คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,#BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ผู้แต่ง
ดาวดวงที่ห้า
เรื่องย่อ
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างถี่ถ้วน
*****
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวแต่งที่เกิดจากจินตนาการเท่านั้น ตัวละคร ฉาก สถานที่
และเหตุการณ์ในเรื่องล้วนสมมุติขึ้นมาทั้งหมด
ไม่ได้มีการพาดพิงถึงใคร ไม่ได้เน้นหลักความสมเหตุสมผลหรือหลักการความเป็นจริงเท่าที่ควรนะคะ
นิยายวายพีเรียด ไม่อิงประวัติศาสตร์ใด ๆ ภาษาที่ใช้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด อาจมีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย เพื่อให้เข้ากับบริบทของตัวละคร (ตรงส่วนนี้ต้องขออภัยล่วงหน้าค่ะ)
เนื้อหาในนิยายมีการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคมอย่างชัดเจน มีการใช้อำนาจ การดูถูกเหยียดหยาม การถูกกีดกันต่าง ๆ มีฉากความรุนแรง กักขัง ทำร้ายร่างกาย บังคับขู่เข็ญ ไปจนถึงฆาตกรรม มีการกล่าวถึงไสยศาสตร์ ความเชื่อ วิญญาณ ความสูญเสีย
ตัวละครในเรื่องบางตัวละครมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรลอกเลียนแบบ
*****
เรื่องราวความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน นำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ยากจะลืมเลือน
เมื่อคุณชายคำหอม บุตรชายเพียงคนเดียวของพระยาคมศักดิ์ ผู้ปกครองเมืองภูคำใต้ ดันไปตกหลุมรัก พบกล้า ทาสหนุ่มในเรือนของตนเข้าอย่างจัง และเพราะความผูกพันที่ทั้งคู่มีให้กันตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้พวกเขาต่างชอบพอกัน จนก่อตัวเป็นความรักในที่สุด แต่มันดันติดปัญหาตรงที่พวกเขาทั้งคู่ไม่เหมาะสมที่จะเคียงคู่กันเลยสักนิดนี่สิ
เมื่อคนหนึ่งเป็นถึงคุณชายผู้สูงศักดิ์ กับอีกคนเป็นแค่ทาสใช้แรงงานผู้ต่ำต้อย
เมื่อคนหนึ่งมีคู่หมั้นหมายที่เหมาะสมกันทั้งหน้าตา ฐานะและยศศักดิ์ กับอีกคนที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีความเหมาะสมใด ๆ เลยสักนิดเดียว
เมื่อคนหนึ่งรักมากจนแสดงออกมาอย่างชัดเจน กับอีกคนที่รักมากแต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้
เมื่อคนหนึ่งรักสุดหัวใจ จนไม่สนเรื่องความถูกต้องและความเหมาะสมใด ๆ กับอีกคนที่รักสุดใจ แต่ไม่สามารถมอบความรักให้อีกฝ่ายได้ เพราะเจียมตัวว่าเราต่างไม่คู่ควรกัน
*****
ความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน หากยังคงฝืนรักกันต่อไป อาจนำมาซึ่งความสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปตลอดกาล
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
แน่นอนว่าต่อให้คุณชายคำหอมรู้สึกไม่พอใจมากเพียงใด สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องกักเก็บความรู้สึกนั้นเอาไว้ในใจ ไม่สามารถแสดงพฤติกรรมเหล่านั้นออกมาได้ เพราะในยามนี้บิดากำลังจับจ้องทุกการกระทำของเขาอยู่ ดีไม่ดีหากคุณชายคำหอมยังปล่อยให้อารมณ์เป็นที่ตั้ง มีหวังหลังจากจบงานคุณชายคำหอมคงได้ทุกบิดาดุด่าต่อว่าอีกตามเคย
หลังจากเกิดการโต้เถียงกันไปเล็กน้อย สายตาของคุณชายคำหอมลอบมองไปยังบุคคลที่ยังคงนั่งทำตัวไม่รู้ประสีประสาอยู่ข้างกาย แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวหรือสลดใจกับบทสนทนาเมื่อครู่นี้ ไตรภพเอาแต่อมยิ้มหัวเราะอย่างสบายใจ แถมยังเอาอกเอาใจคุณชายคำหอมโดยการตักอาหารจากสำรับอาหารมาใส่จานเขาจนเต็มไปหมด
ไตรภพคิดเพียงแค่ว่าการกระทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณชายคำหอมอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง แต่ผลที่ได้มันดันตรงกันข้ามกับที่ไตรภพคิดเอาไว้เสียอีก แน่นอนว่าไตรภพเองก็แทบจะไม่ได้ใส่ใจเลยว่าคุณชายคำหอมจะรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของเขาเช่นนี้
กลับกันแม้คุณชายคำหอมจะไม่ได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา แต่คุณหญิงจันทร์หอมที่นั่งอยู่ตรงข้ามบุตรชาย กลับมองออกทุกอย่างว่าบุตรชายของตนในยามนี้ น่าจะเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายและอึดอัดใจขึ้นมาเต็มทนแล้ว และมันก็จริงอย่างที่คุณหญิงจันทร์หอมคิดเอาไว้จริง ๆ
เพราะถ้อยคำคารมและการกระทำของอีกฝ่าย ไม่ได้ทำให้คุณชายคำหอมชอบใจเลยสักนิด แม้ว่าไตรภพจะพยายามพูดคุย เพื่อทำให้บรรยากาศกลับมาสนุกสนานครึกครื้นเพียงใด สุดท้ายแล้วคุณชายคำหอมรับรู้เพียงแค่ว่าชายหนุ่มคนนี้ ยังคงมีนิสัยน่ารำคาญและเอาแต่ใจตัวเองเหมือนวันแรกที่ได้รู้จักกันเมื่อครั้งเยาว์วัยไม่เปลี่ยนแปลง แม้รูปร่างหน้าตา และหน้าที่การงานจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจากตอนเด็ก ๆ แต่การกระทำและนิสัยของอีกฝ่ายยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
“อาหารมื้อนี้มิอร่อยหรอกฤๅ ข้ามิเห็นเจ้าทานเลยสักนิด แถมก่อนหน้านี้เจ้ายังทำหน้าราวกับมิพอใจข้าอย่างไรอย่างนั้น”
เมื่อเห็นว่าคนข้างกายเอาแต่เขี่ยอาหารไปมาไตรภพจึงเอ่ยถามขึ้นมา
“มิใช่หรอกขอรับท่านพี่ ข้ามิได้คิดเช่นนั้น ข้าเพียงแค่รู้สึกมิอยากทานน่ะขอรับ”
แม้ในใจจะรู้สึกอย่างที่อีกฝ่ายคิดจริง ๆ ก็ตาม แต่คุณชายคำหอมก็พยายามรักษาน้ำใจด้วยการตอบกลับอีกฝ่ายอย่างสุภาพ
“เป็นเช่นนั้นไป น่าเสียดายจริง ๆ อาหารพวกนี้ของโปรดเจ้าทั้งนั้นเลยหนา”
“…”
“ฤๅเพราะข้าตักให้เจ้ามากเกินไป จนทำให้เจ้ารู้สึกมิอยากทานอาหารพวกนี้”
“มิใช่หรอกขอรับ”
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรออกมา คุณชายคำหอมก็พยายามตอบกลับอย่างสุภาพอยู่ดี เพื่อเป็นการให้เกียรติแขกของบิดา และเพื่อเป็นการระงับอารมณ์ความไม่พอใจของตนเองเอาไว้ไม่ให้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมออกมา
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าแบ่งกลับมาให้ข้าก็ได้หนา”
เพราะกลัวว่าคุณชายคำหอมจะทานอาหารที่อยู่ในจานไม่หมด ไตรภพจึงได้เอ่ยออกมาอย่างนั้น แต่ในใจลึก ๆ แล้วไตรภพเองก็รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คุณชายคำหอมแสดงท่าทีเช่นนั้นออกมา มันเกิดจากอะไร
“มิเป็นไรหรอกขอรับท่านพี่ เพียงเท่านี้ข้าทานหมดขอรับ”
“เช่นนั้นฤๅ...ที่เจ้าเป็นเช่นนี้ เพราะเจ้ายังมิหายโกรธข้าสินะ”
“แล้วเหตุใดข้าต้องโกรธท่านพี่ด้วยล่ะขอรับ”
แม้ใจจริงคุณชายคำหอมจะมีอารมณ์ขุ่นเคืองใจอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายแล้วคุณชายคำหอมเลือกที่จะไม่แสดงออก เขาเลือกที่จะตอบกลับด้วยท่าทางงุนงงเล็กน้อยแทน
“ก็โกรธเรื่องที่ข้าเอ่ยไปเมื่อก่อนหน้านี้ไงล่ะ”
“ข้า…ข้าเปล่าโกรธท่านพี่นะขอรับ”
“เรื่องนั้นจริง ๆ สินะ”
“ท่านพี่…ท่านคิดมากไปแล้วขอรับ” คุณชายคำหอมพยายามตัดบทสนทนาของอีกฝ่ายโดยเร็ว
“ฮ่าฮ่า…คงเป็นเช่นนั้น ข้าคงคิดมากไปเสียเองว่าเจ้ามิชอบใจ แต่ข้าอยากให้เจ้ารับรู้ว่า เรื่องที่ข้าชอบเจ้านั้นเป็นเรื่องจริงหนา”
เมื่อเห็นว่าไม่มีทางที่ไตรภพจะหยุดพูดถึงตน คุณชายคำหอมจึงตัดสินใจหาทางออกให้ตนเอง โดยการรับประทานอาหารที่อยู่ในจานให้หมด เพื่อหลีกเลี่ยงการสนทนาอันน่าอึดอัดใจกับชายหนุ่มข้างกาย และนั่งฟังผู้หลักผู้ใหญ่พูดคุยกันอย่างเงียบ ๆ
ซึ่งก็ดูเหมือนวิธีการของคุณชายคำหอมมันจะได้ผลดีเสียด้วย เพราะเมื่อไตรภพเล็งเห็นว่าคุณชายคำหอมในยามนี้กำลังตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารในจานอย่างเอร็ดอร่อย เขาจึงเลือกที่จะปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยแทน
.
.
“เอ็งนี่ก็รีบร้อนเสียจริงไอ้ภพ พูดจาเช่นนั้นคำหอมก็ตกอกตกใจหมดสิวะ!”
หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างบุตรชายและคุณชายคำหอม น้ำเสียงขบขันของผู้เป็นบิดาหันไปพูดกับบุตรชาย ที่เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ในทันที
“ก็ข้าพูดความจริงนี่ขอรับท่านพ่อ” ไตรภพตอบกลับบิดาของตนทันที
“เอาเถอะ ๆ ถึงอย่างไรซะ เอ็งก็มิควรรีบร้อนเช่นนี้ คำหอมยังมิรู้จักเอ็งดีพอ ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปสิวะไอ้ลูกชาย”
พระยาไตรเทพพยายามให้คำแนะนำกับบุตรชายของตน เขาเองก็ไม่ได้อยากให้ไตรภพรีบร้อนในเรื่องนี้เช่นกัน ส่วนหนึ่งเพราะคุณชายคำหอมที่บุตรชายชอบพอนั้น ยังเป็นชายหนุ่มอายุเพียงสิบแปด ต่างจากไตรภพที่มีอายุยี่สิบสามปี
แน่นอนว่าด้วยความต่างในช่วงวัยของพวกเขาทั้งสองนั้น พระยาคมศักดิ์และพระยาไตรภพไม่ได้ขัดข้องหากพวกเขาทั้งคู่จะชอบพอกัน
จากการที่พระยาไตรเทพได้รับรู้ข้อมูลมาจากเพื่อนสนิท คุณชายคำหอมเป็นคนใฝ่เรียนใฝ่รู้ ดังนั้นไม่มีทางที่คุณชายคำหอมจะตัดสินใจไม่เรียนต่อที่ต่างประเทศในระดับที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน และหากเป็นอย่างนั้นจริง โอกาสที่ไตรภพจะสามารถพูดคุยถึงเรื่องความสัมพันธ์อย่างจริงจังกับอีกฝ่ายนั้น ก็คงต้องรอให้คุณชายคำหอมกลับมาจากต่างประเทศเสียก่อน
แต่การที่บุตรชายของตนรีบร้อนสภาพกับอีกฝ่ายโดยเร็วเช่นนี้ ดีไม่ดีคุณชายคำหอมอาจจะไม่ปลื้มไตรภพก็เป็นแน่ และหากเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริง ๆ โอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะได้เกี่ยวดองกันไม่มีทางสมหวังแน่นอน
“โธ่…ท่านพ่อขอรับ หากข้ามิรีบร้อน แล้วเมื่อใดข้ากับน้องคำหอมจะได้รู้จักกันมากขึ้นล่ะขอรับ”
“แต่เอ็งก็มิควรจู่โจมเขาเช่นนั้น”
“เฮ้อ…ท่านพ่อนี่มิเข้าใจวิธีของข้าเลยนะขอรับ”
“จะใช้วิธีอะไรของเอ็งก็ตามแต่ หลังจากนี้เอ็งต้องใจเย็น ๆ กว่านี้ มิเช่นนั้นสิ่งที่เราหวังไว้มันจะล่มมิเป็นท่า เข้าใจรึไม่”
พระยาไตรเทพกังวลว่า หากบุตรชายของตนทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง รีบร้อนเกินความจำเป็น ทั้งเรื่องการเข้าหาคุณชายคำหอม และการทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ปลื้มตั้งแต่กลับมาเจอกันครั้งแรก
นั่นอาจทำให้คุณชายคำหอมและครอบครัวของอีกฝ่ายไม่ชอบใจ จนทำให้สิ่งที่พวกเขาคาดหวังไว้พังลงได้ และหากเป็นอย่างนั้นขึ้นมาจริง ๆ สิ่งที่พระยาไตรเทพทำมาทั้งหมดจะไม่มีความหมายทันที แน่นอนว่าพระยาไตรเทพไม่ยอมให้ลงเอยเช่นนั้น เขาถึงได้กล่าวเตือนบุตรชายของตนอยู่เสมอ
“เข้าใจแล้วขอรับ”
“คิดได้เช่นนั้นก็ดี”
“เจ้าภพก็ใจร้อนเหมือนกับเอ็งนั่นแหละไอ้เทพ เอ็งก็อย่าไปดุด่ามันนักเลย ข้าว่าพวกเอ็งทั้งคู่นี่เหมือนลูกไม้หล่นมิไกลต้นเสียจริง”
เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทของตนกำลังดุด่าบุตรชาย พระยาคมศักดิ์จึงพูดขึ้นมา เพื่อทำลายบรรยากาศชวนน่าอึดอัด และดูเหมือนจะได้ผลดีเสียด้วย
“ไอ้เจ้านี่ ก็ไอ้ภพมันเป็นลูกข้า มิให้เหมือนข้าจะให้เหมือนผู้ใดเล่า” น้ำเสียงขบขันของพระยาไตรเทพดังขึ้น
“เอาเถอะ แต่ก็จริงอย่างที่เอ็งว่าไว้ ดีเหมือนกันอย่าเพิ่งรีบร้อนไป หากชอบพอกันจริง ๆ ตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อคำหอมเรียนจบมา ข้าจะให้คำหอมหมั้นหมายกับเจ้าภพแน่นอนอยู่แล้ว”
ทันทีที่ได้ยินคำว่าหมั้นหมาย คุณชายคำหอมก็ไม่อาจทนนั่งฟังอยู่เฉย ๆ ได้อีกต่อไป ในเมื่อบทสนทนาที่บิดาของตนพูดกับเพื่อนสนิทนั้น เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคุณชายคำหอมโดยตรง
“ท่านพ่อ! ท่านพ่อพูดว่าอะไรนะขอรับ” น้ำเสียงตื่นตระหนกพยายามเอ่ยถามบิดาของตน
“คำหอม สงบสติอารมณ์ของเจ้าลงเสียบ้าง อย่าเสียมารยาทต่อหน้าแขกเช่นนี้” พระยาคมศักดิ์กล่าวเตือนบุตรชาย ด้วยท่าทางและน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย
“แต่ท่านพ่อ…”
จากบรรยากาศแห่งความครื้นเครง แปรเปลี่ยนเป็นบรรยากาศแห่งความอึดอัดขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อพระยาคมศักดิ์เริ่มรู้สึกไม่พอใจกับพฤติกรรมของบุตรชายในยามนี้
และแน่นอนว่าพระยาไตรเทพที่นั่งมองสถานการณ์ตรงหน้า ก็รู้สึกสงสารคุณชายคำหอมที่ต้องถูกบิดาดุด่า เขาถึงได้พยายามช่วยพูดให้เพื่อนสนิทใจเย็นลง
“มิเป็นไรหรอกหนาไอ้ศักดิ์ เอ็งก็อย่าไปดุคำหอมนักเลย คงแค่ยังมิรู้เรื่องที่พวกเราตกลงกัน”
“เรื่องอะไรฤๅขอรับ พวกท่านตกลงอะไรกันไว้ ได้โปรดบอกให้ข้ารับรู้ทีเถิดขอรับ”
ทันทีที่ได้ยินพระยาไตรเทพพูดเช่นนั้น คุณชายคำหอมจึงเลี่ยงประเด็นจากที่ต้องการคำตอบจากบิดา แปรเปลี่ยนมารอฟังคำตอบจากพระยาไตรเทพแทน
“ก็มิได้มีอะไรมากความหรอกนะคำหอม เพียงแค่ข้ากับบิดาของเจ้าตกลงบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ แน่นอนว่ามันเกี่ยวกับเจ้าและบุตรชายของข้า ก็เท่านั้นเอง”
หลังจากได้ยินประโยคคำพูดของพระยาไตรเทพ ความรู้สึกสับสนและความกระวนกระวายใจไม่มีที่สิ้นสุด เรื่องที่ตกลงกันไว้มันคืออะไรกันแน่ แล้วเพราะเหตุใดมันถึงเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรง นั่นเป็นสิ่งที่ค้างคาใจคุณชายคำหอม และแน่นอนว่าเขาเองก็ต้องการคำตอบจากบิดาในเรื่องนี้รวดเร็ว
“ท่านพ่อ…ตกลงมันเรื่องอะไรรึขอรับ”
“ก็อย่างที่ไอ้เทพมันว่าไว้ ข้าตกลงกันว่าจะให้เจ้ากับเจ้าภพหมั้นหมายกันหลังจากที่เจ้ากลับมาจากต่างประเทศ”
เพราะเห็นท่าทางของบุตรชาย ที่พยายามเค้นความจริงจะเอาคำตอบให้ได้จากตน พระยาคมศักดิ์จึงเลือกที่จะบอกความจริงและข้อตกลงทั้งหมดให้กับคุณชายคำหอมได้รับฟัง
“ท่านพ่อ…ไยท่านมิเคยเอ่ยเรื่องนี้กับข้า นี่ท่านจะบังคับให้ข้าหมั้นหมายกับคนที่ข้ามิได้รักอย่างนั้นรึ”
แน่นอนว่าทันทีที่คุณชายคำหอมได้รับฟังความจริงทั้งหมด ความรู้สึกเสียใจและความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยมีครั้งไหนที่คุณชายคำหอมได้ใช้ชีวิตตามแบบฉบับของตนเอง ทางเลือกที่เขาต้องการจะก้าวเดินแทบไม่มีทางเกิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องอยู่แต่ในกรอบที่บิดาวางไว้ ไม่มีสิทธิ์มีเสียงใด ๆ ในการเจรจาต่อรอง หรือแม้จะปฏิเสธ
คุณชายคำหอมต้องทำทุกสิ่งอย่างตามคำสั่งของบิดา และแน่นอนว่าหากเป็นเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องราวความรักหรือการเลือกคู่ครอง คุณชายคำหอมคงยอมทำตามคำสั่งของบิดาอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง แต่ข้อตกลงที่บิดาและพระยาไตรเทพตกลงกันไว้ในครั้งนี้ มันเป็นสิ่งที่คุณชายคำหอมไม่มีทางยอมทำตามแน่นอน ในเมื่อเขาเองก็มีคนในใจอยู่แล้ว จะให้หมั้นหมายกับคนที่ตนไม่ได้ชอบไม่ได้รักก็คงไม่ได้
“ยามนี้เจ้าอาจจะมิได้รัก แต่ข้าเชื่อว่าเจ้าภพมันเป็นคนดีและเหมาะสมกับเจ้ามากกว่าผู้ใด”
พระยาคมศักดิ์ยังคงพยายามให้บุตรชายเข้าใจ แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าในยามนี้คุณชายคำหอมรู้สึกเสียใจและไม่พอใจมากเพียงใด แต่เขาก็เลือกที่จะมองข้ามไป
“…”
“และต่อให้เจ้าจะมีผู้ใดในใจ ข้าก็มิยอมให้คนในใจของเจ้า มาแทนที่เจ้าภพคนนี้เป็นอันขาด”
เพราะรู้ดีว่าคนที่บุตรชายชอบพอเป็นผู้ใด พระยาคมศักดิ์ถึงได้ไม่ยอมรับในตัวอีกฝ่าย และพยายามมองหาคนที่เหมาะสมกับบุตรชายของตน ซึ่งพระยาคมศักดิ์เองก็เล็งเห็นแล้วว่าไตรภพคนนี้ เหมาะสมกับคุณชายคำหอมมากกว่าผู้ใด
“ไยท่านพ่อถึงต้องบังคับข้าอยู่เรื่อยไป”
“เพราะข้าคือพ่อของเจ้า และคนเป็นพ่ออย่างข้าย่อมต้องมอบแต่สิ่งดี ๆ และเหมาะสมให้กับลูกอย่างเจ้าอยู่แล้วมิใช่รึ”
แม้ว่าสุดท้ายแล้ว เขาอาจจะดูร้ายในสายตาของบุตรชาย แต่พระยาคมศักดิ์ก็เลือกที่จะทำเช่นนี้ต่อไปอยู่ดี
“แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการบังคับข้า และทำให้ข้ามิสบายใจเช่นนี้รึขอรับ”
“ใช่ และเจ้าที่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของข้า ย่อมมิมีสิทธิ์มีเสียงในการปฏิเสธสิ่งที่พ่อของเจ้ามอบให้”
“…”
“เพราะฉะนั้นเจ้าจงเดินตามเส้นทางที่ข้าวาดไว้ อย่าได้คิดเดินออกนอกเส้นทางที่ข้าวาดไว้เป็นอันขาด เพราะมันจะส่งผลดีต่อตัวเจ้า”
“ฮึก…สุดท้ายแล้ว ท่านพ่อก็ยังใจร้ายกับข้าเสมอมา”
น้ำเสียงสั่นเครือและถ้อยคำตัดพ้อของคุณชายคำหอมดังขึ้น ก่อนจะลุกออกไปจากโต๊ะโดยไม่สนใจสายตาของแขกคนอื่น ๆ ที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ในยามนี้ความเสียใจที่เขาได้รับมันมากกว่าความเหมาะสมที่เขาต้องพึงปฏิบัติ
“นั่นเจ้าจะไปไหน…คำหอม คำหอม!”
พระยาคมศักดิ์พยายามตะโกนเรียกบุตรชาย ที่วิ่งหายออกไปจากงานเลี้ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“พอเถิดท่านพี่…เพียงเท่านี้ลูกก็เสียใจมากพอแล้ว อย่าได้ดุด่าคำหอมอีกเลย”
คุณหญิงจันทร์หอมที่นั่งดูสถานการณ์อยู่นาน จึงตัดสินใจห้ามปรามสามี เพราะเธอเองก็สงสารบุตรชายอยู่ไม่น้อย
“ข้าเองก็เห็นด้วยกับเมียเจ้า ปล่อยให้คำหอมใช้เวลากับตัวเองไปก่อน พวกข้ามิเป็นไรหรอกหนา” พระยาไตรเทพพูดเสริม
“ใช่แล้วขอรับ น้องคำหอมคงจะตกใจน่ะขอรับ”
ก่อนที่ไตรภพจะพูดเสริมขึ้นมาเช่นกัน เขานั้นไม่ได้เสียใจที่คุณชายคำหอมร่ำไห้ถึงขนาดวิ่งหนีออกไปจากงาน เขากลับรู้สึกว่าน่าจะต้องให้เวลาคุณชายคำหอมมากกว่านี้ จึงไม่ได้โกรธแค้นหรือน้อยอกน้อยใจใด ๆ
“เช่นนั้นข้าต้องขอโทษพวกเจ้าแทนคำหอมที่เสียมารยาท”
ในเมื่อทุกคนเห็นพ้องต้องใจว่าควรปล่อยให้บุตรชายได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเอง พระยาคมศักดิ์ก็เข้าใจและปล่อยวางในส่วนนั้น ก่อนจะเอ่ยคำขอโทษบรรดาแขกเหรื่อที่นั่งร่วมโต๊ะ
“ฉัตร เจ้าช่วยตามคำหอมไปหน่อย ข้าจะจัดการกงนี้เอง”
เมื่อเห็นว่าทุกคนเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และด้วยความเป็นห่วงบุตรชาย กลัวว่าจะเสียใจจนเดินหลงไปไหนต่อไหน คุณหญิงจันทร์หอมจึงมอบหมายให้ฉัตร ทาสติดตามของเธอตามไปดูสถานการณ์ทางฝั่งของคุณชายคำหอมแทนเธอ
“ขอรับคุณหญิง”