คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,#BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ผู้แต่ง
ดาวดวงที่ห้า
เรื่องย่อ
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างถี่ถ้วน
*****
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวแต่งที่เกิดจากจินตนาการเท่านั้น ตัวละคร ฉาก สถานที่
และเหตุการณ์ในเรื่องล้วนสมมุติขึ้นมาทั้งหมด
ไม่ได้มีการพาดพิงถึงใคร ไม่ได้เน้นหลักความสมเหตุสมผลหรือหลักการความเป็นจริงเท่าที่ควรนะคะ
นิยายวายพีเรียด ไม่อิงประวัติศาสตร์ใด ๆ ภาษาที่ใช้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด อาจมีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย เพื่อให้เข้ากับบริบทของตัวละคร (ตรงส่วนนี้ต้องขออภัยล่วงหน้าค่ะ)
เนื้อหาในนิยายมีการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคมอย่างชัดเจน มีการใช้อำนาจ การดูถูกเหยียดหยาม การถูกกีดกันต่าง ๆ มีฉากความรุนแรง กักขัง ทำร้ายร่างกาย บังคับขู่เข็ญ ไปจนถึงฆาตกรรม มีการกล่าวถึงไสยศาสตร์ ความเชื่อ วิญญาณ ความสูญเสีย
ตัวละครในเรื่องบางตัวละครมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรลอกเลียนแบบ
*****
เรื่องราวความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน นำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ยากจะลืมเลือน
เมื่อคุณชายคำหอม บุตรชายเพียงคนเดียวของพระยาคมศักดิ์ ผู้ปกครองเมืองภูคำใต้ ดันไปตกหลุมรัก พบกล้า ทาสหนุ่มในเรือนของตนเข้าอย่างจัง และเพราะความผูกพันที่ทั้งคู่มีให้กันตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้พวกเขาต่างชอบพอกัน จนก่อตัวเป็นความรักในที่สุด แต่มันดันติดปัญหาตรงที่พวกเขาทั้งคู่ไม่เหมาะสมที่จะเคียงคู่กันเลยสักนิดนี่สิ
เมื่อคนหนึ่งเป็นถึงคุณชายผู้สูงศักดิ์ กับอีกคนเป็นแค่ทาสใช้แรงงานผู้ต่ำต้อย
เมื่อคนหนึ่งมีคู่หมั้นหมายที่เหมาะสมกันทั้งหน้าตา ฐานะและยศศักดิ์ กับอีกคนที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีความเหมาะสมใด ๆ เลยสักนิดเดียว
เมื่อคนหนึ่งรักมากจนแสดงออกมาอย่างชัดเจน กับอีกคนที่รักมากแต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้
เมื่อคนหนึ่งรักสุดหัวใจ จนไม่สนเรื่องความถูกต้องและความเหมาะสมใด ๆ กับอีกคนที่รักสุดใจ แต่ไม่สามารถมอบความรักให้อีกฝ่ายได้ เพราะเจียมตัวว่าเราต่างไม่คู่ควรกัน
*****
ความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน หากยังคงฝืนรักกันต่อไป อาจนำมาซึ่งความสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปตลอดกาล
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
พบกล้าได้แต่ยืนชะงักนิ่ง เขาไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เจออีกฝ่ายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวเช่นนี้ เป็นเวลาสิบปีที่พวกเขาห่างหายจากกันไป แม้อยากจะดีใจที่คุณชายคำหอมไม่ได้ลืมเลือนเขาไปจากความทรงจำ แต่สุดท้ายแล้วพบกล้าจำเป็นต้องเก็บเอาความดีใจนั้นไว้ เพราะในยามนี้นอกจากความตกใจที่ได้เห็นอีกฝ่ายมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ความหวาดกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาเช่นกัน แล้วแบบนี้พบกล้าควรทำอย่างไรดี
แม้จะเห็นว่าอีกฝ่ายมาที่นี่เพียงลำพัง ไม่มีแม้กระทั่งผู้ติดตาม แต่พบกล้าก็ยังคงหวาดกลัวอยู่ดี เขากลัวว่าพระยาคมศักดิ์จะรู้เรื่องเข้า หากพวกเขาทั้งสองคนได้พบเจอกัน
เพราะท่าทางที่แปลกไปของพบกล้า ไม่ยอมหยิบขนมปังไปสักที เอาแต่ยืนนิ่งมองออกไปทางประตูอยู่นานสองนาน พฤติกรรมของพบกล้านั้น ทำให้เดือนรู้สึกผิดสังเกต ก่อนที่เดือนจะค่อย ๆ วางมือจากการเตรียมวัตถุดิบในการทำอาหารตรงหน้า และย่างกรายมาหาพบกล้าในทันที
“ไอ้กล้า…ได้ขนมปังแล้วก็กลับไปอาบน้ำพักผ่อนซะ เย็นนี้เอ็งต้องทำงานต่ออีก มัวแต่มายืนเหม่ออยู่ได้ เจ้าเด็ก…”
แต่ไม่ทันที่เดือนจะพูดจบ สายตาของเธอดันเหลือบไปเห็นใครบางคน กำลังยื่นอะไรบางอย่างให้กับพบกล้า และนั่นก็ทำให้เธอตกใจอยู่ไม่น้อย
“คะ…คุณชายคำหอม กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อใดกันเจ้าคะ” เป็นเสียงของเดือนที่เอ่ยถามผู้มาเยือนใหม่
“อืม…คงจะชั่วโมงนึงได้แล้วกระมังเดือน”
คุณชายคำหอมตอบกลับพร้อมกับส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร
“คุณชายจำเดือนได้รึเจ้าคะ”
“แน่นอนสิ นอกจากท่านแม่แล้ว ก็มิมีผู้ใดทำอาหารโปรดข้าได้อร่อยมิเปลี่ยนแปลง เท่ากับเจ้าแล้วล่ะเดือน”
ทุกครั้งที่คุณชายคำหอมอยากทานของโปรดเวลาอยู่ในโรงเรียนประจำ คุณชายคำหอมมักเขียนจดหมายส่งมาหาคุณหญิงจันทร์หอมเสมอ แน่นอนว่าคุณหญิงจันทร์หอมมักจะส่งอาหารไปพร้อมกับจดหมายตอบกลับ
โดยรายละเอียดในจดหมายบ่งบอกว่าคุณหญิงจันทร์หอมและเดือน มักจะมาช่วยในการจัดเตรียมและปรุงอาหารให้กับคุณชายคำหอมทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งหลังจากที่คุณชายคำหอมรับรู้ กลายเป็นว่าเขาเองก็โปรดปรานรสชาติอาหารของมารดาและเดือนมาตลอดหลายปี
“ฮึก…คุณชาย”
แม้จะรู้ดีว่าตัวเธอไม่มีความเหมาะสมใด ๆ ที่จะชวนคุณชายคำหอมพูดคุยด้วยซ้ำ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย น้ำตาที่พยายามฝืนกลั้นเอาไว้มันหลากไหลออกมา แน่นอนว่านั้นไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ แต่เป็นน้ำตาของความดีใจต่างหาก เธอไม่คาดคิดมาก่อนเช่นกันว่า คุณชายคำหอมจะจำทาสต่ำต้อยอย่างเธอได้
“เจ้าจะร่ำไห้ด้วยเหตุใดกันเล่า”
เพราะจู่ ๆ ทาสคนครัวตรงหน้าก็ร่ำไห้ออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย คุณชายคำหอมเองก็ตกใจอยู่ไม่น้อย
“คุณชายยังจำข้าได้ ข้าดีใจเจ้าค่ะ”
“เจ้านี่อายุมากกว่าข้าเสียอีก จะมาร่ำไห้เพราะเหตุผลแค่นี้ อย่างกับเด็กน้อยมิมีผิด”
“ฮึก…คุณชายคำหอมของบ่าว”
“เจ้าหยุดร่ำไห้เถิดหนา ข้ายังจำพวกเจ้าได้”
“ฮึก…เจ้าค่ะ”
“โดยเฉพาะพี่กล้า แม้พี่จะเติบโตขึ้น แต่ดวงตาของพี่ ข้ายังจำได้มิลืมเลือน”
คุณชายคำหอมจับจ้องไปยังพบกล้า ร่างกายของอีกฝ่ายเติบโตขึ้นตามกาลเวลา จากเด็กชายตัวน้อยรูปร่างสูงผอมบาง เนื้อตัวมอมแมมในยามนั้น กลับกลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง มีมัดกล้ามที่ได้จากการทำงานมาตลอดหลายปี เนื้อตัวยังคงมอมแมมแต่ก็ไม่ได้มองดูแล้วสกปรกจนไม่อยากเข้าใกล้ เส้นผมสีดำขลับ ผิวกายสีน้ำผึ้งดึงดูดใจ และดวงตาสีน้ำตาลสะท้อนกับแสงแดด ยังคงตราตรึงในความทรงจำของคุณชายคำหอมไม่เปลี่ยนแปลง
แน่นอนว่ารูปร่างและหน้าตาของพบกล้าในยามนี้ ค่อนข้างหล่อเหลาตรงสเปกใครหลาย ๆ คน แน่นอนว่าคุณชายคำหอมเองก็คิดเช่นนั้น และมันคงจะดีไม่น้อยหากอีกฝ่ายยังคงเป็นคนที่มีนิสัยอบอุ่น ใจดีและคอยปลอบใจเขา เหมือนตอนยังเป็นเด็กไม่เปลี่ยนแปลง
ซึ่งนิสัยส่วนตัวของพบกล้าในตอนเป็นเด็กนั้น ทำให้คุณชายคำหอมรู้สึกชอบพบกล้ามาตั้งแต่สมัยเด็ก ตั้งแต่ที่พวกเขาเจอหน้ากันเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ที่เขาเคยบอกมารดาว่าชอบพี่ชายคนนี้ในตอนนั้น มันเป็นเรื่องจริง แม้กาลเวลาจะผันเปลี่ยนไป แต่คุณชายคำหอมก็ยังชอบพบกล้าเพียงคนเดียวไม่เปลี่ยนแปลง เพียงแค่ในยามนี้เขาไม่อาจเปิดเผยความรู้สึกนั้นได้
“แล้วพี่ล่ะ จำข้าได้ฤๅไม่”
“หากเป็นยามนี้ ข้าคงจำมิได้ขอรับ”
คุณชายคำหอมในยามนี้เปลี่ยนไปมากจนพบกล้าเองก็จำอีกฝ่ายแทบไม่ได้ ใบหน้าของคุณชายคำหอมดูหวานละมุน ไร้ร่องรอยใด ๆ ราวกับได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แม้รูปร่างผอมบางแต่ก็ยังคงดูดี ผิวกายเนียนขาวอมชมพู เส้นผมสีน้ำตาลกระทบแสงแดดสะดุดตา ดวงตากลมโตสีน้ำตาลเฉกเช่นเดียวกับเขา รอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งมายังคงสวยสดใสไม่แตกต่างจากตอนเป็นเด็กเลยสักนิดเดียว
“เช่นนั้นหรอกรึ…น่าเสียใจจัง”
เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายจำตนไม่ได้ สีหน้าและแววตาเศร้าหมองของคุณชายคำหอมเผยให้เห็นออกมาทันใด แน่นอนว่าพบกล้าที่เห็นก็อดสงสารอีกฝ่ายไม่ได้
“หากแต่ข้าจำได้เพียง เด็กชายตัวน้อยที่นั่งร่ำไห้อยู่แถวต้นมะลิขอรับ”
สุดท้ายแล้วคุณชายคำหอมก็มีอิทธิพลต่อจิตใจของพบกล้าเสมอ น้ำเสียงตะกุกตะกักเอ่ยออกมาอีกครั้ง เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องเสียใจกับคำพูดของตน พบกล้าถึงเลือกที่จะพูดออกไปแบบนั้น
“ดีใจจัง อย่างน้อย ๆ พี่ก็จำข้าได้” จากแววตาเศร้าหมองแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสดใสทันทีทันใด
“คุณชายคำหอมเปลี่ยนไปมากนะขอรับ แต่รอยยิ้มของคุณชายยังคงเหมือนเดิม มิเปลี่ยนไปเลยขอรับ”
“อย่างน้อย ๆ พี่ก็จำข้าได้ เพียงเท่านี้ข้าก็ดีใจมากพอแล้วล่ะ”
“ขะ…ขอรับ”
“พี่รับไปเถอะหนา ขนมหวานพวกนี้ข้าตั้งใจซื้อมาให้พี่ หากพี่มิอิ่ม จะกินขนมปังของเดือนเพิ่มข้าก็มิว่า”
ขนมหวานมากมายหลากหลายอย่างถูกยื่นให้กับพบกล้าทันทีที่คุณชายคำหอมพูดจบ จริง ๆ เขาตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะซื้อของพวกนี้มาฝากทาสในเรือน แน่นอนว่าของพบกล้าเช่นกัน เพราะแบบนี้ภายในมือของคุณชายคำหอมถึงได้เต็มไปด้วยขนมพวกนี้
“ขอบพระคุณขอรับ”
“ว่าแต่คุณชายของบ่าว เหตุใดถึงกลับมาเร็วจังล่ะเจ้าคะ ข้ายังเตรียมอาหารมิเสร็จเลยเจ้าค่ะ” เดือนเอ่ยถามอีกครั้ง
“อันที่จริงข้ารีบกลับมาก่อน เพราะคิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่ ข้าเพิ่งไปหาท่านพ่อกับท่านแม่มา ก่อนจะมาพวกเจ้า”
“ละ…แล้วท่านพ่อของคุณชาย อนุญาตแล้วฤๅขอรับ”
น้ำเสียงตะกุกตะกักของพบกล้าดังขึ้น เมื่อได้ยินว่าคุณชายคำหอมไปหาบิดาและมารดา ซึ่งมีศักดิ์เป็นเจ้านายของเขา ก่อนที่อีกฝ่ายจะมาที่โรงครัวแห่งนี้ หากเป็นปกติพระยาคมศักดิ์ไม่น่าจะปล่อยให้บุตรชายที่เพิ่งกลับมาถึงเรือน ได้ออกมาพูดคุยกับทาสในเรือนอย่างสบายใจโดยไม่มีผู้ติดตามเช่นนี้ และเพราะเหตุนี้พบกล้าถึงได้เป็นกังวล กลัวว่าพระยาคมศักดิ์จะรู้เรื่องเข้า
“ใช่สิพี่กล้า หลังจากนี้พี่มิต้องกลัวท่านพ่อไปแล้วหนา ข้าทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับท่านพ่อครบหมดแล้ว”
หากเป็นเมื่อก่อนคุณชายคำหอมคงจะไม่กล้าเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายอีกฝ่ายเช่นนี้มาก่อน แต่เพราะข้อตกลงที่คุณชายคำหอมกับพระยาคมศักดิ์ตกลงกันในวันนั้น มันได้สิ้นสุดลงแล้ว
ข้อตกลงที่ว่าหากคุณชายคำหอมไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกทาสในเรือน จนกว่าจะเรียนจบจากโรงเรียนประจำ และเมื่อกลับมาหากคุณชายคำหอมอยากจะทำอะไรพระยาคมศักดิ์จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว แต่เมื่อใดก็ตามที่พระยาคมศักดิ์ต้องการหรือมีคำสั่งให้คุณชายคำหอมทำเรื่องอะไรให้ คุณชายคำหอมก็ต้องทำตามห้ามมีข้อแม้ใด ๆ ทั้งนั้น หากไม่อยากให้ทาสในเรือนต้องเดือดร้อน ห้ามขัดต่อความต้องการของพระยาคมศักดิ์เด็ดขาด
เพราะพระยาคมศักดิ์รู้ดีว่า ทาสที่มีผลต่อความรู้สึกและจิตใจคุณชายคำหอมมากที่สุดคือผู้ใด แน่นอนว่าคุณชายคำหอมเองก็ยอมรับข้อตกลงของพระยาคมศักดิ์อย่างไม่ลังเลอยู่แล้ว
และอีกหนึ่งเหตุผล เมื่อคุณชายคำหอมกลับมายังถิ่นเดิมก็จำเป็นต้องมีทาสผู้ติดตาม พระยาคมศักดิ์ถึงได้อนุญาตให้คุณชายคำหอมสามารถพูดคุยและอยู่ใกล้กับทาสในเรือนได้ จะไม่บังคับเหมือนตอนเป็นเด็กอีกต่อไป เพราะพระยาคมศักดิ์เองก็รู้ว่าบุตรชายโตพอที่รู้ความว่า สถานะของตนกับทาสพวกนี้แตกต่างกันเพียงใด และไม่มีเหตุผลอะไรต้องกีดกันอีกต่อไป
เพราะเหตุนี้คุณชายคำหอมถึงได้ไม่มีท่าทีกังวลใด ๆ เมื่อได้เห็นหน้าหรือแม้กระทั่งพูดคุยกับพบกล้า มีเพียงพบกล้าที่ยังคงกังวลกับการพูดคุยกับเขาอยู่ คุณชายคำหอมถึงได้พยายามชวนอีกฝ่ายพูดคุยด้วยท่าทีสบาย ๆ
“…”
พบกล้าได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา อย่างน้อย ๆ เขาก็สบายใจที่ได้รับรู้ว่าพระยาคมศักดิ์อนุญาตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นปัญหาที่อาจจะตามมา ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
“พวกเจ้าเองก็เหมือนกัน หลังจากนี้มิต้องกังวลไป พวกเจ้าสามารถพูดคุยกับข้าได้ทุกเมื่อ ท่านพ่อมิกีดกันข้าเหมือนตอนเป็นเด็กอีกต่อไปแล้วหนา”
จากตอนเด็ก ๆ ที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงในการพูดคุย หรือแม้กระทั่งอยู่ใกล้คนพวกนี้ คุณชายคำหอมถึงได้ไม่เคยรับรู้ความรู้สึกของการได้พูดคุยกับคนพวกนี้มาก่อนเลย เขาจมอยู่กับความเหงาและความโดดเดี่ยวมาตลอดหลายปี แม้กระทั่งไปเรียนที่โรงเรียนประจำ คุณชายคำหอมเองก็ไม่ได้มีเพื่อนพ้องมากมายเหมือนคนอื่น ๆ
เขามีเพื่อนเพียงคนเดียว เพื่อนที่สามารถพูดคุยได้ทุกเรื่อง แน่นอนว่าต่อให้คุณชายคำหอมจะเติบโตขึ้น แต่การเข้าสังคมของคุณชายคำหอมไม่ได้เก่งเท่าเพื่อนคนนี้เลย คุณชายคำหอมทำตัวไม่ถูกกับการได้พูดคุยกับคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้สนิทสนม จนกระทั่งเพื่อนได้สอนให้เขาเริ่มรู้จักการเข้าหาคนอื่นก่อน และท้ายที่สุดคุณชายคำหอมก็ทำได้ดี จนเขาไม่มีความกังวลใด ๆ ที่จะเข้าหาคนอื่นก่อน
และเพราะเหตุนี้ทำให้การกลับมาถิ่นเดิมในครั้งนี้ คุณชายคำหอมถึงเป็นฝ่ายเข้ามาทักทายทาสในเรือนก่อนเช่นกัน
“นี่ถือเป็นเรื่องที่ดีจริง ๆ นะเจ้าคะ”
เดือนตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นคลอนเล็กน้อย เธอเองก็ดีใจ อย่างน้อย ๆ คุณชายคำหอมไม่ต้องถูกบังคับเหมือนตอนเด็ก ๆ อีกต่อไป
“อื้ม…ข้าเองก็รอมาตลอดเช่นกัน แล้วพี่กล้าล่ะ พี่ดีใจหรือไม่”
แน่นอนว่าคุณชายคำหอมรับรู้ความรู้สึกของเดือนดี แต่เขาเองก็อยากรับรู้ความรู้สึกจากพบกล้า ทาสในเรือนเพียงคนเดียวที่มีผลต่อจิตใจเขามากขนาดนี้
“ขะ…ขอรับ ข้าย่อมดีใจกับคุณชายทุกเรื่องอยู่แล้วขอรับ”
“พี่กล้านี่ยังใจดีมิเปลี่ยนแปลงเลยหนา”
“…” พบกล้าเองก็ไม่รู้จะต้องตอบกลับใด ๆ เขาถึงได้ยินนิ่งอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเห็นคุณชายคำหอมหลุดขำกับการกระทำของตน
“ฮ่าฮ่า…พี่มิต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ พูดกับข้าเหมือนตอนที่เราเป็นเด็กเถิดหนา”
“มิได้หรอกขอรับ ข้ามิคู่ควรจะพูดอย่างนั้นกับคุณชายนะขอรับ”
เพราะตอนเป็นเด็กพบกล้าเข้าใจผิดว่าอีกฝ่าย เป็นเพียงทาสเฉกเช่นเดียวกับเขา แต่ในยามนี้พบกล้าได้รับรู้สถานะของอีกฝ่าย เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงคุณชาย แต่เขานั้นเป็นเพียงแค่ทาสใช้แรงงานเท่านั้น
“ช่างเถอะ พี่อย่าไปคิดมากเลยหนา”
“มิได้สิขอรับคุณชาย ข้ารู้ตัวเองดีนะขอรับ”
“เอาเถอะ ข้าแค่มิอยากบังคับพี่ ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่พี่เลยหนา”
แม้จะไม่อยากให้พบกล้าต้องมากพิธีกับตน สุดท้ายแล้วคุณชายคำหอมก็ต้องยอมให้พบกล้าพูดในสิ่งที่อยากพูดอยู่ดี เพราะรู้ดีว่าพบกล้านั้นเจียมตัวและทำทุกอย่างตามความเหมาะสมกับสถานะของตัวเองอยู่เสมอ
“ขอบคุณที่เข้าใจข้านะขอรับ”
“จริงสิ ข้าตั้งใจเอานี่มาให้พวกเจ้า รับไปสิเดือน”
ถุงขนมส่วนที่เหลือจากการมอบให้พบกล้า คุณชายคำหอมจึงมอบของทั้งหมดให้กับทาสในเรือน แน่นอนว่ามันย่อมเพียงพอกับทุกคน ส่วนทาสคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในโรงครัว คุณชายคำหอม ไหว้วานให้ทาสคนสนิทของบิดาเป็นผู้จัดการให้แทนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“หืม…นี่อะไรเหรอเจ้าคะ”
“ของฝาก ข้าตั้งใจเอามาให้เจ้า เป็นของแลกเปลี่ยนที่เจ้าทำอาหารมาให้ข้าทุกเดือน ส่วนที่เหลือเอาไปแบ่งกับพวกพี่ ๆ คนอื่น ๆ ด้วยล่ะ”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะคุณชาย”
“ส่วนนี่เป็นวัตถุดิบที่ข้าเอามา อยากให้เจ้าทำของโปรดของท่านแม่ให้หน่อย” วัตถุดิบบางอย่างถูกยื่นให้กับเดือนอีกครั้ง
“ได้สิเจ้าคะ ว่าแต่คุณชายถือของพวกนี้มาเองเลยฤๅเจ้าคะ ไยมิให้ทาสในเรือนช่วยถือมาล่ะเจ้าคะ”
เดือนค่อนข้างแปลกใจในจำนวนของที่เธอได้รับมา มันเยอะเกินกว่าที่คุณชายของเธอจะถือมาเพียงลำพังได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นชายหนุ่มที่น่าจะมีแรงมากกว่าเธอเสียอีก แต่การที่คุณชายถือของพวกนั้นมาให้ทาสในเรือน มันดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไร และที่สำคัญคนอย่างคุณชายคำหอมควรจะมีผู้ติดตามสักคนสองคน แต่เดือนกลับไม่เห็นแม้แต่เงา
“ข้ามิอยากให้มีผู้ติดตามมากนัก ของพวกนี้ก็มิได้หนักหนาขนาดนั้น ข้าเลยถือมาเองเสียเลย ว่าแต่ข้าเก่งใช่ไหมเดือน”
“เก่งเจ้าค่ะ คุณชายคำหอมเก่งที่สุด” เดือนตอบกลับอย่างไม่ลังเล
“ถ้าเช่นนั้น ไว้เจอกันตอนเย็นล่ะ ข้าว่าจะกลับเรือนไปพักผ่อนเสียหน่อย”
เพราะเหนื่อยจากการเดินทาง ทำให้คุณชายคำหอมตัดสินใจกลับไปพักผ่อนก่อนที่งานเลี้ยงในเย็นนี้จะเริ่มขึ้น
“เจ้าค่ะคุณชาย”
“พี่กล้า หวังว่าตอนเย็นข้าจะเห็นพี่นะ ข้าอยากให้พี่ได้กินของอร่อยเหมือนกัน”
“ขอรับคุณชาย คุณชายมาเชิญข้าเช่นนี้ ข้าจะไปขอรับ”
แม้ในตอนแรกพบกล้าไม่ได้ตั้งใจจะพาตัวเองไปในงานเลี้ยง แต่ในเมื่อคุณชายคำหอมเป็นฝ่ายมาเชิญชวนเขาเองก็ไม่อยากขัดต่อความต้องการของอีกฝ่าย
“พวกเจ้าก็เหมือนกัน อย่าลืมมาหาอะไรกินกันที่นั่นล่ะ ข้าสั่งคนให้เตรียมของสำหรับพวกเจ้าแล้วด้วย”
เพราะอยากให้ทาสในเรือนทุกคนได้มีโอกาสได้กินอาหารอย่างเต็มที่ คุณชายคำหอมถึงได้ไปร้องขอกับบิดาของตนถึงส่วนนี้ แน่นอนว่าในตอนแรกพระยาคมศักดิ์เหมือนจะไม่ยอม แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องยอมแพ้ให้กับความต้องการของคุณชายคำหอมอยู่ดี
“คุณชายเอ่ยปากเชิญขนาดนี้ ข้ามิพลาดเลยล่ะเจ้าค่ะ” เดือนเองก็ตอบกลับอย่างรวดเร็วทันใจ
“ฮ่าฮ่า…เจ้านี่ตลกเสียจริง ข้าไปล่ะไว้เจอกัน”
“ขอรับคุณชาย”
“เจ้าค่ะคุณชาย”