ชาย-ชาย,รัก,แฟนตาซี,พล็อตหาเรื่อง,พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,ความรัก,แฟนตาซี,ดราม่า,นิยายรัก,นิยายวาย,boylove ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บทที่ 1 ต่างจิต ต่างเวลา
วันอังคารที่ 4 มิถุนายน ปี 2567
ในยามเช้าที่แสนสดใส ภายในสวนดอกไม้เล็กๆ ของบ้านหลังหนึ่ง ภายในสวนเต็ไปด้วยต้นไม้มากมายที่กำลังออกดอก โดยเฉพาะด้วยพุดซ้อนที่ขวนวลที่กำลังส่งกลิ่นหอมอบอวลอยู่รอบๆ บริเวณนั้น บนใบและดอกเต็มไปด้วยน้ำค้างที่เกาะอยู่ทำให้แสงเกิดการสะท้อนกับหยดน้ำเป็นแสงแวววาว ที่ใกล้ๆ นั้นมีเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนแบบไทย ผมสีน้ำตาลเข้มเกือบดำแต่ด้วยแสงแดดที่ส่องลงมาทำให้ผมสีอ่อนลง ปากสีชมพูเล็กอ่อน ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ผิวตัวขาวเนียนเท่ากันเสมอทั้งตัว มือเล็กของเขาเอื่อมจับดอกพุดซ้อนแล้วยื่นหน้าเข้าไปดมโดยไม่เด็ดออกมาจากต้น "หอมจัง" เด็กหนุ่มพูดออกมาหลังจากสูดหายใจเอากลิ่นดอกไม้เข้าไปจนเรียกได้ว่าหายใจอย่างเต็มปอด
"พุด!! รถโรงเรียนมาแล้วลูก"
"ฮ่ะ! ครับกำลังไปครับ"
เด็กหนุ่มหรือ 'พุด' หลังจากที่ตอบรับเสียงของแม่แล้ว เท้าของเขารีบเร่งก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว เขาวิ่งขึ้นบันไดปรับระดับที่ไม่ได้มีคั่น(บันได)มากจนทำให้เหนื่อย เขาวิ่งตรงดิ่งผ่านทางเดินกว้างในบ้านไปจนถึงหน้าบ้าน แม่ของพุดยืนรออยู่พร้อมกับเสื้อฮู้ดดี้กันหนาวสีขาวตัวใหญ่ และกระเป๋าสะพายขนาดไม่ใหญ่มาก พุดรีบคว้าของทั้งหมดจากมือของแม่ และไม่ลืมที่จะหยุดสวัสดีคุณแม่ของตัวเอง ก่อนที่จะรีบสับเท้าอย่างเร็วไปที่รถโรงเรียนที่จอดรออยู่
"อ่าาาาา ถึงแล้วดีนะที่ทัน" พุดพูดออกมาหลังจากที่มาถึงรถโรงเรียนที่ด้านในคล้ายคลึงกับรถสองแถว
"อุ๊ย เอ่ออ มองกันใหญ่เลย รอไม่เนอะ" พุดพูดกับทุกคนที่รออยู่บนรถด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม
แต่สีหน้าของทุกคนที่ส่งกลับมาคือใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด จนมันทำให้พุดหน้าถอดสี ไหล่ตกเดินขึ้นมานั่งบนรถ แต่ผ่านไปเพียงครู่เดียวทุกคนบนรถก็หัวเรอะออกมาพร้อมๆ กัน ทำให้นั่นแหละรู้ทันทีว่าตัวเองถูกพี่ๆ บนรถแกล้ง ด้วยความที่พุดเด็กที่สุดบนรถทำให้เป็นที่รักของพี่ๆ ทุกคน และยังทำให้พี่ๆ ชอบแกล้งหยอกพุดเล่นอยู่เสมอแต่ดีที่การแกล้งนั้นไม่ได้รุนแรงจนทำให้เกิดการตึงเครียดจนเกิด และสุดท้ายในทุกๆ ครั้งเรื่องก็จะจนลงด้วยการที่พี่ๆ ต้องง้อพุดที่งอภวังค์พี่ๆ ด้วยการซื้อของกขนมและของกินมาให้
"งื้อออ" พี่ผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ พุดทำเสียงและใช่มือจับแก้มของพุดแล้วบีบถูอย่างเบามือและบอก
"เดี๋ยวพี่ซื้อช็อกโกแลตให้นะคร้าบบบ"
"เจ็ดสิบห้า" พุดพูดออกมาด้วยน้ำเสียงงอลๆ
"ฮ่ะ"
"พุดเอาช็อกโกแลตเจ็ดสิบห้าเปอร์เซ็นต์นะครับ"
"รับทราบครับ" พี่คนนั้นตอบออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความตั้งใจ
"จีบกันอีกแล้วสองคนนั้น" พี่อีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามกล่าวขึ้นมา
"ไม่ใช่หรอกครับ" พุดตอบ
"แล้วถ้าใช่ล่ะ" พี่ที่นั่งข้างพุดพูดขึ้น แล้วใช่มือช้อนคางของพุดเชิดขึ้น แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ก่อนที่รถจะสั่นเพราะตกหลุม
ทั้งคู่ยิ้มเขินให้กันอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่ต่างคนต่างจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และใช้ทำสิ่งต่างๆ ตามที่แต่ละคนเคยทำมาก่อนในวันอื่นๆ ขณะที่อยู่บนรถโรงเรียนพุดก็ยังคงถูกพี่คนนั้้นทั้งจีบ แซวและทำให้เขินอยู่เรื่อยๆ ด้วยความที่อยู่บนรถขันเดียวกันมาตั้งแต่พุดขึ้นมัธยมปีที่ 1 ทำให้พุดเขินและชอบใจลีล่าท่าทางการรุกจีบของพี่เขาอย่างรุนแรง
เวลาผ่านไปไม่นานทั้งหมดก็มาถึงที่โรงเรียน พุดก้าวเท้าลงจากรถอย่างระมัดระว้งแต่ด้วยความซุ่มซ่ามของพุดก็ทำให้เขาสสะดุดขาของตัวเองจนเกือบล้มลงแต่ยังดีที่พี่ที่นั่งข้างพุดคว้าตัวเขาไว้ได้ทัน "ระวังตัวหน่อยสิ อย่าให้ผิวนิ่มๆ ต้องมีแผลนะ" คำพูดนั้นทำให้หน้าของพุดเริ่มแดงขึ้นมาทีละนิด "ขอบคุณครับ" พุดตอบกลับแล้วรีบทรงตัวบนพื้น ก่อนที่จะรีบเร่งฝีเท้าเพื่อเดินเข้าโรงเรียนไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่พุดเข้าโรงเรียนไปแล้ว เขารีบสวมเสื้อที่ถือมาด้วยแล้วรีบเดินไปที่สวนป่าของโรงเรียนเป็นที่ ที่มีต้นไม้ยืนต้นปลูกไว้จนสามารถบังแสงแดดไว้ได้ และมีที่นั่งถูกวางจัดไว้อยู่เต็มบริเวณ นั่นแหละเดินเข้าไปในสวนโดยที่ต้องผ่านต้นปีบคู่ต้นใหญ่ที่กำลังออกดอกสีขาวย้อยอยู่เต็มต้น พุดเดินไปก็เงยหน้ามองไปด้วยและก็ด้วยจังหวะที่พอดีกันดอกปีบที่อยู่บนหัวของพุดก็ร่วงโรยหล่นลงจากต้นมากระทบที่หัวก่อนที่จะลงมาอยู่ที่มือของพุดพอดี เขายกมือขึ้นมาเพื่อดมดอกไม้ที่อยู่ในมือกลิ่นมันหอมจนเหมือนตกอยู่ในภวังค์
"ย่ะ!!"
"เฮ้ยย!!!" พุดอุทานตกใจออกมา
"ไอ้กันต์ ตกใจนะเว้ย ทำงี้ได้ไงอ่าาาาา" พุดบ่นกันต์เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา
"ขอโทษษษ ไปๆ" กันต์พูด
กันต์เดินกอดคอพุด และเดินไปที่โต๊ะม้าหินแบบกลมทั้งคู่นั่งตรงข้ามกัน พุดเริ่มหยิบแท็บแล็ตในกระเป๋าออกมาเพื่อเริ่มทำอะไรบางอย่าง อย่างตั้งใจ
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงช่วงบ่ายๆ ที่นักเรียนระดับชั้นต่างๆ เริ่มเลิกเรียนกันหมดแล้วซึ่งรวมไปถึงพุดด้วย พุดและกันต์ต่างตรงไปที่สวนป่าที่เดิม ที่เป็นที่ประจำของทั้งคู่ นั่งอยู่ได้สักพักก็มีใครบางคนมานั่งอยู่ข้างๆ พุด "พี่ต้า" พี่บนรถคนเดิมมานั่งและปิดปากและกล่าวออกมาว่า
"พุด เราก็โดนพี่จีบๆ มาหลายปีแล้วนะ เป็นแฟนกันนะครับ"
"ได้ครับ"
พุดตอบรับไปอย่างไม่ลังเลพร้อมทำหน้าระรื่นยิ้มจนแก้มปริแก้มบาน สีแดงระรื่อชัดขึ้นตั้งแต่หูอีกข้างพาดผ่านหูอีกข้าง พุดหันซ้ายหันขวาด้วยความเขินอายอยู่สักพักก่อนที่ ต้าจะจับไหลของพุดจนทำให้เขาต้องหยุดหมุนตัวไปมา "เขินมากเลยหรอครับ" ต้าถามพุดพร้อมทำหน้าทำตาเจ้าเล่ห์เจ้าเสน่ห์ในแบบที่ชอบทำกับพุดอยู่ตลอด "พุดเป็นคนมีจิตใจนะ ก็ต้องเขินเป็นสิครับ" พุดตอบอย่างเขินอายอีกครั้ง
เขาก้มหน้าลงด้วยความเขินอายอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ต้าได้ใช้มือใหญ่หนาของเขาจับไปที่คางของพุด นิ้วโป้งของเขาลูบไปที่ริมฝีปากนุ่มนิ่มของพุด หน้าของทั้งสองคนขยับเข้าหากันมากขึ้นก่อนที่ "อ่ะ..อืมม มีเพื่อนนั่งอยู่ตรงนี้นะพุด" กันต์กระแอมเสียงขัดขึ้นมาก่อนที่ทั้งคู่จะเลยเถิดไปกว่านี้ ครั้งนี่ทำให้ทั้งคู่ต่างก็เเสดงอาการว่าเขินกันเองอย่างเห็นได้ชัด ต้าใช้มือหนากุมมือเล็กของพุดไว้จนแน่น
"พุดไม่ได้ฝันอยู่ ใช่มั้ย" พุดหันหน้าไปถามต้า
"ใช่คร้าบบ" ต้าตอบและใช่มืออีกข้างมาบีบจมูกของพุดพร้อมกับส่ายไปมา
"กริ๊งงง ขณะนี้ถึงเวลาเลิกเรียนแล้วประตูโรงเรียนทุกประตูของเราได้เปิดแล้ว ขอให้นักเรียนทุกคนกลับบ้านภายในหกโมงเย็นด้วยนะครับ กริ๊งงง" เสียงประกาศจากสภานักเรียนดังขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณแจ้งนักเรียนทุกคนว่าถึงเวลากลับบ้านแล้ว
"เออออ ไปก่อนนะพุด" กันต์พูดแล้วรีบลุกออกไปอย่างเร็วจนพุดไม่ทันจะไปกล่าวลา
"เอ่ออ งั้นเราสองคนก็กลับกันเถอะนะครับ" พุดหันมาพูดกับต้า
"เอาสิ" ต้าตอบ
จบประโยคทั้งคู่เดินจับมือกันไปเรื่อยๆ จนถึงรถโรงเรียนของทั้งคู่ แล้วก็ไม่วายจะโดนพี่ๆ บนรถแซวทักจนทำให้พุดเขินไปตลอดทางกลับบ้าน
จนมาถึงบ้าน "เดี๋ยวคืนนี้พี่โทรหานะ" ต้าพูดตามหลังพุด พุดหันไปตอบด้วยการพยักหน้าแล้วยิ้ม เป็นสิ่งแทนคำว่าตกลงได้เป็นอย่างดี
พุดเดินยิ้มมีความสุขเข้ามาในบ้าน "แม่พุดกลับมาแล้ว เข้าห้องก่อนนะ" พุดไม่ลืมที่ทักทายแม่ของตัวเองก่อนที่จะรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองของบ้านแล้วตรงดิ่งไปที่ห้องของตัวเอง แล้วรีบตรงไปที่ระเบียงที่ได้วิวหลังบ้านทั้งหมดซึ่งเป็นสวนดอกไม้ที่พ่อของพุดทำไว้ตั้งแต่ก่อนที่พุดจะเกิดซะอีก พุดยิ้มอยู่กับตัวเองไม่หยุด "ก๊อก ก๊อก" เสียงเคาะประตูทำให้พุดตกใจขึ้นมานิดหน่อย ก่อนที่จะรีบวิ่งไปเปิดประตู "อ้าวป้าดวงเดือนสวัสดีครับ" พุดกล่าวขึ้นหลังจากเปิดประตู
"ลงไปกินข้าวเถอะค่ะ คุณแก้วเตรียมไว้พร้อมแล้ว" ป้าดวงเดือนแม่บ้านประจำที่ค่อยช่วยคุณแม่ของพุดทำงานบ้านอีกแรง ขึ้นมาตามพุดที่ห้องเพื่อไปทานข้าวเย็น
"เอ่อออ บอกแม่ว่า พุดขออาบน้ำก่อนแล้วจะตามลงไปนะ" พุดตอบกลับ
"ได้ค่ะ คุณพุด"
"ขอบคุณคร้าบบบป้าดวงเดือน"
ว่าจบประตูห้องก็ถูกปิดลงก่อนที่พุดจะรีบหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปอย่างเร็ว อีกทางด้านหนึ่ง ป้าดวงเดือนก็เดินลงมาที่โต๊ะไม้ทานอาหารทรงกลมสองชั้นที่ชั้นบนขยับหมุนได้ที่อยู่หน้าห้องครัว
"อ้าวดวงเดือน พุดละคะ" แก้วแม่ของพุดเอ่ยถามป้าดวงเดือนที่เดินลงมาคนเดียว
"คุณพุด แกขออาบน้ำก่อนค่ะ"
"อ๋ออ งั้นช่วยชั้นปิดกับข้าวไว้ก่อนเถอะรอเจ้าพุดก่อนแล้วกัน"
"ค่ะ"
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ พุดที่อยู่ในชุดนอนแขนยาวขายาวสีขาวรีบร้อนเดินลงมาที่โต๊ะทานอาหารของบ้าน โดยที่มีคุณแม่กับป้าดวงเดือนนั่งพูดคุยกันรออยู่ที่โต๊ะ "ขอโทษครับที่พุดให้รอ" พุดพูดออกไปด้วยความรู้สึกเกรงใจ "ไม่เป็นไรมากินเถอะ" คุณแม่ของพุดตอบแล้วกวักมือเรียกพุดให้มานั่งที่ ที่ประจำของเขา ทั้งหมดช่วยกันแกะพลาสติกแรปออกจากอาหารที่อยู่เต็มโต๊ะ บรรยากาศบนโต๊ะอาหารอบอวลไปด้วยความสุข
หลังจากทานข้าวและจัดการเรื่องต่างๆ เสร็จแล้ว พุดมานั่งพักผ่อนอยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์
"เป็นไงบ้างลูก" แก้วเดินมาและถามไถ่ลูกของตัวเอง
"อะไรเป็นไงครับ"
"ก็เรื่องที่โรงเรียนนั่นแหละลูก เป็นไงบ้าง"
"อืออ ก็ไม่มีอะไรมากนะแม่ ปกติดี"
"ดีแล้วแหละ" แก้วตอบแล้วลูบหัวของพุด
"ตื๊ดดด ตื๊ดดด" เสียงสั่นของโทรศัพท์ของพุดดังขึ้น พุดที่เหลือบไปเห็นรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมา
"พุดไปนอนก่อนนะแม่ ฝันดีครับ" พุดพูดจบแล้วรีบวิ่งตรงไปที่ห้องของตัวเองระหว่างทางก็ได้เจอกับป้าดวงเดือน "ป้าดวงเดือนฝันดีครับ" พุดรีบวิ่งเข้าไปในห้องของตัวเองและตรงไปที่เตียงจากนั้นกดรับสาย
"ขอโทษที่รับสายช้านะครับพี่ต้า" พุดพูดออกมาเพื่อสื่อสารกับคนที่ถือสายอยู่ด้วยตอนนี้
พุดคุยไปยิ้มไป ตอนนี้เขามีความรู้สึกอย่างเดียวคือความสุขที่มันเต็มเปี่ยมล้นใจ ในวินาทีนั้นในใจของพุดมีแต่ความรูัสึกที่ดี พุดไม่คิดเรื่องอื่นใดนอกจากเรื่องของต้า
พุดคุยกับต้านานดึกดื่นจนเผลอหลับไปก่อนที่จะสะดุ้งตื่นขึ้นมาช่วงกลางดึก พุดลุกขึ้นมาขยี้ตัวเองและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วพบว่าสายถูกตัดไปเนื่องจากแบตเตอรี่ได้หมดไปแล้ว เขาจึงลุกขึ้นไปชาร์จโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงาน ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นว่าตัวเองไม่ได้ปิดประตูระเบียงจนลมจากข้างนอกพัดเข้ามาจนที่ให้พุดรู้สึกหนาวขึ้นมาทันที เขาจึงตรงไปที่ระเบียงเพื่อที่จะปิดประตูที่เป็นกระจกบานเลื่อนสูงเกินหัวไปมาก
"พุด เจ้าดอกพุดซ้อน" เสียงเย็นๆฟังดูไร้ชีวิตชีวาดังขึ้นข้างหูของพุดจนทำให้เขาสะดุ้งโหยง พุดหันซ้ายหันขวาอย่างลุกลี้ลุกลน เขาหันมาสำรวจทั่วทั้งห้อง ก่อนที่จะหันหน้าออกไปที่สวนดอกไม้และได้พบกับเงาตะคุ้มตะคุ้มคล้ายเงาผู้ชาย "แกเป็นใคร" พุดตะโกนออกไปเพราะกลัวที่จะเป็นขโมยที่บุกเข้ามาจึงตั้งใจเพื่อในเงานั้นตกใจและให้รู้ตัวว่ามีคนเห็นซึ่งมันอาจจะหนี้ไปก่อนที่จะขโมยของอะไรไปก่อน แต่เงาดำนั้นก็ยังคงนิ่งเฉยอยู่จนทำให้พุดเริ่มหัวเสียเขาไม่รอช้ารีบคว้าไฟฉายและวิ่งออกไปจากห้องและตรงไปที่ประตูหลังบ้าน พุดปลดกลอนประตูอย่าเร่งรีบแล้วผลักประตูออกไปอย่างเเรงพร้อมๆ กับเปิดไฟฉาย เขาวิ่งหน้าตั้งไปที่ ที่คิดว่าเห็นเงาเมื่อครู่นี้ ก่อนที่เขาจะพบกับความว่างเปล่า
"เป็นใครนะ มายืนทำอะไรตรงนี้" พุดบ่นออกมาหลังจากที่ไม่เห็นใครเลย เขาหันไปมองตรงที่นั่น ที่ ที่คิดว่าเงานั้นยืนอยู่ "ต้นประยงค์" พุดพูดชื่อต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆกับเงานั้น และค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อสำรวจหาความผิดปกติแสงไฟที่ฉายออกมาจากไฟฉาย ส่องไปจนเห็นทรงกลมสีเหลืองทองเล็กๆ เป็นช่อ "ออกดอกแล้วสินะ หรือมันจะมาขโมยดอกไม้หรอ มาขอกันดีๆ ก็ได้นิ" พุดคิดและบ่นอยู่กับตัวเองด้วยเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้พุดงุนงงและสับสนเป็นอย่างมาก พุดยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่สักพักก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในบ้านและปิดประตูลงกลอนอย่างมิดชิด
"ทำอะไรลูก พุด" เสียงนางแก้วถามขึ้นมา
"อ๋ออ พุดเห็น.." พุดชุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ "พุดเห็นหมาใครไม่รู้มันเข้ามาในสวน พุดกลัวว่ามันจะขุดดินใส่ดอกไม้ พุดเลยลงไปไล่มันครับ"
"ตะโกนจากบนห้องก็ได้ จะลงมาทำไม ดึกดื่นมันอันตราย" นางแก้วลูบหัวลูกของตนด้วยความเป็นห่วง
"พุดลองแล้วมันไม่ไป พุดเลยคิดว่าลงมาไล่ดีกว่าครับ"
"ถ้าพ่ออยู่คงจะออกไปไล่เอง ลูกจะได้ไม่ต้องออกไปเสี่ยง"
"แมมม่ ถึงพ่อยังอยู่พุดก็ออกไปอยู่ดีนั่นแหละครับ"
"อือๆ หมดเรื่องแล้วก็ไปนอนไป พรุ่งนี้ต้องตื่นมาตักบาตรวันเกิดนะ"
"คร้าบบบบ พุดไปนอนล่ะ"
นางแก้วมองตามหลังของพุดก่อนที่จะเดินไปที่ผนังด้านหนึ่งของบ้านที่ แขวนรูปเอาไว้ ซึ่งมีรูปขาวดำรูปหนึ่งที่เด่นสะดุดตาที่สุด นางแก้วมองขึ้นไปและยิ้มแย้มอย่างมีความสุข
"พ่อ จะถึงวันเกิดลูกเราแล้วนะ ถ้าพ่ออยู่คงได้เห็น แต่ก็ขอให้พ่อปกป้องคุ้มครองลูกด้วยแล้วกันนะพ่อ" นางแก้วพูดคุยกับรูปของสามีตนเองที่เสียไปตั้งแต่ช่วงที่พุดเกิด ก่อนที่นางจะเดินเข้าห้องนอนที่อยู่ชั้นแรกตรงข้ามกับผนังติดรูปนั้น
นางแก้วนอนไปได้ไม่นานก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเนื้องจากเสียงเคาะประตูห้อง แก้วจึงได้ลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องของตน แต่ก็ต้องตกใจเพราะคนที่อยู่หน้าห้องนั้นคือใครก็ตามที่นางแก้วนั้นไม่รู้จัก ชายหนุ่มตัวสูงโปร่งหุ่นบึกบึน ผิวพรรณขาวแต่เหมือนจะหมองเพราะเหมือนคนโดนแดด ใส่ชุดสูทสีขาว เนกไทสีชมพูอ่อน
"คุณเป็นใคร" นางแก้วถามออกมาเสียงหลง
"ผมมาขอลูกชายคุณแม่ไปอยู่กับผมนะครับ" ชายหนุ่มคนนั้นพูดจบแล้วก้มโค้งไหว้นางแก้ว ก่อนที่จะเดินจากไป
นางแก้วจะเป็นลมล้มพับลงไปกับพื้น มือเกาะกรอบประตูแน่น ก่อนที่นางแก้วจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงในห้องนอนของตัวเอง เธอได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจและพยายามที่จะไม่คิดอะไรมากและข่มตาหลับลง ใจหนึ่งก็อยากจะไปดูลูกอีกใจหนึ่งก็ไม่อยากรบกวนลูก เธอจึงเลือกที่จะหลับต่อไปโดยทิ้งข้อสงสัยนี้ไว้ในใจ
วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน ปี 2510
"เอาๆ พวกเอ็ง รีบเร่งทำกับข้าวกันเข้า งานข้างบนเขาจะเสร็จกันแล้ว แขกจะได้ลงมากินของมันจะได้พร้อม" เสียงหญิงมีที่ฟังดูมีอายุคนหนึ่งประมาณวัยกลางคนพูดสั่งคนในครัวที่อยู่ใต้ทุนบ้านที่เป็นบ้านไม้ที่ดูโบราณตามยุคสมัย
"แม่แย้ม แม่แย้ม" เสียงเรียกจากผู้หญิงอีกคนที่อายุอานามดูพอๆ กัน
"ว่ายังไงแม่ปีบ" นางแย้มตอบกลับ
"จะนับสินสอดแล้วนะ"
"อ้าวหรอ งั้นชั้นไปตอนนี้แหละจ๊ะ" นางแย้มตอบแล้วรีบร้อนวิ่งขึ้นไปบนบ้าน ข้างในเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างแต่งตัวด้วยชุดสีสดมงคลสีต่างๆ หลากตา
"มาได้แล้วนะนางแย้ม ปล่อยชาวบ้านรอ" เสียงชายมีอายุที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวทักนางแย้ม
"ชั้นก็ต้องไปดูกับข้าวกับปลา แล้วเอ็งไม่นับเองเลยล่ะ พ่อขจร"
"มันก็ต้องนับกันทั้งพ่อทั้้งแม่สิ่ว่ะเอ็งนี่ก็"
"เออ"
จบบทสนทนาทั้งสองคนนั่งสินสอดกันอย่างตั้งใจ อยู่สักพักหนึ่งก่อนที่จะมีเสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมา "ครบตามที่ฉันบอกไว้มั้ยจ๊ะ พ่อ แม่" นางแย้มและนายขจร หันมาพยักหน้าให้ชายหนุ่มที่ถาม
"เอาล่ะ สินสอดนี่ก็ครบถ้วนตามที่พ่อยงค์บอกแม่ไว้ ว่าจะเอามาสู่ขอลูกสาวคนเดียวของแม่ แต่ยังไงซะ สินสอดพวกนี้แม่ให้พวกเอ็งเอาไปไว้ใช้นั่นแหละ" นางแย้มพูดขึ้นมาเสียงเพื่อเป็นการประกาศให้ชาวบ้านได้รับรู้ด้วย แล้วหันไปพยักหน้าและส่งยิ้มอ่อนๆ ให้กับแม่ปีบ มารดาของลูกเขยนางแย้ม
ทุกเรื่องผ่านไปอย่าราบรื่น จนตอนนี้ทั้งคู่ก็ต่างต้องสวมแหวนหมั้นให้กันและกันแล้ว แหวนทองหัวเพชรเม็ดโตถูกสวมบทนิ้วมือของเจ้าสาว และแหวนทองฝังมุกถูกสวมลงให้กับฝ่ายเจ้าบ่าว ในช่วงนี้นั่นแหละที่บรรยากาศต่างๆ ภายในบ้านเริ่มเปลี่ยนจากสุขใจเป็นทุกข์ใจ ก่อนที่นางแย้มจะรีบตัดบรรยากาศด้วยกันกล่าวเสียงดังเชิญให้ชาวบ้านทุกคนที่มางานลงไปทานอะไรกันข้างล่างบ้าน ก่อนที่นางแย้มจะดึงตัวลูกสาวของตนออกมาเพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัว
"นางพิกุล เอ็งก็ทำหน้าทำตาดีๆ หน่อยสิ" นางแย้มพูด
"แม่ก็รู้ว่าชั้น ไม่เคยคิดจะแต่งงานหรือมีผัวตอนนี้" พิกุลผู้หญิงสาวสวยตอบกลับแม่ของตนอย่างเศร้าโศกและใส่อารมณ์
"แล้วพ่อยงค์ เขาไม่ดียังไง แกถึงจะไม่เอาเขามาเป็นผัว"
"เขาดีจ๊ะแม่ แต่ชั้นไม่ได้ชอบเขาเลย" จบเสียงของพิกุล นางแย้มตบลงไปที่ไหลของพิกุลแต่ไม่ได้แรงจนสร้างความเจ็บปวด
"เอ็งทำหน้าทำตาให้ดีเถอะ พรุ่งนี้ก็แต่งแล้ว"
"แต่ตอนนี้ชั้นจะกลับบ้านจ๊ะแม่" พูดจบพิกุลเดินออกไปจากบ้านความกิริยาสำรวมเรียบร้อย
"อ้าวพิกุลไปไหนล่ะ แม่แย้ม" นางปีบแม่ของยงค์ซึ่งเป็นเจ้าบ่าวของงาน
"อ๋อ เออ นางพิกุลมันปวดหัวนิดหน่อยน่ะ มันเลยจะไปพักน่ะ พรุ่งนี้จะได้ไม่ป่วยไข้เอา" นางแย้มตอบออกไปด้วยหน้าถอดสี เสียงสั่นๆ และเต็มไปด้วยความกังวล ก่อนที่นางจะรีบเดินตามพิกุลออกไป ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ยงค์เดินมาหาแม่ของตน
"พิกุลดูไม่ชอบชั้นเลยนะแม่"
นางปีบไม่ได้ตอบอะไรกลับ ทำเพียงพยักหน้าแล้วใช้มือลูบไหลลูกของตนอย่างเป็นห่วง
"พิกุล พิกุลเอ็งรอแม่ก่อน" นางแย้มตะโกนเรียกพิกุลที่กำลังก้าวเดินอย่างรวดเร็ว
"เอ็งเป็นอะไรพิกุล"
"ก็แม่บังคับชั้นแต่งงานกับเขาคนนั้น ชั้นไม่ได้รักชอบเขาด้วยซ้ำ" เสียงนุ่มนิ่มใสเพราะของพิกุล โต้ตอบนางแย้มผู้เป็นแม่ของตน
"แล้วจะให้แม่ทำยังไง พ่อเอ็งกับพ่อของพ่อยงค์ สัญญากันเอาไว้นานแล้ว เอ็งจะให้พ่อเอ็งผิดคำสัญญากับเพื่อนที่ตายไม่แล้วหรอ" นางกล่าวถึงคำสัญญาของผู้เป็นพ่อ
"แล้วแม่ไม่สนจิตใจชั้นเลยหรอ"
"ถ้าแม่ไม่สน แม่คงไม่ให้เอ็งแต่งกับพ่อยงค์หรอก เขาน่ะเป็นคนดี"
"ให้ดีแค่ไหน ชั้นก็ทนรักเขาไม่ได้หรอกจ้ะแม่" พูดจบพิกุลรีบเร่งฝีเท้าเพื่อตรงไปที่บ้านของตนซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่จัดงานอยู่สิบกว่าหลังได้ ปล่อยให้นางแย้มได้แต่มองลูกของตนเองอย่างอาลัย
"ไม่!!! อีพิกุล อีหน้าด้าน ตอแหลนักนะมึง" เสียงโวยวายของหญิงสาวคนหนึ่งตะโกนออกมาเสียงดังจากบ้านที่ดูเหมือนจะเป็นร้านขายของประจำหมู่บ้าน
"โอ๋ ดาวเรืองใครทำให้น้องสาวพี่เป็นแบบนี้" ชายหนุ่มร่างบึกบึนพูดขึ้น
"ก็อีพิกุล ที่พี่หลงมันนักหนาไง!!" ดาวเรืองตะโกนใส่พี่ชายของตนเองด้วยความโกรธ
"แล้วไงว่ะ มึงน่ะอยู่เฉยๆ ไว้เลยนะ เอ็งมันก็พลานไปทั่ว เพราะงี้ไง ไอ้ยงค์มันเลยไม่เอามึงทำเมีย" พี่ชายของดาวเรืองว่าเสร็จแล้วเดินออกไปจากบ้าน
"พี่ชาติ ไอ้พี่ชาติ โถ่เว้ยอีพิกุลมันก็ไม่เอาพี่ทำผัวเหมือนกันนั้นแหละ" ดาวเรืองตะโกนตามหลังชาติ แล้วหันมาสะบัดสะเบี่ยงตัวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
*********************************************
ตัวอย่าง บทถัดไป
//"ทำไมไม่อยากให้คุณหนูไปโรงเรียนวันนี้ล่ะคะ" "เมื่อคืนชั้นฝันไม่ดี เกี่ยวกับตาพุดน่ะ"//
🌟🌟 นิยายเรื่องนี้อยู่ภายใต้นามปากกา k.n. star light เนื้อเรื่องทั้งหมดจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่แต่งภายใต้นามปากกา k.n.star light 🌟🌟
ติดตามเพื่อรับข่าวสาร
ig : iamnine.krp
x : @iamninekrp
threads : iamnine.krp
public : 2023/11/16