คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,#BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ผู้แต่ง
ดาวดวงที่ห้า
เรื่องย่อ
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างถี่ถ้วน
*****
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวแต่งที่เกิดจากจินตนาการเท่านั้น ตัวละคร ฉาก สถานที่
และเหตุการณ์ในเรื่องล้วนสมมุติขึ้นมาทั้งหมด
ไม่ได้มีการพาดพิงถึงใคร ไม่ได้เน้นหลักความสมเหตุสมผลหรือหลักการความเป็นจริงเท่าที่ควรนะคะ
นิยายวายพีเรียด ไม่อิงประวัติศาสตร์ใด ๆ ภาษาที่ใช้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด อาจมีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย เพื่อให้เข้ากับบริบทของตัวละคร (ตรงส่วนนี้ต้องขออภัยล่วงหน้าค่ะ)
เนื้อหาในนิยายมีการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคมอย่างชัดเจน มีการใช้อำนาจ การดูถูกเหยียดหยาม การถูกกีดกันต่าง ๆ มีฉากความรุนแรง กักขัง ทำร้ายร่างกาย บังคับขู่เข็ญ ไปจนถึงฆาตกรรม มีการกล่าวถึงไสยศาสตร์ ความเชื่อ วิญญาณ ความสูญเสีย
ตัวละครในเรื่องบางตัวละครมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรลอกเลียนแบบ
*****
เรื่องราวความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน นำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ยากจะลืมเลือน
เมื่อคุณชายคำหอม บุตรชายเพียงคนเดียวของพระยาคมศักดิ์ ผู้ปกครองเมืองภูคำใต้ ดันไปตกหลุมรัก พบกล้า ทาสหนุ่มในเรือนของตนเข้าอย่างจัง และเพราะความผูกพันที่ทั้งคู่มีให้กันตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้พวกเขาต่างชอบพอกัน จนก่อตัวเป็นความรักในที่สุด แต่มันดันติดปัญหาตรงที่พวกเขาทั้งคู่ไม่เหมาะสมที่จะเคียงคู่กันเลยสักนิดนี่สิ
เมื่อคนหนึ่งเป็นถึงคุณชายผู้สูงศักดิ์ กับอีกคนเป็นแค่ทาสใช้แรงงานผู้ต่ำต้อย
เมื่อคนหนึ่งมีคู่หมั้นหมายที่เหมาะสมกันทั้งหน้าตา ฐานะและยศศักดิ์ กับอีกคนที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีความเหมาะสมใด ๆ เลยสักนิดเดียว
เมื่อคนหนึ่งรักมากจนแสดงออกมาอย่างชัดเจน กับอีกคนที่รักมากแต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้
เมื่อคนหนึ่งรักสุดหัวใจ จนไม่สนเรื่องความถูกต้องและความเหมาะสมใด ๆ กับอีกคนที่รักสุดใจ แต่ไม่สามารถมอบความรักให้อีกฝ่ายได้ เพราะเจียมตัวว่าเราต่างไม่คู่ควรกัน
*****
ความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน หากยังคงฝืนรักกันต่อไป อาจนำมาซึ่งความสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปตลอดกาล
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
นับเป็นเวลานานหลายปี หลังจากที่เด็กชายคำหอม และเด็กชายพบกล้าถูกกีดกันจากพระยาคมศักดิ์ไม่ให้วนเวียนมาเจอกันอีก แน่นอนว่าเด็กชายคำหอมรู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเพิ่งได้พบเจอกันเป็นครั้งแรก ก็ต้องถูกแยกจากกัน แต่ด้วยความเป็นเด็กและความหวาดกลัวหากขัดคำสั่งของบิดา เด็กชายคำหอมถึงได้พยายามไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเด็กชายพบกล้าอีก
แน่นอนว่าเด็กชายพบกล้าเองก็คิดเหมือนกัน จากหน้าที่ที่ต้องคอยไปทำความสะอาดตามศาลาพักพิง และทางเดินระหว่างเรือน กลับกลายเป็นว่าเหล่าพวกพี่ทาสใช้แรงงาน ได้จัดแจงให้เด็กชายพบกล้ากลายมาเป็นลูกมือ และทำงานอยู่แต่บริเวณเรือนพักพิงของทาสใช้แรงงานเท่านั้น เพราะพวกเขาเองก็เกรงกลัวว่าพบกล้ากับคุณชายคำหอมจะพบเจอกันอีก จนอาจเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาอีกก็เป็นได้
จนกระทั่งเด็กชายคำหอมอายุได้สิบสองปี เขาก็ถูกบิดาส่งไปเรียนที่โรงเรียนประจำ เพื่อสั่งสมความรู้ในด้านต่าง ๆ แม้จะต้องไปเรียนไกลบ้านเมือง แต่เด็กชายคำหอมก็ยอมทำตามความต้องการของบิดา นั่นจึงทำให้ในเวลานั้นพบกล้าสามารถกลับมามีหน้าที่คอยช่วยเหลือทาสรุ่นพี่ คอยทำความสะอาดตามศาลาพักพิง และตามทางเดินระหว่างเรือนเหมือนอย่างเดิม โดยไม่ต้องมีความกังวลว่าจะเจอเด็กชายคำหอมอีกต่อไป
.
.
.
จากเด็กชายคำหอมวัยแปดปีในวันนั้น สู่คุณชายคำหอมในวัยสิบแปดปีในวันนี้ จากเด็กชายพบกล้าวัยสิบเอ็ดปีในวันนั้น สู่นายพบกล้าทาสหนุ่มใช้แรงงานเต็มตัวในวัยยี่สิบเอ็ดปีในวันนี้แม้พวกเขาจะอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน แต่พวกเขาทั้งคู่นั้นก็ไม่เคยหวนกลับมาเจอกันอีกเลย
ภาพความทรงจำวัยเด็กที่พบกล้ายังคงจำได้ไม่ลืมเลือน ต่างจากคุณชายคำหอมที่ยามนี้น่าจะลืมสิ้นไปเสียแล้วก็เป็นได้
“ไอ้กล้า เอ็งช่วยยกของนี่ไปให้เจ้าเดือนที่โรงครัวหน่อย”
เสียงของทาสหนุ่มรุ่นพี่ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าในยามนี้ทุกคนกำลังวุ่นวายกับงานที่ได้รับมอบหมาย ต่างจากพบกล้าที่กำลังยืนเหม่อคิดอะไรอยู่เพียงลำพัง เขาถึงได้ตัดสินใจให้พบกล้าที่ดูเหมือนจะว่างอยู่เพียงคนเดียว นำของบางสิ่งบางอย่างไปมอบให้กับแฟนสาวของเขาที่โรงครัวแทนเขา ที่กำลังวุ่นวายกับการจัดลำเลียงของที่เหลือ
“…” เพราะมัวแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย จึงทำให้พบกล้าไม่ได้ยินเสียงเรียกของทาสหนุ่มรุ่นพี่
“ไอ้กล้า!”
“…” ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพยายามร้องเรียกดังเพียงใด พบกล้ากลับไม่ได้ยินอยู่ดี
“ยืนเหม่ออะไรของเอ็งนักหนาวะ…ไอ้กล้าโว้ยยย!”
สุดท้ายแล้วทาสหนุ่มรุ่นพี่ จำเป็นต้องย่างกรายเข้าไปสะกิดพบกล้าให้รู้สึกตัว และแน่นอนว่าวิธีการนั้นทำให้พบกล้าได้สติขึ้นมา ก่อนที่อีกฝ่ายจะเผลอสบถออกมาเพราะความตกใจ
“จิ๊! ไอ้บ้าที่ไหนวะ สะกิดอยู่ได้”
เพราะความตกใจทำให้พบกล้าสบถออกมาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้มองหน้าคนที่พยายามสะกิดเรียกเขาเลยสักนิด
และการที่พบกล้ามัวแต่ยืนสบถออกมาโดยแทนที่จะหันกลับมาหาเขา นั่นทำให้เขาทนไม่ไหวจนเผลอตบเข้าไปที่ศีรษะของพบกล้าเป็นการเรียกสติอีกครั้ง ก่อนที่ความเจ็บแสบบริเวณศีรษะจะเป็นเครื่องเตือนสติ ให้พบกล้าหันหลังกลับไปดู ใบหน้าของคนที่เขารู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดี
คนคนนั้นกำลังยกยิ้มยักคิ้วให้เขาเป็นนัย ๆ ว่า คนที่สะกิดและตบเข้าที่ศีรษะของเอ็ง คือข้าเองไม่ใช่ใครที่ไหน
“ไอ้เด็กเวร กูเอง...มิใช่ไอ้บ้าที่ไหน” ทาสหนุ่มรุ่นพี่พูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นท่าทางตลก ๆ ของทาสหนุ่มรุ่นน้อง
“โอ๊ยพี่นี่เอง เล่นอะไรตกอกตกใจหมด” พบกล้ารีบตอบกลับทันควัน
“เอ็งนั่นแหละเป็นอะไร มัวแต่ยืนเหม่อ ข้าเรียกตั้งนาน”
“ข้ามิได้เป็นอะไร ก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเท่านั้น”
อันที่จริงพบกล้าจะไม่ยืนเหม่อเพราะมัวแต่คิดมากอยู่อย่างนี้ หากเมื่อคืนนี้เขาฝันถึงใครบางคน ฝันถึงคนในความทรงจำวัยเด็ก ที่ตั้งแต่เกิดเรื่องมาพวกเขาก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย และในอีกไม่กี่ชั่วโมงที่จะถึงนี้ คนในความฝันจะหวนกลับมาคืนถิ่นเดิมอีกครั้ง
เพราะแบบนี้พบกล้าถึงได้เป็นกังวลและเอาแต่เหม่อลอย คิดไปเองต่าง ๆ นานาว่า หากอีกฝ่ายกลับมาและพวกเขาทั้งคู่ได้พบเจอกันอีกครั้งจะเป็นอย่างไร จะมีบทสนทนาเกิดขึ้น หรือจะต้องหนีหายจากกันไปเหมือนอย่างเคย
“เจ้าเด็กบ้านี่ วันนี้เขาวุ่นวายกันทั้งวัน เอ็งเอาแต่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยเนี่ยนะ มันน่าตีให้ตายเสียจริง”
“พี่เดช ข้าโตแล้วหนา พี่จะมาตีข้าเหมือนเด็ก ๆ มันใช้ได้ที่ไหนกัน”
ทาสหนุ่มรุ่นพี่คนนี้ เป็นคนที่คอยปลอบโยน คอยช่วยเหลือและคอยเลี้ยงดูเขามาตลอด ตั้งแต่ที่บิดาจากไป หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่เขาและเด็กชายคำหอมถูกกีดกันออกจากกันได้ไม่นาน ยังดีที่เขามีพวกพี่ ๆ ทาสใช้แรงงานคอยดูแล ไม่อย่างนั้นพบกล้าอาจจะกลายเป็นเด็กที่มีแต่ความเหงา และความเศร้าคอยกัดกินหัวใจเป็นแน่
เพราะแบบนี้พบกล้าถึงสามารถหยอกล้อกับทาสหนุ่มรุ่นพี่คนได้ และอีกฝ่ายเองก็ไม่เคยถือโทษโกรธเคืองเขาเลยสักครั้งเดียว อย่างมากก็แค่แกล้งดุด่า แกล้งหยอกล้อ มีบ้างบางครั้งที่ทาสหนุ่มรุ่นพี่มักทำให้พบกล้า เจ็บตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนอย่างก่อนหน้านี้
“ยังจะมาเถียงอีก รีบเอาไปได้แล้ว คุณชายคำหอมจะกลับมาถึงช่วงเย็นนี้ หากเอ็งมัวแต่ชักช้าอยู่ เดี๋ยวทางเจ้าเดือนจะเตรียมการมิทัน”
กล่องลังไม้ถูกยื่นให้กับพบกล้าทันทีที่ทาสหนุ่มรุ่นพี่พูดจบ ส่วนพบกล้าเองก็รับมาอย่างเร็วไว
กล่องลังไม้ขนาดกำลังพอดีมือ ที่พบกล้าสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นพวกวัตถุดิบ เครื่องปรุง ผลไม้ หรือไม่ก็เป็นเนื้อสัตว์ที่อยู่ด้านใน และเนื่องจากวัตถุดิบพวกนี้ จำเป็นต้องส่งให้ถึงมือของเดือน ทาสคนครัวผู้เป็นแฟนสาวของทาสหนุ่มรุ่นพี่ ที่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบพวกนี้ในการปรุงอาหารสำหรับงานเลี้ยงฉลองในช่วงเย็นที่จะถึงนี้
ด้วยความที่คุณชายคำหอมไปเรียนต่างบ้านต่างเมือง กำลังจะกลับมาสู่ถิ่นเดิมในวันนี้ ทางพระยาคมศักดิ์และคุณหญิงจันทร์หอมจึงต้องการจัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับกลับบ้าน และฉลองวันเกิดอายุครบสิบแปดปีให้กับคุณชายคำหอม ทำให้บรรยากาศและบรรดาข้าทาสบริวารภายในเรือนของพระยาคมศักดิ์ ถึงได้แลดูวุ่นวายไปเสียหมด
“รู้แล้วน่าพี่เดช”
พบกล้าตอบกลับทันควัน เขาเองก็รู้ดีว่าคุณชายคำหอมกำลังจะกลับมาในอีกไม่ช้า เขาถึงได้เอาแต่เหม่อลอย เป็นกังวลและคิดมากถึงเรื่องนี้
“แล้วอีกอย่าง ช่วงงานเลี้ยงเอ็งก็อย่าเผลอไปเดินเฉียดให้คุณชายคำหอมกับนายท่านเห็นเข้าล่ะ ข้ามิอยากให้มันเกิดเหตุเหมือนครั้งนั้นอีก”
ทาสหนุ่มรุ่นพี่พยายามกล่าวเตือนอีกครั้ง เพราะเขาเองก็เป็นห่วงพบกล้าไม่น้อยหน้าเช่นกัน เขากลัวว่าหากพบกล้าและคุณชายคำหอมได้มาเจอกันอีกครั้ง จะเกิดเหตุทะเลาะกันใหญ่โตกับพระยาคมศักดิ์เหมือนในอดีตอีกหรือไม่ เขาถึงได้พยายามกำชับพบกล้าอีกครั้ง
“พูดมากเสียจริงพี่เนี่ย ข้าไปล่ะ มิอยากฟังคนแก่พูดมาก”
แม้ปากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในความรู้สึกใจจริงของพบกล้า กลับไม่ได้สนใจท่าทางขุ่นเคืองเล็กน้อยของทาสหนุ่มรุ่นพี่เลย เพราะพบกล้าในยามนี้กำลังคิดมากอยู่นั่นเอง
ไม่ใช่เพราะไม่อยากเจอหน้าคุณชายคำหอม ไม่ใช่ไม่อยากพูดคุยกับอีกฝ่ายอีกครั้ง เขานั้นทั้งอยากเจอหน้า อยากพูดคุยอีกสักครั้งหนึ่ง อยากเอ่ยคำขอโทษเมื่อครั้งตอนเป็นเด็ก เขายังไม่เคยได้กล่าวขอโทษอีกฝ่ายที่เข้าใจผิดว่าเป็นทาสเฉกเช่นเดียวกันกับเขา แม้กระทั่งการส่งยิ้มตอบกลับ และบอกลากันก่อนจะจากกันไปคนละทิศละทาง พบกล้าในตอนนั้นไม่สามารถทำในสิ่งเหล่านั้นได้เลย
เพราะแบบนี้เมื่อได้รับรู้ว่าคุณชายคำหอมกำลังจะกลับมา เขาถึงอยากทำในสิ่งที่ตอนเป็นเด็กยังไม่ได้ทำ อยากเอ่ยคำขอโทษ อยากส่งยิ้มให้อีกฝ่ายเหมือนอย่างที่อีกฝ่ายเคยพยายามส่งยิ้มให้เขา ทั้ง ๆ ที่ยังร่ำไห้อยู่ในอ้อมอกของคุณหญิงจันทร์หอม และที่สำคัญและหากในครั้งนี้พบกล้าไม่สามารถทำในสิ่งที่เขาอยากจะทำได้อีก พบกล้าก็แค่อยากเห็นว่าอีกฝ่ายสบายดีหรือไม่ มีความสุขมากน้อยเพียงใด
ต่อให้การกลับมาในครั้งนี้ อีกฝ่ายจะจำเขาไม่ได้ จะลืมเขาไปจากความทรงจำแล้วก็ตาม ขอแค่ให้เขาได้มองดูอีกฝ่ายอยู่ไกล ๆ สำหรับพบกล้าขอเพียงได้ทำเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
“ไอ้เด็กนี่ มาว่ากูแก่ เดี๋ยวมึงจะโดนตีนกูไม่น้อย”
ทาสหนุ่มรุ่นพี่รู้สึกว่า ยิ่งโตขึ้นพบกล้าก็ยิ่งกวนประสาทตนเก่งมากขึ้นเท่านั้น และเพราะคำพูดหยอกล้อของพบกล้านั้น ทำให้เขาขุ่นเคืองใจอยู่ไม่น้อย เขาจะไม่รู้สึกแค้นใจขนาดนี้หากพบกล้าไม่พูดคำว่าแก่ออกมา
ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาและพบกล้าอายุห่างกันเพียงหกปีเท่านั้น ไม่ถึงกับห่างกันเป็นสิบ ๆ ปี อีกทั้งตัวเขาเองก็รักสุขภาพ ไม่ปล่อยให้ตัวเองโทรมขนาดนั้น แต่การที่อีกฝ่ายมากล่าวหาว่าเขาแก่ ทั้ง ๆ ที่เขาเพิ่งอายุยี่สิบเจ็ดปี มันน่ากระทืบซ้ำจริง ๆ
“ข้าไปดีกว่า อยู่นานกว่านี้มีหวังได้โดนตีนพี่จริง ๆ แล้ว”
ว่าจบพบกล้าก็รีบวิ่งไปยังโรงครัว พร้อมกับของที่อยู่ในมือทันที เขาเกรงว่าหากอยู่นานกว่านี้ มีหวังได้โดนกระทืบตายก่อนจะได้เด็กหน้าคุณชายคำหอมเป็นแน่
“ไอ้เด็กนี่ ตอนเด็ก ๆ มันก็น่ารักอยู่หรอก เหตุใดโตมามันถึงน่ากระทืบเช่นนี้”
ทาสหนุ่มรุ่นพี่ได้แต่ส่ายหัวไปมา ให้กับความแสบซนของพบกล้า อย่างน้อย ๆ ได้เห็นอีกฝ่ายมีความสุขและพลังเหลือล้นขนาดนี้ก็ยังดีกว่า การที่ต้องเห็นอีกฝ่ายจมอยู่กับความทุกข์และความเศร้าโศกเสียใจ
เขาหวังว่าในวันนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้นเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เขาเองก็อยากให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสกลับมาพูดคุยกัน อย่างน้อย ๆ ก็ในฐานะของทาสหนุ่มและเจ้านาย แต่เพียงเท่านี้มันก็คงยากที่จะเป็นไปได้
.
.
แม้บรรยากาศภายในโรงครัวยามนี้จะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขล้นของเหล่าทาสคนครัว บรรดาอาหารถูกจัดเตรียมด้วยความพิถีพิถันและความเอาใจใส่ พวกเขาเพียงอยากทำให้เต็มที่ อยากทำอย่างสุดความสามารถ อยากทำให้คุณชายคำหอมประทับใจในรสชาติอาหารที่เคยรับประทานเมื่อครั้งเยาว์วัยอีกครั้ง
ในขณะที่พบกล้ากำลังนำของที่อยู่ด้านในลังไม้ มาส่งให้กับโรงครัวตามคำสั่งของทาสหนุ่มรุ่นพี่ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเดินไปถึงจุดหมาย จมูกของเขากลับได้กลิ่นบางอย่าง กลิ่นนั้นมันช่างหอมหวนชวนให้อยากอาหารมากกว่าปกติ เขาจึงรีบเดินตรงไปยังจุดหมาย เพื่อทำหน้าที่ของตนให้เสร็จก่อนที่จะทนต่อความหิวไม่ไหว
“มาแล้วรึไอ้กล้า” ทาสคนครัวถามขึ้นทันที ที่เห็นพบกล้าเดินเข้ามาพร้อมกับของที่เธอต้องการ
“ใช่พี่เดือน ว่าแต่พี่จะให้ข้าเอานี่วางไว้กงไหนฤๅ”
“อืม…พวกนี้เป็นวัตถุดิบหลักชั้นดี ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดของคุณชายคำหอมทั้งสิ้น”
ทันทีที่ได้ยินว่าของที่ตนเองถือมานั้น เป็นวัตถุดิบที่จะทำให้คุณชายคำหอมทาน ส่งผลให้พบกล้าเผลอเผยรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา แม้จะรู้ดีว่าอาหารที่ต้องจัดเตรียมในวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดปรานของคุณชายคำหอมอยู่แล้ว แต่พบกล้าก็ไม่อาจฝืนที่จะอมยิ้มออกมาได้ ก็ในเมื่อวัตถุดิบหลัก ๆ ที่ต้องใช้ในการทำอาหารนั้น เขาเป็นคนถือมาเองกับมือ แม้จะก่อนหน้านี้ต้องผ่านมือของทาสหนุ่มรุ่นพี่มาก่อนแล้วก็ตาม
“เอ็งเอาวางไว้บนโต๊ะกงนั้นก่อน”
“ได้พี่” พบกล้าค่อยวางกล่องลังไม้ลงบนโต๊ะตามที่อีกฝ่ายบอก
“แล้วนี่จัดเตรียมสถานที่กันเสร็จแล้วรึ เอ็งถึงได้ว่างยกของมาให้ข้า”
ทาสคนครัวเอ่ยถามพบกล้าอีกครั้ง ด้วยความที่ทุกคนในเรือนล้วนแล้วแต่วุ่นวายกับการจัดเตรียมงานกันทั้งสิ้น แม้กระทั่งเธอเองที่แม้แต่จะเดินไปเอาวัตถุดิบยังไม่มีเวลาไป จนต้องไหว้วานให้เดช แฟนหนุ่มที่ดูแลในเรื่องการหาวัตถุดิบต่าง ๆ เอามาให้แทน แต่กลับกลายเป็นพบกล้าที่นำของพวกนั้นมาให้เธอแทนซะอย่างนั้น
“ใกล้แล้วพี่เดือน อีกอย่างข้าก็มิรู้จะทำอะไรแล้ว พี่เดชเขาเลยวานให้ข้ายกมาให้พี่แทน”
“ใช้งานเอ็งละสิมิว่า” เพราะรู้ดีว่าแฟนหนุ่มของตนมีนิสัยอย่างไร เธอถึงได้พูดกับพบกล้าออกมาอย่างนั้น
“ฮ่าฮ่า…พี่เดชเขาก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” พบกล้าเอ่ยหยอกล้อถึงทาสหนุ่มรุ่นพี่
“แล้วนี่เอ็งกินอะไรแล้วยัง มิใช่ว่าเจ้าเดชใช้งานเอ็ง จนมิให้กินน้ำกินท่าอีกล่ะ”
“ยังเลยพี่ แต่พี่อย่าไปว่าพี่เดชหนา ข้ามัวแต่ทำงานจนลืมเอง” พบกล้าตอบกลับด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา เพราะกลัวจะถูกอีกฝ่ายดุด่า
“เจ้าเด็กแสบนี่ จริง ๆ เลย”
“พี่อย่าว่าข้าสิ”
“มันน่าว่าไหมล่ะ ถ้าข้ามิถามเจ้า เจ้าก็คงมิได้กินอะไรรองท้องน่ะสิ ข้าคงต่อต้องว่าเจ้าเดชเสียแล้วกระมัง”
“พี่เดือน…อย่าไปว่าพี่เดชเลย ข้ามิอยากถูกพี่เดชกระทืบซ้ำหนา”
“เจ้าเด็กแสบนี่ มันน่าตีซ้ำจริง ๆ”
“พี่เดือนอย่าดุข้าสิ”
“ทำตัวเป็นเด็กน้อยเสียจริงเอ็งเนี่ย ข้ามีขนมปังอยู่กงนั้น ไปหยิบเอาสิ”
เดือนอดสงสารอีกฝ่ายไม่ได้ เธอพูดขึ้นก่อนจะชี้ตรงไปยังจุดที่มีขนมปังวางอยู่
และพบกล้าเองก็ไม่ได้อยากถูกดุด่าไปมากกว่านี้ เขาจึงเดินตรงไปยังโต๊ะใกล้ ๆ กับประตูทางเข้า จุดที่ทาสรุ่นพี่บอกว่ามีขนมปังวางอยู่ ก่อนที่พบกล้าจะต้องชะงักนิ่งไป เพราะสายตาของเขาดันมองเห็นใครบางคน ยืนอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้า และกำลังส่งยิ้มมาให้ตน
“คือว่า…ข้าได้ยินว่าพี่ยังมิได้กินอะไร หากพี่มิรังเกียจ ข้ายกนี่ให้พี่ รับไปสิจ๊ะ…พี่กล้า”
ชายหนุ่มหน้าหวานปานน้ำผึ้ง ผู้มีดวงตากลมโตน่ารักราวกับตุ๊กตา ผิวขาวอมชมพู อีกทั้งยังแต่งตัวดีตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าเอ่ยขึ้น ก่อนจะยื่นอะไรบางอย่างให้กับพบกล้าอย่างช้า ๆ
สำหรับพบกล้าแล้วแม้เขาจะไม่คุ้นเห็นหน้าบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้ามาก่อน แต่เมื่อได้มองดวงตา รอยยิ้มสดใสและดูจากการแต่งกายของอีกฝ่ายอย่างชัด ๆ พบกล้าก็เข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใด
“คะ…คุณชายคำหอม”
“ใช่แล้วพี่กล้า ข้าเอง...น้องคำหอมในตอนนั้นไง”