คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,#BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ผู้แต่ง
ดาวดวงที่ห้า
เรื่องย่อ
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างถี่ถ้วน
*****
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวแต่งที่เกิดจากจินตนาการเท่านั้น ตัวละคร ฉาก สถานที่
และเหตุการณ์ในเรื่องล้วนสมมุติขึ้นมาทั้งหมด
ไม่ได้มีการพาดพิงถึงใคร ไม่ได้เน้นหลักความสมเหตุสมผลหรือหลักการความเป็นจริงเท่าที่ควรนะคะ
นิยายวายพีเรียด ไม่อิงประวัติศาสตร์ใด ๆ ภาษาที่ใช้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด อาจมีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย เพื่อให้เข้ากับบริบทของตัวละคร (ตรงส่วนนี้ต้องขออภัยล่วงหน้าค่ะ)
เนื้อหาในนิยายมีการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคมอย่างชัดเจน มีการใช้อำนาจ การดูถูกเหยียดหยาม การถูกกีดกันต่าง ๆ มีฉากความรุนแรง กักขัง ทำร้ายร่างกาย บังคับขู่เข็ญ ไปจนถึงฆาตกรรม มีการกล่าวถึงไสยศาสตร์ ความเชื่อ วิญญาณ ความสูญเสีย
ตัวละครในเรื่องบางตัวละครมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรลอกเลียนแบบ
*****
เรื่องราวความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน นำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ยากจะลืมเลือน
เมื่อคุณชายคำหอม บุตรชายเพียงคนเดียวของพระยาคมศักดิ์ ผู้ปกครองเมืองภูคำใต้ ดันไปตกหลุมรัก พบกล้า ทาสหนุ่มในเรือนของตนเข้าอย่างจัง และเพราะความผูกพันที่ทั้งคู่มีให้กันตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้พวกเขาต่างชอบพอกัน จนก่อตัวเป็นความรักในที่สุด แต่มันดันติดปัญหาตรงที่พวกเขาทั้งคู่ไม่เหมาะสมที่จะเคียงคู่กันเลยสักนิดนี่สิ
เมื่อคนหนึ่งเป็นถึงคุณชายผู้สูงศักดิ์ กับอีกคนเป็นแค่ทาสใช้แรงงานผู้ต่ำต้อย
เมื่อคนหนึ่งมีคู่หมั้นหมายที่เหมาะสมกันทั้งหน้าตา ฐานะและยศศักดิ์ กับอีกคนที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีความเหมาะสมใด ๆ เลยสักนิดเดียว
เมื่อคนหนึ่งรักมากจนแสดงออกมาอย่างชัดเจน กับอีกคนที่รักมากแต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้
เมื่อคนหนึ่งรักสุดหัวใจ จนไม่สนเรื่องความถูกต้องและความเหมาะสมใด ๆ กับอีกคนที่รักสุดใจ แต่ไม่สามารถมอบความรักให้อีกฝ่ายได้ เพราะเจียมตัวว่าเราต่างไม่คู่ควรกัน
*****
ความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน หากยังคงฝืนรักกันต่อไป อาจนำมาซึ่งความสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปตลอดกาล
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
บรรยากาศในเรือนของพระยาคมศักดิ์ยามนี้ เริ่มครึกครื้นเต็มไปด้วยแสงสีและเสียงดนตรีคลอเบา ๆ งานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของคุณชายคำหอมที่ดูเหมือนจะไม่ใหญ่โต หากแต่ลองมองดูดี ๆ กลับพบว่างานเลี้ยงนี้ดูใหญ่โตเสียยิ่งกว่างานแต่งงานของพระยาคมศักดิ์กับภรรยาสุดที่รักเสียอีก
สายลมอ่อน ๆ เริ่มพัดพาให้กลิ่นดอกไม้หอมอบอวลของไปทั่วทั้งบริเวณ บรรดาอาหารมากมายหลากหลายชนิดเริ่มทยอยจากโรงครัว ออกมาวางเรียงราย รอให้บรรดาแขกเหรื่อเข้ามาร่วมรับประทาน
อีกเพียงไม่กี่นาทีจะได้เวลาที่แขกเหรื่อของพระยาคมศักดิ์เดินทางมาถึง แน่นอนว่าทั้งพระยาคมศักดิ์และคุณหญิงจันทร์หอมต่างเฝ้ารอที่จะได้ต้อนรับบรรดาแขกเหรื่อ ที่ทั้งรักและเอ็นดูในตัวบุตรชายของพวกเขา หากแต่คุณชายคำหอมนั้นกลับไม่ได้รู้เรื่องเลยด้วยซ้ำว่าบิดาของตน จะจัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่โตเช่นนี้ เขาคิดเพียงแค่ว่าเป็นการเลี้ยงฉลองเล็ก ๆ ระหว่างครอบครัวและทาสในเรือนก็เท่านั้น
แม้รู้ตัวเองดีว่าในยามนี้เขาไม่ควรจะแสดงพฤติกรรมแบบนี้เมื่อบิดาอยู่ใกล้ ๆ หากแต่คุณชายคำหอมกลับได้สนใจไม่ ทันทีที่เห็นบรรดาทาสในเรือนเริ่มทยอยเดินเข้ามาจัดเตรียมความเรียบร้อย สายตาของคุณชายคำหอมในยามนี้กำลังสอดส่องไปทั่วบริเวณ หวังจะเจอคนที่มีอิทธิพลต่อจิตใจ
แต่ไม่ว่าคุณชายคำหอมพยายามมองหาเพียงใด เขาก็ไม่เห็นพบกล้าเลยสักนิด หรือว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมมางานอย่างที่เขาเป็นกังวลเอาไว้จริง ๆ จากสายตาแห่งความคาดหวัง กลับกลายเป็นสายตาเศร้าหมองลง
และเพราะมัวแต่ให้ความสนใจกับการมองหาพบกล้า จนไม่ได้สนใจเสียงเรียกของบิดาที่อยู่ไม่ไกลกันนัก นั่นจึงทำให้พระยาคมศักดิ์จำเป็นต้องเดินเข้ามาบุตรชายของตนแทน
“ยังพักผ่อนมิเต็มที่รึไง ข้าเรียกเจ้าตั้งนาน แต่เจ้ากลับเหม่อลอยเช่นนี้” น้ำเสียงสุขุมพยายามเอ่ยถามบุตรชายของตน
“ขออภัยขอรับท่านพ่อ ข้าแค่เห็นว่างานมันดูใหญ่โตเกินไป ข้าทำตัวมิถูกน่ะขอรับ” คุณชายคำหอมตอบกลับบิดาของตนทันที
“อย่าได้กังวลไป งานนี่เพื่อเจ้าโดยเฉพาะ อีกอย่างแขกที่ข้าเชิญมา ก็เพื่อนข้าทั้งนั้น”
“ขอรับท่านพ่อ”
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงแต่งตัวเช่นนี้กันเล่า”
สายตาของพระยาคมศักดิ์สะดุดตาเข้ากับเสื้อผ้าฝ้ายทอมือสีน้ำตาลอ่อน และโจงกระเบนสีน้ำตาลเข้มที่แลดูเหมือนจะเข้าชุดกันบนเรือนร่างของบุตรชาย ก็อดไม่ได้ที่จะต้องติเตือน
“ก็ท่านพ่อมิได้บอกข้าก่อนหน้านี้นี่ขอรับ ว่าท่านพ่อเชิญผู้หลักผู้ใหญ่มางานด้วยขอรับ”
ด้วยความที่คุณชายคำหอมไม่รู้มาก่อน เขาจึงไม่ได้แต่งกายให้เหมาะสมกับการพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ แต่กลับเลือกที่จะแต่งกายสบาย ๆ แทน
แม้บนเรือนร่างของคุณชายคำหอม จะมีเสื้อผ้าฝ้ายทอมือสีน้ำตาลอ่อน พร้อมด้วยโจงกระเบนสีเข้ม ไม่ได้มีเครื่องประดับมากมาย เพราะคุณชายคำหอมต้องการความสะดวกสบาย ไม่ได้ต้องการความอลังการ และไม่ว่าคุณชายคำหอมจะแต่งกายเช่นไร เขาก็มักดูดีในสายตาของผู้อื่นอยู่เสมอ แต่คงไม่ได้ดูแลในสายตาของพระยาคมศักดิ์ในยามนี้
“ถึงอย่างไรก็ตาม เจ้าจงรีบไปเปลี่ยนให้มันเหมาะสมกับฐานะของเจ้าเสียหน่อย อย่าทำให้ข้าขายขี้หน้าต่อหน้าผู้อื่น”
“ท่านพ่อ…”
“รีบไปซะ”
เพราะไม่อยากอารมณ์เสียใส่บุตรชายไปมากกว่านี้ ว่าจบพระยาคมศักดิ์ก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายหันหลังเดินออกไปทันที
และเพราะเสียงบ่นบุตรชายของพระยาคมศักดิ์ก่อนหน้านี้ ค่อนข้างสร้างความตกใจให้กับคุณชายคำหอมอยู่ไม่น้อย แม้คุณชายคำหอมจะไม่ได้ตอบโต้ใด ๆ แต่นั่นก็ทำให้คุณหญิงจันทร์หอมที่ยืนอยู่ไม่ไกลอดไม่ได้ที่จะสงสารบุตรชายจนต้องเดินเข้ามาหาบุตรชายในทันที
“คำหอมลูกแม่ เจ้าอย่าถือสาท่านพ่อเลยหนา ท่านพ่อคงมิอยากให้ลูกดูมิดีในสายตาผู้อื่น”
คุณหญิงจันทร์หอมพยายามพูดปลอบใจบุตรชาย เธอเองก็ไม่ได้อยากให้คุณชายคำหอมถูกตำหนิต่อว่าเช่นนี้
“ขอรับท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”
“รีบไปเถอะลูก อีกไม่กี่นาทีแขกของท่านพ่อก็น่าจะเดินทางมาถึงกันแล้ว”
“ขอรับท่านแม่”
.
.
ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ในที่สุดคุณชายคำหอม ก็จัดการหาชุดที่เหมาะสมกับการพบปะผู้หลักผู้ใหญ่ได้เสียที
เสื้อไทยพระราชทานสีขาว ซึ่งทำมาจากผ้าไหม ถูกหยิบยกออกมาจากตู้เสื้อผ้าไม้สักอย่างระมัดระวัง ตามมาด้วยโจงกระเบนสีเข้มดูเข้าชุดกัน ก่อนจะนำผ้าผูกเอว เข็มขัด และเข็มกลัดติดเสื้อรูปดอกมะลิสีทองประดับด้วยเพชรเล็กน้อย ออกมาจากที่เก็บเครื่องประดับ ก่อนจะนำทุกสิ่งทุกอย่างที่จัดวางไว้ ใส่บนเรือนร่างอย่างชำนาญ แม้จะยังไม่ผู้ช่วยหรือผู้ติดตาม แต่คุณชายคำหอมก็สามารถทำทุกอย่างด้วยตัวเองได้อย่างรวดเร็ว
ไม่กี่นาทีต่อมา คุณชายคำหอมก็รีบย่างกรายมายังสนามหญ้าที่โล่งกว้าง ซึ่งเป็นบริเวณจัดงานเลี้ยงอีกครั้ง และทันทีที่บิดาได้เห็นว่าบุตรชายของตนปรับเปลี่ยนการแต่งกายมาเรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็ปรากฏออกมาให้เห็นทันที
“ต้องอย่างนี้สิ ถึงจะเหมาะสม”
“ขอรับท่านพ่อ”
“วันนี้ก็ทำตัวให้ดี ๆ ล่ะ ข้ามีคนจะมาแนะนำให้เจ้าได้รู้จัก”
เพราะวันนี้บุตรชายของตนก็อายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ มันถึงเวลาที่พระยาคมศักดิ์และบุคคลนั้นได้ทำการตกลงเจรจากันว่าเมื่อใดก็ตาม ที่คุณชายคำหอมอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ เมื่อนั้นพระยาคมศักดิ์จะอนุญาตให้บุคคลนั้นได้มาทำความรู้จักกับบุตรชายของตน แน่นอนว่าบุคคลนั้นจะมาปรากฏตัวในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้เช่นกัน
“ผู้ใดกันท่านพ่อ”
หากจะให้คุณชายคำหอมคาดเดา คนที่บิดาต้องการให้ทำความรู้จักไว้ คงหนีไม่พ้นเพื่อนของบิดาแน่นอน เพราะเพื่อนของบิดาแต่ละคนล้วนแล้วแต่มีอำนาจ ชื่อเสียง ยศศักดิ์ และหน้าที่การงานใหญ่โต ดีไม่ดีหากได้ทำความรู้จักกันไว้ บางทีบิดาของตนอาจจะฝากฝังตนให้ไปทำงานกับเพื่อนคนใดคนหนึ่งก็เป็นได้ แน่นอนว่าหากเป็นเช่นนั้นจริง คุณชายคำหอมก็ไม่ได้ขัดข้องใด ๆ
“ไว้ถึงเวลานั้นข้าจะบอกเจ้าเอง สิ่งที่เจ้าต้องทำคืออย่าทำให้ข้าผิดหวังในตัวเจ้าก็พอ”
“ขอรับท่านพ่อ”
“และอีกอย่าง” พระยาคมศักดิ์พูดขึ้นก่อนจะเงียบไป
“อะไรฤๅขอรับ”
“ข้ารู้ว่าเจ้ากับไอ้พบกล้าได้เจอกันแล้ว เป็นความจริงใช่ฤๅไม่”
เพราะประโยคคำถามของพระยาคมศักดิ์ ทำให้คุณชายคำหอมได้แต่ชะงักนิ่ง เขากลัวว่าบิดาจะหาทางขัดขวางไม่ให้พวกเขาทั้งคู่ได้พบเจอกันอีก
“ตอบข้าตามความจริง อย่าได้คิดโกหกข้า”
“เป็นความจริงขอรับ…แต่ท่านพ่อ ท่านอย่าได้ดุด่าพวกข้าเลย พี่กล้าเองก็ยังเกรงกลัวท่านพ่อ จนมิค่อยยอมคุยกับข้าเสียด้วย”
คุณชายคำหอมเลือกที่จะตอบตามความจริง ในเมื่อบิดาของตนรับรู้อยู่แล้วก็ไม่มีประโยชน์อะไรให้เขาต้องปิดบังความจริง และแน่นอนว่าคุณชายคำหอมไม่มีทางยอมให้บิดาของตนเข้ามาขัดขวาง ไม่ให้เขาและพบกล้าได้เจอกันเหมือนในอดีตอีก
“เช่นนั้นก็ดีแล้วนี่ ในเมื่อมันมิได้อยากคุยกับเจ้า แล้วเจ้าจะอยากไปคุยกับมันด้วยเหตุอันใดกัน”
“ท่านพ่อก็รู้เหตุผลของข้าดีนี่ขอรับ”
“หึ…เรื่องที่เจ้าชอบมันสินะ”
เรื่องที่บุตรชายชอบพอทาสในเรือน ทั้งคุณหญิงจันทร์หอมและพระยาคมศักดิ์รับรู้มาตลอด เนื่องจากทุกครั้งที่พวกเขาทั้งสองไปเยี่ยมบุตรชาย คุณชายคำหอมมักถามถึงทาสในเรือนที่ชื่อพบกล้าเสมอ และเมื่อคุณชายคำหอมอายุได้ประมาณสิบหกปี ก็เคยหลุดปากบอกว่าตนชอบพบกล้า ต่อหน้าบิดาและมารดาของตน
ในยามที่พระยาคมศักดิ์ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่เป็นนัย ๆ แต่ก็ไม่ได้เลือกที่จะทำร้ายจิตใจของคุณชายคำหอม และพบกล้า พระยาคมศักดิ์คิดเพียงแค่ว่าบุตรชายของตนยังเด็ก หากจะคิดถึงทาสในเรือนที่เคยพูดคุยกันเมื่อครั้งยังเป็นวัยเยาว์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
แต่พระยาคมศักดิ์กลับคิดไม่ถึงเลย ว่าตลอดเวลาที่บุตรชายเติบโตมา คุณชายคำหอมไม่คิดชอบใคร แต่ยังชอบพอทาสในเรือนอยู่
“ท่านพ่อ…ข้าขอร้อง ท่านพ่ออย่าได้บังคับให้ข้าเลิกชอบพี่กล้าเถิดขอรับ ให้ข้าชอบพี่เขาอย่างนี้ต่อไปเถิด”
“ต่อให้เจ้ามีคู่ครอง เจ้าก็จะชอบแต่ไอ้กล้าเช่นนั้นรึ”
“ขะ…ขอรับ”
คุณชายคำหอมเองก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน หากไม่ใช่พบกล้าตัวเขาก็คงไม่ยินยอมตกไปเป็นคู่ครองของคนอื่นไป คุณชายคำหอมคิดเพียงแค่ว่าหากเขาและพบกล้าไม่ได้เคียงคู่กัน ตัวเขาก็ไม่คิดจะมีคู่ครอง คงจะอยู่เพียงลำพังไร้ซึ่งคู่ครองไปตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้
“น่าขันสิ้นดี คนอย่างมันมีอะไรดี เจ้าถึงได้ยอมลดตัวไปชอบมัน”
“ข้ามิมีเหตุผลใด ๆ ขอรับ เพียงแค่ข้ารู้สึกชอบเขา แต่พี่กล้าเขาคงมิได้ชอบข้าหรอกขอรับ ท่านพ่ออย่าได้อารมณ์เสียไป”
แม้ไม่รู้ว่าพบกล้าจะคิดเหมือนกันกับเขาหรือไม่ แต่คุณชายคำหอมชอบพบกล้ามากกว่าผู้ใด ตลอดระยะเวลาสิบปีที่จากกันไปไกล ยังไม่สามารถทำให้คุณชายคำหอมตัดใจจากพบกล้าได้เลย และเขาเองก็ไม่ได้คิดถึงความผิดหวังมาก่อนเช่นกัน หากถึงวันนั้นวันที่เขาและพบกล้าไม่สามารถเคียงคู่กันได้จริง ๆ คุณชายคำหอมจะทำเช่นไรดี จะร่ำไห้ด้วยความเสียใจ หรือจะต้องตัดใจจากคนที่ตนเองชอบ คุณชายคำหอมไม่ได้คิดถึงส่วนนี้เลย
“ช่างเถอะ เจ้าเองก็โตแล้ว ข้ามิได้อยากต่อว่าเจ้าเหมือนเด็ก ๆ แต่วันนี้ข้าขอสั่งห้ามเจ้า มิให้พูดคุยฤๅแม้แต่จะส่งยิ้มให้มันเป็นอันขาด เข้าใจฤๅไม่”
“ท่านพ่อ ไยท่านถึงต้องบังคับข้าเช่นนี้ ไยท่านพ่อบอกว่าหากข้าเชื่อฟังท่าน และเมื่อข้ากลับมาท่านพ่อจะมิบังคับข้าไงขอรับ”
“เพราะความเหมาะสมอย่างไรล่ะ วันนี้เจ้าต้องทำตัวให้เหมาะสมกับการเป็นบุตรชายของข้า วันนี้เจ้าต้องอยู่ต่อหน้าแขกของข้า อย่าได้คิดแสดงท่าทีเช่นนั้นกับทาสชั้นต่ำนั่น เข้าใจฤๅไม่”
แม้ในยามนี้จะไม่ได้กีดกันเรื่องความรักของบุตรชาย แต่ก็ใช่ว่าในวันข้างหน้าพระยาคมศักดิ์จะยอม เขาต้องคอยบังคับไม่ให้บุตรชายทำอะไรเกินหน้าเกินตา ไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับจุดที่ยืนอยู่ ไม่ใช่ทำในสิ่งที่อยากจะทำ
โดยเฉพาะในวันนี้ วันที่พระยาคมศักดิ์ตั้งใจพาใครบางคนมาให้บุตรชายได้พูดคุยและทำความรู้จักกันเอาไว้ เพื่อที่วันข้างทั้งสองฝ่ายจะได้ลงเอยกันโดยไม่มีอะไรผิดพลาด และหากในวันนี้บุตรชายเอาแต่ส่งยิ้ม หรือพยายามชวนทาสในเรือนพูดคุย จนไม่สนใจคนที่ตนตั้งใจพามารู้จัก มันจะส่งผลเสียต่อเขาได้
“แต่ท่านพ่อ…”
“ข้าถามว่าเข้าใจฤๅไม่ ฤๅข้าต้องลงโทษมันดี”
“อย่าขอรับ…อย่าทำอะไรพี่กล้า ข้าเข้าใจแล้วขอรับท่านพ่อ” สุดท้ายแล้วคุณชายคำหอมก็ต้องเชื่อฟังบิดาของตนอยู่ดี
“ดี…ถ้าเช่นนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อมซะ คนที่ข้าต้องการแนะนำให้เจ้ารู้จักมาถึงแล้ว”
บรรดาแขกเหรื่อเริ่มทยอยเข้ามาทักทายพระยาคมศักดิ์ไม่ว่างเว้น บ้างก็มาแสดงความยินดีที่บุตรชายเรียนจบและกลับมายังถิ่นเดิมที่เคยอยู่ อีกทั้งความสามารถของคุณชายคำหอม ทำให้ในบรรดาแขกเหรื่อบางส่วนมายื่นข้อเสนอให้คุณชายคำหอมไปทำงานกับตน
บ้างก็มีการพาบุตรชายของตนมาทักทายทำความรู้จัก เผื่อจะมีโอกาสที่คุณชายคำหอมจะถูกใจบุตรชายของตน แน่นอนว่าเรื่องรสนิยมของคุณชายคำหอม เป็นที่รู้จักดีว่าคุณชายคำหอมไม่ได้พึงชอบสตรี และครอบครัวของคุณชายคำหอมเองก็ไม่ได้จำกัดความชอบของบุตรชาย หากบุตรชายไม่พึงชอบสตรี จะพึงชอบบุรุษก็ไม่ได้เป็นปัญหา
เนื่องจากผู้คนในเมืองนี้ที่ไม่ได้พึงชอบสตรี หรือมีคู่ครองเป็นบุรุษก็มีถมเถไป มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย หากในงานเลี้ยงนี้จะมีแต่บุตรชายของบรรดาแขกเหรื่อที่พระยาคมศักดิ์เชิญชวนมา
“สวัสดีขอรับท่านลุง”
“อ้าวเจ้าภพ มาแล้วรึ แล้วไอ้เทพล่ะ”
ทันทีที่เห็นชายหนุ่มเข้ามาทักทาย รอยยิ้มบนใบหน้าของพระยาคมศักดิ์ก็เผยให้เห็นออกมาในทันที
“ท่านพ่อของข้ากำลังพูดคุยกับท่านลุงทรงยศอยู่กงนู้นขอรับ ข้าเลยเข้ามาทักทายท่านลุงก่อน”
“เอ้อดี ๆ เอ็งนี่ช่างเป็นเด็กดีเสียจริง นี่คำหอม สวัสดีพี่เขาสิลูก”
เพราะเห็นบุตรชายเอาแต่ยืนนิ่ง พระยาคมศักดิ์ถึงได้สะกิดให้บุตรชายทักทายอีกฝ่าย
“สะ…สวัสดีขอรับ”
“นี่น้องคำหอมเด็กแก้มอ้วนคนนั้นรึเนี่ย น่ารักขึ้นจนข้าจำมิได้เลยหนา”
ทันทีที่ได้เห็นหน้าคนที่ตนเองชอบ ชายหนุ่มก็รีบยิ้มตอบกลับ ก่อนจะชวนอีกฝ่ายพูดคุยทันที แต่ท่าทางของคุณชายคำหอมที่ตอบสนองกลับมานั้น มีเพียงรอยยิ้มเจื่อน ๆ นั่นก็ทำให้ชายหนุ่มเข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายน่าจะจำเขาไม่ได้
“ท่าทางเช่นนี้ น้องคำหอมคงจำพี่มิได้สินะ พี่น้อยใจเจ้าได้ฤๅไม่”
“ขะ…ข้าต้องขออภัยจริง ๆ นะขอรับ เอ่อ…”
แม้คุณชายคำหอมพยายามนึกถึงอีกฝ่ายมากเพียงใด แต่คำตอบที่ได้กลับมาในโสตประสาทของเขานั้น กลับจำอีกฝ่ายไม่ได้เลยสักนิด
“ข้า…ไตรภพ คนที่เคยหอมแก้มอ้วน ๆ ของเจ้า คนที่พยายามชวนเจ้าเล่น แต่เจ้าก็เอาแต่ร่ำไห้ใส่ข้าตอนเด็ก ๆ ไง”
แน่นอนว่าทันทีที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของอีกฝ่าย คุณชายคำหอมก็นึกออกทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใดกัน
ขุนไตรภพ ในวัยยี่สิบสามปี บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของพระยาไตรเทพ ผู้ปกครองเมืองภูคำเหนือ และที่สำคัญพระยาไตรเทพยังเป็นเพื่อนสนิทของพระยาคมศักดิ์อีกด้วย
ไตรภพเป็นบุรุษที่มีรูปร่างหน้าตาดี เป็นคนที่เพียบพร้อมไปด้วยฐานะ ยศศักดิ์ บารมีทุกสิ่งอย่าง แต่มีอยู่หนึ่งสิ่งที่เขายังไม่มี นั่นก็คือคู่ครอง
ด้วยความที่เขามีรสนิยมพึงชอบบุรุษ คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตล้วนแล้วแต่เป็นบุรุษที่ต้องการปอกลอก ต้องการชื่อเสียง ฐานะและยศศักดิ์จากเขากันทั้งนั้น ทำให้เขาเลือกที่จะไม่ผูกมัดกับผู้ใด
และที่สำคัญไตรภพก็มีรักแรกที่อยู่ในใจเขาเสมอมา หากแต่ในยามนั้นพวกเขายังเด็กเกินกว่าจะพูดถึงเรื่องความรัก เพราะเหตุนี้ไตรภพถึงได้ครองโสดมาหลายปี รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสมจะได้เคียงคู่กับเขาคนนั้น
จนกระทั่งวันนี้มาถึง วันที่ไตรภพได้รับรู้ว่ารักแรกของตนเรียนจบจากโรงเรียนประจำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และที่สำคัญอีกฝ่ายมีอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ก็มาถึง หลังจากนี้เขาสามารถตามจีบอีกฝ่ายได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องคอยกังวลว่าอีกฝ่ายยังเด็กเกินไป หรือกังวลว่าพวกเขาทั้งสองจะไม่เหมาะสมกันอีกต่อไปแล้ว