คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,#BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ผู้แต่ง
ดาวดวงที่ห้า
เรื่องย่อ
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างถี่ถ้วน
*****
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวแต่งที่เกิดจากจินตนาการเท่านั้น ตัวละคร ฉาก สถานที่
และเหตุการณ์ในเรื่องล้วนสมมุติขึ้นมาทั้งหมด
ไม่ได้มีการพาดพิงถึงใคร ไม่ได้เน้นหลักความสมเหตุสมผลหรือหลักการความเป็นจริงเท่าที่ควรนะคะ
นิยายวายพีเรียด ไม่อิงประวัติศาสตร์ใด ๆ ภาษาที่ใช้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด อาจมีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย เพื่อให้เข้ากับบริบทของตัวละคร (ตรงส่วนนี้ต้องขออภัยล่วงหน้าค่ะ)
เนื้อหาในนิยายมีการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคมอย่างชัดเจน มีการใช้อำนาจ การดูถูกเหยียดหยาม การถูกกีดกันต่าง ๆ มีฉากความรุนแรง กักขัง ทำร้ายร่างกาย บังคับขู่เข็ญ ไปจนถึงฆาตกรรม มีการกล่าวถึงไสยศาสตร์ ความเชื่อ วิญญาณ ความสูญเสีย
ตัวละครในเรื่องบางตัวละครมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรลอกเลียนแบบ
*****
เรื่องราวความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน นำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ยากจะลืมเลือน
เมื่อคุณชายคำหอม บุตรชายเพียงคนเดียวของพระยาคมศักดิ์ ผู้ปกครองเมืองภูคำใต้ ดันไปตกหลุมรัก พบกล้า ทาสหนุ่มในเรือนของตนเข้าอย่างจัง และเพราะความผูกพันที่ทั้งคู่มีให้กันตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้พวกเขาต่างชอบพอกัน จนก่อตัวเป็นความรักในที่สุด แต่มันดันติดปัญหาตรงที่พวกเขาทั้งคู่ไม่เหมาะสมที่จะเคียงคู่กันเลยสักนิดนี่สิ
เมื่อคนหนึ่งเป็นถึงคุณชายผู้สูงศักดิ์ กับอีกคนเป็นแค่ทาสใช้แรงงานผู้ต่ำต้อย
เมื่อคนหนึ่งมีคู่หมั้นหมายที่เหมาะสมกันทั้งหน้าตา ฐานะและยศศักดิ์ กับอีกคนที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีความเหมาะสมใด ๆ เลยสักนิดเดียว
เมื่อคนหนึ่งรักมากจนแสดงออกมาอย่างชัดเจน กับอีกคนที่รักมากแต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้
เมื่อคนหนึ่งรักสุดหัวใจ จนไม่สนเรื่องความถูกต้องและความเหมาะสมใด ๆ กับอีกคนที่รักสุดใจ แต่ไม่สามารถมอบความรักให้อีกฝ่ายได้ เพราะเจียมตัวว่าเราต่างไม่คู่ควรกัน
*****
ความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน หากยังคงฝืนรักกันต่อไป อาจนำมาซึ่งความสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปตลอดกาล
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
“แต่ข้ามิอนุญาต!”
น้ำเสียงเยือกเย็นพร้อมกับเสียงฝีเท้าอันหนักอึ้งของผู้มาเยือนใหม่ ทำให้บริเวณรอบด้านเรียบสงัดอีกครั้ง แน่นอนว่าน้ำเสียงนั่นนอกจากจะสร้างความตกอกตกใจให้กับข้าทาสบริวารที่อยู่ในบริเวณนั้นแล้ว ยังสร้างความตกใจและความหวาดกลัวให้กับเด็กชายตัวน้อยทั้งสองคน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กชายคำหอมตัวน้อย ที่ในยามนี้รู้สึกหวาดกลัวอีกฝ่ายมากกว่าเด็กชายพบกล้าเสียอีก แม้จะยังไม่เห็นหน้าตา แต่เด็กชายคำหอมก็พอจะรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายที่กำลังเดินตรงมาทางตนนั้นเป็นผู้ใด
“ทะ…ท่านพ่อ”
น้ำเสียงตะกุกตะกักของเด็กชายคำหอมดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาและเห็นว่าคนที่ยืนไม่สบอารมณ์อยู่ตรงหน้าคือบิดาของตนจริง ๆ
“นอกจากเจ้าจะสร้างความวุ่นวายแล้ว เจ้ายังคิดที่จะขัดคำสั่งข้าอีกรึไง”
ไม่รีรอให้บุตรชายได้พูดอะไรมากมาย พระยาคมศักดิ์ก็ต่อว่าบุตรชายของตนทันที เพราะความหงุดหงิดที่ภรรยาของตนทำให้เขาขายหน้าต่อแขกเหรื่อไปหลายครั้ง แน่นอนว่าต้นเหตุนั้นมาจากเด็กชายคำหอม บุตรชายของตนทั้งสิ้น
หลังจากภรรยาสุดที่รักรับรู้ถึงการหายตัวไปของบุตรชาย เธอก็พยายามออกตามหาจนวุ่นวายไปเสียหมด ทั้งเสียงตะโกนร้องเรียกที่ดังไปทั่วทั้งเรือน ไหนจะเสียงร่ำไห้ฟูมฟาย และการกระทำของภรรยาที่ไม่ได้สนใจแขกเหรื่อของสามีเลยสักนิด การกระทำของภรรยาที่ทำให้พระยาคมศักดิ์รู้สึกเสียหน้าต่อหน้าแขกเหรื่อไปหลายครั้งต่อหลายครั้ง
เหตุนี้จึงทำให้เขาหงุดหงิดมากถึงเพียงนี้ และเพราะความหงุดหงิดนั้น ทำให้พระยาคมศักดิ์รีบตรงดิ่งมายังเด็กชายคำหอมทันทีที่ได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายหายตัวไปอยู่ตรงจุดไหน
“ขะ…ข้ามิได้ขัดคำสั่งของท่านพ่อเลยนะขอรับ”
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าอย่าคิดข้องเกี่ยว หรือเข้าใกล้เจ้าทาสชั้นต่ำพวกนี้ เหตุใดยามนี้เจ้าถึงขัดคำสั่งข้า”
หลังจากที่ได้ยินภรรยาสุดที่รัก อนุญาตให้บุตรชายสามารถเข้าใกล้และเล่นกับเด็กชายที่กำลังยืนเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ได้ แถมบุตรชายของตนก็เอาแต่ดีอกดีใจจนออกนอกหน้า นั่นยิ่งทำให้พระยาคมศักดิ์รู้สึกโกรธและโมโหเข้าไปใหญ่
แม้จะได้ยินว่าเด็กชายคนนั้นช่วยพาบุตรชายของตนมาส่งให้กับภรรยาสุดที่รัก แต่เด็กชายคนนี้ก็ยังเป็นทาสใช้แรงงานต่ำต้อยอยู่ดี ทาสต่ำต้อยที่กล้ายื่นมือมาจับต้องยื่นมือเข้ามาวุ่นวายกับเด็กชายคำหอม ที่เป็นถึงบุตรชายของผู้เป็นนาย แถมบุตรชายของตนและภรรยาสุดที่รัก ต่างไม่มีผู้ใดฟังคำสั่งของตนเลยสักนิด พากันขัดคำสั่งไม่พอ ยังพาดีอกดีใจจนออกนอกหน้าถึงขนาดนี้อีก ความโกรธและโมโหก่อนหน้านี้จึงปะทุออกมา
“ตะ…แต่ท่านพ่อ ท่านแม่อนุญาตให้ข้าเล่นกับพี่กล้าได้นะขอรับ”
“เถียงคำมิตกฟาก ข้าเคยเตือนเจ้าแล้วใช่ฤๅไม่ ไอ้เจ้าเด็กนี่มันก็เป็นทาสต่ำต้อย เจ้าจะไปเกลือกกลั้วกับพวกมันด้วยเหตุผลใดกัน”
“ตะ…แต่พี่กล้าใจดีกับข้า และข้าก็อยากเล่นกับพี่กล้าอีกนะขอรับ”
เด็กชายคำหอมพูดออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ เพราะผู้เป็นบิดาเอาแต่ทำการทำงาน จนไม่ได้สนใจความรู้สึกของเขาเหมือนเมื่อก่อน ที่ต่อให้ยุ่งวุ่นวายมากแค่ไหน บิดาของตนก็ไม่มีท่าทีดุด่า หรืออารมณ์เสียถึงขนาดไล่เขาออกมาเหมือนอย่างวันนี้
อีกทั้งผู้เป็นมารดาก็เป็นเพียงคนเดียวที่ยังคงตามใจเขาอยู่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่เด็กชายคำหอมก็ไม่ได้อยากกวนมารดาของตนอยู่ตลอดเวลา เขารู้ดีว่ามารดาต้องเหนื่อยกับเรื่องอื่น ๆ มากเพียงใด และเขาเองก็อยากเล่นกับเด็กคนอื่น ๆ เด็กที่มีอายุไล่เลี่ยกับเขาเช่นกัน ถึงแม้จะรู้ดีว่าความต้องการของตน มันขัดกับคำสั่งห้ามของบิดา แต่เด็กชายคำหอมก็เลือกที่จะพูดออกไปอยู่ดี
“ในเมื่อเจ้ามิคิดเชื่อฟัง อีกทั้งเก่งแต่สร้างปัญหา ฤๅข้าควรสั่งให้เจ้าควรอยู่แต่ในห้องดี”
“ฮึก…มิเอานะท่านพ่อ ข้ามิอยากอยู่แต่ในห้อง ฮึก…ท่านแม่ขอรับ”
ท่าทางหวาดกลัวและหยาดน้ำตาค่อย ๆ หลั่งไหลออกมาช้า ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นบิดา เด็กชายคำหอมกลัวที่จะถูกกักขังให้อยู่ตัวคนเดียว กลัวที่จะไม่มีอิสระในการไปไหนมาไหนแม้กระทั่งในเรือนของตนเช่นกัน และเพราะกลัวจะถูกดุด่าไปมากกว่านี้ เด็กชายคำหอมจึงพยายามส่งสายตาของความช่วยเหลือจากมารดาของตน
“ท่านพี่ ไยท่านต้องห้ามลูกด้วยวิธีนี้ด้วยเล่า ท่านมิเห็นฤๅว่าคำหอมในยามนี้หวาดกลัวท่านเพียงใด”
คุณหญิงจันทร์หอมเอ่ยถามสามีของตนทันที เมื่อเห็นสายตาหวาดกลัวและสายตาที่พยายามขอความช่วยเหลือจากบุตรชาย ยิ่งได้เห็นน้ำตาของบุตรชายสุดที่รักไหลออกมามากเพียงใด คุณหญิงจันทร์หอมก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจและสงสารบุตรชายมากขึ้นไปอีก
“ไยข้าจะห้ามมิได้ คำหอมเองก็เป็นลูกข้าเช่นกัน” พระยาคมศักดิ์ถามกลับทันควัน
“แต่ท่านพี่ คำหอมเพิ่งจะแปดขวบ ท่านมิควรบังคับลูกตั้งแต่เด็กเช่นนี้”
สำหรับผู้เป็นแม่แล้ว เธอไม่ได้อยากให้ลูกถูกกดดันตั้งแต่เด็ก เพราะเธอเข้าใจดีว่าความรู้สึกของเด็กที่ถูกบังคับมาตั้งแต่เด็ก ๆ มันเป็นอย่างไร เพราะเธอเองก็เคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เธอถึงได้เข้าใจความรู้สึกของเด็กชายคำหอม
“เพราะเจ้าเอาแต่ตามใจ คำหอมถึงได้ดื้อดึงมิฟังคำสั่งข้าเช่นนี้ ข้าจะใช้วิธีของข้าแล้วมันผิดกงไหน”
พระยาคมศักดิ์รู้ดีว่าภรรยาของตนรักบุตรชายมากเพียงใด รักมากถึงขนาดที่ไม่เคยแม้แต่จะดุด่า ตามอกตามใจบุตรชายไปเสียทุกอย่าง และพระยาคมศักดิ์เองก็กลัวว่าหากภรรยายังเอาแต่ตามใจ ไม่ลงโทษดุด่าเวลาที่บุตรชายทำผิด เด็กชายคำหอมในภายภาคหน้าอาจจะกลายเป็นคนที่เอาแต่ใจได้ และเพราะเหตุผลนี้เขาถึงต้องควรดุด่าบุตรชายอยู่เรื่อยไป
“แต่ท่านพี่ วิธีของท่านมันทำร้ายจิตใจลูกเกินไป ท่านมิเคยดุด่าฤๅแม้กระทั่งโมโหลูกร้ายแรงเช่นนี้มาก่อน อย่างมากท่านก็แค่กล่าวตักเตือน”
“…”
หลังจากได้ฟังคำพูดของภรรยา พระยาคมศักดิ์ก็ได้แต่หวนนึกไปถึงเมื่อก่อน เขาจำได้ดีว่าก่อนหน้านี้ เขาแทบไม่เคยดุด่าบุตรชายเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งตามใจทั้งคอยประคบประหงม เอาใจใส่ทั้งภรรยาและบุตรชายเป็นอย่างดี
นั่นก็เพราะช่วงนั้นเขาไม่ได้มีหน้าที่ให้รับผิดชอบมากเท่ากับปัจจุบันนี้ ที่ต้องดูแลครอบครัว ดูแลเหล่าข้าทาสบริวาร ไหนจะต้องคอยให้การช่วยเหลือชาวเมืองอีก จึงทำให้เขาไม่ได้ใส่ใจครอบครัวเท่าที่ควร และบางทีสิ่งนี้อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้พระยาคมศักดิ์เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัดก็เป็นได้
“ท่านเห็นท่าทางและสายตาของลูกในยามนี้ฤๅไม่ น้ำเสียงเกรี้ยวกราด คำสั่งอันโหดร้ายและท่าทางของท่าน ทำให้คำหอมกลัวท่านมากเพียงใด”
คุณหญิงจันทร์หอมพยายามพูดเตือนสติสามีของตน เพราะในยามนี้เด็กชายคำหอมเอาแต่ยืนก้มหน้าร่ำไห้ตัวสั่นอย่างหวาดกลัว เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าบิดาและมารดาของตน
แน่นอนว่าพระยาคมศักดิ์เองก็รับรู้ได้ว่าบุตรชายกำลังหวาดกลัวมากเพียงใด แม้จะอยากกล่าวขอโทษและอยากเข้าไปโอบกอดเพื่อปลอบใจมากเพียงใด แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกที่จะมองข้ามไป เพราะหากเอาแต่ปลอบใจและไม่ดุด่าให้หลาบจำ วันข้างหน้าบุตรชายของตนอาจจะไม่เชื่อฟังและสร้างแต่ปัญหามากกว่านี้ก็เป็นได้
“ในเมื่อมิฟังคำสั่งของข้าก็ต้องดุด่า มิใช่เอาแต่ปลอบใจ หากเอาแต่ปลอบใจโตไปคำหอมก็จะดื้อดึงมิใช่รึไง”
เพราะความโมโหที่ภรรยาเอาแต่ว่าร้ายเขา ทั้ง ๆ ที่วิธีของเขาสามารถทำให้บุตรชายหลาบจำและไม่คิดที่จะสร้างปัญหาให้เกิดความวุ่นวายเหมือนวันนี้ในภายหลังได้ พระยาคมศักดิ์จึงเผลอขึ้นเสียงใส่ภรรยาสุดที่รัก และนั่นทำให้ผู้คนรอบข้างและภรรยาของเขาเองพากันตื่นตระหนกตกใจไม่แพ้กัน
แน่นอนว่าคนที่แลดูจะเจ็บปวดมากกว่าผู้ใด คงหนีไม่พ้นคุณหญิงจันทร์หอมที่ทั้งชีวิตแทบไม่เคย ถูกสามีขึ้นเสียงใส่เช่นนี้เลยสักครั้งเดียว
“เพราะเหตุใด…ท่านพี่”
“ข้า…จันทร์หอม ข้าขอโทษ”
เมื่อได้เห็นใบหน้าเศร้าหมอง อีกทั้งดวงตาสั่นไหวที่เริ่มเอ่อไปด้วยหยาดน้ำตาของภรรยา ความรู้สึกผิดเริ่มกัดกินหัวใจ พระยาคมศักดิ์ทำผิดต่อภรรยาอีกครั้งไปเสียแล้วสิ
“ท่านพี่ เพราะเหตุใดท่านถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้” คำถามอันแผ่วเบาพยายามเอ่ยถามสามี
“ข้ามิได้ตั้งใจ ข้าผิดเอง เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลยหนา”
“ข้าจะมิเสียใจเท่านี้ หากคนคนนั้นมิใช่ท่าน”
“ข้าขอโทษ”
“ท่านมิต้องห่วง ข้ามิเคยคิดโกรธแค้นท่านอยู่แล้ว ถึงอย่างไรท่านก็ยังเป็นสามีของข้า เป็นพ่อของคำหอมมิเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว”
“…”
“มีเพียงสิ่งเดียวที่เปลี่ยนไป นั่นคือท่าน ฤๅเพราะท่านเอาแต่สนใจการงาน สนใจแต่ยศศักดิ์ของตน จนมิได้สนใจความรู้สึกข้าและลูกเช่นนั้นฤๅ”
“จันทร์หอมข้า…”
“ท่านอย่าลืมสิ คำหอมเป็นแค่เด็กแปดขวบ ต้องเล่นซนดื้อดึงเป็นธรรมดา ข้าขอเถอะให้ลูกของเรามีเพื่อนเล่นบ้าง อย่างน้อย ๆ แค่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว”
“เจ้าจะให้ไอ้เด็กต่ำต้อยคนนี้มาเป็นเพื่อนเล่นของลูกเรารึไง เจ้าใช้อะไรคิดกันจันทร์หอม”
.
.
ในขณะที่ผู้เป็นนายทั้งสองต่างพากันเถียงกันไปมา พบกล้าได้แต่ยืนก้มหน้ารู้สึกผิด จนไม่กล้าขยับตัวไปไหน ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงสะอื้นร่ำไห้ของเด็กชายคำหอม เสียงร่ำไห้นั่นฟังดูเจ็บปวดกว่าตอนที่พวกเขาทั้งคู่ได้เจอกันเสียอีก และแม้ว่าเด็กชายคำหอมจะยืนอยู่ไม่ไกลจากเขามากเพียงใด แต่พบกล้าก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะเข้าไปปลอบใจอีกฝ่าย เขาถึงได้เอาแต่ยืนก้มหน้ารู้สึกผิดอยู่อย่างนั้น โดยไม่คิดที่จะขยับตัวไม่ไหน
แน่นอนว่าพบกล้าเองก็รู้สึกผิดเช่นกัน เขาคิดว่าตัวการของเรื่องที่เกิดขึ้นนี้คือตัวเขาเอง หากเขารู้ว่าเด็กชายคำหอมเป็นบุตรชายของผู้เป็นนาย เขาคงไม่กล้าเข้าไปใกล้ ไม่กล้าเข้าไปพูดคุย ไม่กล้าเข้าไปทำให้เด็กชายคำหอมต้องเดือดร้อน จนทำให้เกิดเรื่องบานปลายมาถึงตอนนี้ได้
“นั่นสิ…ข้าใช้อะไรคิดกัน คงเป็นเพราะข้าเป็นแม่คนกระมัง ข้าถึงได้รับรู้ว่าลูกของเรา และเด็กคนนี้กำลังหวาดกลัวและเจ็บปวด”
ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ ทั้งเด็กชายคำหอมและพบกล้าต่างพากันมองไปยังคุณหญิงจันทร์หอมพร้อมเพรียงกัน แม้แววตาของคุณหญิงจันทร์หอมจะดูเศร้าหมองแต่รอยยิ้มของเธอ ที่มอบให้เด็กทั้งสองคนมันช่างดูอบอุ่น
“…”
พระยาคมศักดิ์ได้แต่นิ่งเงียบ เพราะคำพูดของตนเองมันค่อนข้างสร้างความบอบช้ำให้ภรรยาอยู่ไม่น้อย และยิ่งเขาได้ยินในสิ่งที่ภรรยาพูดออกมา มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดต่อภรรยาเข้าไปใหญ่
“หากท่านมิคิดสนใจความรู้สึกข้า ข้าขอเถอะท่านพี่ อย่างน้อย ๆ ท่านก็ช่วยสนใจความรู้สึกของเด็กพวกนี้บ้าง”
“เรื่องที่ข้าขึ้นเสียงใส่เจ้าข้าผิดเอง แต่เรื่องนี้มิเกี่ยวกัน”
แม้นั่นจะเป็นความต้องการของภรรยาสุดที่รัก แต่พระยาคมศักดิ์ก็ยังเลือกที่จะเมินเฉยต่อความต้องการของภรรยา เพราะเขานั้นไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจทาสต่ำต้อยหรือสนใจความรู้สึกของทาสต่ำต้อยพวกนั้น มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ในส่วนเรื่องที่เขาทำผิดต่อภรรยา อันนั้นเขายอมรับผิดและรู้สึกผิดต่อภรรยาจากใจจริง
“ท่านพี่…อย่าใจร้ายกับเด็ก ๆ นักเลย อย่าให้พวกเขาต้องหวาดกลัวท่านไปมากกว่านี้”
“ไยเจ้าถึงเอาแต่เถียงข้า”
“ข้ามิเคยเถียงท่าน ข้าเพียงแต่พูดในสิ่งที่ข้าเห็นและรับรู้มาตลอด หากท่านมิคิดจะฟังก็มิเป็นไร”
น้ำเสียงและท่าทางน้อยเนื้อต่ำใจของภรรยาในยามนี้ ไม่ได้ทำให้พระยาคมศักดิ์รู้สึกผิด หรือคิดที่อยากจะง้องอนอีกฝ่ายเหมือนในอดีต กลับกันพระยาคมศักดิ์กลับเริ่มรู้สึกว่าภรรยาของตน เอาแต่สนใจผู้อื่น สนใจแต่ความรู้สึกของเด็กชายทาสต่ำต้อย นั่นยิ่งทำให้พระยาคมศักดิ์หงุดหงิดโมโหจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ และเผลอขึ้นเสียงออกมาอีกครั้ง
“เจ้ากล้าขึ้นเยอะนี่ เจ้ามิเคยเถียงข้าเช่นนี้ จนกระทั่งไอ้เจ้าเด็กต่ำต้อยนี่เข้ามาวุ่นวาย”
“ท่านพี่…ได้โปรดอย่าพูดจาให้ร้ายพบกล้าเลย หากคำหอมมิเจอเขา ป่านนี้ลูกเราคงหลงทางไปไหนต่อไหนเสียแล้ว”
คุณหญิงจันทร์หอมเองก็พยายามพูดให้สามีของตนใจเย็นลง แต่ดูเหมือนพระยาคมศักดิ์ในยามนี้ไม่ได้สนใจสิ่งที่เธอพูดเลยสักนิด
“ถึงขนาดออกหน้าแทนเช่นนี้ เจ้ายังเป็นภรรยาสุดที่รักของข้าอยู่ฤๅไม่”
“ท่านพี่…ใจเย็น ๆ ก่อนหนา ข้าก็เป็นภรรยาของท่านมาตลอด มิเคยคิดเปลี่ยนไป”
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็จงฟังคำสั่งข้าเสีย ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทนไปมากกว่านี้”
“ท่านพี่…”
“ข้ามิได้อยากทะเลาะกับเจ้าต่อหน้าลูกเช่นนี้”
ทั้งพระยาคมศักดิ์และคุณหญิงจันทร์หอม ต่างมองไปยังคำหอม บุตรชายของตนอย่างรู้สึกผิด ที่ดันมาทะเลาะกันให้คำหอมเห็น
“หากเจ้าฟังคำสั่งข้า ข้าจะมิยุ่ง มิทำอะไรกับไอ้เจ้าเด็กต่ำต้อยนี่ แต่ถ้าเจ้ายังดื้อรั้นอยู่เช่นนี้ เจ้าคงรู้ว่าข้าทำอะไรได้บ้าง”
เพราะรู้ดีว่าสามีของตนมีอำนาจและยศศักดิ์มากเพียงใด แค่หาวิธีจัดการเด็กชายทาสเพียงคนเดียว สามีของตนสามารถทำได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว และคุณหญิงจันทร์หอมเองก็ไม่ได้อยากให้เด็กชายพบกล้าต้องเดือดร้อน เธอจึงตัดสินใจจะทำตามข้อเสนอของสามี
“ว่าอย่างไร”
“ได้โปรดอย่าทำอะไรเขา เขายังเป็นเด็ก”
“ถือว่าเจ้ารับฟัง เช่นนั้นเจ้าจงพาคำหอมกลับเรือนไปซะ”
ทันทีที่พระยาคมศักดิ์ว่าจบ คุณหญิงจันทร์หอมก็รีบย่างกรายเข้าไปอุ้มเด็กชายคำหอม ที่ยังคงสะอื้นไห้ไม่หยุดหย่อน แน่นอนว่าทั้งคุณหญิงจันทร์หอมและเด็กชายคำหอมต่างไม่ลืมที่จะพากันหันกลับไปมองเด็กชายพบกล้า ที่ในยามนี้กำลังถูกสามีและผู้เป็นพูดอะไรบางอย่างใส่
“ส่วนเจ้า หลังจากนี้อย่าได้คิดเข้าใกล้คำหอมอีก”
พระยาคมศักดิ์หันมาพูดกับเด็กชายพบกล้า ด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด แม้ว่าคนตรงหน้าจะเป็นเพียงเด็กชาย แต่พระยาคมศักดิ์ก็เลือกที่จะดุด่า เพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นแค่ทาส ไม่ใช่บุตรชายของเจ้าขุนมูลนายที่ไหน
“เป็นแค่ทาสต่ำต้อยก็ทำหน้าที่ของเจ้าไป อย่าได้คิดสนใจเรื่องของนายอีก เจ้าคงรู้ดีแล้วว่ายามที่ข้าโกรธจะเป็นเช่นไร”
“ขะ…ขอรับ ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”
เด็กชายพบกล้าได้แต่ก้มหน้ายอมรับความจริง ว่าตัวเขาและเด็กชายคำหอมคงไม่มีโอกาสได้พูดคุยกันอีก แม้จะน่าเสียดายและเสียใจมากเพียงใด แต่พบกล้าคิดว่าแบบนี้มันน่าจะส่งผลดีกับพวกเขาทั้งคู่เสียมากกว่า
และนั่นทำให้พบกล้าได้รับรู้ว่า สาเหตุแรกที่ทำให้พระยาคมศักดิ์เริ่มจงเกลียดจงชังตนมาจนถึงปัจจุบัน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้นั่นเอง