อีกฝ่ายมีเพียงผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวปกปิดไว้เพียงช่วงล่าง ปล่อยท่อนบนเปลือยเปล่า โชว์มัดกล้ามเนื้อสวยสมสัดส่วน รับกับรูปร่างสูงโปร่ง ไม่ได้ดูบอบบาง แต่ดูแข็งแรงเหมือนคนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ประกอบกับผิวขาวใส เนียนละเอียดภายใต้ร่มผ้า ทำให้ไครู้สึกประหม่าจนเริ่มทำตัวไม่ถูก สายตาจ้องไปยังหน้าอกที่มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยพอสวยงาม จนอีกฝ่ายเริ่มรู้ตัว
“ไหนบอกจะทายาให้กันไง แผลอยู่ที่หน้ากู ไม่ได้อยู่ที่นม” วิคเตอร์เอยหยอกเย้า เมื่อสังเกตเห็นว่าคนที่ตั้งใจจะมาทายาให้ ตอนนี้กำลังจ้องมาที่หน้าอกของตัวเอง ก่อนที่ใบหูของเจ้าตัวจะขึ้นสีแดงระเรื่อ เขานึกสนุกอย่างแกล้งหมาเด็กตรงหน้า จึงดึงมืออีกฝ่ายมาจับที่บริเวณหน้าอกของตัวเองเบา ๆ “หรือที่นมกูมีรอยช้ำ มึงลองดูให้ทีซิ”
“เฮ้ย ผม ผมลืมว่าต้มน้ำร้อนไว้ในห้อง น่าจะยังไม่ได้ดึงปลั๊ก พี่ทายาเองแล้วกัน ผมไปก่อน” หลังจากที่มือของไคเตะเข้าที่หน้าอกของอีกฝ่ายตามแรงดึง สติที่หลุดออกจากร่างก็ถูกดึงกลับทันที ก่อนจะรีบหาข้ออ้างเพื่อพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์ที่แสนอันตรายต่อหัวใจของเขา
ปัง
“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้หมาเด็กเอ๋ย น่ารักเหมือนกันนี่หว่า” วิคเตอร์พูดกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี หลังเสียงปิดประตูดังขึ้น
การฝึกดีดตัวออกจากเครื่องบิน เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกินการควบคุม เป็นรูปแบบการฝึกที่ได้รับการออกแบบโปรแกรมฝึกขึ้นเฉพาะในครั้งนี้ เพราะทุกครั้งที่มีการขึ้นบินเพื่อปฏิบัติภาระกิจต่าง ๆ หากนักบินพบเจอกับสถานการณ์รุนแรง ที่มีผลกระทบต่อเครื่องบินจนไม่สามารถควบคุมการบินได้แล้ว การดีดตัวออกจากเครื่องเป็นการช่วยให้นักบินมีชีวิตรอดจากสถานการณ์นั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้มีนักบินหลายคนที่ต้องสละชีวิตจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น เครื่องดีดตัวมีปัญหา หรือบางรายดีดตัวออกไม่ทัน ทำให้เกิดการสูญเสียที่ใหญ่หลวง เกินว่าจะแก้ไขได้ เพราะฉะนั้นหลักสูตรนี้ จึงถูกคิดค้นขึ้นเพื่อฝึกทักษะให้นักบิน เตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ฉุกเฉินได้ตลอดเวลา
“ใครจะลองเป็นคนแรก” อลันถามความสมัครใจ
แมททิวยกมือ พร้อมก้าวเดินออกมาข้างหน้า เพื่อฝึกโปรแกรมการดีดตัวเป็นคนแรก
“เอาหละ แมท นายต้องควบคุมเครื่องบินและแก้ปัญหาไปเรื่อย ๆ จนไม่สามารถทำอะไรกับเครื่องได้แล้ว หลังจากนั้นให้นายตัดสินใจเอาว่าจะดีดตัวตอนไหน และทำยังไงบ้าง ขอให้โชคดี” อลันให้คำแนะนำเล็กน้อยก่อนจะให้แมททิวได้ทำการทดลองด้วยตัวเอง
“รับทราบครับ” แมททิวขานรับก่อนจะเริ่มเข้าสู่โปรแกรม
“เครื่องบินถูกชน เครื่องยนต์ฝั่งซ้ายไม่ทำงาน เปิดระบบสำรอง เอาหละ ไปต่อได้” แมททิวกดปุ่มต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาที่พบอย่างคล่องแคล่ว
“ระบบสำรองดับ ตอนนี้มีไฟไหม้เครื่องฝั่งซ้าย จะทำการดับไฟ ไฟไม่ยอมดับ ผมจะประคองเครื่องเพื่อลงจอดที่ใกล้ที่สุด”
“ไฟไหม้ลามไปฝั่งขวาแล้ว เครื่องยนต์กำลังจะดับ เวรเอ้ย เครื่องดับแล้ว จะลองเปิดระบบสำรอง พระเจ้าระบบไม่ทำงาน เครื่องกำลังจะตก”
“จะทำการดีดตัวออกจากเครื่อง เตรียมดีดตัว แย่แล้ว เครื่องดีดตัวไม่ทำงาน ทำไมใช้ไม่ได้ว่ะ”
“เครื่องกำลังจะโหม่งพื้นแล้ว แมท ถ้าคุณยังดีดตัวไม่ได้ คุณจบเห่แน่” อลันที่สังเกตการณ์อยู่ภายนอก ส่งเสียงเตือนสติแมททิวที่ตอนนี้กำลังกดปุ่มต่าง ๆ เพื่อแก้ไขสถานการณ์ในโปรแกรมทดสอบ
“ทำการแก้ไขแล้ว เปิดเครื่องสำรองสำหรับการดีดตัว ดีดตัวสำเร็จ” แมททิวทำการดีดตัวออกจากเครื่องได้อย่างหวุดหวิด ก่อนที่เครื่องบินจะตกลงถึงพื้นเพียงไม่นาน
“เฮ้อ เกือบขิตแล้วเรา” หลังจากดีดตัวออกมาได้ แมททิวถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ดีมากแมท แต่คุณต้องทำให้ดีกว่านี้อีก”
“ครับหัวหน้า”
“คนต่อไป”
การฝึกต่อไปเป็นการฝึกเพื่อเสริมสร้างความคล่องตัวให้กับคนในทีม การฝึกความเชื่อใจซึ่งกันและกัน รวมไปถึงการฝึกความแม่นย่ำเมื่อต้องใช้อาวุธโจมตีศัตรู
“จินพร้อมไหม”
“พร้อมค่ะ”
“พร้อมแล้วก็ลงมา”
หลังสิ้นคำสั่ง จินเริ่มโรยตัวลงจากหอสูงลงสู่พื้นเบื้องล่างด้วยความคล่องแคล่ว เธอใช้เวลาเพียงไม่นานก็ลงถึงที่หมายอย่างปลอดภัย
“สุดยอดไปเลยเพื่อน” ไคเข้าไปจับมือพร้อมเอยชมเพื่อนร่วมรุ่นเพียงคนเดียวในทีมของเขา
“มันแน่อยู่แล้ว มียากกว่านี้ไหมคะหัวหน้า”
“ฮ่า ๆ ๆ พวกคุณนี่มัน” อลันตอบอย่างอารมณ์ดี หลังจากผ่านการฝึกมาได้กว่าครึ่งของหลักสูตร ทุกคนในทีมของเขาล้วนมีฝีมือและประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม ทีมของเขาคงเป็นทีมที่แข็งแกร่งมากที่สุดทีมหนึ่งทีเดียว
“จินทำลายสถิติของทุกคนในทีมเลย เก่งมาก ๆ”
“ขอบคุณค่า พี่แอน”
“ทุกคนการฝึกนี้คือการฝึกความไว้ใจ เชื่อใจคนในทีม ต่อไปเราต้องทำงานด้วยกัน ทุกคนต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน ต้องไม่มีความสงสัยในตัวของทุกคนในทีม ขอให้ทุกคนมารับชุดเกราะแล้วใส่ให้เรียบร้อย”
“อลัน อย่าบอกนะว่าคุณจะให้พวกเรา”
“อย่างที่คุณคิด ถูกต้องแล้วแอน”
“พระเจ้า”
“ทำไมเหรออลัน” วิคเตอร์ถามด้วยความสงสัย
“อย่างที่ผมบอกการฝึกนี้ เป็นการฝึกเพื่อแสดงถึงความเชื่อใจซึ่งกันและกัน ดังนั้นผมจะให้พวกคุณทุกคนผลัดกันยิงเพื่อนคนถัดไปที่ยืนอยู่ด้านหลังจากตน ให้ยิงเข้าที่ตำแหน่งของเสื้อเกราะเท่านั้น”
“โหดจัด แล้วถ้ายิงพลาดล่ะ หัวหน้า”
“คุณก็อย่ายิงให้พลาดซิเดย์”
“ผมจะเรียงลำดับให้พวกคุณเอง ขอให้ยืนตามลำดับที่ผมเรียก แมททิว จิน ไค แอน วิค เดย์” อลันเรียกชื่อตามลำดับที่วางไว้ ให้ยืนเรียงแถวเตรียมตัวรับการฝึก “เริ่มได้”
“ยืนนิ่ง ๆ นะจิน” แมททิวบอกน้องสาวคนเล็กของทีม ที่ยืนส่งยิ้มหวานให้ ก่อนจะสาดกระสุนใส่อีกฝ่ายอย่างไม่ลังเล
ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ
“ยิงได้ดี แอบจุกเหมือนกันนะเนี่ย มาตานายแล้วไค” หลังจากถูกแมททิวยิงปืนใส่แล้ว จินจึงรีบหันมาที่ไคเพื่อยิงทดสอบทันที
“เล็งดี ๆ นะจิน เราเพื่อนกันนะ” ไคพูดทั้งที่ยังหลับตาลงข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็รี่ตามองอย่างกังวล
“เชื่อใจเพื่อนคนนี้ซิ ไค” จินปลอบใจไค ก่อนจะรัวกระสุนใส่อย่างมั่นใจ
ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ
“ฮู้ รอดแล้วโว้ย” หลังสิ้นเสียงปืนไคลืมตาขึ้นมาพร้อมถอดหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะตั้งสติแล้วหันไปหาแอนนาเพื่อยิงทดสอบต่อตามลำดับ
“ทำป๊อดไปได้ ยิงมาได้เลยน้องไคของพี่”
“โถ้ พี่แอนครับ ผมขอโทษนะครับ”
ปัง ๆ ๆ ๆ ๆ
“ยิงได้สวย ตานายแล้ววิค”
หลังจากนั้นทุกคนก็ผลัดกันยิงเพื่อทดสอบตามลำดับที่อลันได้จัดไว้ให้จนครบ โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากการฝึกในครั้งนี้