คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,#BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ผู้แต่ง
ดาวดวงที่ห้า
เรื่องย่อ
คำเตือน
นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างถี่ถ้วน
*****
นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวแต่งที่เกิดจากจินตนาการเท่านั้น ตัวละคร ฉาก สถานที่
และเหตุการณ์ในเรื่องล้วนสมมุติขึ้นมาทั้งหมด
ไม่ได้มีการพาดพิงถึงใคร ไม่ได้เน้นหลักความสมเหตุสมผลหรือหลักการความเป็นจริงเท่าที่ควรนะคะ
นิยายวายพีเรียด ไม่อิงประวัติศาสตร์ใด ๆ ภาษาที่ใช้อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด อาจมีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย เพื่อให้เข้ากับบริบทของตัวละคร (ตรงส่วนนี้ต้องขออภัยล่วงหน้าค่ะ)
เนื้อหาในนิยายมีการแบ่งแยกชนชั้นทางสังคมอย่างชัดเจน มีการใช้อำนาจ การดูถูกเหยียดหยาม การถูกกีดกันต่าง ๆ มีฉากความรุนแรง กักขัง ทำร้ายร่างกาย บังคับขู่เข็ญ ไปจนถึงฆาตกรรม มีการกล่าวถึงไสยศาสตร์ ความเชื่อ วิญญาณ ความสูญเสีย
ตัวละครในเรื่องบางตัวละครมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรลอกเลียนแบบ
*****
เรื่องราวความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน นำไปสู่โศกนาฏกรรมที่ยากจะลืมเลือน
เมื่อคุณชายคำหอม บุตรชายเพียงคนเดียวของพระยาคมศักดิ์ ผู้ปกครองเมืองภูคำใต้ ดันไปตกหลุมรัก พบกล้า ทาสหนุ่มในเรือนของตนเข้าอย่างจัง และเพราะความผูกพันที่ทั้งคู่มีให้กันตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้พวกเขาต่างชอบพอกัน จนก่อตัวเป็นความรักในที่สุด แต่มันดันติดปัญหาตรงที่พวกเขาทั้งคู่ไม่เหมาะสมที่จะเคียงคู่กันเลยสักนิดนี่สิ
เมื่อคนหนึ่งเป็นถึงคุณชายผู้สูงศักดิ์ กับอีกคนเป็นแค่ทาสใช้แรงงานผู้ต่ำต้อย
เมื่อคนหนึ่งมีคู่หมั้นหมายที่เหมาะสมกันทั้งหน้าตา ฐานะและยศศักดิ์ กับอีกคนที่ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่มีความเหมาะสมใด ๆ เลยสักนิดเดียว
เมื่อคนหนึ่งรักมากจนแสดงออกมาอย่างชัดเจน กับอีกคนที่รักมากแต่ไม่สามารถแสดงออกมาได้
เมื่อคนหนึ่งรักสุดหัวใจ จนไม่สนเรื่องความถูกต้องและความเหมาะสมใด ๆ กับอีกคนที่รักสุดใจ แต่ไม่สามารถมอบความรักให้อีกฝ่ายได้ เพราะเจียมตัวว่าเราต่างไม่คู่ควรกัน
*****
ความรักที่ไม่เหมาะสมจะเคียงคู่กัน หากยังคงฝืนรักกันต่อไป อาจนำมาซึ่งความสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไปตลอดกาล
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
ในขณะที่บรรยากาศบริเวณงานเลี้ยงเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะสนุกสนานของเหล่าแขกเหรื่อที่ต่างพากันแสดงความยินดี และพูดคุยกับพระยาคมศักดิ์อย่างสบายใจ กลับกันทางฝั่งของคุณชายคำหอม ผู้เป็นหัวใจหลักของงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ มีเพียงความเศร้าโศกกัดกินหัวใจ
เพราะความเสียใจเมื่อครู่เป็นตัวนำพาให้ตัวเขาก้าวขาวิ่งออกมาโดยไร้จุดหมาย ในความมืดมิดยามราตรีที่มีเพียงแสงจันทร์สาดส่องมาให้เห็นเลือนราง ส่งผลให้คุณชายคำหอมมาโผล่ในสถานที่แปลกตา และแทนที่เขาจะเลือกวิ่งตรงกลับไปยังห้องรับรองที่อยู่อีกทาง แต่คุณชายคำหอมกลับเลือกที่จะวิ่งตรงไปอีกทาง
ซึ่งนั่นเป็นทางเดินที่ตั้งแต่เด็กจนโตมาคุณชายคำหอมแทบจะไม่เคยเดินผ่านไปแถวนั้นเลยด้วยซ้ำ แต่ผู้คนในเรือนพระยาคมศักดิ์รู้ดีว่าทางเดินเส้นนั้น เป็นเส้นทางที่สามารถเดินตรงไปยังเรือนพักผ่อนของเหล่าทาสใช้แรงงาน และยังเป็นเส้นทางเข้าป่ารก ที่อยู่ด้านหลังเรือนพักผ่อนของทาสใช้แรงงานได้อีกด้วย
“ฮึก…ฮึก เพราะเหตุใดกัน…”
…
“เหตุใดท่านพ่อถึงต้องบังคับข้า”
…
“ฮึก…”
เสียงสะอื้นร่ำไห้พร้อมกับเสียงเหนื่อยหอบของคุณชายคำหอมยังคงดังตลอดทาง ความเสียใจที่เขาได้รับในค่ำคืนนี้มันช่างเจ็บปวดเกินกว่าจะให้เขาหยุดร่ำไห้ในยามนี้ได้ ต่อให้บรรยากาศรอบด้านจะดูวังเวงและมืดมิดจนดูน่ากลัวมากเพียงใด แต่ความเสียใจที่เขาได้รับมันมากเกินกว่าจะทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวได้เช่นกัน
คุณชายคำหอมยังคงพาร่างกายที่เจ็บปวดเดินตรงไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย ในเวลานี้เขาขอเพียงแค่ให้ตัวเองได้ระบายความเศร้าเสียใจนี้ ออกไปให้ได้มากที่สุดก็เพียงพอแล้ว
ยิ่งหวนกลับไปคิดถึงคำพูดของบิดาเมื่อครู่นี้หยาดน้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาไม่หยุดหย่อน นับเป็นความรู้สึกที่ยากจะเอื้อนเอ่ยออกมา มันทั้งเจ็บปวด ทั้งเสียใจและรู้สึกรับไม่ได้กับข้อตกลงที่เหล่าผู้ใหญ่ตั้งขึ้นมา โดยมีผลประโยชน์กับพวกเขา แต่มันกลับไม่ได้มีประโยชน์ใด ๆ ต่อคุณชายคำหอมที่ตกเป็นเครื่องมือ และเป็นหมากตัวสำคัญในข้อตกลงเหล่านั้นเลยสักนิด
ข้อตกลงที่แม้กระทั่งคุณชายคำหอมเองไม่เคยได้ยินหรือรับรู้มาก่อน ข้อตกลงที่เขาไม่ได้ยินยอมให้มันเกิดขึ้น และเขาเองก็ไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้นมาเช่นกัน ต่อให้จะต้องถูกดุด่า ถูกลงโทษ หรือถูกบีบบังคับเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา แต่สำหรับข้อตกลงในครั้งนี้ คุณชายคำหอมตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ยอมให้บิดาของตนมาบังคับได้อีก
เพราะเรื่องความรักและเรื่องคู่ครองเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตของเขา และเขาจะเลือกทางเดินชีวิตของตนเองโดยไม่ยอมให้บิดามาบังคับอีกต่อไป
.
.
หลังจากเดินต่อมาเรื่อย ๆ ความมืดมิดค่อย ๆ แปรเปลี่ยนให้เห็นความสว่างขึ้นมาเล็กน้อย ด้วยความเหนื่อยหอบทำให้คุณชายคำหอมเลือกที่จะหยุดเดินก่อนจะล้มตัวลงบนพื้นหญ้าทันที โดยไม่ได้สนใจเลยว่าในยามนี้เนื้อตัว รวมไปถึงเสื้อผ้าของเขาจะเปรอะเปื้อนเพียงใด ขอเพียงแค่ได้ปลดปล่อยความทุกข์ในจิตใจออกไปก็เพียงพอแล้ว
“ฮึก…ฮือ”
…
“ฮือ…เพราะตัวข้าอ่อนแอเกินไปเช่นนั้นฤๅ ข้าถึงได้เจ็บปวดใจถึงเพียงนี้”
….
“ฮึก…ข้ามิเข้าใจเลยสักนิดเดียว ไยท่านพ่อถึงมิเข้าใจข้าบ้าง ไยท่านพ่อถึงต้องบังคับข้า”
เสียงสะอื้นร่ำไห้และถ้อยคำเชิงตัดพ้อยังคงดังขึ้นไม่ขาดสาย คุณชายคำหอมไม่อาจฝืนกลั้น เขาทั้งร่ำไห้และระบายออกมา โดยไม่ได้สนใจเลยว่า เสียงของตนจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับใครบางคน ที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้เพียงใด
.
.
ด้วยความที่ในค่ำคืนนี้ ทางเรือนของพระยาคมศักดิ์ได้จัดงานเลี้ยงฉลอง ให้กับบุตรชายเพียงคนเดียวอย่างคุณชายคำหอมอย่างใหญ่โต ทำให้เหล่าทาสในเรือนและทาสใช้แรงงานส่วนใหญ่จำเป็นต้องไปรวมตัวกัน ในบริเวณสถานที่จัดงานเลี้ยงทั้งสิ้น
จึงไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นว่าในยามนี้ คุณชายคำหอมกำลังกึ่งวิ่งกึ่งเดินมาทางเรือนพักผ่อนของทาสใช้แรงงาน ด้วยสภาพที่น่าสงสารจับใจ ใบหน้าเต็มไปหยาดน้ำตาไหลรินออกมาไม่ขาดสาย ก่อนจะทิ้งตัวลงบนพื้นหญ้าอย่างไม่มีความลังเลใด ๆ แน่นอนว่าภาพของคุณชายคำหอมในยามนี้ ผู้ใดแลเห็นจำต้องสงสัย ผู้ใดแลเห็นจำต้องสงสารว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับคุณชายคำหอมกันแน่ รวมไปถึงพบกล้าที่อยู่บนเรือนเช่นกัน
เพราะเสียงร่ำไห้ที่ดังอยู่ไม่ไกลจากเรือนพักผ่อน ทำให้พบกล้าที่กำลังตั้งหน้าตั้งตากับการหาของบางอย่างที่ทาสหนุ่มรุ่นพี่ไหว้วานให้เขานำไปให้ จำเป็นต้องหยุดชะงักลง ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงนั้นดังชัดเจนยิ่งขึ้น
เสียงร่ำไห้นั่น ทำให้พบกล้าเริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ก่อนจะรีบย่างกรายไปหยิบตะเกียงที่วางบนโต๊ะไม้เก่า ๆ และของที่ทาสหนุ่มรุ่นพี่ไหว้วานให้นำไปให้ขึ้นมา และค่อย ๆ เดินตรงไปยังบริเวณที่เขาได้ยินเสียงอย่างช้า ๆ
“ฮึก…ฮือ” เสียงร่ำไห้ดังอยู่ไม่ไกลจากจุดที่พบกล้าอยู่
“เสียงของผู้ใดกัน” นั่นเป็นความสงสัยที่พบกล้าต้องการคำตอบ
“ฮึก...ฮือ”
“ฤๅข้าหูแว่วไปเอง”
“ฮือ...”
“คงมิใช่แค่หูแว่วเป็นแน่ ว่าแต่นั่นเป็นเสียงของผู้ใดกัน”
เพราะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ซึ่งตามปกติเหมือนอย่างทุก ๆ วัน ในยามนี้ไม่ควรมีผู้ใดมาร่ำไห้แทบขาดใจอยู่แถวนี้ แถมงานเลี้ยงฉลองสำคัญของคุณชายคำหอม ผู้เป็นบุตรชายของพระยาคมศักดิ์ก็ยังไม่เสร็จสิ้นเสียด้วย จึงไม่ควรมีผู้ใดมาอยู่บริเวณแถวนี้ในเวลานี้เลยด้วยซ้ำไป
แต่น้ำเสียงร่ำไห้ที่ยังดังไม่ขาดสายของใครบางคนนั้น นอกจากจะสร้างความตื่นตระหนกทำให้กับพบกล้าแล้ว มันยิ่งสร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยให้กับพบกล้ามากขึ้นไปอีก หากว่าน้ำเสียงที่เขาได้ยินนั้นเป็นผู้ไม่ประสงค์ดี มีหวังพบกล้าอาจได้รับอันตรายจากการเดินสุ่มสุ่มห้าเข้าไปอย่างไม่ระวังตัวเป็นแน่
แม้จะรู้สึกแปลกใจ แต่เขาก็จำเป็นต้องเดินเข้าหาคำตอบของเรื่องนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขาแกร่งของพบกล้าค่อย ๆ ก้าวขาลงมาจากบันไดอย่างช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ เดินตรงไปยังจุดที่เขาได้ยินเสียง ด้วยความที่บรรยากาศรอบด้านค่อนข้างมืด จึงทำให้พบกล้ามองเห็นไม่ค่อยชัด เขาจึงใช้ตะเกียงที่อยู่ในมือชูขึ้นช้า ๆ ก่อนจะเห็นแผ่นหลังของใครบางคนกำลังสั่นไหวอยู่ท่ามกลางความมืดเพียงลำพัง
ไม่รอช้าพบกล้าจึงค่อย ๆ ย่างกรายเดินเข้าไปยังจุดที่คนผู้นั้นกำลังนั่งร่ำไห้อยู่ ก่อนจะมองเห็นบางสิ่งบางอย่างที่บ่งบอกความเป็นตัวตนของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน ด้วยความที่เสื้อผ้าของอีกฝ่ายค่อนข้างเด่นสะดุดตาจึงทำให้พบกล้ามั่นใจได้ทันทีว่าอีกฝ่าย ไม่น่าจะใช่ทาสใช้แรงงานด้วยกันอย่างแน่นอน
“ฮึก…ฮือ”
ยิ่งพบกล้าเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เพียงใด ความคุ้นเคยก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น เมื่อฟังจากน้ำเสียงร่ำไห้และมองดูรูปร่างของอีกฝ่าย พบกล้ารับรู้และมั่นใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใดกัน และเพราะเหตุนี้พบกล้าจึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ ต้องระวังตัวหรือต้องหวาดกลัวอีกฝ่ายต่อไป เขาค่อย ๆ ย่างกรายไปยืนอยู่ด้านหน้าของคนคนนั้นอย่างช้า ๆ เพื่อไม่ทำให้อีกฝ่ายตกใจกลัว
แน่นอนว่าคุณชายคำหอมที่นั่งก้มหน้าร่ำไห้ พร้อมกับฝ่ามือเรียวยาว ที่พยายามหาทางระบายอารมณ์ โดยการเด็ดดึงดอกหญ้ารวมไปถึงต้นหญ้าที่อยู่ตามพื้นไม่หยุดหย่อน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ตนเรื่อย ๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะมายืนอยู่ด้านหน้าของเขา คุณชายคำหอมจึงค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น ก่อนที่สายตาอันพร่ามัวจากหยาดน้ำตาแห่งความเศร้าเสียใจ จะมองเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใด
“ทำเช่นนั้นมิดีเลยนะขอรับ หากคุณชายยังคงเด็ดมันต่อไป ต้นหญ้าพวกนั้นจะเจ็บปวดนะขอรับ”
“ฮึก…พี่จะมาดุด่าข้าเช่นกันใช่ฤๅไม่ พี่กล้า”
“หากคุณชายยังคงเด็ดมัน บางทีข้าอาจจะดุคุณชายก็ได้นะขอรับ”
“ฮึก…ต่อให้พี่จะเติบโตขึ้น แต่พี่กล้าก็ยังคงเป็นพี่ชายใจดีคนนั้นมิเปลี่ยนแปลง”
ถึงแม้ประโยคคำพูดในยามนี้จะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย แต่น้ำเสียง แววตา และวิธีการของอีกฝ่ายยังทำให้คุณชายคำหอมคิดถึงวันวาน ที่พวกเขาได้เจอกันครั้งแรกไม่เปลี่ยนแปลง
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณชายขอรับ เหตุใดคุณชายถึงมานั่งร่ำไห้อยู่เพียงลำพังเช่นนี้”
ด้วยความเป็นห่วงทำให้พบกล้าสอบถามออกไปโดยเร็ว
“ฮึก...ถ้าข้าบอกพี่ว่าข้าหลงทาง พี่จะเชื่อข้าฤๅไม่”
คุณชายคำหอมเลือกที่จะโกหกอีกฝ่าย แทนที่จะบอกความจริงที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดและเสียใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ นั่นก็เพราะเขาไม่ได้ต้องการให้พบกล้ารับรู้ถึงเรื่องนี้ เรื่องที่เขากำลังถูกบิดาจับคู่ให้กับคนที่ไม่รัก
“ข้าย่อมเชื่อทุกอย่างที่คุณชายเอ่ยออกมาขอรับ”
แน่นอนว่าสำหรับพบกล้าแล้ว ต่อให้คุณชายคำหอมจะพูดอะไรออกมาเขาย่อมเชื่ออยู่แล้ว ส่วนหนึ่งเพราะเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะเป็นคนที่ชอบพูดจาโกหกไปเรื่อย และอีกส่วนเพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นถึงคุณชายผู้สูงศักดิ์ ทาสต่ำต้อยอย่างเขาต้องเชื่อในสิ่งที่ผู้เป็นนายพูดออกมาแน่นอนอยู่แล้ว
“เพราะเหตุนี้ไง ข้าถึงมิยอมเปลี่ยนใจจากพี่ไปง่าย ๆ”
“อะไรฤๅขอรับ”
“ฮึก...มิมีอะไรหรอกพี่กล้า ข้าแค่น้อยใจท่านพ่อนิดหน่อย”
“ถ้าเช่นนั้นคุณชายอย่าได้ร่ำไห้ไปเลยขอรับ วันนี้เป็นวันของคุณชายทั้งที ข้าเองก็มิอยากเห็นคุณชายเจ็บปวดนะขอรับ”
วันเกิดครบรอบสิบแปดปีบริบูรณ์ ควรจะเป็นวันที่คุณชายคำหอมมีความสุขมากกว่าวันไหน ๆ แต่ในค่ำคืนนี้พบกล้ากลับไม่ได้เห็นอีกฝ่ายมีความสุขอย่างที่ควรจะเป็น แต่เขาดันเห็นอีกฝ่ายกำลังมีความทุกข์และความเศร้าโศกเสียใจ แน่นอนว่าพบกล้าเองก็ไม่ได้อยากให้มันลงเอยเช่นนี้ เขาถึงได้พยายามปลอบใจอีกฝ่าย
“ข้าเองก็มิได้อยากเห็นพี่เจ็บปวดเช่นกัน”
“ขะ…ขอรับ”
“ที่มือของพี่ เจ็บมากฤๅไม่”
ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ คุณชายคำหอมไม่ได้สนใจในสิ่งที่ไตรภพพยายามชวนเขาพูดคุยเลยสักนิด เพราะเป้าสายตาและจุดสนใจของคุณชายคำหอมในตอนนั้น คือทาสหนุ่มที่กำลังขะมักเขม้นทั้งช่วยยกของ ช่วยเตรียมของ ช่วยดูแลความเรียบร้อยต่าง ๆ ไหนจะช่วยงานทุกฝ่ายอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยใด ๆ ราวกับว่าอีกฝ่ายคุ้นชินกับงานพวกนี้ไปเสียแล้ว
และช่วงจังหวะหนึ่งที่พบกล้าเผอิญสบตาเข้ากับคุณชายคำหอมโดยตรง นั่นทำให้รับรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังถูกคุณชายคำหอมจ้องมองอยู่ ก่อนที่จะเห็นว่าคุณชายคำหอมชี้ไปยังจานอาหารของตนเอง เป็นการกล่าวนัย ๆ ให้พบกล้าเข้าใจว่า ได้ลองทานอาหารพวกนี้แล้วหรือยัง และนั่นก็ทำให้พบกล้าได้แต่ส่ายหน้าไปมาเป็นการบอกกล่าวว่ายังไม่ได้ทานหรือลิ้มลองรสชาติเลยแม้แต่น้อย
และเพราะสาเหตุนั้นจึงทำให้คุณชายคำหอมเผลอทำสีหน้าไม่พอใจออกมา ก่อนที่ไตรภพจะเห็นเข้าและเข้าใจผิดคิดว่าคุณชายคำหอมกำลังไม่พอใจที่เขาทำพฤติกรรมไม่ดีใส่อีกฝ่าย แต่ความจริงแล้วคุณชายคำหอมกำลังให้ความสนใจกับพบกล้า จึงรู้สึกรำคาญถึงพฤติกรรมที่ดูไร้สาระของไตรภพเสียมากกว่า
ทันทีที่พบกล้าเห็นเข้า นั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจ รีบไปนั่งพักรับประทานอาหารตามที่คุณชายคำหอมต้องการ กับเหล่าทาสในเรือนโดยเร็ว เพราะกังวลว่าหากตนยังไม่รีบทานอาหารพวกนี้เข้าไป มีหวังคุณชายคำหอมรู้สึกไม่สบายใจจนต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าตักอาหารให้กับเขาก็เป็นได้ และหากเป็นเช่นนั้นขึ้นมาจริง ๆ มีหวังค่ำคืนนี้ได้เกิดเรื่องราวบานปลายใหญ่โตขึ้นมาแน่นอน
หลังจากเห็นว่าพบกล้ารับประทานอาหารเสร็จสรรพ และรีบกลับไปทำงานต่อ คุณชายคำหอมก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา แต่เขาก็สบายใจได้ไม่นาน เมื่อดันเหลือบไปเห็นว่าฝ่ามือของพบกล้าได้รับบาดเจ็บจากการช่วยทาสคนครัว ยกหม้อร้อน ๆ มาวางไว้ยังจุดสำหรับตักอาหารให้แขกในงาน
และเพราะพบกล้าไม่ทันได้ระวัง ทำให้ฝ่ามือของเขาถูกไอร้อนของหม้อลวกมือเข้า ยังโชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม และดูเหมือนพบกล้าไม่ได้บาดเจ็บมากมาย แต่คุณชายคำหอมก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
“ข้ามิเป็นไรหรอกขอรับคุณชาย เพียงแค่นี้เองขอรับ”
บาดแผลพุพองเพียงเล็กน้อย ได้รับการดูแลรักษาก่อนหน้านี้แล้ว พบกล้าถึงได้ไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ
“เช่นนั้นฤๅ ข้าเองก็อยากเข้มแข็งเหมือนพี่บ้างจัง พี่กล้า…พี่คิดว่าข้าอ่อนแอเกินไปฤๅไม่”
“ชีวิตของคนเรา มิจำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลาหรอกนะขอรับคุณชาย”
เมื่อได้เห็นใบหน้าเศร้าหมองและถ้อยคำตัดพ้อของอีกฝ่าย พบกล้าจึงอดไม่ได้ที่จะต้องเอื้อนเอ่ยบางสิ่งบางอย่างออกมา อย่างน้อย ๆ เขาก็หวังว่าคุณชายคำหอมจะไม่คิดมากและจมอยู่กับความทุกข์เช่นนี้
“…”
“คนอ่อนแอมิใช่คนมิดีเสมอไป หากมันเหนื่อยเกินจะรับไหว เราก็แค่แสดงท่าทีอ่อนแอออกมา อย่างน้อย ๆ ก็เพื่อระบายความเจ็บปวดของตนเอง”
“…”
“คุณชายมิต้องไปสนใจว่าผู้ใดจะมองคุณชายมิดี คนอ่อนแอก็เคยอดทนและเข้มแข็งมามากพอแล้วขอรับ แค่ในยามนี้รู้สึกเหนื่อยเกินจะรับไหว ถึงได้แสดงท่าทีอ่อนแอออกมาก็เท่านั้นเองนะขอรับ”
“หากข้าคิดได้อย่างที่พี่คิดได้ก็คงดี บางทีข้าคงมิเจ็บปวดเช่นนี้”
หลังจากได้ฟังในสิ่งที่พบกล้าเอ่ยออกมา คุณชายคำหอมก็ยิ่งรู้สึกชอบอีกฝ่ายเข้าไปใหญ่ ไม่ใช่ชอบเพราะอยากครอบครอง แต่เขาชอบเพราะพบกล้ามักเป็นเพียงคนเดียวที่ช่วยทำให้เขารู้สึกดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก หรือในยามนี้พบกล้าก็มักจะโผล่มาในช่วงจังหวะที่เขารู้สึกอ่อนแอและโดดเดี่ยวตลอด
อย่างน้อย ๆ ความคิดและการกระทำของพบกล้านั้นช่างจริงใจต่อคุณชายคำหอมมากกว่าผู้ใด และเขาเองก็รับรู้ถึงจริงใจเหล่านั้น เขาถึงได้ชอบพบกล้าไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่เคยรับรู้เลยก็ตาม
“คุณชายจำที่ข้าเคยบอกในยามนั้นได้ฤๅไม่ขอรับ”
“หืม…พี่เคยบอกข้าว่าอะไรฤๅ ได้โปรดบอกข้าอีกสักครั้งได้ฤๅไม่”
“อย่าลืมยิ้มเยอะ ๆ นะขอรับ คุณชายน่ะเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าน้ำตานะขอรับ มิว่าจะตอนเป็นเด็กฤๅกระทั่งตอนนี้ คุณชายก็เหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าสิ่งใดนะขอรับ”