ในที่สุด เมื่อถึงเวลาดอกพุดซ้อนก็จะเบ่งบานในได้เชยชม

พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​ - บทที่ 2 วันสำคัญ​ต่างยุค โดย k.n. star​ light​ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,รัก,แฟนตาซี,พล็อตหาเรื่อง,พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,ความรัก,แฟนตาซี,ดราม่า,นิยายรัก,นิยายวาย,boylove ,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,รัก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตหาเรื่อง,พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,ความรัก,แฟนตาซี,ดราม่า,นิยายรัก,นิยายวาย,boylove

รายละเอียด

ในที่สุด เมื่อถึงเวลาดอกพุดซ้อนก็จะเบ่งบานในได้เชยชม

ผู้แต่ง

k.n. star​ light​

เรื่องย่อ

เรื่องย่อๆ

พุด เด็กหนุ่ม​15 ในปี 2567 เกิดประสบอุบัติเหตุ​ถูกรถชนจนอาการโคม่า​อย่างหนัก ซึ่งอีกที่ในวันและเวลาเดียวกันในปี 2510 เต็มไปด้วยบรรยากาศ​มื่นชื่นงานแต่งงานของพิกุลและยงค์ แต่หลังจากงานมงคลจบลง พิกุลตัดสินใจจบชีวิตตัวเองเป็นจังหวะเวลาเดียวกันกับที่ดวงจิตที่หลงทางของพุดได้พบทางออก แต่มันดันเป็นร่างของพิกุล


สารบัญ

พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทนำ บทนำ,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 0 ดอกพุดซ้อน,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 1 ต่างจิต ต่างเวลา,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 2 วันสำคัญ​ต่างยุค,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 3 หลงทาง,พุดซ้อนหวนรัก #whatproject​​-บทที่ 4 การจากไป

เนื้อหา

บทที่ 2 วันสำคัญ​ต่างยุค

บทที่ 2 วันสำคัญต่างยุค
วันอังคารที่ 4 มิถุนายน ปี 2567

"เป็นใครนะ มายืนทำอะไรตรงนี้" พุดบ่นออกมาหลังจากที่ไม่เห็นใครเลย เขาหันไปมองตรงที่นั่น ที่ ที่คิดว่าเงานั้นยืนอยู่ "ต้นประยงค์" พุดพูดชื่อต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ กับเงานั้น และค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อสำรวจหาความผิดปกติแสงไฟที่ฉายออกมาจากไฟฉาย ส่องไปจนเห็นทรงกลมสีเหลืองทองเล็กๆ เป็นช่อ "ออกดอกแล้วสินะ หรือมันจะมาขโมยดอกไม้หรอ มาขอกันดีๆ ก็ได้นิ" พุดคิดและบ่นอยู่กับตัวเองด้วยเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้พุดงุนงงและสับสนเป็นอย่างมาก พุดยืนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่สักพักก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในบ้านและปิดประตูลงกลอนอย่างมิดชิด

"ทำอะไรลูก พุด" เสียงนางแก้วถามขึ้นมา

"อ๋ออ พุดเห็น.." พุดชุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ "พุดเห็นหมาใครไม่รู้มันเข้ามาในสวน พุดกลัวว่ามันจะขุดดินใส่ดอกไม้ พุดเลยลงไปไล่มันครับ"

"ตะโกนจากบนห้องก็ได้ จะลงมาทำไม ดึกดื่นมันอันตราย" นางแก้วลูบหัวลูกของตนด้วยความเป็นห่วง

"พุดลองแล้วมันไม่ไป พุดเลยคิดว่าลงมาไล่ดีกว่าครับ"

"ถ้าพ่ออยู่คงจะออกไปไล่เอง ลูกจะได้ไม่ต้องออกไปเสี่ยง"

"แมมม่ ถึงพ่อยังอยู่พุดก็ออกไปอยู่ดีนั่นแหละครับ"

"อือๆ หมดเรื่องแล้วก็ไปนอนไป พรุ่งนี้ต้องตื่นมาตักบาตรวันเกิดนะ"

"คร้าบบบบ พุดไปนอนล่ะ"

พูดจบพุดก็รีบเดินขึ้นไปบนห้องของตัวเองโดยที่เขาไม่ลืมที่จะหันมาที่แม่ของตนเพื่อนจะกล่าวคำฝันดีอีกสักรอบ แต่ก็ต้องหยุดเสียงเอาไว้ก่อนเพราะเห็นแม่ของตนกำลังมองรูปพ่อที่เสียไปตั้งแต่ช่วงที่เขาเกิด เพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ พุดจึงเพียงแค่ยิ้มอ่อนๆ ก่อนที่จะรีบเดินขึ้นไปห้องของตัวเองไป แต่ก็ไม่วายพุดยังคงเก็บเอาเรื่องเงานั้นมานอนคิดวกไปวนมาอยู่กับตัวเองอยู่นานสองนาน จนเขาเผลอหลับไปโดนที่ยังคงลืมปิดประตูระเบียงตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก

"พุด ดอกพุดซ้อน น้องพุด" 

พุดสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างแรงเพราะรู้สึกว่าเสียงเมื่อสักครู่ฟังดูใกล้หูอย่างไม่น่าเชื่อ พุดที่ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นรีบหันขว้างโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูเวลา และเห็นว่าเป็นเวลา 04:23 น. ของวันถัดมาแล้ว แต่เขาก็ไม่มีความคิดที่จะนอนต่อ เนื่องด้วยเสียงเมื่อครู่ยังทำให้เขาตกใจอยู่



วันพุธที่ 5 มิถุนายน ปี 2567

พุดที่ตื่นขึ้นมาแล้วลุกออกจากเตียงไปพร้อมๆ กับโทรศัพท์มือถือ และตรงไปที่ระเบียง "สุดท้ายก็ไม่ได้ปิด" พุดบ่นพึมพำกับตัวเองที่สุดท้ายตัวเขาก็ลืมปิดระเบียงตามที่ตั้งใจไว้ตอนแรก พุดนั่งลงที่เก้าอี้ขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กซึ่งเหมาะกับกับวางไว้ที่ระเบียงห้อง และนั่งมองการแจ้งที่หลั่งไหลเข้ามาตลอดทั้งคืน ก่อนที่จะปิดแล้ววางโทรศัพท์ลงที่เก้าอี้ที่เขานั่งพร้อมๆ กับลุกยืนขึ้นมองไปที่สวนดอกไม้ที่ ที่เขาพบเจอกับเงาดำเมื่อคืนนี้เขายังทำได้แค่คุ่นคิดเรื่องนั้นอยู่ตลอด ก่อนที่เขาจะหยิบมือถือขึ้นและเข้าไปพิมพ์แชตข้อความแล้วส่งให้ต้า

/อรุณสวัสดิ์ครับพี่ต้า วันนี้พุดตื่นเร็วมากเลยอ่ะ/-พุด

หลังจากส่งข้อความไปแล้ว พุดคิดและยิ้มอยู่กับตัวเองก่อนที่จะนั่งลงเปิดเพลงจากแอปเพลงในมือถือ เขาฟังดื่มด่ำอารมณ์และบรรยากาศโดยรอบจนถึงในตอนที่แสงจากทางทิศตะวันออกกำลังเริ่มส่องแสง ดวงอาทิตย์ค่อยๆ เลื่อนตัวลอยสูงขึ้นมาจากขอบเส้นขอบฟ้า แสงส่องกระทบไปที่เมฆจนกลายเป็นสีส้มแดงกับเหลืองทอง ไล่สีกันคล้ายกับดอกหางนกยูงฝรั่ง มองดูแล้วเหมือนฝนจะตกลงมาในยามเย็นอย่างแน่นอน แสงสว่างค่อยๆ สาดส่องเข้ามาจนทำให้แสงสว่างทำให้เห็นรายละเอียดของสิ่งต่างๆ โดยรอบ ต้นไม้ ใบไม้ ดอกไม้ เริ่มพากันสะท้อนสีของแสงต่างๆ ส่งเข้ามาในสายตาของพุด ทำให้เห็นสีสันที่สดสวยของพวกมันชัดเจนขึ้นพุดที่เห็นว่าบริเวณโดยรอบเริ่มสว่างแล้ว จึงรีบเดินเข้ามาในห้องเพื่อเตรียมตัวที่จะไปโรงเรียนเหมือนอย่างทุกวัน

หลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว พุดเดินหอบกระเป๋านักเรียนและเสื้อกันหนาวตัวโตลงมาจากห้องของตัวเอง "มากินข้าวลูก" เสียงนางแก้วเรียกพุดที่กำลังเดินลงบันไดมาที่ชั้นล่างของบ้าน "ครับ" พุดตอบกลับไป ก่อนที่จะรีบวางของทั้งหมดลงที่โซฟา แล้วรีบเร่งไปที่โต๊ะทานข้าวที่ตอนนี้มีอาหารเช้าทั้งแบบไทยและเทศวางอยู่เต็มโต๊ะ พุดรีบนั่งลงแล้วหยิบปาท่องโก๋มากัดอย่างรีบร้อนตามด้วยนมโกโก้อุ่นๆ หอมๆ ของโปรดของพุด 

"นี่ คุณหนูทานข้าวต้มปลาทับทิมนะคะ" ป้าดวงเดือนมาพร้อมกับข้าวต้มในมือ

"แต่"

"พุด! กินเข้าไปลูก"

"ครับ"

พุดรีบตักข้าวต้มในถ้วยเข้าปากไปอย่างรวดเร็วจนหมด ก่อนที่เขาจะจะจิบน้ำหลังอาหารตามเข้าไปแล้วจึงเดินออกไปยังสวนดอกไม้ที่ตนรักแสนรัก และไม่ลืมที่จะเดินไปมองที่บริเวณต้นประยงค์ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เมื่อคืนขึ้นมา พุดมองอยู่ได้สักพักใหญ่เขาพินิจพิจารณาทุกอย่างที่ตนได้พบเห็นและได้ยินแต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก พุดทำหน้างุนงงอย่างรุนแรงออกมาอย่างเห็นได้ชัดการเข้าสวนมาให้ครั้งนี้ทำให้เข้ารู้สึกว่าตัวเองได้รับเรื่องเครียดมากกว่าที่จะเป็นการมาคลายเครียดเหมือนทุกครั้ง

"พุดรถมาแล้ว" นางแก้วตะโกนเรียกพุด

"ไปแล้วครับ" พุดตอบกลับไป ก่อนที่จะรีบวิ่งไปหน้าบ้านแล้วรับกระเป๋าและเสื้อกันหนาวในมือแม่ของตนแล้วรีบวิ่งไปที่รถ แต่ก่อนนั้น

"วันนี้หยุดสักวันมั้ยลูก" นางแก้วถามพุดด้วยหน้าถอดสี

"ไม่ดีกว่าครับ พุดอยากไปโรงเรียน" พูดจบพุดรีบวิ่งไปที่รถโรงเรียนอย่างเร็ว

"พุด" นางแก้วตะโกนตาม

นางแก้วมองตามรถโรงเรียนของลูกตนเองที่กำลังขับไปจนสุดสายตาพร้อมกับสีหน้าที่ดูกังวลอยู่ตลอด อาการของนางแก้วจัดเจนจนทำให้นางดวงเดือนที่ยืนอยู่ข้างๆ สังเกตเห็นได้จึงกล่าวถาม

"ทำไมไม่อยากให้คุณหนูไปโรงเรียนวันนี้ล่ะคะ" 

"เมื่อคืนชั้นฝันไม่ดี เกี่ยวกับตาพุดน่ะ"

"ไม่เป็นไรหรอก ฝันร้ายจะกลายเป็นดี อาจจะดีกับตัวคุยพุดก็ได้นะคะ" นางดวงเดือนพูดจบแล้วเดินเข้าบ้านไปทำหน้าที่ของตัวเองที่ได้ทำมาตลอด 

ส่วนนางแก้วก็ยังคงนำเอาความฝันนั้นมาเป็นความทุกข์ใจแล้วแสดงมันออกมาที่หน้าอย่างชัดเจน



ด้านพุดที่อยู่บนรถโรงเรียนตอนนี้ เขาไม่พบกับต้าคนที่เป็นแฟนของพุดและเป็นคนที่พุดแทบจะให้ทั้งหัวใจและความรู้สึกไปหมด คงด้วยนิสัยส่วนตัวที่ชอบเทใจให้คนที่รักไปหมดจนไม่เผื่อใจ แต่ตอนนี้ในหัวของพุดเต็มไปด้วยความคิดฟุ้งซ่านที่สับสนตบตีกันอยู่อย่างรุนแรงเพราะตอนนี้บนรถไร้ซึ่งเงาของต้า แต่กลับเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบของคนบนรถที่พูดถึงความสัมพันธ์ของพุดและต้า จนต้องทำให้พุดที่คิดมากอยู่แล้วต้องรีบหาวิธีหลบเลี่ยงที่จะรับเอาเสียงเหล่านั้นเช้ามาภายในหูของตัวเองโดยเร็วที่สุดและทางเดียวที่เขาพอจะทำได้ในตอนนี้คือรีบใส่หูฟังเพื่อปิดกั้นเสียงเหล่านั้นพุดเปิดเพลงแล้วปรับระดับเสียงจนแทบสุดหลอด พุดนั่งฟังเพลงที่ชอบวนไปอยู่หลายรอบจนพุดหลุดไปอยู่ในโลกของตัวเองจนไม่รู้ตัวว่าตอนนี้รถกำลังอยู่ส่วนไหนบนโลก ถึงแม้ว่าจะเป็นเส้นทางที่ผ่านทุกวันแต่มันก็ไม่สร้างความรู้สึกคุ้นเคยให้กับพุดเลย

ขณะนั้นพุดที่เล่นมือถืออยู่ก็ได้รับข้อความจากกันต์เพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา 'วันนี้ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามหน่อยนะจ๊ะไปซื้อของอะไรหน่อย' พุดรีบตอบกลับไป 'อืม ได้' พุดปิดโทรศัพท์คว่ำลงแล้วเริ่มหลับตาลงไปเพื่อที่จะได้ไม่สนใจรอบๆ ข้าง 

พุดหลับตาสนิทแต่ไม่ได้หลับลงจนเรียกสติตัวเองไม่ได้ เขาลืมตาขึ้นในช่วงที่ใกล้ถึงโรงเรียนพอดี พุดเริ่มจัดระเบียบของที่จะถือไว้ในมืออย่างที่ทำตลอดๆ จนรถได้ขับมาถึงจุดจอดประจำทุกคนบนรถรวมถึงพุดค่อยๆ ทยอยลงจากรถโรงเรียนจนหมด ส่วนพุดนั้นรีบเร่งเดินไปหน้าโรงเรียนซึ่งมีทางม้าลายที่ใช่ข้ามฟากถนนอยู่เป็นประจำทุกเย็น พุดเดินมาหยุดยืนรอข้ามถนนพร้อมกับเสียงเพลงที่ดังก้องกังวานอยู่ในหูของเขา ก่อนที่ไม่นานเขาจะมองเห็นว่านักเรียนทหารหรือรด. ของโรงเรียนได้โบกกันรถเพื่อให้คนข้ามได้แล้ว พุดจึงเริ่มก้าวไปเพื่อนไปรอข้ามอีกรอบที่เกาะกลาง แต่ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดของใครก็ตาม พุดก้าวเท้าลงจากเกาะกลางถนนเพราะเห็นว่ายังมีนักเรียนทหารกั้นทางอยู่ 

"ระวัง" เสียงเย็นก้องขึ้นในหูของพุด เป็นสิ่งที่ทำให้เขาได้สติและรีบหันไปมองทางด้านซ้ายมือของตัวเอง พร้อมกับได้เห็นรถยนต์กำลังขับพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วเกินกว่าที่จะเบรกทันไม่ให้ชนพุดได้ แต่ก็ยังดีที่พุดรีบกลับขึ้นบนเกาะกลางถนนได้ทัน โชคดีที่เรื่องทั้งหมดอยู่ในสายตาของกันต์ที่มารออยู่ฝั่งตรงข้ามพอดี 'ไม่ต้องข้ามมาแล้ว เดี๋ยวไปหา' พุดเงยหน้ากลับไปมองเพื่อนที่ทำหน้าตาตื่นตนก

เมื่อถึงตอนที่นักเรียนทหารกั้นรถกันต์รีบวิ่งมาที่ ที่พุดยื่นอยู่พร้อมด้วยสีหน้าเป็นห่วงที่ดูเป็นห่วงสุดๆ "เป็นไงบ้าง นี่เค้ก happy birthday นะ" กันต์พูดและยื่นกล่องเค้กในมือให้พุดก่อนที่จะจับมือพุดแล้วลากจูงเพื่อข้ามถนน

"นี่ กันต์" กันต์หันมาตามเสียงที่พุดถามหลังจากข้ามถนนมาแล้ว

"มีอะไรมั้ย"

"ไม่มีแล้ว" พุดพูด พยักหน้า แล้วเริ่มเดินต่อไปเพื่อเข้าโรงเรียน



วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน ปี 2510

"ให้ดีแค่ไหน ชั้นก็ทนรักเขาไม่ได้หรอกจ้ะแม่" พูดจบพิกุลรีบเร่งฝีเท้าเพื่อตรงไปที่บ้านของตนซึ่งอยู่ห่างจากบ้านที่จัดงานอยู่สิบกว่าหลังได้ ปล่อยให้นางแย้มได้แต่มองลูกของตนเองอย่างอาลัย

พิกุลค่อยก้าวเดินไปตามทางดินลูกรังที่ริมขอบข้างทางมีต้นหญ้าขึ้นประปราย ด้านขวาเป็นบ้านสลับกับต้นไม้สูง ด้านซ้ายเป็นทุ่งนาทอดยาวไปจนสุดมองดูสบายตา ซึ่งขัดกับอารมณ์ความรู้สึกของพิกุลในตอนนี้เป็นอย่างมาก ในที่สุดพิกุลก็เดินจนมาถึงบ้านของตัวเองเธอเดินมาจนถึงประตูก่อนที่จะถอดรองเท้าส้นสูงที่ครีมที่เปื้อนฝุ่นดินตามทาง เธอเดินตรงเข้าไปในห้องของตัวเองก่อนที่จะปิดล็อกกลอนประตู ทิ้งตัวลงกองกับพื้นพร้อมพรั่งพรูน้ำตาออกมาอย่างทุกข์ระทมจากการที่ต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้แม้แต่จะรัก ถึงพิกุลจะเป็นสาวโสดไม่มีคนรักอื่น แต่เธอก็ไม่เคยปฏิเสธใจตัวเองให้รักกับคนพ่อแม่ต้องการได้

เธอจมปรักอยู่กับความรู้สึกนี้อย่างยาวนาน จนแสงของท้องฟ้าเรื่องเปลี่ยนสีไปตามเวลาที่เธอเอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องไม่ออกไปไหน



ที่บ้านของประยงค์ในตอนนี้ เสียงพูดคุยดังไปทั่วทั้งบ้าน ด้วยเพราะชาวบ้านต่างมาช่วยกันตะเตรียมแต่งของประยงค์และพิกุลที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ ยิ่งเฉพาะในครัวที่ยุ่งเป็นพิเศษต่างพากันเตรียมของที่พอเตรียมได้เพื่อใช้ในวันพรุ่งนี้

"นี่! แย้มลูกเธอไปไหนแล้ว ไม่มาอยู่ที่งานหรอ" เสียงชาวบ้านคนหนึ่งถามนางแย้มแม่ของพิกุลขึ้นด้วยความสงสัย

"อยู่บ้านนน  พรุ่งนี้จะเป็นเจ้าสาวก็ต้องเตรียมตัวพักผ่อนจะได้สวยใส" 

"อ๋ออ เอ่ออคือฉันได้ยินมานะ ว่านังหนูพิกุลน่ะไม่อยากแต่งกับพ่อประยงค์หรอ" ชาวบ้านคนเดิมถามขึ้นพร้อมกับเสียงของคนอื่นๆ ที่คุยกันด้วยความอยากรู้

"โอ๊ยยย มันก็คงเป็นพวกปากหอยปากปู ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านนั่นแหละ พวกเธอก็ระวังนะฟังเรื่องเน่าๆ มา หูจะเน่าเป็นหนองจนไม่มีหูให้ฟังเรื่องชาวบ้านนะ" นางแย้มพูดเหน็บแนมเหล่าชาวบ้านในครัวก่อนส่งยิ้มให้แล้วเดินขึ้นบ้านไป ในขณะที่ชาวบ้านยังคงนินทาเรื่องนี้กันต่อไป

"แม่แย้มเป็นอะไรทำหน้าเสียแบบนั้น" เสียงเย็นๆ นิ่งๆ ของนางปีบแม่ของประยงค์เอ่ยถามขึ้น

"ไม่มีอะไรหรอก" 

นางแย้มไม่ได้พูดอะไรต่ออีก จึงทำให้นางปีบก็ไม่ได้มีคำถามอะไรกลับไปอีก 

"ฉันขอกลับไปดูลูกหน่อยแล้วกันนะ" พูดจบนางแย้มรีบเดินลงมาจากบ้านและสวมรองเท้าจากนั้นซอยฝีเท้าอย่างเร็วเพื่อนกลับไปที่บ้านของตน



"พิกุล พิกุลลูก" นางแย้มที่มาจนถึงบ้านจึงออกเสียงเรียกลูกสาวของตน ก่อนจะเดินไปที่หน้าห้องของลูกตัวเองและเรียกพิกุลพรางสลับกับเคาะประตูไปด้วย

"กินข้าวเย็นรึยังลูก" 

"ชั้นไม่หิวหรอกจ้ะ" เสียงพิกุลตะโกนตอบออกมาจากห้อง "ชั้นอยากนอน แม่อย่าพึ่งมายุ่งกับชั้นเถอะนะจ๊ะ" 

"ได้พักผ่อนไปนะ" 



วันจันทร์ที่ 5 มิถุนายน ปี 2510

ตั้งแต่เช้ามืดที่ทุกคนต่างเตรียมตัวสำหรับงานมงคลที่จะเกิดขึ้นให้วันนี้ รวมถึงพิกุลด้วยแม้ว่าจะตัองใช้เวลานานกว่าปกติกว่าจะแต่งหน้าที่มีน้ำตาไหลลงมาถูกเครื่องสำอางอยู่เรื่อยๆ แต่สุดท้ายช่างแต่งหน้าก็ทำออกมาจนเสร็จด้วยหน้าตาที่ดีอยู่แล้ว จึงทำให้ช่างไม่ต้องแต่อะไรมากมายก็จะให้พิกุลนั้นสวยขึ้นมาได้อีกมาก ชุดแต่งงานไทยประยุกต์สีโอลด์โรสอ่อนๆ ช่างเข้ากับพิกุลได้เป็นอย่างดี ทรงผมมวยเกล้าสูงที่ทำให้เธอดูเรียบร้อยมากขึ้น 

แต่ทุกอย่างดีไปหมดหากพิกุลนั้นมีความสุข ตอนนี้ในใจของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกทุกข์ ทรมาน อย่างถึงที่สุด ถึงแม้บางคนอาจมองแค่ว่า 'เดี๋ยวมันก็ผ่านไป' 'แต่งไปเดี๋ยวก็รักกัน'แต่นั่นไม่ใช่สำหรับพิกุลสำหรับคนที่ยังอยากมีชีวิตอิสระจะความสัมพันธ์ต่างๆ 

ภายนอกความรู้สึกของเธอ เสียงดนตรีครื้นเครงดังลั่นสนั่นไปทั่วขบวนสู่ของเจ้าสาวได้ใกล้มาถึงบ้านของพิกุลเรื่อยๆ 

"พิกุลทำหน้าดีๆ หน่อยลูก" นางแย้มพูดและยื่นทิชชูให้พิกุลเพื่อนซับน้ำตา พิกุลได้แต่ทำตามเพราะไม่อยากให้แม่ของตนต้องขายหน้า

พิธีการต่างๆ ดำเนินไปด้วยความสุขของคนรอบข้าง ทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดีพร้อมๆกับความคิดบางอย่างที่ผุดขึ้นมาให้หัวของพิกุลทีละนิดๆ เธอรู้ดีว่าสิ่งที่เธอคิดไม่ใช่เรื่องที่ดีที่ควร แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นวิธีเดียวที่จะช่วยเธอจากความทุกข์ทรมานนี้ได้

งานต่างๆ ดำเนินมาจนถึงจุดสุดท้ายการเข้าหอของบ่าวสาว ทุกคนจึงได้ย้ายกันมาอยู่ที่เรือนหอของทั้งคู่ซึ่งไกลออกมาจากบ้านของพ่อแม่ทั้งคู่อยู่พอสมควร หลังจากจบพิธีการทุกอย่างแล้วเเขกส่วนใหญ่ก็ทยอยกลับกันไปเรื่อยๆ เหลืออยู่แค่ไม่กี่คนซึ่งก็ไปรวมกันอยู่ที่บ้านของนางปีบเพื่อให้บ่าวสาวได้อยู่ด้วยกันตามลำพัง

"เอ่อ คือชั้นจะเปลี่ยนชุดน่ะ ช่วยออกไปก่อนได้มั้ย ชั้นไม่ชินน่ะ" พิกุลพูดขึ้นเพื่อให้ประยงค์ออกไปจากห้อง

"ได้ ได้" ประยงค์พูดพร้อมๆ กับก้าวออกมาจากห้อง ก่อนที่จะถูกพิกุลปิดประตูอัดหน้าเต็มๆ แต่เขาก็ไม่ได้มีอาการไม่พอใจแต่อย่างไร 

"เธอดีเกินไปประยงค์" พิกุลพูดกับตัวเอง



"อ้าวออกมาทำไมว่ะ" เพื่อนที่มาร่วมงานแต่งของประยงค์ถามขึ้น

"ไม่มีอะไร แล้วมึงขึ้นมามีอะไร"

"ชวนไปกินเบียร์บ้านอีกหลังอ่ะ ไปมั้ย"

"เอ่อออ"

"ไม่เป็นไรเข้าใจเเล้วเพื่อน"



ภายในห้องของบ้านไม้ที่ด้านบนเพดานเต็มได้ด้วยคานพิกุลเรื่องที่จะจัดดึงโต๊ะเก้าอี้ตัวสูงมาวางไว้กลางห้อง แล้วจึงเริ่มฉีกเสื้อผ้าของตนในตู้ที่มีอยู่ที่ละนิด จนสามารถต่อเป็นเชือกผ้าได้ พิกุลขึ้นยื่นบนเก้าอี้ด้วยความสั่นเทาก่อนจะโยนผ้าขึ้นไปเพื่อผูกเข้ากับคานจนเป็นปมบ่วงห้อยลงมาเหนือคอของเธอเล็ก น้ำตาอาบชุ่มไปทั้งแก้ม ตาของพิกุลแดงขึ้นเพราะร้องไห้อย่างเห็นได้ชัดสองมือจับกำไปที่เชือกก่อนจะวางคอลงไป และถีบเก้าอี้ให้ล้มลงเสียงดัง ตัวของเธอลอยสูงอยู่เหนือพื้นสีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความทรมานจากแรงรัด ลิ้นเริ่มทะลักออกมาอย่างน่าสยดสยอง 



"เสียงอะไรวะ" เพื่อนของประยงค์พูดขึ้นเพราะได้ยินเสียงดังออกมาจากห้อง

ทั้งคู่มั่นใจว่าไม่ได้หูฝาดจนเริ่มดันประตูอย่างแรง 

"ถอดออก!!" ประยงค์พูดขึ้นมาเสียงดัง ก่อนจะถีบเข้าไปที่ประตูอย่างแรงประมาณสองสามครั้ง จนทำให้ประตูเปิดออก

ก่อนจะพบกับพิกุลที่ตัวห้อยอยู่กับเชือกผ้าเหนือพื้น ประยงค์พยายามยกตัวพิกุลให้สูงขึ้น ก่อนที่เพื่อนจะพยายามแก้มัดเชือกจนสำเร็จ

"พิกุล! พิกุล!!" 

"เดี๋ยวกูไปตามผู้ใหญ่มา" เพื่อนประยงค์ก้าวออกไปด้วยความตกใจก่อนที่จะต้องหยุดฝึเท้าลงเพราะเสียงตะโกนของพิกุลที่ดังขึ้นบนบ้าน เขาวิ่งขึ้นกลับไปดูว่าทุกอย่างเป็นยังไง

"พิกุลยังปลอดภัยว่ะมึง" ประยงค์พูดออกมาด้วยหน้าตาที่ทั้งตกใจทั้งสงสัย

"ทำไม ทำหน้าแบบนั้นว่ะ"

"เปล่า มึงกลับไปกินเบียร์เถอะ กูต้องอยู่ดูพิกุล"

"อยู่ได้นะมึง" เสียงเป็นห่วงดังออกมาจากปากของเพื่อนประยงค์

"เออได้"

"ได้" พูดจบเขาเดินออกมาจากบ้านปล่อยให้ประยงค์อยู่กับพิกุลเพียงสองคน

ประยงค์ยังคงทำหน้าสงสัยอยู่ก่อนที่จะอุ้มพิกุลขึ้นไปนอนบนเตียง "เมื่อกี้มัน เสียงใคร"



?????

จนในที่สุดฉันก็ตื่นขึ้นอีกครั้งในที่ ที่มืดมิด ราวกับฉันกำลังจมอยู่ในน้ำทะเล ฉันลอยค้างนิ่งอยู่ในความมืดก่อนที่ฉันจะเริ่มขยับตัวเพื่อมองไปรอบๆ ฉันได้พบกับใครคนหนึ่งที่กำลังขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ก่อนที่ฉันจะเริ่มตกลงอย่างรวดเร็วจนในที่สุดฉันก็ได้เจอกับพื้นสีฟ้าเข้มสวยงามแต่ฉันก็ยังคงทะลุต่อไปเรื่อยๆ พร้อมกับร่างเปือยเปล่าหลังจากสัมผัสกับพื้นสีเมื่อครู่ และในที่สุดฉันก็เริ่มที่จะพยายามเข้าใจมัน ฉันหลับตาลงแล้วร่วงหล่นไปพร้อมๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น



*********************************************

ตัวอย่าง บทถัดไป

//"วันนี้วันเกิดผมน่ะ แต่ถ้าพี่ไม่ว่างตอนพักเที่ยง เปลี่ยนเป็นตอนเย็นได้มั้ย" "พุดเป็นไรว่ะ" "ไม่ ไม่มี"//



🌟🌟 นิยายเรื่องนี้อยู่ภายใต้นามปากกา​ k.n. star​ light เนื้อเรื่องทั้งหมดจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องที่แต่งภายใต้นามปากกา k.n.star​ light​​ 🌟🌟

ติดตามเพื่อรับข่าวสาร

ig : iamnine.krp

x : @iamninekrp

threads : iamnine.krp

public : 2024/03/07