เมื่อหญิงสาวที่มีพลังมองเห็นโลกมืดเหนือธรรมชาติ มาเจอกับทายาทมหาเศรษฐีร้อยล้านที่ตามหาความจริงเกี่ยวกับอดีตบางอย่างของตน เส้นบางๆ ที่กั้นระหว่างโลกมนุษย์กับโลกมืดเกิดเบลอเสียจนแทบแยกไม่ออกอีกต่อไป
พารานอมอล,ลึกลับ,อาชญากรรม,รัก,ผจญภัย,ผจญภัย,ดราม่า,ชาย-หญิง,ลึกลับ,สยองขวัญ,หลอน,วิญญาณ,พระเจ้า,ผี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บ้านหมอไสยดำตั้งอยู่ในป่าลึกห่างจากตัวหมู่บ้านอย่างสิ้นเชิง มีเพียงทางเดินเท้าเล็กๆ รกชันเพียงเส้นเดียวที่เข้าถึงได้ ทางเดินเท้าแคบที่เดินได้แค่ทีละคนถูกทำให้แคบยิ่งกว่าเดิมด้วยกิ่งก้านและใบไม้จากป่าลึกที่ขนาบทั้งสองข้างทางเดิน จักรเดินนำหน้าเงียบๆ และนภาเดินตามหลัง แสงสว่างเดียวที่ช่วยนำทางคือตะเกียงเจ้าพายุที่จักรถือติดมือมาด้วย
ความเงียบสงัดกลางดึกทำให้จักรมองซ้ายขวาอย่างระแวดระวัง เสียงฝีเท้าดังสวบๆ ของพวกเขาเป็นเพียงเสียงเดียวในตอนนี้และมันให้ความรู้สึกดังก้องเกินจริง จักรคิดว่ามันเป็นความเงียบที่แปลกนัก ถึงตอนนี้จะเป็นเวลากลางดึก แต่กลางป่าเขาควรมีเสียงสัตว์ป่า มดแมลง หรือนกกลางคืนบ้าง แต่นี่รอบข้างกลับเงียบงันจนผิดสังเกต เขารู้สึกถึงมือของนภาที่เกาะชายเสื้อเขาไว้แน่น
เขาเริ่มเห็นแสงไฟสีส้มห่างออกไปไม่เกินสิบเมตรข้างหน้า จักรหันไปมองนภาแล้วเร่งฝีเท้า ไม่นาน บ้านไม้ขนาดใหญ่ดำทะมึนและผุพังจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมก็ปรากฎขึ้นตรงหน้า มีด้ายสีแดงเข้มขึงสี่มุมรอบตัวบ้าน เขาตัวสั่น "ฉันว่าเรามาถึงแล้วล่ะ" จักรกระซิบ
นภามองบ้านทะมึนตรงหน้า เธอหน้าซีดแต่ก็พยักหน้าเร็วๆ ทั้งสองเดินไปถึงประตูหน้าแล้วเคาะประตู
หลังยืนรอสักพัก ประตูไม้กระดำกระด่างบานใหญ่ก็เปิดออก ส่งเสียงเอี๊ยดดังลั่น จักรกับนภาหันไปมองหน้ากันหวั่นๆ ก่อนพากันก้ามข้ามธรณีประตูสกปรกเข้าไป
ข้างในเป็นโถงกว้าง เต็มไปด้วยรูปปั้นน่ากลัวหลากหลายขนาดวางเรียงรายเป็นขั้นบันไดจากเพดานจรดพื้น ดอกไม้ สายสิญจน์ ธูปเทียน หัวหมูและเครื่องบูชาทั้งที่รู้จักและไม่รู้จักกองรวมกันบนพื้นรายรอบชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ใจกลางห้อง หมอไสยดำ
เขาสวมเสื้อและกางเกงสีดำสนิท ผิวสีแทนมีรอยสักมากมายเต็มพื้นที่ผิว ผมยาวระกรอบใบหน้าเหลี่ยม ตรงหน้าผากมีรอยบากสีแดงเข้มยาวจากตีนผมจรดหว่างคิ้ว เขานั่งขัดสมาธิกำลังมองไปที่นภา
"นั่งก่อน" เขาพูดด้วยน้ำเสียงแปลกพิลึกพิลั่นอย่างที่จักรไม่เคยได้ยินมาก่อน มันฟังดูเหมือนเสียงขู่ฟ่อของงู
จักรและนภาลังเลอยู่สักพักก่อนลงนั่งบนพื้นห่างจากหมอไสยดำประมาณสองเมตร
"เอ่อ ฉันอยากจะมาทำ-" นภาเริ่มพูดเสียงออกจะสั่นนิดๆ
"กูรู้" หมอไสยดำขัดขึ้น "มึงจะมาทำของใส่ผัวมึง" เขาพูดพลางแสยะยิ้ม
ทั้งจักรและนภาหันมองหน้ากัน
"มึงมาถูกที่แล้ว" เสียงแปลกพูดต่อพลางยกมือหนึ่งขึ้นเป็นเชิงเรียกให้นภาเข้าไปใกล้
นภาหันมองจักรก่อนคลานเข่าเข้าไปใกล้ชายตรงหน้า หมอไสยดำเชิดคางนภาขึ้น ราวกับต้องการมองเห็นหน้าเธอชัดๆ สายตาเลื่อนเลยลงไปถึงหน้าอก เขาแสยะยิ้มมุมปาก "ถ้าผัวมึงไม่โง่ก็โลภมาก มีเมียสวยหยาดเยิ้มแบบนี้ยังจะไปมีเมียน้อยอีก"
นภาหน้าซีดเผือด จักรขยับตัวในที่นั่ง เตรียมพร้อมกระโจนใส่หมอไสยดำถ้ามันพยายามจะทำอะไรนภาเพื่อนเขา
"มึงออกไป" หมอไสยดำหันมองจักร "พิธีกรรมต้องมีเพียงข้ากับอีนี่เท่านั้น"
นภาหันมองจักรหน้าซีดเผือด
"ข้าจะไม่ไปไหนโดยไม่มีเพื่อนข้าไปด้วยเด็ดขาด!" จักรพูดเสียงเข้ม มองหน้าหมอไสยดำตรงๆ อย่างท้าทาย
"อ้าว" หมอไสยดำหันมองนภา "นี่มึงไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะทำของใส่ผัวมึงเรอะ?"
นภาผงกหัวเร็วๆ
"จะทำพิธีกรรมมันก็ต้องมีขั้นตอนของมัน ถ้ามึงไม่ทำตามที่กูบอก แล้วพิธีกรรมมันจะไปสำเร็จได้ยังไง" หมอไสยดำพูดเรื่อยๆ "มึงออกไปรอข้างนอก" เขาพูดกับจักร "ทิ้งอีนี่ไว้กับกู อีกสองชั่วโมงถึงจะเสร็จ"
จักรลังเล เขาหันมองนภาและเธอพยักหน้าเป็นเชิงบอกเขาให้ทำตามที่หมอไสยดำบอก จักรมองนภานิ่งนาน ก่อนถอนใจแล้วเดินออกประตูไป
--------
เกือบสามชั่วโมงผ่านไป จักรนั่งรออยู่ที่บันไดนอกตัวบ้าน เขาเริ่มนั่งไม่ติดที่ตอนเห็นเพื่อนเปิดประตูออกมา นภาหน้าซีดเดินมาทางเขา "เรากลับกันเถอะ" เธอพูด
ตลอดทางตอนเดินกลับ นภาเงียบสนิทไม่พูดไม่จา จักรที่เดินนำทางอยู่คอยหันไปเช็กเพื่อนเรื่อยๆ พลางชวนคุยแต่ก็ไร้ผล พอทั้งสองเดินกลับมาถึงชายหาด เขาตัดสินใจถาม
"นภา ไอ้หมอไสยดำมันทำอะไรเธอหรือเปล่า?"
นภาหลบตา "เปล่าหรอก" เธอพูดเบาๆ แค่นั้น ไม่ได้พูดอะไรอีก
จักรถอนใจ "งั้นก็ดีแล้ว นี่ดึกมากแล้ว เราแยกย้ายกันกลับบ้านก่อนดีกว่า"
นภาพยักหน้า ยังคงก้มหน้าไม่สบตาจักร
--------
หวานพยายามแปลสิ่งที่พ่อพูดให้การันต์ฟังอย่างสุดความสามารถ เธอระวังในการเลือกคำไม่ให้มีความคิดเห็นส่วนตัวปะปนอยู่ในคำแปลเหล่านั้น ในใจรู้สึกสงสารการันต์ที่ต้องมาได้ยินเรื่องราวแบบนี้ผ่านเธอ เขาคงรู้สึกอับอายอยู่ไม่น้อยทีเดียว ส่วนตัวเธอเองก็รู้สึกอับอายไม่น้อยไปกว่าเขา เพราะพ่อของเธอเองก็อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย
"หลังจากวันนั้น นภาก็เปลี่ยนไป" พ่อจักรพูดก่อนยกบุหรี่ขึ้นสูบ "จำได้ว่าสองสามวันหลังจากนั้น ฉันกำลังจะเดินไปซื้อของที่ตลาดแล้วไปเจอนภานั่งกอดเข่าโยกตัวไปมาอยู่คนเดียวที่ชายหาด พอเดินเข้าไปใกล้ ฉันต้องหยุดอยู่ข้างหลังเธอเป็นนาน" นิ้วที่คีบบุหรี่ของเขาสั่นระริก "วันนั้นนภารวบผมเป็นมวย แต่เงาเธอที่ทอดอยู่ข้างหลังมีผมยาวแผ่สยาย มันขยับไหวช้าๆ เหมือนงูเป็นร้อยตัว"
"ตอนนั้นฉันกลัวไม่รู้จะทำยังไงเลยวิ่งหนีออกมา นั่งคิดนอนคิดอยู่หลายวันว่าสิ่งที่เห็นมันคืออะไรกันแน่ ตาฝาดไปหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีคำตอบจะให้กับตัวเอง เลยตัดสินใจออกไปหานภาอีกครั้ง เขาเคยบอกว่าพักอยู่ที่โรงแรมใกล้ๆ ในตัวเมือง พ่อเลยไปหาเธอที่นั่น"
"พ่อไม่ได้ไปหาเธอที่ห้องนะ เราแค่นั่งคุยกันที่ล็อบบี้โรงแรม นภาดูเปลี่ยนไป หน้าตาซีดเซียวไม่สดใสเหมือนก่อน พ่อจำได้ว่าตอนพบกันครั้งแรกที่ชายหาด นภาดูเศร้าเรื่องสามีนอกใจก็จริง แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วเขาก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใสดี แต่นภาที่พ่อไปพบที่โรงแรมวันนั้นไม่หลงเหลือความแจ่มใสอยู่อีกเลย เธอดูเหม่อลอย ถามคำตอบคำ แถมยังดูเหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ตอนนั้นพ่อคิดว่าอาจจะเป็นเพราะไอ้หมอไสยดำมันข่มขู่อะไรเธอหรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะถามคาดคั้นกี่ครั้งก็ได้คำตอบเดิมคือเธอไม่เป็นไร"
"อีกอย่างที่ผิดสังเกตคือนภาใส่เสื้อผ้ามิดชิด ทั้งๆ ที่เกาะกำพันอากาศร้อนอบอ้าวแทบทุกวัน เธอใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาว พอพ่อถามเธอก็ว่าแอร์ในห้องมันเย็น มีอยู่ครั้งนึงพ่อแอบเห็นที่ข้อมือเธอมีรอยกรีดลึกหลายรอย พอถามเธอก็เงียบ เอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมบอกอะไร หลังจากนั้น ฉันเป็นห่วงเลยพยายามไปพบเธอทุกวัน แต่ทุกวันก็เหมือนเดิม นภาเงียบ ไม่ช่างคุยเหมือนก่อน นานเข้าฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองอาจจะรบกวนนภามากเกินไป บางทีเธออาจจะอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ บ้างก็ได้ ก็เลยตัดสินใจให้เวลาเธอได้อยู่คนเดียวบ้างสักสามสี่วัน"
"จนเข้าวันที่ห้า ฉันตัดสินใจไปหานภาอีกครั้ง พอไปถึงโรงแรม ปรากฎว่าที่หน้าโรงแรมมีกลุ่มคนยืนอยู่เต็มไปหมด และมีรถร่วมกตัญญูจอดอยู่ด้วย พอเข้าไปดู ถึงได้รู้ว่านภากระโดดตึกฆ่าตัวตาย" พูดมาถึงตรงนี้ พ่อจักรน้ำตาคลอ
พ่อจักรมองการันต์ "ฉันขอโทษนะ ที่ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้นเพื่อช่วยแม่ของเธอ ตอนนั้น ฉันบอกตัวเองว่าท่าทีแปลกๆ พวกนั้นเป็นเพราะเธอเสียใจที่สามีนอกใจ ถ้าฉันไปหาแม่ของเธอเร็วกว่านั้น ถ้าเพียงแต่ฉันไปพบไปเป็นเพื่อนคุยกับแม่เธอทุกวัน เรื่องแบบนี้อาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้"
หวานมองการันต์ขณะตัวเองพยายามกลั้นน้ำตา การันต์ก้มหน้าพลางส่ายหน้าก่อนพูด
"โรงแรมที่แม่เสีย.. ชื่อโรงแรมอะไรครับ" การันต์ถาม
"กำพันอินน์" พ่อจักรตอบ
หวานกับการันต์ตาเบิกโพลงก่อนหันมองหน้ากัน นั่นเป็นโรงแรมเดียวกันกับที่พวกเขาเข้าพัก
-- จบตอน --