คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,#BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ผู้แต่ง
ดาวดวงที่ห้า
เรื่องย่อ
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างถี่ถ้วน
*****
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวแต่งที่เกิดจากจินตนาการเท่านั้น ตัวละคร ฉาก สถานที่
และเหตุการณ์ในเรื่องล้วนสมมุติขึ้นมาทั้งหมด
ไม่ได้มีการพาดพิงถึงใคร ไม่ได้เน้นหลักความสมเหตุสมผลหรือหลักการความเป็นจริงเท่าที่ควรนะคะ
นิยายวายพีเรียด ไม่อิงประวัติศาสตร์ใด ๆ ภาษาที่ใช้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด อาจมีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย เพื่อให้เข้ากับบริบทของตัวละคร (ตรงส่วนนี้ต้องขออภัยล่วงหน้าค่ะ)
เนื้อหาในนิยายมีการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคมอย่างชัดเจน มีการใช้อำนาจ การดูถูกเหยียดหยาม การถูกกีดกันต่าง ๆ มีฉากความรุนแรง กักขัง ทำร้ายร่างกาย บังคับขู่เข็ญ ไปจนถึงฆาตกรรม มีการกล่าวถึงไสยศาสตร์ ความเชื่อ วิญญาณ ความสูญเสีย
ตัวละครในเรื่องบางตัวละครมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรลอกเลียนแบบ
*****
เรื่องราวความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน นำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ยากจะลืมเลือน
เมื่อคุณชายคำหอม บุตรชายเพียงคนเดียวของพระยาคมศักดิ์ ผู้ปกครองเมืองภูคำใต้ ดันไปตกหลุมรัก พบกล้า ทาสหนุ่มในเรือนของตนเข้าอย่างจัง และเพราะความผูกพันที่ทั้งคู่มีให้กันตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้พวกเขาต่างชอบพอกัน จนก่อตัวเป็นความรักในที่สุด แต่มันดันติดปัญหาตรงที่พวกเขาทั้งคู่ไม่เหมาะสมที่จะเคียงคู่กันเลยสักนิดนี่สิ
เมื่อคนหนึ่งเป็นถึงคุณชายผู้สูงศักดิ์ กับอีกคนเป็นแค่ทาสใช้แรงงานผู้ต่ำต้อย
เมื่อคนหนึ่งมีคู่หมั้นหมายที่เหมาะสมกันทั้งหน้าตา ฐานะและยศศักดิ์ กับอีกคนที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีความเหมาะสมใด ๆ เลยสักนิดเดียว
เมื่อคนหนึ่งรักมากจนแสดงออกมาอย่างชัดเจน กับอีกคนที่รักมากแต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้
เมื่อคนหนึ่งรักสุดหัวใจ จนไม่สนเรื่องความถูกต้องและความเหมาะสมใด ๆ กับอีกคนที่รักสุดใจ แต่ไม่สามารถมอบความรักให้อีกฝ่ายได้ เพราะเจียมตัวว่าเราต่างไม่คู่ควรกัน
*****
ความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน หากยังคงฝืนรักกันต่อไป อาจนำมาซึ่งความสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปตลอดกาล
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
ยามได้เห็นเด็กชายตัวน้อยพยายามโบกมือกวัดแกว่ง พร้อมทั้งส่งเสียงร้องเรียกตอบกลับมา ความรู้สึกโล่งใจราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก ส่งผลให้ผู้เป็นมารดาร่ำไห้ปล่อยโฮออกมาทันที เนื่องจากเมื่อประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ คุณหญิงจันทร์หอมทั้งตกใจและกระวนกระวายใจที่บุตรชายในสายเลือดหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากที่คำหอม บุตรชายของเธอได้มาร้องขออนุญาตไปหาพระยาคมศักดิ์ผู้เป็นบิดา แน่นอนว่าเธอเองก็ไม่ได้ห้ามบุตรชาย และจะตามไปภายหลัง เนื่องจากในยามนี้เธอกำลังวุ่นวายกับการช่วยทาสคนครัว จัดเตรียมของว่างให้สามี แต่ไม่ทันที่เธอจะได้สั่งให้คนติดตามคำหอมไป บุตรชายตัวน้อยของเธอดันวิ่งหายออกไปจากบริเวณนั้นเสียแล้ว แต่เธอเองก็ไม่ได้กังวลอะไร เนื่องจากบริเวณนี้ไม่ได้อยู่ไกลจากห้องทำงานของสามีมากนัก และบุตรชายของเธอเองก็น่าจะไปถูกทาง เพราะอีกฝ่ายมักชอบไปเล่นกับบิดาที่ห้องทำงานอยู่เสมอ
แต่เมื่อคุณหญิงจันทร์หอมได้ตามไปยังห้องทำงานของสามีพร้อมกับของว่างในมือ กลับพบว่าบุตรชายได้หายตัวไปเสียแล้ว ด้วยความร้อนรนและกังวลใจ กลัวว่าบุตรชายจะหลงทางและกลัวว่าอีกฝ่ายจะไปเล่นซนที่ไหนจนเกิดอุบัติเหตุได้ จึงได้พยายามวิ่งออกตามหาทุกซอกทุกมุมของเรือนไทยหลังนี้ โดยไม่สนใจแขกเหรื่อของสามีที่นั่งอยู่บริเวณนั้น รวมไปถึงเสียงเอ่ยห้ามของสามีเช่นกัน
หยาดน้ำตาแห่งความเป็นห่วงบุตรชายสุดที่รักของผู้เป็นมารดาหลั่งไหลออกมาไม่มีสิ้นสุด เธอทั้งตะโกนร้องเรียก ทั้งพยายามตามหาทุกซอกทุกมุม โดยไม่สนใจเลยว่าเสื้อผ้าเนื้อตัวของเธอในยามนี้ จะเปรอะเปื้อนจากการหกล้มคลุกคลานมากเพียงใด เธอไม่สนใจยังคงพยายามออกตามหาบุตรชายไม่หยุดหย่อน
แม้เรือนไทยแห่งนี้จะเป็นที่พักอาศัยของเด็กชายคำหอมเช่นกัน แต่ด้วยความที่คำหอมเองก็ยังเป็นเด็กชายอายุเพียงแค่แปดขวบ ที่ชอบเดินหลงทางอยู่บ่อย ๆ เรือนไทยแห่งนี้ก็มีขนาดใหญ่โตเกินบรรยาย สำหรับเด็กตัวเล็ก ๆ การจะเดินหลงทางในบ้านเรือนตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เพราะก่อนหน้านี้เด็กชายคำหอมก็เคยหลงทางมาก่อนแล้วเช่นกัน
“ฮึก…คำหอมลูกแม่ เจ้าไปอยู่ที่ใดกัน”
เสียงร่ำไห้และเสียงตะโกนร้องเรียกของคุณหญิงจันทร์หอมดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เพื่อหวังให้คนที่เธอกำลังตามหาได้ยินเสียงเรียกร้องของเธอ
“แม่ขอโทษ ขอโทษที่ปล่อยให้เจ้าคลาดสายตาไป”
“คุณหญิงเจ้าคะ ได้โปรดใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ พวกข้าจะช่วยกันตามหาอีกแรงนะเจ้าคะ”
ทาสคนสนิทของคุณหญิงจันทร์หอมเอ่ยขึ้น เธอ เองก็ไม่ได้อยากให้ผู้เป็นนายตื่นตระหนกไปมากกว่านี้
“ฮึก…ปิ่น ข้าเป็นห่วงลูกข้า คำหอมชอบหลงทางอยู่บ่อย ๆ เสียด้วย”
“พวกข้าจะกันช่วยตามหาคุณชายให้เจอขอรับ”
บรรดาทาสที่เหลือตอบกลับผู้เป็นนาย ก่อนจะพากันแยกย้ายออกตามหาคุณชายคำหอมทันที
“ฮึก…ข้าหวังว่าคำหอมคงมิเดินไปไกลถึงเรือนทาสแรงงานหรอกนะ ด้านหลังนั่นก็มีแต่ป่า ข้ากลัวเหลือเกิน กลัวว่าคำหอมจะเป็นอันตราย”
น้ำเสียงสั่นเครือของคุณหญิงจันทร์หอมเอ่ยพูดต่อหน้าทาสที่เหลืออยู่ หากบุตรชายของตนเดินหลงเข้าไปในป่าด้านหลังที่อยู่ไม่ไกลจากเรือนพักของทาสใช้แรงงานนั่นจริง ๆ มีหวังต้องระดมคนเกือบทั้งเมืองภูคำใต้ มาช่วยกันตามหาตัวบุตรชายของเธอเป็นแน่ เนื่องจากป่าด้านหลังนั่นทั้งรก ทั้งกว้างขวางเกินกว่าจะเดินสำรวจเพียงวันเดียวหมด
“คุณหญิงอย่าได้เป็นห่วงไปขอรับ พวกข้าจะช่วยกันไปดูกงนั้นเองขอรับ”
ทาสอีกสองสามคนที่เหลือ ตัดสินใจจะช่วยกันออกตามหาบริเวณจุดที่ผู้เป็นนายของเขากังวลเอง
“ฮึก…ข้าขอบใจ ขอบใจพวกเจ้ามากจริง ๆ”
ว่าจบทุกคนต่างก็แยกย้ายกันออกตามหาคุณชายคำหอมทันที รวมไปถึงคุณหญิงจันทร์หอมเองเช่นกัน เธอไม่นั่งรอให้ทาสในเรือนออกตามหาเพียงอย่างเดียว เธอเองก็พยายามตามหาบุตรชายของตนอย่างสุดความสามารถเช่นกัน
.
.
เป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการออกตามหาคุณชายคำหอม แต่กลับไม่มีใครพบเห็นอีกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นคุณหญิงคำหอมเองหรือแม้กระทั่งทาสในเรือน เพราะทุกคนต่างพากันแยกย้ายไปตามหาตรงจุดที่คิดว่าคุณชายคำหอมตัวน้อยน่าจะเดินหลงไป แต่กลับไม่มีผู้ใดพบเจอ
ท่าทางกระวนกระวายใจของคุณหญิงจันทร์หอมยังไม่สิ้นสุด เธอรีบย้อนกลับไปยังห้องทำงานของสามีพร้อมกับทาสติดตามส่วนหนึ่ง เพื่อหวังจะให้สามีช่วยออกตามหาคำหอมอีกแรง แน่นอนว่าการที่เธอวิ่งร่ำไห้ตรงไปยังห้องทำงานของสามีโดยที่มีแขกนั่งอยู่นั้น ทำให้สามีเริ่มรู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของคุณหญิงจันทร์หอม
เนื่องจากก่อนหน้านี้คำหอม บุตรชายของตนก็เพิ่งเข้ามางอแงเอาแต่ใจจนเขาต้องดุด่าไป มาครั้งนี้ก็เป็นภรรยาสุดที่รักแทน แต่เขาก็พยายามสงบสติอารมณ์และไม่ได้ตำหนิต่อว่าเธอต่อหน้าแขก พระยาคมศักดิ์พยายามเอ่ยเตือนให้ภรรยาของตนสงบสติอารมณ์ลง เขาจะช่วยตามหาอีกแรงแต่ต้องเป็นช่วงเวลาหลังจากที่เขาคุยงานสำคัญเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วเท่านั้น
คุณหญิงจันทร์หอมเองก็พยายามเข้าใจว่างานของสามีนั้นสำคัญมากเช่นกัน แต่หากจะให้เธอรอสามี ก็ไม่รู้ว่าจะตามหาบุตรชายเจอเมื่อไร คุณหญิงจันทร์หอมจึงตัดสินใจออกตามหาเองอีกครั้ง แต่ในขณะที่เธอกำลังจะเดินตรงไปยังห้องพักของบุตรชาย ก็มีเสียงร้องเรียกของทาสคนสนิทดังขึ้นมาเสียก่อน
“คะ…คุณหญิงเจ้าคะ เจ้าพวกนั้นแจ้งมาว่า เจอตัวคุณชายคำหอมแล้วเจ้าค่ะ”
หลังจากทาสคนสนิทของคุณหญิงจันทร์หอมได้รับข่าว ก็รีบมาแจ้งข่าวให้ผู้เป็นนายทราบทันที
“ฮึก…จริงฤๅปิ่น อยู่ที่ใด คำหอมของข้าอยู่ที่ใดกัน” น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจของคุณหญิงจันทร์หอมดังขึ้นอีกครั้ง
“อยู่กงเรือนรอง แถว ๆ ต้นมะลิเจ้าค่ะ” ทาสคนสนิทตอบกลับผู้เป็นนาย
“ฮึก…อยู่ใกล้ ๆ เองสินะ ไยข้ามิได้คิดถึงกงนั้นเลยสักนิด ปิ่น…เจ้ารีบพาข้าไปทีเถิด”
หากบุตรชายของตนอยู่แถว ๆ เรือนรองจริง เท่ากับว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้กับเธอมากจริง ๆ ห้องทำงานของสามีอยู่ในเรือนหลัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเรือนรองเสียด้วย แต่เพราะเหตุใดถึงไม่มีผู้ใดคิดถึงบริเวณจุดนั้นเลยแม้กระทั่งเธอเองเช่นกัน คุณหญิงคำหอมคิดเพียงว่าจะลองไปตามหาบุตรชายที่ห้องพักของอีกฝ่าย ซึ่งแน่นอนว่าห้องของบุตรชายก็อยู่ตรงเรือนรองเช่นกัน แต่เธอกลับลืมคิดถึงบริเวณรอบด้านแถวนั้นไปเสียสนิท
“ค่อย ๆ เดินนะเจ้าคะ”
.
.
.
ขณะเดียวกันทางด้านของคุณชายคำหอม
ระหว่างทางที่พบกล้าเดินเคียงข้างเด็กชายคำหอมไปยังจุดหมายปลายทางที่อีกฝ่ายต้องการจะไป บทสนทนาระหว่างพวกเขายังคงดังขึ้นไม่ขาดสาย แน่นอนว่าการได้มาเจอกับเด็กชายคำหอมในวันนี้ ทำให้พบกล้ารู้สึกแตกต่างไปจากทุกวัน เขาไม่เคยเจอเด็กคนไหนที่น่ารักน่าเอ็นดู และพูดเก่งเท่ากับคำหอมมาก่อน แม้ตอนเจอกันในช่วงแรกอีกฝ่ายจะมีแต่น้ำตาและความเศร้าเสียใจ แต่ในยามนี้อีกฝ่ายกับมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะไปแล้ว
“พี่กล้า…หลังจากนี้ หากข้าเหงา ข้ามาเล่นกับพี่ได้ฤๅไม่” คำหอมเอ่ยถามพี่ชายข้างกาย
“หากเจ้าเป็นทาสใช้แรงงานเช่นเดียวกับข้า เจ้าก็หาข้าเจอได้ง่ายอยู่แล้วหนา”
“แล้วเช่นนี้เราจะหากันเจอได้อย่างไรกัน เพราะข้าเองก็มิใช่ทาสเสียด้วยสิ”
“หืม…เจ้าว่าอย่างไรหนา”
เพราะมัวแต่ให้ความสนใจกับสิ่งรอบด้านที่แลดูวุ่นวายไปเสียหมด ทำให้พบกล้าไม่ค่อยได้ยินคำพูดอันแผ่วเบาของเด็กชายคำหอม พบกล้าได้แต่ตั้งคำถามในใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดทาสคนอื่น ๆ ถึงได้พากันแตกตื่นยามได้เห็นหน้าเขา แถมยังมีทาสบางส่วนรีบย่างกรายตรงมาทางเขาทันที
เมื่อเห็นว่ามีทาสบางส่วนเดินตรงมาทางพวกเขา เด็กชายตัวน้อยจึงเลือกที่จะหยุดเดิน และเริ่มพูดสิ่งบางอย่างออกมา หวังจะให้พี่ชายข้างกายได้ยินในสิ่งที่เขาต้องการจะเอ่ย
“ข้ามิใช่ทาส แต่ข้าเป็น…”
ไม่ทันที่เด็กชายคำหอมจะพูดจบ น้ำเสียงคุ้นเคยก็ทำให้พวกเขาทั้งคู่เบี่ยงเบนความสนใจไปยังต้นเสียงทันที
“คำหอมลูกแม่!”
“ท่านแม่!”
คุณหญิงจันทร์หอมที่เห็นบุตรชายของตนกำลังตะโกนตอบกลับ พร้อมกับโบกมืออย่างดีใจ เธอก็รีบวิ่งตรงมาหาบุตรชายอย่างไม่รีรอ
ภาพของสองแม่ลูกที่กำลังยืนกอดกันกลม ทำให้พบกล้าได้แต่ยืนมองพวกเขาอยู่นิ่ง ๆ เขาเองก็เคยได้รับความอบอุ่นแบบนี้มาก่อน จนกระทั่งมารดาของตนเสียไป พบกล้าก็ไม่เคยได้รับไออุ่นจากมารดาอีกเลย
แม้เขาจะยินดีที่ในที่สุดเด็กชายตัวน้อยก็ได้เจอมารดา แต่พบกล้าก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคนที่เด็กชายตัวน้อยเรียกว่า…แม่ เธอก็คือคุณหญิงจันทร์หอม ผู้ที่เคยเป็นนายของมารดาตนในอดีต และยังเป็นภรรยาของเจ้าของเรือนไทยแห่งนี้ นั่นก็ทำให้พบกล้าเข้าใจได้ทันทีว่า
เด็กชายคำหอมคนนี้ ไม่ใช่ลูกของทาสคนใดคนหนึ่งอย่างที่เขาเข้าใจ แต่อีกฝ่ายเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในเรือนนี้ เป็นบุคคลที่ทุกคนในเรือนต่างต้องช่วยกันเฝ้าถนอมและดูแลอย่างดีที่สุด เพราะเด็กชายคำหอมนั้นเป็นบุตรชายของเจ้าของเรือนที่เขาพักอาศัยและทำงานอยู่ นั่นก็เท่ากับว่าอีกฝ่ายเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ ซึ่งต่างจากเขาที่เป็นเพียงทาสใช้แรงงาน
“ฮึก…ท่านแม่ ท่านร่ำไห้ด้วยเหตุใดกัน” เด็กชายคำหอมเอ่ยถามผู้เป็นแม่ ที่เอาแต่ร่ำไห้ไม่หยุดหย่อน
“คำหอม…เหตุใดเจ้าถึงหายตัวไปจากห้องของท่านพ่อ แม่ตามหาเจ้าให้ทั่วเสียหมด”
“ท่านพ่อไล่ข้าออกมา ข้าเสียใจ เลยออกมาจากกงนั้นขอรับ” คำหอมพยายามบอกเล่าความจริงให้มารดาของตนทราบ
“แม่เป็นห่วงเจ้า กลัวเจ้าจะหลงทางไปไหนต่อไหน”
“ข้ามิหลงหรอกท่านแม่ พี่ชายคนนี้ใจดี พี่ชายตั้งใจจะพาข้ามาหาท่านแม่ด้วยนะขอรับ”
น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายตัวน้อยเอ่ยขึ้นอย่างมีความสุข ยามได้พูดถึงพบกล้าที่กำลังยืนนิ่ง ๆ อยู่เพียงลำพัง
“เจ้ามีชื่อว่าอะไรล่ะหนุ่มน้อย”
หลังจากได้เห็นท่าทางมีความสุขของบุตรชายที่มีต่อเด็กชายอีกคน คุณหญิงจันทร์หอมจึงเอ่ยถามเด็กชายตรงหน้าทันที
“พะ...พบกล้า ขอรับ” เด็กชายพบกล้าตอบกลับอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“อืม…พบกล้า ชื่อคุ้น ๆ เสียจริง”
เมื่อได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเด็กชายตรงหน้า คุณหญิงจันทร์หอมก็นึกออกทันทีว่า อีกฝ่ายต้องเป็นบุตรชายของคนสนิทที่เธอคุ้นเคยอย่างแน่นอน
“จริงสิ…เพียงตา คือแม่ของเจ้าใช่ฤๅไม่”
คุณหญิงจันทร์หอมเอ่ยชื่อของอดีตทาสคนสนิทที่เธอทั้งรักและเอ็นดูที่สุดในหมู่ทาสทั้งหลาย ให้กับเด็กชายตรงหน้าได้ยิน
“ขอรับ…ท่านแม่ของข้าเอง”
พบกล้าตอบกลับอย่างไม่ลังเล เพราะชื่อที่คุณหญิงจันทร์หอมเอ่ยมา คือชื่อมารดาของตนจริง ๆ
“เจ้าโตขึ้นมากขนาดนี้แล้วฤๅนี่ ครั้งสุดท้ายที่ข้าไปหาเจ้า จำได้ว่าเจ้าเป็นเด็กชายตัวน้อยอยู่เลย ข้าเสียใจที่มิได้แวะเวียนไปหาเจ้าอีกเลย ตั้งแต่เด็กคนนี้ออกมา”
เพราะใบหน้าของเด็กชายพบกล้าในยามนี้ มีความละม้ายคล้ายกับเพียงตา ทาสคนสนิทของเธอมากจริง ๆ ความคิดถึงและภาพวันวานที่ทาสคนนี้เคยอยู่รับใช้เคียงข้างกายเธอ นั่นยิ่งทำให้คุณหญิงจันทร์หอมอดคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นไม่ได้
ก่อนที่เพียงตาจะจากไป คุณหญิงจันทร์หอมเองก็เคยให้สัญญากับอีกฝ่ายไว้ว่า เธอจะคอยแวะเวียนมาช่วยดูแลบุตรชายของอีกฝ่ายให้ เพียงตาจะได้จากไปอย่างสบายไม่ต้องมีความกังวลใด ๆ แน่นอนว่าคุณหญิงจันทร์หอมเองก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เธอทั้งคอยแวะเวียนมาดูแลทั้งให้ทาสคนอื่นคอยเป็นหูเป็นตามาตลอด
แต่เมื่อคุณหญิงจันทร์หอมมีกำหนดการใกล้จะคลอดคำหอม เธอก็ไม่ค่อยได้แวะเวียนมาดูแลพบกล้าเหมือนเก่า แต่ก็ไม่ลืมที่จะกำชับให้ทาสคนอื่น ๆ คอยช่วยกันดูแลพบกล้าอยู่ห่าง ๆ
“มิเป็นไรเลยขอรับคุณหญิง”
พบกล้าเข้าใจดี และเขาก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจในโชคชะตา ต่อให้เขาจะยังเป็นเด็กแต่เขาก็เป็นเพียงแค่ทาส แค่คุณหญิงจันทร์หอมเอ็นดูครอบครัวเขาไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน สำหรับพบกล้าเพียงเท่านี้ก็ดีมากพอแล้ว
“ขอบใจเจ้ามากที่ดูแลคำหอมให้ข้า เด็กคนนี้ชอบหลงทางอยู่บ่อย ๆ”
“ข้าเห็นเด็ก…เอ่อ คุณชายท่านนี้นั่งร่ำไห้อยู่คนเดียว เลยเข้าไปสอบถามดูขอรับ ข้าต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะขอรับ ข้ามิทราบมาก่อนว่าเขาคือคุณชายคำหอม”
แม้จะเคยได้ยินถึงพฤติกรรมความน่ารักและแสบซนของบุตรชายเจ้าของเรือนจากเหล่าพี่น้องทาสด้วยกัน แต่พบกล้ากลับไม่เคยเห็นหน้าอีกฝ่ายมาก่อน และเมื่อรู้ว่าเด็กชายคำหอมคนที่เขาคิดมาตลอดว่าอีกฝ่ายเป็นทาสเหมือนกัน นั่นยิ่งทำให้พบกล้ารู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“เจ้ามิต้องรู้สึกผิดไป เจ้ามิได้ทำอะไรผิด เด็กคนนี้ดูท่าจะชอบเจ้าเสียด้วย เพราะฉะนั้นเจ้าอย่าได้รู้สึกผิดต่อข้าไป ข้าต้องขอบใจเจ้าเสียมากกว่า”
เมื่อเห็นท่าทางรู้สึกผิดของเด็กชายพบกล้า คุณหญิงจันทร์หอมจึงใช้น้ำเสียงอ่อนโยนในการพูดกับอีกฝ่าย เธอไม่ได้ต้องการจะดุด่า แต่ต้องการขอบคุณอีกฝ่ายเสียด้วยซ้ำไป
“ขอบใจเจ้ามากจริง ๆ”
“มิเป็นไรเลยขอรับ” พบกล้าเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่บรรยากาศรอบด้านจะเงียบสงบลง
“ท่านแม่ขอรับ ข้าชอบพี่กล้า พี่กล้าใจดี ข้าอยากมาเล่นกับพี่กล้าอีก ท่านแม่อนุญาตฤๅไม่ขอรับ”
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดี แถมมารดาของตนก็ไม่ได้ดุด่าเสียด้วย น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กชายคำหอมจึงเอ่ยแทรกขึ้นมา
“หากเจ้ามิดื้อมิซน เห็นทีข้าคงจะปล่อยให้พวกเจ้ามาเล่นด้วยกันได้ อย่างน้อย ๆ เจ้าจะได้มิเหงา”
คุณหญิงคำหอมเองก็เห็นว่าไม่ได้มีอะไรเสียหาย หากปล่อยให้เด็กทั้งสองคนได้มาเล่นด้วยกันบ้าง อย่างน้อย ๆ การได้มีเพื่อนเล่น ทำให้พวกเขาไม่รู้สึกโดดเดี่ยว
“ข้ารักท่านแม่ที่สุดเลยขอรับ”
เด็กชายคำหอมกระโดดโลดเต้นออกมาด้วยความดีใจ หลังจากนี้เขาจะไม่รู้สึกเหงาโดดเดี่ยวอีกต่อไป แต่ความสุขสมหวังก็ต้องชะงักไป เด็กชายคำหอมสะดุ้งตกใจเมื่อมีน้ำเสียงเกรี้ยวกราดของผู้มาเยือนใหม่ดังแทรกขึ้นมา
“แต่ข้ามิอนุญาต!”