คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?

บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL) - ตอนที่ ๖ ภาพจำอดีตของเด็กชายพบกล้า โดย ดาวดวงที่ห้า @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,#BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

#BL,พีเรียดไทย,ดราม่า

รายละเอียด

บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL) โดย ดาวดวงที่ห้า @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?

ผู้แต่ง

ดาวดวงที่ห้า

เรื่องย่อ

คำเตือน

นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างถี่ถ้วน

*****

    นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวแต่งที่เกิดจากจินตนาการเท่านั้น ตัวละคร ฉาก สถานที่
และเหตุการณ์ในเรื่องล้วนสมมุติขึ้นมาทั้งหมด
ไม่ได้มีการพาดพิงถึงใคร ไม่ได้เน้นหลักความสมเหตุสมผลหรือหลักการความเป็นจริงเท่าที่ควรนะคะ

    นิยายวายพีเรียด ไม่อิงประวัติศาสตร์ใด ๆ ภาษาที่ใช้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด อาจมีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย เพื่อให้เข้ากับบริบทของตัวละคร (ตรงส่วนนี้ต้องขออภัยล่วงหน้าค่ะ)

    เนื้อหาในนิยายมีการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคมอย่างชัดเจน มีการใช้อำนาจ การดูถูกเหยียดหยาม การถูกกีดกันต่าง ๆ มีฉากความรุนแรง กักขัง ทำร้ายร่างกาย บังคับขู่เข็ญ ไปจนถึงฆาตกรรม มีการกล่าวถึงไสยศาสตร์ ความเชื่อ วิญญาณ ความสูญเสีย

    ตัวละครในเรื่องบางตัวละครมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรลอกเลียนแบบ

*****

   เรื่องราวความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน นำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ยากจะลืมเลือน

  เมื่อคุณชายคำหอม บุตรชายเพียงคนเดียวของพระยาคมศักดิ์ ผู้ปกครองเมืองภูคำใต้ ดันไปตกหลุมรัก พบกล้า ทาสหนุ่มในเรือนของตนเข้าอย่างจัง และเพราะความผูกพันที่ทั้งคู่มีให้กันตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้พวกเขาต่างชอบพอกัน จนก่อตัวเป็นความรักในที่สุด แต่มันดันติดปัญหาตรงที่พวกเขาทั้งคู่ไม่เหมาะสมที่จะเคียงคู่กันเลยสักนิดนี่สิ

  เมื่อคนหนึ่งเป็นถึงคุณชายผู้สูงศักดิ์ กับอีกคนเป็นแค่ทาสใช้แรงงานผู้ต่ำต้อย

  เมื่อคนหนึ่งมีคู่หมั้นหมายที่เหมาะสมกันทั้งหน้าตา ฐานะและยศศักดิ์ กับอีกคนที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีความเหมาะสมใด ๆ เลยสักนิดเดียว

  เมื่อคนหนึ่งรักมากจนแสดงออกมาอย่างชัดเจน กับอีกคนที่รักมากแต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้

  เมื่อคนหนึ่งรักสุดหัวใจ จนไม่สนเรื่องความถูกต้องและความเหมาะสมใด ๆ กับอีกคนที่รักสุดใจ แต่ไม่สามารถมอบความรักให้อีกฝ่ายได้ เพราะเจียมตัวว่าเราต่างไม่คู่ควรกัน 

*****

   ความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน หากยังคงฝืนรักกันต่อไป อาจนำมาซึ่งความสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปตลอดกาล

สารบัญ

บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-บ่วงเจ้าคำหอม อารัมภบท,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๑ คำสัญญาของทาสหนุ่ม,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๒ ดวงจิตของคำหอม,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๓ เรื่องที่ยากจะลืมเลือน,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๔ ความปรารถนาของทาสหนุ่ม,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๕ เบาะแสจากภาพความฝัน,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๖ ภาพจำอดีตของเด็กชายพบกล้า,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๗ ภาพจำเมื่อครั้งแรกเจอ,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๘ สาเหตุแรกของความเกลียดชัง,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๙ จากเด็กชายตัวน้อยสู่ชายหนุ่มผู้เติบโต,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๑๐ เราต่างมีอิทธิพลต่อจิตใจ,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๑๑ รักแรกของว่าที่คู่หมั้น,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๑๒ ว่าที่คู่หมั้นที่คำหอมไม่ปลื้ม,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๑๓ ข้อตกลงที่ไม่คาดคิด,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๑๔ พบกล้าใจดีกับคำหอมเสมอ,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๑๕ ความสุขของคำหอม,บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)-ตอนที่ ๑๖ ฉัตรผู้ซื่อตรง

เนื้อหา

ตอนที่ ๖ ภาพจำอดีตของเด็กชายพบกล้า

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

.

.

.

   ทาสในเรือนพระยาคมศักดิ์ ต่างเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสุขและความท้าทาย ที่ต้องเตรียมรับมือให้พร้อมทุกสถานการณ์ ซึ่งต่างจากทาสหนุ่มอย่างพบกล้า ที่เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความคะนึงนิจ คงมีเพียงสิ่งเดียวที่พบกล้าไม่ได้แตกต่างไปจากทาสในเรือนคนอื่น ๆ นั่นก็คือหน้าที่ที่ตนต้องรับผิดชอบเหมือนอย่างทุกวัน ต่อให้ในยามนี้จะเศร้าโศกเสียใจ เจ็บปวดเจียนตาย หรือหวนคิดถึงบางสิ่งบางอย่างมากเพียงใด สุดท้ายแล้วหน้าที่ของตนย่อมมาก่อนความรู้สึกในใจเสมอ

   ยามที่สายลมอ่อน ๆ พัดพากลิ่นหอมของดอกมะลิตามทางเดินระหว่างเรือน สายตาของพบกล้าสะดุดเข้ากับต้นมะลิที่คุ้นเคย แม้กาลเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานหลายปี แต่มะลิต้นนี้ยังคงออกดอกเบ่งบานเสมอ และนั่นทำให้พบกล้าหวนนึกถึงความทรงจำวันเก่า ๆ ที่เคยมีกันและกัน

   ภาพของเด็กชายตัวเล็ก ๆ เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน อายุราว ๆ แปดขวบ แอบมานั่งร้องไห้อยู่คนเดียวตรงต้นมะลิต้นนี้ แม้จะร้องไห้เสียใจจนน่าสงสาร แต่มือเล็กป้อม ๆ กลับอยู่ไม่นิ่ง เด็ดดอกมะลิตรงต้นจนเกือบหมด หากตัวเขาไม่เดินเข้าไปห้าม มีหวังมะลิต้นนั้นได้เหลือแต่ใบเปล่า ๆ แน่นอน

  ภาพเด็กชายตัวน้อยที่ตกใจเมื่อเห็นหน้าเขา ก่อนจะพยายามส่งยิ้มและยื่นบางอย่างมาให้เขา ทั้ง ๆ ที่หยาดน้ำตาแห่งความเสียใจมันมากเกินกว่าจะฝืนยิ้มได้ แต่พบกล้ากลับรู้สึกเอ็นดูมากกว่าจะดุด่า นับว่านั่นเป็นภาพที่พบกล้าไม่เคยลืมเลือนไปจากใจ เพราะนั่นเป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้จักกับเด็กชายที่ชื่อว่า…คำหอม

   .

   .

   .

ย้อนกลับไปเมื่อสิบหกปีก่อน


   “ฮึก…ฮือ”

   เสียงสะอื้นร่ำไห้ของใครบางคนดังขึ้นอยู่ไม่ไกล ในขณะที่พบกล้ากำลังให้ความสนใจกับการช่วยแบ่งเบาภาระงานของเหล่าพี่น้องทาสใช้แรงงาน ด้วยการทำสิ่งที่เด็กในวัยสิบเอ็ดปีสามารถทำได้ เพราะเหตุนี้ในแต่ละวัน พบกล้าจึงมีหน้าที่ในการปัดกวาดเช็ดถู บริเวณศาลาพักพิงและตามทางเดินระหว่างเรือนหลักกับเรือนรอง

   ก่อนที่เสียงสะอื้นร่ำไห้นั่นจะดังขึ้นเรื่อย ๆ แม้พบกล้าจะทำเป็นไม่สนใจ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกที่จะเดินตามต้นเสียงไปอยู่ดี ภาพของเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่กำลังนั่งร่ำไห้อยู่อย่างโดดเดี่ยว สร้างความตกใจให้กับพบกล้า ในวัยสิบเอ็ดปีอยู่ไม่น้อย เขาไม่เคยเห็นเด็กคนนั้นมาก่อน เด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขาที่พบกล้ารู้จักก็มีอยู่ไม่กี่คน และเด็กพวกนั้นต่างเป็นทาสเหมือนเขากันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นทาสใช้แรงงานหรือทาสคนครัวก็ตาม

   แต่พบกล้ากลับไม่คุ้นหน้าคุ้นตาเด็กชายที่กำลังร่ำไห้อยู่เลย หรือบางทีเด็กคนนั้นอาจจะเป็นลูกของทาสคนสนิทผู้เป็นนายก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นจริง การที่พบกล้าไม่รู้จักหรือไม่เคยเห็นเด็กชายคนนั้นมาก่อน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เพราะทาสคนสนิทผู้เป็นนาย ไม่ได้พักอาศัยอยู่ใกล้กับที่ทาสใช้แรงงานและทาสคนครัว ที่นาน ๆ ครั้งจะมีโอกาสได้มาเจอกัน

   แล้วเด็กคนนั้นมานั่งร้องไห้อยู่ตรงต้นมะลิใกล้กับเรือนรองได้อย่างไร ในบรรดาพี่น้องทาสใช้แรงงาน เคยเอ่ยย้ำเตือนพบกล้าเสมอว่า บริเวณเรือนรองแห่งนี้เป็นที่เฉพาะของผู้เป็นนายเท่านั้น หากไม่ได้มีคำสั่งให้มาทำอะไรแถวบริเวณนี้ เหมือนอย่างที่พบกล้าต้องคอยมาทำความสะอาด ทาสอย่างพวกเขาไม่มีสิทธิ์เข้ามาเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะเหตุใดเด็กชายคนนั้นถึงมานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ได้

   ความเข้าใจผิดของพบกล้าที่คิดว่าเด็กชายคนนั้น ต้องเป็นลูกชายของทาสคนใดคนหนึ่งแน่ ๆ นั่นจึงทำให้เขารีบโยนอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดทิ้งโดยไม่สนใจเลยว่ามันจะหล่นไปในทิศทางใด ก่อนจะใช้ความกล้าของตนรีบเดินปรี่เข้าไปเตือนเด็กคนนั้นทันที เพราะกลัวว่าหากผู้เป็นนายมาเห็นเข้า เด็กคนนั้นอาจจะโดนลงโทษก็เป็นได้

   “ฮึก…ฮือ”

   เสียงร่ำไห้แทบขาดใจของเด็กชายคนนั้น ค่อนข้างสร้างความสะเทือนใจให้กับพบกล้าที่แอบยืนดูอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเด็กตัวเล็ก ๆ คนนั้นถึงมานั่งร่ำไห้อยู่เพียงลำพัง แต่ยิ่งได้เห็นน้ำตาของอีกฝ่ายพบกล้ากลับยิ่งสงสาร จากที่ต้องการจะดุด่า เพราะเด็กคนนั้นเอาแต่เด็ดดอกมะลิทิ้งลงพื้น แต่ในยามนี้พบกล้ากลับเลือกที่จะพยายามเข้าหาอีกฝ่ายด้วยการใช้น้ำเสียงนุ่มนวลแทน

   “นี่…ทำเช่นนั้นมิดีเลยหนา หากเจ้ายังคงเด็ดมันต่อไป ดอกมะลิพวกนั้นจะเจ็บปวดเอาหนา”

   เพราะเสียงเอ่ยห้ามของผู้มาเยือน ทำให้เด็กชายตัวน้อย ๆ สะดุ้งตกใจ มือเล็กป้อม ๆ ของเด็กชายตัวน้อยชะงักลง ก่อนจะเงยหน้าไปตามเสียงเอ่ยห้าม ภาพของเด็กชายที่มีร่างกายและอายุค่อนข้างที่จะโตกว่าตน เด็กชายตัวโตคนนั้นกำลังเดินตรงเข้ามาเรื่อย ๆ ด้วยความหวาดกลัวว่าอีกฝ่ายจะมาลงโทษตน ทำให้เด็กชายตัวน้อยตัดสินใจ เอ่ยถามเด็กชายตัวโตทันที

   “ฮึก…พี่จะมาดุด่าข้าเช่นกันใช่ฤๅไม่”

   “เหตุใดข้าจะต้องดุด่าเจ้าด้วยเล่า ฤๅว่าที่เจ้ากลัวข้าดุด่า เพราะเจ้ารังแกดอกมะลิพวกนี้กัน”

   สายตาของพบกล้ามองไปยังดอกมะลิที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นหญ้า โดยฝีมือของเด็กชายตัวน้อย ที่กำลังส่งสายตาหวาดกลัวมายังเขา แม้ใจจริงพบกล้าก็อยากจะเข้ามากล่าวเตือนและดุด่าถึงเรื่องนี้ แต่ยิ่งได้เห็นเด็กชายตรงหน้า กำลังตกใจและหวาดกลัว พบกล้าจึงเลือกที่จะพูดปลอบใจเด็กชายคนนี้แทน

   “มิรู้…ฮึก ข้ามิรู้ ตะ…แต่ท่านพ่อดุด่าข้า” เด็กชายตัวน้อยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ

   “หากเจ้าทำผิดจริง ๆ ท่านพ่อก็ต้องดุด่าเจ้า นั่นก็ถูกต้องอยู่แล้วมิใช่ฤๅ”

   ทุกครั้งที่พบกล้าทำผิด เขาเองก็มักจะถูกบิดาของตนดุด่าเช่นกัน และพบกล้าเองก็คิดว่าเด็กคนนี้อาจจะทำบางสิ่งบางอย่างที่ผิดจริง ๆ ถึงได้โดนดุด่า จนต้องแอบหนีมานั่งร้องไห้ในที่ที่ไม่ควรมา

   “ฮึก…ข้าก็แค่เหงา ข้าอยากเล่นกับท่านพ่อ แต่ท่านพ่อกลับดุด่าข้า บอกว่าข้ามิเกรงใจผู้อื่น แถมยังไล่ข้าออกมา ท่านพ่อมิรักข้าแล้ว…ข้าเสียใจ”

   แววตาสั่นไหว อีกทั้งน้ำเสียงสั่นเครือของเด็กชายตรงหน้า ทำให้พบกล้าอดสงสารไม่ได้ พบกล้ารู้ดีว่าความเหงามันเป็นเช่นไร เพราะเขาเองก็เคยสัมผัสกับความรู้สึกนี้มาก่อน ตั้งแต่ที่รับรู้ว่าผู้เป็นมารดาของตนได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับตลอดกาล เพราะแบบนี้เขาถึงได้เข้าใจความรู้สึกของเด็กชายตัวน้อย

   “ท่านพ่อของเจ้าทำงานอยู่ใช่ฤๅไม่” พบกล้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง เขาไม่ได้ต้องการทำให้เด็กชายตัวน้อยคนนี้รู้สึกหวาดกลัวไปมากกว่านี้

   “ฮึก…อื้อ” เด็กชายตัวน้อยพยักหน้าตอบกลับ

   “ท่านพ่อของเจ้ายังรักเจ้าเสมอแหละหนา เพียงแค่ในยามนี้ท่านพ่อของเจ้าอาจมิว่างมาเล่นกับเจ้า และเจ้าก็เอาแต่งอแง ท่านพ่อของเจ้าแค่โมโหที่เจ้าไปกวนเวลาทำงานก็เป็นได้”

   “แต่ข้าเหงา ฮึก…ข้ามิได้อยากเล่นคนเดียวเสียหน่อย”

   “เจ้าเหงา เจ้าโดดเดี่ยว แต่เจ้าก็มิควรเด็ดมันเล่นเช่นนี้สิ ดอกมะลิพวกนี้อาจรู้สึกเจ็บปวดก็เป็นได้ เข้าใจฤๅไม่”

   “ข้า…ฮึก ข้าเข้าใจแล้ว ข้าขอโทษ ข้ามิได้ตั้งใจจริง ๆ ข้าจะมิทำเช่นนี้อีก”

   คำเอ่ยขอโทษอันสั่นเครือของเด็กชายตัวน้อย มันออกมาจากความรู้สึกใจจริง เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะเด็ดมะลิพวกนี้ออกจากต้น แต่เพราะรู้สึกน้อยใจบิดา จนเผลอเอาความรู้สึกเสียใจทั้งหมดไปลงกับดอกมะลิพวกนี้

   “อย่าร่ำไห้ไปหนา ข้ามิได้ดุด่าเจ้ารุนแรงเสียหน่อย ข้าเพียงแค่อธิบายให้เจ้าเข้าใจเสียมากกว่า”

   “ข้าขอโทษ…ฮึก ถ้าเช่นนั้น ดอกนี้ข้าให้พี่”

   แม้จะร่ำไห้อยู่ แต่เด็กชายตัวน้อยก็พยายามเผยรอยยิ้มเจื่อน ๆ พร้อมกับค่อย ๆ ยื่นมือเล็กป้อม ๆ ของตน มอบดอกมะลิในมือให้กับพบกล้าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

   เมื่อเห็นว่าเด็กชายตัวน้อยพยายามยื่นดอกมะลิมาให้ พบกล้าก็เอื้อมมาไปรับมาอย่างไม่ลังเล ก่อนจะนำดอกมะลิในมือไปทัดหูเด็กน้อยคนนั้นแทน เขารู้สึกเอ็นดูเด็กชายคนนี้อยู่ไม่น้อย ราวกับว่าในยามนี้อีกฝ่ายเป็นคนในครอบครัว เป็นน้องชายที่พี่ชายอย่างเขาต้องคอยดูแลและทะนุถนอมไปเสียแล้ว

   “ดูสิดอกมะลินี่เหมาะกับเจ้าเสียจริง เจ้าเป็นเด็กน่ารัก เจ้าเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าหนา”

   “ฮึก…ท่านแม่ก็เคยบอกข้าเช่นนั้น”

   มือเล็กป้อม ๆ พยายามเช็ดน้ำตาของตนอย่างช้า ๆ ก่อนจะพยายามหันมายิ้มให้กับพี่ชายตรงหน้า ในยามนี้เด็กชายตัวน้อยไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอีกฝ่าย เขากลับรู้สึกชอบอีกฝ่ายขึ้นมา ชอบที่อีกฝ่ายพยายามพูดปลอบใจ ชอบที่อีกฝ่ายไม่ดุด่าเขาทั้ง ๆ ที่เขาเองก็ทำผิด และชอบที่อีกฝ่ายเหมือนเป็นพี่ชายที่คอยปกป้องเขาได้ มันคงจะดีไม่น้อยหากเขามีพี่ชายที่แท้จริง พี่ชายในสายเลือดที่สามารถปกป้องและคอยเป็นเพื่อนเล่นกับเขาได้ เขาก็อยากได้พี่ชายที่มีนิสัยเหมือนคนตรงหน้าเสียจริง

   “ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรรึ” พบกล้าเอ่ยถามอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าเด็กชายตัวน้อยเริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้ว

   “ข้าชื่อ…คำหอม คำหอมคือชื่อของข้าเอง แล้วพี่ล่ะชื่ออะไรรึ” เด็กชายคำหอมเอ่ยถามกลับ

   “พบกล้า…ข้าชื่อพบกล้า”

   “อื้อ…พี่กล้ากับน้องคำหอม”

   รอยยิ้มสดใสและท่าทางตื่นเต้นเผยให้เห็นอีกครั้ง ก่อนที่นิ้วเล็กป้อม ๆ นั่น จะสลับชี้ไปยังตนเองกับพี่ชายตรงหน้า เพื่อเป็นการเน้นย้ำว่าอีกฝ่ายชื่อพบกล้า ส่วนตัวเขาชื่อคำหอม

   ตั้งแต่เกิดมาเด็กชายคำหอมไม่เคยมีเพื่อนหรือพี่ชายมาก่อน หากมารดาของเขาไม่ว่างมาเล่นด้วย เขามักจะต้องเล่นคนเดียว เด็กชายคำหอมมีความเหงาและความโดดเดี่ยวคอยเป็นเพื่อนมาตลอด และการได้รู้จักพี่ชายที่ชื่อพบกล้าในวันนี้ ทำให้เด็กชายคำหอมรู้สึกมีความสุขมากกว่าวันไหน ๆ

   “ใช่แล้ว”

   น้ำเสียงตื่นเต้นและรอยยิ้มสดใสของเด็กชายวัยแปดขวบ เป็นอะไรที่น่ารักสำหรับผู้พบเห็น แน่นอนว่าสำหรับพบกล้าเองเช่นกัน เขาไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เด็กชายตรงหน้า เจอเรื่องเลวร้ายอะไรมาก่อนหรือไม่ แต่การที่ได้เห็นแววตาและสีหน้าแห่งความสุขยามได้อยู่กับตน พบกล้าก็เข้าใจได้ทันทีว่าในยามนี้อีกฝ่ายมีความสุขมากกว่าครั้งไหน ๆ

   “ในเมื่อเจ้าอารมณ์ดีขึ้นแล้ว อีกประเดี๋ยวข้าจะพาเจ้ากลับไปหาแม่เจ้าเอง ว่าแต่แม่ของเจ้าอยู่ที่ไหนรึ” พบกล้าเอ่ยถามเด็กชายคำหอมอีกครั้ง

   “อื้อ…ท่านแม่ของข้าอยู่ที่เรือนหลัก พี่รู้จักเรือนหลักฤๅไม่” เด็กชายคำหอมถามกลับ

   “รู้จักสิ…ข้าจะพาเจ้าไปเอง อยู่มิไกลจากกงนี้เท่าใด”

   “อื้อ หากพี่กล้าจะไปส่งข้า ข้าไป…ข้าจะไปกับพี่กล้า” เด็กชายคำหอมกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ อย่างน้อย ๆ พี่ชายตรงหน้าก็ไม่ได้คิดที่จะทิ้งเขาไว้คนเดียว แถมยังยินดีที่จะไปส่งเขาอีก

   “ฮ่าฮ่า…ไปกันเถอะ เจ้าเดินตามข้ามาหนา” พบกล้าเอ่ยขึ้นด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหันหลังเตรียมตัวนำทางให้กับเด็กชายคำหอม แต่ไม่ทันที่จะได้เดินไปไหน เขากลับต้องชะงักไปครู่หนึ่ง

   “หือ…” พบกล้ารู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่จู่ ๆ ก็มีบางอย่างมาสัมผัสเข้าที่ฝ่ามือหยาบกร้านของตน ก่อนที่สายตาจะมองเห็นตัวการเจ้าปัญหา จนทำให้เขาเผลออมยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู

   มือเล็กป้อม ๆ ของเด็กชายคำหอมพยายามกอบกุมฝ่ามือของเขา แต่เพราะขนาดมือและความสูงที่แตกต่างกัน ทำให้มือเล็กป้อม ๆ ดูน่ารักน่าเอ็นดูนั่น กอบกุมได้เพียงนิ้วนางและนิ้วก้อยข้างซ้ายของพบกล้าเท่านั้น

   “ที่เรือนนี้มันกว้างใหญ่มาก ข้ากลัวหลงทาง ข้าขอจับมือพี่ได้ฤๅไม่” แม้มือเล็กนั่นจะจับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่เด็กชายคำหอมยังคงเอ่ยขึ้น เพื่อเป็นการขออนุญาตอีกฝ่ายอยู่ดี

   “ได้สิ…เจ้าเด็กน้อย”

   พบกล้าปล่อยให้เด็กชายคำหอมที่ยามนี้เปรียบเสมือนน้องชายของตน ได้จับมือของเขาเอาไว้เพื่อความสบายใจของอีกฝ่าย พบกล้าเข้าใจดีว่าเรือนไทยแห่งนี้มีขนาดใหญ่โต หากเด็กชายคำหอมกลัวจะหลงทางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ขนาดพบกล้าเองก็เคยหลงทางมาก่อน แน่นอนว่าพบกล้าไม่ลืมที่จะค่อย ๆ เดินช้า ๆ เพื่อให้เด็กชายคำหอมสามารถก้าวขาตามทัน

   “พี่กล้า…หลังจากนี้ หากข้าเหงา ข้าขอมาเล่นกับพี่ได้ฤๅไม่”

   น้ำเสียงสดใสของเด็กชายคำหอม พยายามเอ่ยถามพี่ชายข้างกาย ในระหว่างเดินทางกลับไปยังเรือนหลักที่มารดาของตนพักอาศัยอยู่

   “ได้สิ…หากเจ้าหาข้าเจอ ข้ายินดีจะเล่นกับเจ้า”

   “ข้าจะตามหาพี่ให้เจอเอง” เด็กชายคำหอมเอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจ

   “หากเจ้าเป็นทาสใช้แรงงานเช่นเดียวกับข้า เจ้าก็หาข้าเจอได้ง่ายอยู่แล้วหนา”

   สำหรับพบกล้าแล้ว หากเด็กชายคำหอมเป็นลูกชายของทาสใช้แรงงานก็ดีไป เพราะพวกเขาสามารถหาตัวกันเจอได้ง่ายอยู่แล้ว แต่ถ้าอีกฝ่ายเป็นลูกชายของทาสคนสนิทผู้เป็นนายจริง ๆ โอกาสที่พวกเขาจะได้เจอกันอีกครั้งย่อมเป็นไปได้ยาก

   “แล้วเช่นนี้เราจะหากันเจอได้อย่างไรกัน เพราะข้าเองก็มิใช่ทาสเสียด้วยสิ”

   หลังจากได้ฟังคำพูดของอีกฝ่าย เด็กชายคำหอมดังกลับรู้สึกกังวลขึ้นมา เขาเพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นทาสใช้แรงงาน การที่ทาสใช้แรงงานและบุตรชายของเจ้าเรือน จะมาเล่นด้วยกันหรือแม้กระทั่งพูดคุยกัน เป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากบิดาของเด็กชายคำหอมไม่ค่อยพึงพอใจ เวลาเห็นบุตรชายที่เปรียบเสมือนของล้ำค่ามาข้องเกี่ยวกับทาสใช้แรงงานพวกนั้น

   เพราะแบบนี้เด็กชายคำหอมถึงได้ไม่มีเพื่อนเล่น บรรดาลูกของทาสในเรือนที่มีอายุไล่เลี่ยกับเด็กชายคำหอม ไม่มีใครกล้ามาพูดคุยหรือมาเป็นเพื่อนเล่นกับเด็กชายคำหอมเลยแม้แต่คนเดียว เพราะทุกคนต่างกลัวจะถูกลงโทษกันทั้งนั้น

   แล้วหลังจากนี้พวกเขาจะสามารถมาเจอกันได้หรือไม่ จะสามารถมาเล่นด้วยกันหรือพูดคุยกันแบบนี้ได้อีกหรือไม่ หากบิดาของตนรู้เรื่องเข้า พี่ชายคนนี้จะถูกลงโทษหรือไม่ เด็กชายคำหอมรู้สึกกลัวและกังวลไปหมด

  “หืม…เจ้าว่าอย่างไรหนา”

   พบกล้าเอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง เพราะน้ำเสียงของอีกฝ่ายค่อนข้างเบา ทำให้พบกล้าได้ยินในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดไม่ชัด

   “ข้ามิใช่ทาส แต่ข้าเป็น…”

   ในขณะที่เด็กชายคำหอมกำลังจะพูดออกไป จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกของใครบางคน มาเบี่ยงเบนความสนใจของเด็กชายคำหอมและพบกล้าไปจนหมด นั่นจึงทำให้พวกเขาทั้งคู่ต้องหันไปตามเสียงเรียกนั้นในทันที

   “คำหอมลูกแม่!”

   “ท่านแม่!”