คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,#BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ผู้แต่ง
ดาวดวงที่ห้า
เรื่องย่อ
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างถี่ถ้วน
*****
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวแต่งที่เกิดจากจินตนาการเท่านั้น ตัวละคร ฉาก สถานที่
และเหตุการณ์ในเรื่องล้วนสมมุติขึ้นมาทั้งหมด
ไม่ได้มีการพาดพิงถึงใคร ไม่ได้เน้นหลักความสมเหตุสมผลหรือหลักการความเป็นจริงเท่าที่ควรนะคะ
นิยายวายพีเรียด ไม่อิงประวัติศาสตร์ใด ๆ ภาษาที่ใช้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด อาจมีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย เพื่อให้เข้ากับบริบทของตัวละคร (ตรงส่วนนี้ต้องขออภัยล่วงหน้าค่ะ)
เนื้อหาในนิยายมีการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคมอย่างชัดเจน มีการใช้อำนาจ การดูถูกเหยียดหยาม การถูกกีดกันต่าง ๆ มีฉากความรุนแรง กักขัง ทำร้ายร่างกาย บังคับขู่เข็ญ ไปจนถึงฆาตกรรม มีการกล่าวถึงไสยศาสตร์ ความเชื่อ วิญญาณ ความสูญเสีย
ตัวละครในเรื่องบางตัวละครมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรลอกเลียนแบบ
*****
เรื่องราวความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน นำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ยากจะลืมเลือน
เมื่อคุณชายคำหอม บุตรชายเพียงคนเดียวของพระยาคมศักดิ์ ผู้ปกครองเมืองภูคำใต้ ดันไปตกหลุมรัก พบกล้า ทาสหนุ่มในเรือนของตนเข้าอย่างจัง และเพราะความผูกพันที่ทั้งคู่มีให้กันตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้พวกเขาต่างชอบพอกัน จนก่อตัวเป็นความรักในที่สุด แต่มันดันติดปัญหาตรงที่พวกเขาทั้งคู่ไม่เหมาะสมที่จะเคียงคู่กันเลยสักนิดนี่สิ
เมื่อคนหนึ่งเป็นถึงคุณชายผู้สูงศักดิ์ กับอีกคนเป็นแค่ทาสใช้แรงงานผู้ต่ำต้อย
เมื่อคนหนึ่งมีคู่หมั้นหมายที่เหมาะสมกันทั้งหน้าตา ฐานะและยศศักดิ์ กับอีกคนที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีความเหมาะสมใด ๆ เลยสักนิดเดียว
เมื่อคนหนึ่งรักมากจนแสดงออกมาอย่างชัดเจน กับอีกคนที่รักมากแต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้
เมื่อคนหนึ่งรักสุดหัวใจ จนไม่สนเรื่องความถูกต้องและความเหมาะสมใด ๆ กับอีกคนที่รักสุดใจ แต่ไม่สามารถมอบความรักให้อีกฝ่ายได้ เพราะเจียมตัวว่าเราต่างไม่คู่ควรกัน
*****
ความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน หากยังคงฝืนรักกันต่อไป อาจนำมาซึ่งความสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปตลอดกาล
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
คุณชายคำหอมจำได้ว่า หลังจากที่บิดาของตนกีดกันไม่ให้ตนกับเด็กชายพบกล้าได้มาเจอกันอีก ผ่านไปประมาณสองปี ตนนั้นได้รู้จักกับเด็กชายคนหนึ่ง แต่กลับจำชื่ออีกฝ่ายไม่ได้ หากแต่ในยามนี้คุณชายคำหอมได้รับรู้แล้วว่าอีกฝ่ายคือไตรภพคนนี้นั่นเอง
แต่สาเหตุที่ทำให้คุณชายคำหอมจำไตรภพตอนเจอกันเมื่อครู่ไม่ได้ เนื่องจากตอนเป็นเด็กนั้น เขาไม่ได้ใส่ใจเด็กชายคนนั้นเท่าที่ควร เด็กชายคนนั้นดูโตกว่าเขา ทั้งส่วนสูงและอายุที่น่าจะใกล้เคียงกับพี่ชายใจดีที่เขามักคิดถึง
เด็กชายคนนั้นมักจะมาชวนเขาเล่นด้วยกันอยู่เสมอ แรก ๆ เขาก็เล่นด้วย เพราะรู้สึกเหงาและโดดเดี่ยว แต่พักหลังเขาไม่ชอบการกระทำของเด็กชายคนนั้น เพราะอีกฝ่ายไม่ได้ใจดีเหมือนอย่างเด็กชายพบกล้าเลยสักนิด
เด็กชายไตรภพในตอนนั้น มักพูดจาอวดเก่ง กลั่นแกล้งและพูดจาไม่ดีต่อหน้าทาสติดตาม และที่สำคัญเด็กชายไตรภพมักจะชอบมาหยอกล้อเขาอยู่เสมอ และด้วยความที่ในยามนั้นยังเป็นเด็ก จึงทำให้เขาเอาแต่ร่ำไห้งอแงเวลาที่อีกฝ่ายจะมาเล่นด้วยเสมอ แน่นอนว่าอีกฝ่ายเองก็ทำอะไรไม่ถูกเวลาที่เขาเอาแต่ร่ำไห้ เด็กชายไตรภพจึงใช้วิธีปลอบใจโดยการหอมแก้มอ้วน ๆ ของเด็กชายคำหอม ก่อนจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่ารักเกินกว่าจะแกล้งให้เสียใจ
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่เด็กชายไตรภพรู้สึกชอบเด็กชายคำหอมมากขึ้นไปอีก และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเด็กชายไตรภพก็หยุดหยอกล้อเด็กชายคำหอมไปโดยปริยาย พยายามชวนอีกฝ่ายเล่น พยายามเข้าหาอีกฝ่ายดี ๆ ไม่จู่โจม ไม่กลั่นแกล้ง แต่เด็กชายคำหอมเอาแต่พยายามหนีจากเด็กชายไตรภพอยู่ดี
ก่อนท้ายที่สุดเด็กชายคำหอม เห็นถึงความพยายามของเด็กชายไตรภพที่ทำตัวดีขึ้น ไม่ได้กลั่นแกล้งเขาเหมือนก่อนหน้านี้ จึงไม่หลีกหนีแต่กลับเล่นกับอีกฝ่ายอย่างสบายใจ บิดาของทั้งสองฝ่ายที่เห็นบุตรชายของตนเข้ากันได้ดี เล่นกันอย่างสนุกสนานก็รู้สึกดีใจ และมักพาพวกเขาทั้งคู่มาเล่นด้วยกันเสมอ
เด็กชายไตรภพที่เห็นเด็กชายคำหอมมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับตน จึงตั้งมั่นเอ่ยวาจาต่อหน้าเด็กชายคำหอมในยามนั้นว่า
“ไว้โตขึ้นพวกเรามาแต่งงานกันหนา”
แม้ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่เด็กชายไตรภพกลับรู้สึกมีความสุขเวลาได้เห็นอีกฝ่ายเล่นสนุก และมีความสุข เด็กชายไตรภพมั่นใจว่าในอนาคตข้างหน้า เขาสามารถดูแลและปกป้องเด็กชายคำหอมคนนี้ได้เป็นอย่างดี
แต่ถ้าหากในอนาคตเด็กชายคำหอมจะมีคู่ครองเป็นคนอื่น แต่คู่ครองในอนาคตของเด็กชายคำหอมกลับไม่ได้รักและดูแลเด็กชายคำหอมให้ดี เหมือนอย่างที่เขากำลังดูแลอีกฝ่าย หากเป็นเช่นนั้นขึ้นมาจริง ๆ เด็กชายไตรภพคงรู้สึกเสียใจมากกว่ารู้สึกยินดี
เด็กชายไตรภพเคยทำผิดกับเด็กชายคำหอมมาก่อน เขาถึงได้รู้สึกผิดที่ก่อนหน้านี้เคยกลั่นแกล้งและหยอกล้อเด็กชายคำหอมอยู่อย่างนี้ และในอนาคตข้างหน้าเด็กชายไตรภพก็ไม่อยากให้เด็กชายคำหอมต้องเศร้าโศกเสียใจ
เพราะแบบนี้เด็กชายไตรภพถึงอยากอยู่ใกล้ อยากดูแลและปกป้องเด็กชายคำหอมไปตลอดกาล และแน่นอนว่าเด็กชายไตรภพตั้งมั่นกับตัวเองว่า เขาจะไม่มีทางมองใครอื่นนอกจากเด็กชายคำหอมคนนี้เป็นอันขาด คู่ครองในอนาคตของเขาจะต้องเป็นเด็กชายคำหอมคนนี้เท่านั้น และมันคงจะดีกว่านี้หากอีกฝ่ายคิดแบบเดียวกับเขาเช่นกัน
“ท่านพี่หมายถึงสิ่งใดฤๅ”
เด็กชายคำหอมที่เอาแต่เล่นสนุกกับการขุดดิน จึงไม่ได้ฟังในสิ่งที่เด็กชายไตรภพเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้
“ฮ่าฮ่า…เจ้าตัวเล็ก พวกเราแค่เล่นกัน เจ้าแค่ตอบออกมาว่าตกลงฤๅไม่ก็เพียงพอแล้ว”
ไตรภพที่เห็นเด็กชายคำหอมทำหน้าทำตามึนงงก็อดไม่ได้ที่จะเอ็นดูอีกฝ่าย
“อือ…ข้ามิเข้าใจที่ท่านพี่พูด แต่ถ้าเล่นกัน ข้าตอบตกลงขอรับ”
เด็กชายคำหอมตอบกลับพร้อมฉีกยิ้มสั่งให้อีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะกลับไปตั้งหน้าขุดดินเล่นอย่างสบายใจต่อไป
“เจ้าตกลงแล้วหนา”
“อื้อ”
เด็กชายคำหอมยังคงมึนงง เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายสื่อ คิดเพียงแค่ว่าเป็นการเล่นกันเหมือนอย่างทุกครั้งจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
.
.
หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมา พวกเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้พบเจอกันอีกเลย เด็กชายคำหอมจำเป็นต้องไปเรียนที่โรงเรียนประจำตามคำสั่งของบิดา ส่วนเด็กชายไตรภพก็ไม่ได้มาหาเด็กชายคำหอม แม้จะไม่ได้พบเจอกันอีก แต่เด็กชายไตรภพก็ไม่วายคอยถามสารทุกข์สุกดิบของเด็กชายคำหอม จากบิดาของตนที่มักไปหาบิดาของคุณชายคำหอมอยู่เสมอ คอยถามมาตลอดตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบันนี้
แน่นอนว่าตลอดเวลาหลายปี พระยาคมศักดิ์รับรู้ว่าบุตรชายของเพื่อนสนิท มีใจให้บุตรชายของตน เขาก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และให้คำมั่นสัญญาไว้ว่า เมื่อคุณชายคำหอมมีอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ เมื่อนั้นพระยาคมศักดิ์จะเปิดโอกาสให้ไตรภพได้มาทำพูดคุยและทำความรู้จักกับคุณชายคำหอมมากขึ้น
และหากพวกเขาทั้งคู่มีโอกาสที่จะสานสัมพันธ์กันต่อไป พระยาคมศักดิ์ก็ยินดีจะยกบุตรชายให้หมั้นหมายกับบุตรชายของเพื่อนสนิทอย่างแน่นอน เพราะเขารู้ดีว่าไตรภพเป็นคนดี เป็นคนมีความสามารถ และยิ่งครอบครัวทั้งสองฝ่ายได้เกี่ยวดองกันเมื่อใด จะยิ่งส่งผลดีให้พวกเขามากขึ้นเป็นไหน ๆ
พระยาคมศักดิ์เล็งเห็นแล้วว่า ไตรภพคนนี้เป็นคนที่เหมาะสมจะเคียงคู่กับบุตรชายของตน มากกว่าทาสในเรือนที่บุตรชายมีใจให้เสียอีก แน่นอนว่าไตรภพเองก็รอคอยให้ถึงวันนั้นมาตลอดเช่นกัน เขารอคอยให้รักแรกของตนกลับมา รอคอยวันที่พวกเขาทั้งคู่จะได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง และแล้ววันนี้ก็มาถึงจนได้ วันที่เด็กชายคำหอมรักแรกของตนได้มายืนอยู่ตรงหน้าในยามนี้
“ทะ…ท่านพี่ไตรภพเองรึขอรับ” น้ำเสียงตะกุกตะกักเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้ว ข้าเองเจ้าตัวเล็ก หากแต่ในยามนี้เจ้าคงลืมข้าไปแล้วสินะ”
น้ำเสียงแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจของไตรภพ ทำให้ผู้ฟังอย่างคุณชายคำหอมรู้สึกผิดขึ้นมา ตลอดระยะเวลาเกือบสิบปีที่คุณชายคำหอมลืมสิ้นถึงอีกฝ่าย แม้จะเป็นคนที่เล่นด้วยกันมาตลอด แต่คุณชายคำหอมกลับลืมพี่ชายอย่างไตรภพไปง่ายดาย กลับกันคุณชายคำหอมเอาแต่คิดถึงพี่ชายใจดีอย่างพบกล้ามาตลอด ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะรู้จักกันได้เพียงวันเดียวเท่านั้น
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะลักษณะนิสัยของพบกล้าและไตรภพที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน พบกล้าพยายามปลอบใจเขาตั้งแต่แรกเจอ ต่างจากไตรภพที่เข้าหาเขาด้วยวิธีการกลั่นแกล้งหยอกล้อ เพราะแบบนี้คุณชายคำหอมถึงได้ไม่เคยลืมเลือนพบกล้าออกไปจากใจได้เลย
“ข้าขอโทษที่ก่อนหน้านี้ ข้าจำท่านพี่มิค่อยได้ขอรับ ท่านพี่อย่าได้ถือโทษโกรธเคืองข้าเลยขอรับ”
“ฮ่าฮ่า…ก็หายกันไปเป็นสิบปี ตัวเล็กจะจำข้ามิได้ก็มิเป็นไรหนา เจ้าอย่าได้คิดมากไปเลย” ไตรภพเองก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองอีกฝ่าย
จากความตลกขบขันก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นความเงียบงันและความอึดอัดใจ แน่นอนว่าคนที่รู้สึกเกร็งจนไม่กล้าขยับตัวไปไหน ไม่แม้แต่จะมองหน้าอีกฝ่ายตรง ๆ คงมีเพียงคุณชายคำหอมเท่านั้น เขาได้แต่หลบตาและเผยรอยยิ้มเจื่อน ๆ ให้กับอีกฝ่ายก็เท่านั้น ต่างจากไตรภพที่พยายามทำตัวร่าเริง ไม่มีความกังวลใด ๆ ก่อนที่เขาพยายามทำลายความเงียบโดยการชวนอีกฝ่ายพูดคุยอยู่เสมอ
แต่คุณชายคำหอมก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตา และการที่คุณชายคำหอมเอาแต่ก้มหน้าก้มตาราวกับไม่อยากพูดคุยกับเขานั้น ทำให้ไตรภพเริ่มทำตัวไม่ถูก ก่อนจะหันไปขอความช่วยเหลือจากบิดาของอีกฝ่าย
พระยาคมศักดิ์ที่เห็นการกระทำของบุตรชายเช่นนั้น ก็เกิดความไม่พอใจขึ้นมา แต่เขาต้องเก็บงันความรู้สึกนั้นไว้ในใจจะแสดงออกมาในยามที่ไตรภพยังยืนอยู่ตรงนี้ไม่ได้ พระยาคมศักดิ์จึงหาทางออกของปัญหานี้ทันที
“ฮ่าฮ่า…พวกเจ้าจากกันไปนาน คำหอมเขาเพิ่งกลับมา คงจะจำเอ็งมิค่อยได้ เอ็งอย่าได้ถือสาน้องเลยหนาเจ้าภพ”
น้ำเสียงขบขันของพระยาคมศักดิ์ทำให้ความอึดอัดนั้นบรรเทาลงไปได้ชั่วขณะ
“ขะ…ขอรับท่านลุง แค่ท่านลุงชวนเชิญข้ามาทำความรู้จักกับน้องคำหอม เพียงเท่านี้ก็ดีแล้วขอรับ” ไตรภพรีบตอบกลับทันที
“เป็นคนดีเสียจริงเอ็งเนี่ย”
“ท่านลุงก็ชมเกินไป ข้าก็เป็นแบบนี้มาตลอดนั่นแหละขอรับ”
“ดี ๆ ข้าว่าเอ็งเนี่ย ช่างเหมาะสมกับคำหอมเสียจริง” น้ำเสียงหยอกล้อของพระยาคมศักดิ์ยังคงดังขึ้นไม่หยุดหย่อน
และเพราะคำพูดของบิดานั้น ทำให้คุณชายคำหอมเงยหน้าขึ้นมาทันที ก่อนจะเริ่มเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น บิดาของตนกำลังพูดให้ตนได้ยินว่าเขานั้นรู้สึกปลื้มไตรภพคนนี้มากกว่าคนที่อยู่ในใจคุณชายคำหอมเป็นไหน ๆ แต่คุณชายคำหอมกลับไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย จึงได้แต่ยืนฟังพวกเขาทั้งคู่พูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ
“แหม…ท่านลุงพูดเช่นนี้ ข้าก็ทำตัวมิถูกสิขอรับ”
“ฮ่าฮ่า…ข้าว่าอย่ามัวแต่ยืนคุยกันให้เสียเวลา ข้าว่าได้เวลาอาหารแล้ว คำหอมพาพี่เขาไปนั่งโต๊ะเดียวกับเราสิลูก”
พระยาคมศักดิ์เอ่ยขึ้นก่อนหันมามองหน้าบุตรชายด้วยสายตาขุ่นเคืองเล็กน้อย
“ขะ…ขอรับท่านพ่อ”
เมื่อเห็นสายตาของบิดา คุณชายคำหอมจึงได้แต่ทำตามที่บิดาสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะกลัวจะถูกดุด่า
.
.
.
บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความครึกครื้น โต๊ะอาหารเต็มไปด้วยแขกเหรื่อที่พระยาคมศักดิ์เชื้อเชิญมา อาหารมากถูกยกออกมาตั้งตามโต๊ะต่าง ๆ โดยทาสในเรือนของพระยาคมศักดิ์ แน่นอนว่าเมื่อได้เห็นบรรยากาศเช่นนี้ คุณชายคำหอมเองก็มีความสุขที่ได้รับรู้ว่าทุกคนในงาน ต่างเดินทางมายินดีที่ตนนั้นเรียนจบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และหลังจากนี้คุณชายคำหอมตั้งใจว่าจะเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น แน่นอนว่าพระยาคมศักดิ์เองก็อยากให้คุณชายคำหอมได้ร่ำเรียนในระดับที่สูงขึ้นเช่นกัน และอีกหนึ่งเดือนต่อจากนี้คุณชายคำหอมจะเดินทางไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เขาจำเป็นต้องจากถิ่นไปอยู่ไกลถึงต่างประเทศ แม้จะเป็นเรื่องยากแต่คุณชายคำหอมก็ไม่มีความกังวลใด ๆ แต่มีหนึ่งสิ่งที่ทำให้คุณชายคำหอมเป็นกังวลใจไม่รู้จบสิ้น คือเรื่องของพบกล้า
ก่อนที่กลิ่นหอม ๆ ของอาหารจะทำให้คุณชายคำหอมหลุดจากภวังค์ความคิดมากได้ กลิ่นหอมอบอวลนั่น ทำให้เขาจำได้ทันทีว่ากลิ่นของอาหารนี้ คือมัสมั่นไก่ของโปรดปราน สายตาของคุณชายคำหอมจับจ้องไปยังอาหารสำรับนั้นอย่างไม่วางตา ก่อนที่สายตานั้นจะไปสะดุดตาเข้ากับคนที่กำลังหยิบยกอาหารนั้นมาจัดวางที่โต๊ะของเขา
“อาหารจานหลักขอรับนายท่าน”
เป็นพบกล้าเดินยกอาหารเข้ามา ก่อนจะเอ่ยขึ้นเป็นการขออนุญาตพระยาคมศักดิ์
“เอ้อดี ๆ เอาวางไว้กงหน้าคำหอมเถิด ของโปรดลูกข้า”
แม้จะไม่ค่อยชอบใจที่พบกล้าเป็นคนยกสำรับอาหารพวกนี้ออกมา แต่สุดท้ายแล้วพระยาคมศักดิ์ก็ต้องมองข้ามจุดนี้ไปเพราะมีแขกคนอื่น ๆ นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
“ขอรับนายท่าน”
“จะว่าไป น้องคำหอมชอบทานมัสมั่นเหมือนข้าเลยหนา”
ทันทีที่ได้กลิ่นของอาหารในสำรับที่พบกล้ายกมา ไตรภพก็รู้ได้ทันทีว่าอาหารในสำรับนั้นคืออะไร
“อย่างนั้นฤๅขอรับ” คุณชายคำหอมเองก็ไม่รู้มาก่อนว่าอีกฝ่ายจะชอบมัสมั่นเหมือนกันกับเขา
“ไว้ว่าง ๆ น้องคำหอมลองมาที่เรือนของข้าสิ ข้าจะให้คนเตรียมมัสมั่นไว้ให้”
“ขอบคุณขอรับท่านพี่ เพียงแต่ข้า…” ไม่ทันที่คุณชายคำหอมจะพูดจบ พบกล้าก็ยกอาหารมาถึงตรงหน้าตนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ข้าขออนุญาตวางนะขอรับคุณชาย”
“อื้อ…ขอบคุณหนาพี่กล้า”
คุณชายคำหอมกล่าวขอบคุณพี่ชายใจดี โดยลืมไปว่าบิดาของตนได้สั่งไม่ให้ตนนั้นพูดคุยกับพบกล้าเป็นอันขาด
“เอ่อ…มิเป็นไรขอรับคุณชาย นี่เป็นหน้าที่ของข้า คุณชายมิต้องขอบคุณข้าหรอกขอรับ” เพราะทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่ตน ทำให้พบกล้าจำเป็นต้องตอบกลับไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“ว่าแต่พี่ได้กินอะไรรึยัง อาหารพวกนี้อร่อยมากเลยหนา”
“ยังหรอกขอรับ หน้าที่ของข้ายังมิเสร็จขอรับคุณชาย”
“พี่อย่าลืมกินมัสมั่นด้วยหนา ขอโปรดข้าอร่อยที่สุดไปเลยล่ะ”
“ขะ…ขอรับคุณชาย”
ท่าทางของบุตรชายที่เอาแต่พูดคุยกับทาสหนุ่มในเรือน จนไม่สนใจไตรภพที่นั่งอยู่ใกล้กัน นั่นยิ่งทำให้พระยาคมศักดิ์รู้สึกไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่ แน่นอนว่าไม่ใช่แค่พระยาคมศักดิ์ที่รู้สึกไม่พอใจ แต่เป็นไตรภพเองเช่นกัน ทั้ง ๆ ที่เขาพยายามชวนคุณชายคำหอมพูดแต่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าทีดีใจ เหมือนตอนที่ได้เจอทาสหนุ่มอย่างพบกล้าเลยสักนิดเดียว
“อะแฮ่ม…ไอ้กล้าวางเสร็จแล้วก็ไปทำงานของมึงต่อซะ อาหารพวกนั้นก็อย่าลืมไปกินซะล่ะ ลูกกูอุตส่าห์กำชับกูไว้ว่าให้แบ่งทาสในเรือนทุกคน”
พระยาคมศักดิ์พยายามพูดเชิงขับไล่พบกล้าให้ออกไปจากบริเวณนี้โดยเร็วที่สุด
“ขอรับนายท่าน” แน่นอนว่าพบกล้าเองก็เข้าใจถึงเจตนาของผู้เป็นนาย
“น้องคำหอมของข้านิสัยดีกับทุกคนเสียจริง กับทาสต่ำต้อยพวกนี้ก็ยังขอบคุณ ข้าละคิดถูกจริง ๆ ที่ชอบเจ้า”
แม้ท่าทางของไตรภพเหมือนกำลังให้ความสนใจคุณชายคำหอม แต่สายตาของเขากลับมองพบกล้าอย่างไม่พอใจ เพราะเมื่อได้มองสายตาของคุณชายคำหอม ก็รับรู้ว่าอีกฝ่ายต้องชอบพอทาสหนุ่มคนนี้อย่างแน่นอน และไตรภพเองก็ไม่มีทางปล่อยให้รักแรกของตนไปชอบทาสหนุ่มต่ำต้อยคนนี้แน่นอน
“ท่านพี่ว่าอะไรนะขอรับ” คุณชายคำหอมค่อนข้างตกใจกับประโยคคำพูดของไตรภพอยู่ไม่น้อย
“ข้าชอบเจ้าไง เจ้าตัวเล็ก”
ไตรภพเอ่ยขึ้น ก่อนจะลอบมองไปยังพบกล้าอย่างสะใจ ราวกับว่าต้องการประกาศศึกกับอีกฝ่ายว่าคุณชายคำหอม คือคนที่เขาชอบ เพราะฉะนั้นทาสต่ำต้อยอย่างพบกล้าไม่ควรเข้ามายุ่งกับคุณชายคำหอมอีกต่อไป
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับ หากคุณชายอยากได้อะไรเพิ่มเติมสามารถเอ่ยเรียกทาสพวกนั้นได้เลยนะขอรับ”
พบกล้าที่ได้ยินและเห็นท่าทางของอีกฝ่ายก็เข้าใจได้ว่า เขาควรจะออกไปจากบริเวณเต็มที ว่าจบพบกล้าก็หันหลังเดินจากไปทันที
“ดะ…เดี๋ยวสิพี่กล้า”
“น้องคำหอมมิต้องไปเรียกเจ้าทาสต่ำต้อยนั่นหรอกหนา หากน้องคำหอมต้องการอะไร ก็เรียกใช้คนอื่นเสียเถิด” ไตรภพหันมาพูดกับคุณชายคำหอมอีกครั้ง
“ท่านพี่…ได้โปรดอย่าพูดเช่นนี้อีก ข้ามิได้ชอบท่าน”
“แย่เสียจริง ต่อให้เจ้าจะปฏิเสธข้ามากเพียงใด แต่ข้ายังคงชอบเจ้ามิเปลี่ยนแปลง”