เมื่อหญิงสาวที่มีพลังมองเห็นโลกมืดเหนือธรรมชาติ มาเจอกับทายาทมหาเศรษฐีร้อยล้านที่ตามหาความจริงเกี่ยวกับอดีตบางอย่างของตน เส้นบางๆ ที่กั้นระหว่างโลกมนุษย์กับโลกมืดเกิดเบลอเสียจนแทบแยกไม่ออกอีกต่อไป

แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests - #10 โรงแรม โดย ณ เสียงฝน @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

พารานอมอล,ลึกลับ,อาชญากรรม,รัก,ผจญภัย,ผจญภัย,ดราม่า,ชาย-หญิง,ลึกลับ,สยองขวัญ,หลอน,วิญญาณ,พระเจ้า,ผี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

พารานอมอล,ลึกลับ,อาชญากรรม,รัก,ผจญภัย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ผจญภัย,ดราม่า,ชาย-หญิง,ลึกลับ,สยองขวัญ,หลอน,วิญญาณ,พระเจ้า,ผี

รายละเอียด

เมื่อหญิงสาวที่มีพลังมองเห็นโลกมืดเหนือธรรมชาติ มาเจอกับทายาทมหาเศรษฐีร้อยล้านที่ตามหาความจริงเกี่ยวกับอดีตบางอย่างของตน เส้นบางๆ ที่กั้นระหว่างโลกมนุษย์กับโลกมืดเกิดเบลอเสียจนแทบแยกไม่ออกอีกต่อไป

ผู้แต่ง

ณ เสียงฝน

เรื่องย่อ

เมื่อหญิงสาวที่มีพลังมองเห็นโลกมืดเหนือธรรมชาติ มาเจอกับทายาทมหาเศรษฐีร้อยล้านที่ตามหาความจริงเกี่ยวกับอดีตบางอย่างของตน เส้นบางๆ ที่กั้นระหว่างโลกมนุษย์กับโลกมืดเกิดเบลอเสียจนแทบแยกไม่ออกอีกต่อไป

สารบัญ

แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#1 จุดเริ่มต้น,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#2 ความหลัง,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#3 โอ๊ต,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#4 การันต์,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#5 เตรียมการตามแผน,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#6 เจ้านายชั่วคราว,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#7 เหตุผลที่แท้จริง,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#8 ความทรงจำ,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#9 นิทานที่หวานเล่า,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#10 โรงแรม,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#11 บ้านเกิด,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#12 การเผชิญหน้า,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#13 เพื่อนรักที่บ้านเกิด,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#14 ชั้น 3 ห้อง 33,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#15 เงื่อนงำ,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#16 นภา,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-#17 หมอไสยดำ,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-ตอนที่ 18 รายละเอียด,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-ตอนที่ 19 ลุงภารโรง,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-ตอนที่ 20 ป้าบุญ,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-ตอนที่ 21 บนหิ้ง,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-ตอนที่ 22 สมุดบันทึก,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-ตอนที่ 23 คนตรงกลาง,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-ตอนที่ 24 ความเป็นเพื่อน,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-ตอนที่ 25 ชายหาด,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-ตอนที่ 26 ในตรอกมืด,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-ตอนที่ 27 กลับมาพบกันอีกครั้ง,แขกที่ไม่ได้รับเชิญ - Uninvited Guests-ตอนที่ 28 งู

เนื้อหา

#10 โรงแรม

พวกเขาใช้ผ้าขาวคลุมร่างไร้ชีวิตเอาไว้ แต่การันต์ยังไม่วายมองเห็นปอยผมสีแดงเข้มและชายกระโปรงสีม่วงลายดอกไม้สีขาวปลิวไสวตามแรงลม

การันต์นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจกลับรถ 

"จะไปไหนเหรอคะคุณการันต์?" หวานถามงงๆ

"ดึกมากแล้ว ผมว่าเราหาที่พักกันก่อนดีกว่า ยังเหลือระยะทางต้องขับอีกหลายชั่วโมง ผมว่าอาจจะไม่ปลอดภัย ไว้ตอนเช้าเราค่อยออกเดินทางกันต่อ" เขาพูดเงียบๆ 

หวานโล่งอก ดีเหมือนกัน อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะเจออะไรน่ากลัวอีก เธอรีบกูเกิ้ลหาที่พักบริเวณใกล้เคียง "มีโรงแรมเล็กๆ ไม่ไกลจากที่นี่ค่ะ" เธอยื่นมือถือให้เขาดูข้อมูล 

"โอเค ไปกันเลย" เขาตอบ

สิบนาทีต่อมา พวกเขามาถึงโรงแรมดังกล่าว มันเป็นโรงแรมเล็กๆ ตั้งอยู่เดี่ยวๆ นอกเมือง บรรยากาศรอบๆ บริเวณเงียบสงบ 

"รอก่อนนะคะ" หวานบอการันต์พลางเปิดประตูรถและเขาพยักหน้ารับ ด้านในสว่างไสว มีเพียงเคาน์เตอร์ไม้เล็กๆ เก้าอี้หวายและโซฟาหนังสีดำเพียงไม่กี่ตัวที่ล็อบบี้ ชายหนุ่มหน้าตายิ้มแย้มยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ "สวัสดีครับพี่" เขายิ้มตาหยีทักทาย เป็นรอยยิ้มสดใสแตกต่างกับเวลายามดึกแบบนี้

หวานอดยิ้มตามไม่ได้ "สวัสดีจ้ะ มีห้องว่างสองห้องมั้ยคะ?" 

"ตอนนี้เหลือว่างห้องเดียวเลยครับพี่ ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ" พนักงานพูดหน้าเจื่อน 

หวานนิ่งคิดก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม "ไม่เป็นไรค่ะ ห้องเดียวก็ได้" คิดในใจว่าอย่างน้อยก็ยังดีกว่าต้องเดินทางกลางดึก อีกอย่าง ตอนนี้ก็ดึกแล้ว อีกไม่นานก็เช้า พอเช็กอีกได้กุญแจห้องเสร็จสรรพ หวานเดินกลับมาที่รถ

"มีว่างห้องเดียวเลยค่ะคุณการันต์" หวานพูดพร้อมยกกุญแจห้องให้เขาดู

"ถ้าคุณโอเคผมก็โอเค" เขาพูดยิ้มอ่อน "อีกไม่นานก็เช้าแล้ว" 

พวกเขาหยิบข้าวของสัมภาระที่จำเป็นจากท้ายรถ ตอนเดินกลับเข้ามาในโรงแรม หวานไม่เห็นพนักงานที่เคาน์เตอร์แล้ว แต่เธอรู้หมายเลขห้อง เลยพากันเดินขึ้นบันไดไปห้องพักกันเอง 

ห้องพักตกแต่งเรียบๆ สไตล์โมเดิร์นแบบที่เห็นได้ทั่วไป มีห้องน้ำในตัว มีเซ็ตกาต้มน้ำและกาแฟ และสิ่งที่ทำให้หวานโล่งใจที่สุดคือมีเตียงเดี่ยวสองเตียงแยกจากกันด้วยโต๊ะเล็กๆ ระหว่างเตียง 

การันต์เดินไปที่เตียงใกล้หน้าต่าง วางกระเป๋าสัมภาระก่อนทรุดตัวลงนั่ง หวานนั่งบนเตียงอีกเตียง เสียงแอร์ดังหึ่งเบาๆ ในพื้นหลัง

"นิทาน.." เขาเริ่มพูดตาจ้องตาหวาน "เป็นเรื่องจริงสินะครับ"

หวานกระพริบตาถี่ๆ "ค่ะ" เธอถอนใจ "ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณกลัว.."

เขาส่ายหน้า "ผมยอมรับนะ ว่าออกจะกลัวอยู่หน่อยๆ แต่ก็เข้าใจว่าทำไมคุณถึงบอกผม" 

หวานเลิกคิ้วด้วยความสงสัย 

เขายิ้ม "ผมมาที่นี่เพื่อตามหาสาเหตุการตายของแม่เมื่อสิบแปดปีก่อนโดยที่ไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริงกับคุณล่วงหน้า แถมบังคับให้คุณมากับผมด้วยแบบนี้ มันก็เท่ากับว่าผมบุกรุกความเป็นส่วนตัวของคุณนั่นละ.." เขาพูดน้ำเสียงอ่อนโยน "คงยากน่าดูสินะครับ ที่ต้องใช้ชีวิตมองเห็นอีกโลกหนึ่งแบบนี้"

หวานมองใบหน้าหล่อเหลา ตลอดเวลาที่ผ่านมา นอกจากโอ๊ตแล้วก็ไม่เคยมีใครรู้ความจริงเรื่องนี้ เธอเองก็ไม่เคยคิดจะบอกใครเพราะบอกไปก็คงไม่มีใครเชื่ออยู่ดี มันทำให้เธอต้องใช้ชีวิตเก็บตัวอย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด เธอน้ำตาคลอ รู้สึกจุกในอก นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่มีคนพูดแบบนี้กับเธอ หวานหันไปทางอื่น แสร้งทำเป็นจัดข้าวของบนเตียง ไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาของเธอ

"ผมต่างหากทีต้องขอโทษคุณ" เขาพูดเบาๆ

หวานส่ายหน้า "มันไม่ใช่ความผิดคุณสักหน่อย" เธอมองเลยเขาไปทางหน้าต่างบานใหญ่ด้านหลังแล้วถอนใจ ข้างนอกมืดสนิท แต่ไม่มืดมากพอที่จะมองไม่เห็นใบหน้าซีดที่กำลังมองผ่านกระจกมาที่เธอ การันต์หันตามสายตาหวานรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา เขารีบลุกไปรูดผ้าม่านปิดแล้วกลับมานั่งฟังหวานต่อ

"มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉัน.. พ่อแม่ฉัน หรือไม่ก็รุ่นปู่ย่าของฉันทำเอาไว้ ไม่อย่างนั้น.. ก็คงเป็นคำสาปอะไรสักอย่างที่ตกทอดมาถึงฉัน" เธอมองการันต์ "จริงอยู่.. ฉันรับทำงานนี้เพราะเห็นว่าเงินดี แต่เหตุผลอีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันก็เพราะอยากกลับไปเผชิญกับความทรงจำที่ฉันเอาแต่วิ่งหนีมันมาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะงานนี้ ฉันก็คงจะไม่กล้าพอที่จะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดอีก" 

"ความทรงจำที่ว่า.. คุณอยากจะพูดถึงมันมั้ย? ผมเต็มใจรับฟังนะ" การันต์เปลี่ยนเป็นนอนคว่ำสองมือเท้าคางมองหวาน น้ำเสียงอ่อนโยนปลอบประโลมน่าจะทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นบ้าง แต่ใบหน้าแสนหล่อเหลาขัดกันกับท่าทางผ่อนคลายเหมือนเด็กๆ ดูไม่เป็นทางการทำเอาหวานใจเต้นไม่เป็นส่ำ อยู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในโรงแรมด้วยกันตามลำพังสองต่อสอง

เธอลุกขึ้น สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มก่อนนั่งพิงพนักหัวเตียง "ถ้ามีอะไรในโลกนี้ที่ฉันไม่อยากจะพูดถึงอีกเลยไปตลอดชีวิต ก็คือไอ้ความทรงจำของฉันนี่ล่ะค่ะ" เธอพูดพลางยิ้มเศร้า "เชื่อเถอะ.. คุณไม่อยากรู้หรอก" 

"งั้น.. ผมไปอาบน้ำก่อนละกัน" เขาลุกจากเตียง หยิบของใช้จำเป็นจากกระเป๋าเดินทาง แล้วเดินผ่านเตียงของหวานไปทางห้องน้ำ

หวานพยักหน้า เขาจะไม่เป็นไร เธอคิดในใจ เธอเช็กดูแล้ว ห้องน้ำในห้องนี้ปลอดภัยไม่มี 'แขกที่ไม่ได้รับเชิญ'

ตอนเขาออกมาจากห้องน้ำมา หวานก็ผล็อยหลับไปแล้ว การันต์ย่องไปปิดไฟเมน เหลือเพียงไฟสีอำพันสลัวของโคมไฟขนาดเล็กที่หัวเตียง เขายืนมองเธอเงียบๆ ใบหน้าสวยใสน่ารัก ผมดำยาวประบ่ากระจายวุ่นบนหมอนปุยนุ่ม เสียงหายใจต่อเนื่องแผ่วเบา เขาขยับเข้าใกล้อีกนิด เอื้อมมือไปถอดแว่นออกจากหน้าเธอ วางมันไว้บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนลงนั่งบนเตียงของตัวเองสายตายังจับจ้องใบหน้าหญิงสาวตรงหน้า

เขาชอบที่หวานซังดูไม่สนใจความจริงที่ว่าเธอมีรูปร่างหน้าตาสะสวยสะดุดตา ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน เขาแน่ใจว่าเธอไม่ใช้เครื่องสำอางอะไรเลยนอกเหนือไปจากแป้งเด็กกับลิปบาล์ม สมัยนี้ที่วิวัฒนาการการทำศัลยกรรมพัฒนาขึ้นมากและมีความปลอดภัยสูงขึ้น ผู้คนมากมายทั้งชายหญิงต่างแต่งเติมเสริมสวยกันตามใจชอบจนออกจะเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว การันต์เองไม่ได้ต่อต้านการทำศัลยกรรมแต่อย่างใด เพียงแต่ทุกวันนี้เป็นเรื่องยากนักที่จะหาผู้หญิงที่ไม่ใส่ใจจะเสริมเติมแต่งใดๆ แบบเธอ

คิ้วเรียวของหวานขมวดมุ่น เขานึกสงสัยว่าเธอกำลังฝันถึงอะไรอยู่ ตลอดมา เขาคิดว่าตัวเองมีชีวิตน่าเศร้าเพราะต้องเสียแม่ไปอย่างไม่รู้สาเหตุตั้งแต่เด็ก แต่หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้กลับมีชีวิตที่แสนเศร้ายิ่งกว่า เขานึกภาพตัวเองในสถานการณ์เดียวกันกับที่เธอต้องเผชิญตอนอายุเจ็ดขวบไม่ออกเลย การต้องเห็นภาพแม่ของตัวเองตายไปต่อหน้าต่อตา.. แถมยังการต้องมองเห็นวิญญาณน่ากลัวรอบตัว.. ที่ผ่านมาเธอต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวแค่ไหนนะ?

การันต์นอนหงายมองเพดาน เสียงหึ่งของแอร์ยังดังเบาๆ ต่อเนื่องในพื้นหลังกล่อมให้เริ่มง่วง ก่อนหลับตา เขาหันไปมองหวานซังอีกครั้งแล้วยิ้ม รู้สึกดีเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ผ่านมาอย่างที่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
-----------------------------

หวานพลิกตัว แสงสว่างส่องผ่านม่านหน้าต่างขาวสะอาดเข้ามาในห้อง เธอได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคยโชยมาแตะจมูก

"ตื่นแล้วเหรอครับ ผมชงกาแฟไว้รอ" เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังมาจากอีกด้านของห้อง

หวานงัวเงียลุกขึ้นนั่ง อดรู้สึกเขินไม่ได้ที่ตื่นมาในห้องที่มีผู้ชายอยู่ด้วยสองต่อสอง "ขอบคุณค่ะ ตื่นนานแล้วเหรอคะ?"

"สักพักนึงแล้วครับ" เขาตอบพร้อมรอยยิ้ม 

หวานกับการันต์นั่งดื่มกาแฟด้วยกันที่โต๊ะเล็กๆ มุมห้อง วันนี้ท้องฟ้าสว่างสดใส ทั้งสองรู้สึกสดชื่นที่ได้พักผ่อนเพียงพอ แต่หนทางข้างหน้ายังอีกไกลนัก

พอเก็บข้าวของเสร็จสรรพ พวกเขาพากันลงมาข้างล่างเพื่อเช็กเอาท์ หวานชะลอฝีเท้าพลางมองรอบตัว บรรยากาศที่ล็อบบี้ตอนนี้แตกต่างจากที่เธอเห็นเมื่อคืนอย่างเห็นได้ชัด เคาน์เตอร์ไม้สีเข้มเมื่อคืนตอนนี้เป็นสีขาวสะอาด มีกระดิ่งเล็กๆ วางอยู่ เก้าอี้หวายเมื่อวานตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยเก้าอี้เหล็กสีดำสนิทพร้อมเบาะรองสีม่วงอ่อน และไม่มีโซฟาหนังสีดำ มีแต่โซฟาเนื้อผ้าสีครีมน่านั่งมาแทนที่

เธอเดินไปทางเคาน์เตอร์ "สวัสดีค่ะ" พนักงานสาวหลังเคาน์เตอร์ทักทาย 

หวานยิ้มรับ "สวัสดีค่ะ เช็กเอาท์ค่ะ" 

"สักครู่นะคะ" พนักงานรับกุญแจจากเธอพลางเปิดสมุดบันทึกขนาดใหญ่ตรงหน้า 

"แต่งล็อบบี้ใหม่เหรอคะ ดูน่านั่งเชียว" หวานชวนคุย

พนักงานสาวเงยมองเธองงๆๆ "เปล่านะคะ คุณลูกค้าหมายความว่ายังไงเหรอคะ?" 

หวานมองไปรอบๆ "ก็เมื่อคืนตอนมาเช็กอิน เคาน์เตอร์นี่เป็นไม้สีเข้มๆ มีเก้าอี้หวาย 2-3 ตัว แล้วก็โซฟาสีดำที่ล็อบบี้นี่ วันนี้คือเปลี่ยนทุกอย่าง โทนสว่างขึ้นเยอะเลย" หวานยังพูดเรื่อยๆ

พนักงานสาวหน้าซีด ชี้ไปที่รูปถ่ายเก่าใส่กรอบขนาดใหญ่เหนือหัวด้านหลัง "แบบนี้รึเปล่าคะ?"

หวานมองตาม ภาพตรงหน้าเป็นเหมือนกับล็อบบี้ที่เธอจำได้เมื่อคืนไม่มีผิด "ใช่เลยๆ แบบนี้แหละค่ะ"

"ฮือ.. คุณลูกค้าอย่าหลอกหนู นั่นเป็นภาพถ่ายเก่าสมัยโรงแรมยังไม่เปลี่ยนเจ้าของเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว พอเจ้านายหนูซื้อต่อมา เขาก็เปลี่ยนการตกแต่งล้อบบี้นี่ใหม่ หนูทำงานที่นี่มาห้าปีแล้ว เคาน์เตอร์นี่สีขาวตลอด และไม่เคยเห็นมีเก้าอี้หวายเลยนะคะ" พนักงานพูดเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้

หวานรู้สึกเย็นวาบลงไขสันหลัง "เอ่อ.. สงสัยพี่จะดูผิดไปเองแหละ เมื่อคืนเข้ามาดึกอยู่" เธอตอบ ใจนึกสงสารน้องพนักงาน คงขวัญเสียแย่แล้ว เธอทำทีมองไปรอบๆ ล็อบบี้ "วันนี้น้องทำงานคนเดียวเหรอคะ?" 

"ค่ะพี่" น้องพนักงานตอบยังน้ำตาคลอ "ว่าแต่.. เมื่อคืนพี่เช็กอินตอนไหนพี่"

"พี่เช็กอินกับพนักงานอีกคน น้องผู้ชายนะ"  หวานตอบ

"พี่.. หนูเป็นพนักงานคนเดียวของที่นี่" พนักงานหลังเคาน์เตอร์หน้าซีด "ถ้าไม่อยู่หน้าเคาน์เตอร์หนูก็อยู่ในห้องข้างหลัง" เธอชี้มือไปที่ประตูไม้ใกล้ๆ ด้านหลังเคาน์เตอร์ "หนูกินนอนที่นี่เลยพี่ คือเปิดตลอด 24 ชั่วโมง กระดิ่งนี่คือเอาไว้กดเรียกตอนหนูไปนอนพักในห้อง" น้องพนักงานชี้ให้ดูกระดิ่งเงินเล็กๆ บนเคาน์เตอร์สีหน้าเหมือนใกล้จะร้องไห้เต็มที

หวานถึงบ้างอ้อ แสดงว่าเธอเจอวิญญาณอีกตนที่นี่เมื่อคืน แต่ตอนนั้นไม่ได้นึกเอะใจ เพราะไม่ได้รู้สึกหนาวหรือขนลุกเหมือนทุกครั้ง อาจเป็นเพราะวิญญาณที่เธอเห็นเมื่อคืนในล็อบบี้แห่งนี้ไม่ได้มาร้าย ไม่ได้ตั้งใจทำให้เธอกลัว

แสดงว่าเมื่อคืน.. หวานหลุดเข้าไปในห้วงอดีตของโรงแรมเล็กๆ แห่งนี้ 

เธอยิ้มกว้าง "อ๋อ! พี่ว่าพี่คงจำผิดไปน่ะ ก็น้องนี่แหละที่ให้กุญแจห้องพี่เมื่อคืน จำไม่ได้เหรอ?" 

น้องพนักงานหน้าเหลอ "จริงเหรอพี่.." 

"จริงสิ แหม.. สงสัยจะง่วงมากสินะ เลยจำไม่ได้" หวานหัวเราะดังลั่นกลบเกลื่อน พอเห็นว่าน้องพนักงานดูจะเขวๆ คล้ายจะเชื่อที่เธอพูด หวานรีบจัดแจงชำระเงินค่าห้อง ดึงมือการันต์เดินเร็วๆ ออกมาข้างนอก

"มีอะไรหรือครับ" เขาถาม

"ไม่มีอะไรค่ะ ไปกันเถอะ" หวานตอบ หันไปมองโรงแรมเล็กๆ ข้างหลังพลางคิดในใจ

'เมื่อคืนขอบใจนะ'



-- จบตอน --