เมื่อหญิงสาวที่มีพลังมองเห็นโลกมืดเหนือธรรมชาติ มาเจอกับทายาทมหาเศรษฐีร้อยล้านที่ตามหาความจริงเกี่ยวกับอดีตบางอย่างของตน เส้นบางๆ ที่กั้นระหว่างโลกมนุษย์กับโลกมืดเกิดเบลอเสียจนแทบแยกไม่ออกอีกต่อไป
พารานอมอล,ลึกลับ,อาชญากรรม,รัก,ผจญภัย,ผจญภัย,ดราม่า,ชาย-หญิง,ลึกลับ,สยองขวัญ,หลอน,วิญญาณ,พระเจ้า,ผี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ย่าภาลุกตามลูกชายเข้าไปในบ้าน หวานหันมองการันต์จากนั้นเงยมองฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีส้มเข้มออกแดง เวลาค่ำใกล้เข้ามาทุกที
“วันนี้เรากลับที่พักกันก่อนดีกว่าค่ะ” เธอพูด “ฉันรู้ว่าคุณมีคำถามมากมายที่อยากจะถามย่าภากับพ่อฉัน แต่วันนี้คงไม่ได้ข้อมูลอะไรไปมากกว่านี้แล้วล่ะ”
“แต่--” การันต์จะคัดค้าน
“พรุ่งนี้เราค่อยกลับมาใหม่ ย่าภากับพ่อฉันอยู่ที่มาตลอดไม่เคยจากบ้านนี้ไปไหน พรุ่งนี้พวกเขาก็ยังจะอยู่ที่นี่” หวานขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง แน่นอนว่าเธอเองก็มีคำถามมากมายที่ต้องการคำตอบจากย่าภาและพ่อไม่ต่างไปจากการันต์ แต่เธอรู้จักพ่อของเธอดี ชายตาขาวที่ไม่มีอะไรทำให้กล้าหาญขึ้นมาได้ เขาคงไม่ยอมเปิดปากบอกอะไรพวกเขาในตอนนี้ที่ทั้งเมาทั้งดูเหมือนหวาดกลัวอะไรอยู่อย่างจับใจ เธอรู้ว่าถึงจะขืนดื้อดึงคาดคั้นเอาข้อมูลอะไรตอนนี้ก็คงไร้ผล
การันต์พยักหน้านิดๆ เป็นเชิงเห็นด้วยปนเสียดาย ก่อนทั้งสองลุกเดินกลับไปที่รถ เวลานี้ของวันที่เกาะกำพันเป็นช่วงเวลาที่ท้องฟ้าและทะเลช่างงดงามนัก หวานมองดูคลื่นซัดเข้าหาฝั่งลูกแล้วลูกเล่า แต่เธอกลับมองไม่เห็นความงดงามของธรรมชาติตรงหน้า หวานคิดมาตลอดว่าการมองเห็นวิญญาณของเธอเป็นเหตุผลหลักที่นำพาให้แม่ของเธอฆ่าตัวตายตอนเธออายุเพียงเจ็ดปี แต่ตอนนี้ดูเหมือนเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดนั้นมีที่มาที่ไปที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนยิ่งกว่าที่เธอคิด
การันต์เองนั่งเงียบในรถข้างเธอ แววตาสับสนเต็มไปด้วยคำถาม เงาดำวูบไหวที่หลบวาบหลังตัวบ้านทุกครั้งที่เธอเหลือบมองทำให้นึกขึ้นมาได้ว่าการอยู่ข้างนอกตอนกลางคืนที่เกาะกำพันไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดนัก เธอสตาร์ทเครื่องแล้วออกรถ..
--
พอกลับถึงที่พัก หวานกับการันต์แยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าก่อนตกลงจะลงมาเจอกันที่ร้านอาหารชั้นล่างเพื่อทานมื้อเย็นด้วยกันและคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ หวานใช้เวลาเกือบชั่วโมงเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เธอเลือกสวมเสื้อยืดโอเวอร์ไซส์สีเขียวขี้ม้ากับกางเกงผ้าพลิ้วขายาวตัวโคร่ง ที่จริง.. เธอแทบไม่อยากลงมาทานมื้อเย็น การเผชิญหน้ากับย่าภาและพ่อเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีทำเอาเธอไม่มีกะจิตกะใจจะกินอะไร แต่เพราะมีคุณการันต์อยู่ด้วยทำให้ต้องฝืนลงมาหาอะไรทานด้วยกัน
โรงแรมที่พวกเขาพักเป็นหนึ่งในไม่กี่โรงแรมในเกาะกำพัน มันเป็นตึกสามชั้นเล็กๆ ไม่มีลิฟต์ ตกแต่งสไตล์ชายหาดโทนสีฟ้าขาวน่ารัก ที่ชั้นล่างมีร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารตามสั่งติดแอร์เล็กๆ ให้นั่งเพลินๆ
มันเป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้วตอนหวานเปิดประตูกระจกของร้านอาหารเข้าไป เธอเห็นเจ้านายชั่วคราวของเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะมุมด้านในสุดหันหลังให้ เขาใส่กางเกงตัวโคร่งลายสก็อตสีเขียวออกฟ้ากับเสื้อยืดสีขาวดูผ่อนคลาย
หวานเดินไปทางเขาแล้วลงนั่งด้านตรงข้าม เธอยิ้มเหนื่อยๆ “สั่งอะไรหรือยังคะ?”
“ยังครับ ผมรอหวานซัง” เขาตอบดูท่าทางเขาเหนื่อยอ่อนไม่ต่างจากเธอนัก ไม่ใช่จากการเดินทางไกล แต่จากบทสนทนาที่เต็มไปด้วยปริศนากับย่าภาและพ่อของหวานเมื่อครู่
พอสั่งอาหารเสร็จสรรพ หวานกับการันต์นั่งกันเงียบๆ อยู่พักใหญ่ก่อนหวานเริ่มพูด “ขอโทษนะคะ" หวานกระซิบ “คุณไม่น่าต้องมาเจออะไรแบบนั้น มันเป็นเรื่องส่วนตัวของฉันแท้ๆ"
การันต์ส่ายหน้าเร็วๆ “มันไม่ใช่ความผิดของคุณสักหน่อย ผมเองต่างหากที่ต้องขอโทษ มันเป็นเพราะผม ที่ทำให้คุณต้องกลับมาที่นี่" เขามองตาเธอ “ผมขอโทษนะ”
หวานยกสองมือโบกเร็วๆ “โอย.. อย่าพูดแบบนั้นเลยค่ะ คุณคือเจ้านาย ฉันเต็มใจมาที่นี่ก็เพราะคุณตกลงจ้าง คุณไม่ได้บังคับฉันมาสักหน่อย"
เขายิ้ม “ถามได้มั้ย? คุณกับพ่อ.. มีปัญหากันมาก่อนเหรอครับ ผมไม่เข้าใจภาษาไทย แต่บรรยากาศเมื่อกี้ตึงเครียดน่าดู"
หวานก้มมองมือตัวเอง “ฉันไม่ได้คุยกับพ่อมาหลายปีแล้วล่ะค่ะ.. แกกลัวที่ฉันเห็นผี.." เธอถอนใจ “ตั้งแต่พ่อรู้ความจริงว่าฉันเห็นวิญญาณ เขาก็เริ่มไม่กลับบ้าน ออกไปกินเหล้าย้อมใจทุกวันอ้างว่าฉันเป็นสิ่งที่เตือนใจให้เขารู้ว่ามีสิ่งลี้ลับน่ากลัวรอบตัวเราที่คนทั่วไปมองไม่เห็น พอพ่อเป็นแบบนั้น แม่ฉันก็พลอยเครียดไปด้วย เพราะแกไม่กลับบ้าน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าพ่ออาจจะแอบไปมีเมียน้อย..” หวานส่ายหน้าช้าๆ “ถ้าไม่มีฉัน.. ครอบครัวคงไม่ต้องวุ่นวายกันแบบนี้”
การันต์วางสองมือบนโต๊ะพลางโน้มตัวเข้าใกล้ ผมที่เคยอยู่ทรงในลุคนักธุรกิจ ตอนนี้ตกปรกใบหน้าเล็กๆ ดูแปลกตา ใบหน้าหล่อเหลาสีหน้าเคร่งขรึม “มันไม่ใช่ความผิดคุณ ผมเชื่อ.. ว่าคุณเห็นอะไรบางอย่างจริง และผมรู้ว่าคุณกลัวแค่ไหน คุณเองก็ต้องทนทรมานไม่น้อยเหมือนกัน” เขาจ้องตาเธอเนิ่นนาน “เลิกโทษตัวเองเถอะนะหวานซัง”
หวานเงยหน้ามองเขา ใจรู้สึกแปลกๆ เธอยอมรับว่าชอบที่เขาเรียกเธอว่า "หวานซัง" มันฟังดูน่ารักดี แถมเธอไม่เคยพูดคุยปรึกษาเรื่องนี้กับใคร ได้แต่เก็บความลับอันหนักอึ้งนี้เอาไว้คนเดียว การได้ยินเขาพูดแบบนี้มันเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก
“อาหารมาแล้วค่ะ” เสียงหวานเจื้อยแจ้วดังมาแต่ไกล สาวร่างเพรียวสวมเสื้อรัดรูปเอวลอยสีส้มกับกางเกงรัดรูปขายาวสีขาว ผมยาวสีน้ำตาลอ่อนอายุไม่เกินยี่สิบสองเดินออกมาจากครัวพร้อมถาดอาหารในมือ เธอยิ้มหวาน ตาจับจ้องที่ชายหนุ่มเพียงคนเดียวไม่ได้เหลียวมามองหวานเลยสักนิด
การันต์หันไปมองที่มาของเสียงสูงแปลกออกจะบาดหู จากนั้นหันมองหวานที่ยิ้มนิดๆ จากนั้นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วหันไปทางอื่น หญิงสาวยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้เขาไม่เลิก ยืนบิดตัวไปมาอยู่ข้างโต๊ะ ไม่มีทีท่าว่าจะวางอาหารที่ถือไว้ลงบนโต๊ะเอาเลย
“แล้วจะเสิร์ฟวันไหน?" เสียงคุ้นหูดังขึ้น
หวานหันไปมองอ้าปากค้าง “โอ๊ต.." การันต์และเด็กเสิร์ฟสาวหันมองตามหวาน
ชายร่างสูงหน้าตาหล่อเหลาแฝงแววขี้เล่นยืนอยู่ใกล้ประตูร้านอาหาร ผมกระเซิงเพราะแรงลมระกรอบหน้าเปื้อนยิ้ม เขามองมาที่หวาน ก้าวยาวๆ มาทางเธอแล้วโอบกอดเพื่อนรักไว้ในอ้อมแขนแนบแน่น “กลับมาบ้านทำไมไม่บอกกันบ้าง?” เขากระซิบ
สาวเสิร์ฟอ้าปากค้าง จากนั้นหรี่ตามองหวานด้วยความอิจฉา ผู้ชายที่นั่งที่โต๊ะหล่อแสนหล่อเหมือนเดินออกมาจากเทพนิยาย แถมอีกคนที่เพิ่งเดินเข้ามาก็หน้าตาดี๊ดีเหมือนหลุดออกมาจากซีรี่ส์เกาหลี 'นังนี่มันเป็นใครกันนะ?' เธอคิดในใจ
การันต์มองสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ความแปลกใจเทียบกันไม่ได้กับความรู้สึกไม่พอใจเล็กๆ ที่ก่อตัวขึ้น 'ชายคนนี้เป็นใครกัน แฟนของหวานซังหรือเปล่า?'
โอ๊ตกอดหวานเนิ่นนานก่อนหวานจะขยับหลุดจากอ้อมกอดเพื่อนได้ “โอ้ย อะไรเนี่ย” เธอพูดน้ำเสียงติดรำคาญหากแต่ก็มีรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า “เดี๋ยวก่อน.. แล้วมาอยู่นี่ได้ยังไง?”
โอ๊ตยิ้มอบอุ่น “ย่าภาโทรมาบอก แกว่าหวานอยู่ที่นี่ คงเป็นห่วงนั่นแหละ” โอ๊ตเอื้อมหยิบเก้าอี้ตัวใกล้สุดมานั่งข้างหวาน “จะมาที่นี่ทำไมไม่บอกกันบ้าง?”
หวานหันมองการันต์ นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แนะนำให้สองคนได้รู้จักกัน “เอ่อ คุณการันต์คะ นี่โอ๊ต เพื่อนฉันเองค่ะ”
โอ๊ตหันไปมองการันต์สีหน้าแปลกใจเหมือนเพิ่งจะเห็นว่ามีคนอื่นนั่งอยู่ด้วย “หวัดดีครับ” เขาพูดสีหน้าเปื้อนยิ้ม จากนั้นหันไปถามเพื่อน “อ้าว.. คนญี่ปุ่นเหรอ?”
การันต์ก้มหัวพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรแล้วตอบเป็นภาษาไทย “สวัสดีครับ” สำเนียงแปลกๆ ฟังดูน่ารักดีจนหวานหลุดขำออกมา
“ไม่รู้เลยนะคะว่าคุณพูดไทยได้ด้วย” หวานพูดยิ้มๆ ทำเอาการันต์ยิ้มตาม
โอ๊ตมองทั้งสองคนหัวเราะด้วยกันเงียบๆ..
ตึ้ง! สาวเสิร์ฟวางจานข้าวตรงหน้าหวานและการันต์เสียงดังเหมือนเรียกร้องความสนใจ หวาน การันต์ และโอ๊ตสะดุ้งเฮือกเงยขึ้นมองเธอ “เย็นหมดแล้วข้าวเนี่ย” เธอพูดเรียบๆ แล้วเดินสะบัดกลับไปหลังครัว
ทั้งสามหันมองหน้ากันเลิกคิ้วงงๆ
"แล้วคืนนี้พักที่ไหน?" หวานถามโอ๊ตพลางกินไปพลาง การันต์เองตอนนี้นั่งทานข้าวเงียบๆ ปล่อยให้ทั้งสองคุยกัน
"ก็ที่นี่แหละ ชั้นสาม" โอ๊ตตอบเรื่อยๆ
หวานชะงักช่อนที่กำลังจะส่งเข้าปาก "ห้องไหน?"
"33" โอ๊ตตอบ
"โอ๊ต.." หวานวางช้อน "ไปขอเปลี่ยนห้องเดี๋ยวนี้เลย"
เพื่อนรักของหวานเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
หวานพูดสีหน้าเรียบเฉยแต่จริงจัง "ชั้น 3 ห้อง 33 เคยมีคนฆ่าตัวตาย"
-- จบตอน --