คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
“ข้าขอโทษขอรับคุณชาย ข้ามิได้ตั้งใจทำให้คุณชายตกใจนะขอรับ” ฉัตรคุกเข่าขอโทษขอโพยคุณชายคำหอมไปยกใหญ่
“มิเป็นไร หากเจ้าเป็นคนของท่านแม่ ข้ามิว่าอะไรเจ้าหรอกหนา”
คุณชายคำหอมที่เห็นท่าทางรู้สึกผิดของฉัตร ก็อดไม่ได้ที่จะสงสารอีกฝ่าย ว่าจบคุณชายคำหอมก็เผยรอยยิ้มให้กับทาสหนุ่มตรงหน้า เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายคิดมากไปมากกว่านี้ ส่วนฉัตรที่ได้รับรู้ว่าคุณชายคำหอมไม่ได้ถือโทษกลัวตนเองที่ทำให้ตกใจ ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะเริ่มปล่อยโฮออกมา
“ฮึก…คุณชายของบ่าว ในที่สุดบ่าวก็หาคุณชายเจอเสียทีขอรับ”
เมื่อได้เห็นว่าคนที่ตนเองตามหามาตลอด กำลังส่งยิ้มมาให้ตนความรู้สึกกลัวและกังวลก่อนหน้านี้ พลันหายไปในทันที ความเหนื่อยสะสมก่อนหน้านี้หายไปในพริบตา หลงเหลือไว้เพียงความโล่งใจและความสบายใจอย่างบอกไม่ถูก ฉัตรร่ำไห้ออกมาด้วยความสบายใจ โดยไม่สนใจสายตาของคุณชายคำหอม หรือแม้กระทั่งสายตาของพบกล้าที่กำลังยืนดูเหตุการณ์อยู่เงียบ ๆ
แม้จะร่ำไห้ออกมาด้วยความสบายใจ แต่ฉัตรก็ยังไม่ลืมที่จะหวนกลับไปคิดถึงเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้านี้ ที่เขาต้องเผชิญหน้ากับความมืดมิดและความหวาดกลัวที่ครอบงำจิตใจ
.
.
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว
แม้จะรู้สึกเป็นห่วงคุณชายคำหอมเสียยิ่งกว่าอะไร แต่ฉัตรก็ไม่สามารถเร่งรีบได้ในทุกย่างก้าว เนื่องจากบรรยากาศที่สุดแสนจะน่าวังเวง แถมเขาก็อยู่เพียงลำพังท่ามกลางความมืด อย่างน้อย ๆ ก็ยังดีที่มีเสียงจิ้งหรีดโห่ร้องเป็นจังหวะ คอยทำลายบรรยากาศอันเงียบงันให้เขาได้บ้าง ดีแค่ไหนแล้วที่เรือนของพระยาคมศักดิ์ไม่ได้เลี้ยงสุนัข จึงไม่ได้ยินเสียงเห่าหอนของพวกสุนัข ไม่อย่างนั้นฉัตรคงรู้สึกหลอนมากกว่านี้เป็นแน่
แค่บรรยากาศที่ดูน่าวังเวงนั้น ก็สามารถทำให้ความกลัวเข้าครอบงำจิตใจของฉัตรไปโดยปริยาย ฝ่ามืออันสั่นเทากำตะเกียงที่ช่วยส่องแสงนำทางเอาไว้แน่น ขาทั้งสองข้างของเขาค่อย ๆ ขยับก้าวเดินไปอย่างช้า ๆ และถึงแม้จะมีตะเกียงคอยส่องให้แสงสว่าง แต่ก็ไม่ได้ส่องสว่างให้เห็นไปทั่วทั้งบริเวณขนาดนั้น สายตาของฉัตรยังคงเห็นว่าสองข้างทางก็ยังคงเห็นเพียงความมืดมิดอยู่ดี
ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าเส้นทางนี้ในช่วงที่ยังมีแสงจากพระอาทิตย์ส่องลงมานั้น ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่กำลังเป็นอยู่ แต่ฉัตรก็ไม่สามารถทำใจยอมรับได้อยู่ดี เพราะความมืดและบรรยากาศชวนขนลุกนี้สามารถทำให้จิตใจคิดฟุ้งซ่านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“โอ๊ยยยย ชีวิตไอ้ฉัตร แถวนี้จะมีผีไหมวะ น่ากลัวฉิบหาย”
...
“แม่ง! ไอ้พวกบ้านั่นมิคิดจะเอาตะเกียงมาวางให้มันสว่างหน่อยเหรอวะ”
ด้วยความที่เส้นทางนี้เป็นเส้นทางไปยังเรือนพักผ่อนของทาสใช้แรงงาน และการที่ตลอดเส้นทางมันมืดเช่นนี้ ค่อนข้างสร้างความไม่พอใจให้กับฉัตรอยู่ไม่น้อย เขาถึงได้บ่นเหล่าทาสใช้แรงงานที่ไม่คิดจะติดตั้งตะเกียงตามทางเดิน ให้เหมือนกับเส้นทางไปยังเรือนพักผ่อนของเขา ที่เส้นทางนั้นสว่างไสวมาแต่ไกล อย่างน้อย ๆ การติดตั้งตะเกียงไว้ตามจุดต่าง ๆ ก็เพื่อการมองเห็นในค่ำคืนได้บ้าง แต่เส้นทางนี้กลับไม่มีเลยนี่สิ
“คุณชายคำหอมกล้าเดินเข้ามาได้ไงวะเนี่ย”
…
“ไอ้ฉัตร มึงเลิกกลัวก่อนสิวะ คุณชายคำหอมกำลังรอมึงอยู่นะเว้ย!”
เมื่อรับรู้ว่าตัวเองกำลังคิดฟุ้งซ่านไปไกล ฉัตรจึงพยายามพูดเตือนสติตัวเอง ก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เพราะเป้าหมายสำคัญของเขาคือคุณชายคำหอม และต่อให้คุณชายคำหอมจะเดินหลงทางไปไหนต่อไหน ฉัตรก็จำเป็นจะต้องหาตัวคุณชายคำหอมให้เจอโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นทั้งตัวเขาและคุณชายคำหอมอาจจะเดือดร้อนก็เป็นได้
แม้จะรู้ดีว่าพื้นที่ภายในเรือนของพระยาคมศักดิ์ทั้งกว้างขวางและใหญ่โตเกินบรรยาย แต่หลังจากที่เขาต้องวิ่งวุ่นกับการตามหาตัวคุณชายคำหอม ที่เผลอคาดสายตาไปแค่เสี้ยววินาที มันก็ทำให้ฉัตรรับรู้ได้ว่าเรือนของพระยาคมศักดิ์ช่างใหญ่โตเกินกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก และแม้จะรู้เส้นทางภายในเรือนเป็นอย่างดี ก็มีโอกาสที่จะหลงทางได้ง่ายดายเช่นกัน
หลังจากเดินมาได้สักพัก ฉัตรเริ่มสังเกตเห็นอะไรบางอย่างค่อย ๆ ก้าวตรงมาทางเขา แสงสว่างจากฝั่งตรงข้ามค่อย ๆ เข้ามาใกล้เขามากขึ้น ในตอนแรกฉัตรนั้นรู้สึกหวาดกลัวเจ้าสิ่งนั้น จนแทบไม่กล้าขยับตัวไปไหน แต่เมื่อเขาได้ลองสังเกตดี ๆ หยาดน้ำตาก็แทบไหลรินออกมาในทันที
ภาพที่เห็นตรงหน้าคือชายหนุ่มสองคนกำลังเดินตรงออกมาท่ามกลางความมืด โดยที่ฝ่ายนั้นมีแสงจากตะเกียงเป็นตัวนำทางเช่นกัน ก่อนที่ฉัตรเองก็พยายามใช้ตะเกียงในมือของตนส่องไปยังอีกฝ่าย และได้เห็นคุณชายคำหอมกับทาสหนุ่มที่เขารู้จักเป็นอย่างดี กำลังเดินตามกันออกมาจากความมืดนั้น
แน่นอนว่าฉัตรไม่รีรอให้เสียเวลา เขารีบย่างกรายเข้าไปหาทั้งสองคนนั้นอย่างเร็วไว ก่อนจะเกิดบทสนทนาระหว่างฉัตรและคุณชายคำหอมขึ้น ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ฉัตรและคุณชายคำหอมได้พูดคุยกันเป็นครั้งแรก
.
.
กลับมาที่ครึ่งชั่วโมงต่อมา
คุณชายคำหอมที่เห็นฉัตรเอาแต่ก้มหน้าก้มตาร่ำไห้ ราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกผิดต่อเขา นั่นก็ยิ่งทำให้คุณชายคำหอมรู้สึกเอ็นดูและสงสารอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย
“เจ้าชื่อฉัตรสินะ เงยหน้าขึ้นมาเถิด อย่าเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเช่นนั้นเลย”
“ขะ…ขอรับคุณชาย ฮึก…ข้าชื่อฉัตรขอรับ”
ฉัตรค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาตามคำสั่งของคุณชายคำหอม ก่อนจะค่อย ๆ เช็ดน้ำตาที่ยังไหลรินอย่างช้า ๆ
“จะว่าไป เจ้าก็ดูรุ่นราวคราวเดียวกับพี่กล้าเลยหนา”
คุณชายคำหอมค่อย ๆ ไล่สำรวจทาสหนุ่มตั้งแต่รูปร่างหน้าตา ไปจนถึงพฤติกรรมของอีกฝ่าย แน่นอนว่าทาสทุกคนภายในเรือนพระยาคมศักดิ์ล้วนแล้วแต่อายุมากกว่าเขาทั้งสิ้น เพราะแบบนี้เมื่อคุณชายคำหอมเห็นฉัตรเอาแต่ก้มหน้าก้มตาร่ำไห้ไม่หยุดหย่อน มันก็ยิ่งทำให้คุณชายคำหอมรู้สึกไม่ดีเข้าไปใหญ่
แม้ว่าตัวเขาจะมียศศักดิ์สูงส่งกว่าทาสในเรือน หากแต่อายุของเขาก็น้อยกว่าบรรดาทาสในเรือนเสียอีก คุณชายคำหอมไม่ค่อยชอบที่เห็นคนอายุมากกว่าตน เอาแต่คลานเข่าก้มศีรษะจรดพื้น อย่างที่ฉัตรกำลังทำอยู่ในตอนนี้
หากเป็นไปได้คุณชายคำหอมก็อยากให้ทาสในเรือนเคารพเขา โดยการโค้งศีรษะให้เขาเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องคลานเข่าก้มศีรษะจรดพื้นเช่นนี้ แต่คุณชายคำหอมไม่สามารถเอ่ยความต้องการเช่นนี้ออกไปได้ เพราะพระยาคมศักดิ์ ผู้เป็นบิดาของเขาไม่มีทางยอมแน่นอน
“ขะ…ขอรับคุณชาย ข้ากับไอ้พบกล้าอายุเท่ากันขอรับ” ฉัตรตอบกลับทันที
“เท่ากับว่าพวกพี่เป็นเพื่อนกันสินะ” คุณชายคำหอมเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอรับ…หากแต่นิสัยของข้ากับไอ้ฉัตร มิเหมือนกันหรอกนะขอรับคุณชาย” เป็นพบกล้าที่เผลอเอ่ยแทรกขึ้นมา
สำหรับพบกล้าแล้ว ฉัตรเปรียบเหมือนเพื่อนสนิทวัยเดียวกัน ที่บังเอิญได้รู้จักกันในช่วงที่พวกเขาอายุสิบแปดปีทั้งคู่ หากแต่พวกเขานั้นก็ไม่เจอกันบ่อยครั้งนัก เนื่องจากพบกล้าเป็นทาสใช้แรงงาน ส่วนฉัตรนั้นเป็นทาสติดตามของคุณหญิงจันทร์หอม ทาสใช้แรงงานกับทาสผู้ติดตามมีโอกาสได้เจอกันน้อยมาก แต่ก็แปลกที่พวกเขาทั้งคู่ยังเป็นเพื่อนกันมาได้จนถึงตอนนี้
“นี่พี่กล้าจะบอกข้าว่า พี่ฉัตรนิสัยมิดี มิเหมือนพี่กล้าที่นิสัยดีกว่าอย่างนั้นฤๅ” คุณชายคำหอมแกล้งถามกลับ
“คุณชายเอ่ยเช่นนั้นเองนะขอรับ ข้ามิได้เอ่ยเช่นนั้นเสียหน่อยนะขอรับ” พบกล้าตอบกลับ
“พี่กล้าชอบแกล้งข้าเสียจริง”
เพราะมัวแต่ต่อล้อต่อเถียงกับพบกล้า ทำให้คุณชายคำหอมไม่ทันได้สังเกตเลยว่า ฉัตรกำลังมองหน้าเขาอย่างเหม่อลอย ราวกับว่ากำลังตกใจอะไรบางอย่างในตัวเขา
แน่นอนว่าสาเหตุที่ทำให้ฉัตรนั่งนิ่งอยู่กับที่แถมยังทำหน้าตาตกอกตกใจอยู่นั้น สาเหตุก็มาจากคำพูดของคุณชายคำหอมที่ไปสะกิดใจฉัตรเข้าเต็ม ๆ
“พี่ฉัตร พี่เป็นอะไร เหตุใดถึงเอาแต่จ้องหน้าข้าเช่นนั้น” คุณชายคำหอมเอ่ยถามทันที ที่เห็นท่าทางแปลกไปของทาสหนุ่มตรงหน้า
“คะ…คุณชาย คุณชายเรียกข้าว่าพี่ อย่างนั้นรึขอรับ” น้ำเสียงตะกุกตะกักของฉัตรเอ่ยถาม
“หืม…ก็ใช่ พี่รู้สึกแปลกอย่างนั้นฤๅ”
“มิได้นะขอรับ คุณชายมิควรเรียกบ่าวเช่นนั้นนะขอรับ”
การที่คุณชายคำหอมผู้มีศักดิ์เป็นถึงบุตรชายของเจ้าเมือง มาเรียกเขาที่เป็นเพียงทาสต่ำต้อยว่าพี่ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ฉัตรรู้สึกตกใจอย่างบอกไม่ถูก
“มิเห็นเป็นไรเลย พี่เองก็อายุมากกว่าข้า แถมยังเป็นเพื่อนกับพี่กล้าอีก เหตุใดข้าจะเรียกพี่ว่าพี่มิได้”
“เพราะมันมิสมควรเลยขอรับ บ่าวเป็นแค่ทาสนะขอรับคุณชาย เป็นแค่ทาสต่ำต้อย”
แม้ภายนอกฉัตรจะดูเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ ดูเป็นคนปากหนัก และไม่ยอมคน หากแต่นิสัยใจจริงของฉัตรนั้นเป็นคนเจียมเนื้อเจียมตัวยิ่งกว่าพบกล้าเสียอีก
“ถึงอย่างไรเสีย ข้าจะเรียกพี่ว่าพี่” คุณชายคำหอมยังคงดื้อดึง
“คุณชาย ได้โปรดอย่าเรียกบ่าวเช่นนั้นเลย คุณชายเรียกชื่อบ่าวก็พอเถิดขอรับ”
“มิเอา”
“คุณชาย…”
“มิรู้แหละ หลังจากนี้ข้าจะเรียกพวกพี่ทั้งสองคนว่าพี่ตลอดไป”
“โธ่ คุณชายของบ่าว”
“ว่าแต่ ตั้งแต่ข้าจำความได้ ข้ามิเคยเห็นพี่ฉัตรมาก่อนเลย พี่เพิ่งเข้ามาใหม่อย่างนั้นฤา”
คุณชายคำหอมเอ่ยถามออกไป เนื่องจากบรรดาทาสในเรือนคนอื่น ๆ แม้จะไม่รู้จักชื่อ แม้จะไม่เคยพูดคุยกัน แต่คุณชายคำหอมยังพอเห็นหน้าเห็นตาอยู่บ้าง แต่ทาสหนุ่มอย่างฉัตรนั้น คุณชายคำหอมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลยด้วยซ้ำ จึงอดคิดไม่ได้ว่าฉัตรน่าจะเป็นทาสที่มารดาของตนไถ่ตัวมา หากแต่คุณชายคำหอมเองก็ไม่แน่ใจว่าฉัตรเข้ามาเป็นทาสในเรือนพระยาคมศักดิ์ตั้งแต่เมื่อไร
“บ่าวเข้ามาช่วงที่คุณชายยังอยู่ที่โรงเรียน น่าจะช่วงที่คุณชายอายุประมาณสิบห้าปีขอรับ คุณหญิงจันทร์หอมช่วยบ่าวเอาไว้ขอรับ”
ฉัตรได้เอ่ยถึงการมาของเขาให้กับคุณชายคำหอมได้รับรู้
“…”
“ก่อนที่บ่าวจะมาที่นี่ คุณหญิงจันทร์หอมไถ่ตัวบ่าวมาจากพ่อค้าทาสในตลาดเมืองขอรับ”
ตลาดเมืองขึ้นชื่อเรื่องการซื้อขายไถ่ตัวทาสเสียยิ่งกว่าการซื้อขายอาหารเสียอีก บรรดาทาสเหล่านั้นล้วนแล้วแต่มีชีวิตที่ยากลำบาก ทั้งถูกกดขี่ ข่มเหง ถูกใช้งานหนักหน่วง หากไม่มีผู้ใดมาไถ่ตัวซื้อไป ชีวิตจะยิ่งตกต่ำถึงขีดสุด บ้างก็ถูกทำร้ายทุบตีจนพิการ บ้างก็ถูกใช้งานหนักเยี่ยงสัตว์ บ้างก็ทนความรุนแรงไม่ไหว ล้มหายตายจากไปก็มี
หากทาสคนไหนไม่ว่าจะหญิงชายหากมีรูปร่างหน้าตาดี จะถูกส่งต่อไปขายให้กับเหล่านักสวาทที่ชื่นชอบการมีสัมพันธ์กับทาส บ้างก็ถูกส่งต่อให้กับแหล่งย่านเริงรมย์ ที่ต้องการทาสมารับรองอารมณ์ให้กับแขก บ้างก็ถูกส่งต่อไปรองรับอารมณ์ให้กับเหล่าชนชั้นสูงตามบ้านเรือน
สำหรับฉัตรแล้ว เขาเองก็เกือบจะถูกส่งต่อไปขายให้กับแหล่งย่านเริงรมย์เช่นกัน ด้วยความที่ฉัตรเป็นชายหนุ่ม ที่มีรูปร่างหน้าตาสะสวย ไม่ต่างจากหญิงสาว มีดวงตากลมโตไม่ต่างจากตุ๊กตา ผมสีดำเงาสวยกำลังดี แม้เนื้อตัวจะแลดูมอมแมม หากแต่ผิวเนียนเสียยิ่งกว่าทาสด้วยกันเสียอีก แน่นอนว่าด้วยบุคลิกและท่าทางของฉัตรนั้นสามารถมองออกได้ตั้งแต่แรกเห็นแล้วว่า เขานั้นพึงชอบเพศเดียวกัน
และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใด พ่อค้าทาสถึงต้องการส่งตัวฉัตรไปยังแหล่งย่านเริงรมย์ หากแต่ฉัตรก็ไม่ได้ยินยอมแถมยังต่อต้านสุดกำลัง นั่นจึงทำให้เขาถูกทำร้ายร่างกาย ถูกทุบตีจนเนื้อตัวสะบักสะบอมแทบปางตาย
ก่อนที่คุณหญิงจันทร์หอมจะบังเอิญเข้าไปเห็นเหตุการณ์เข้าพอดิบพอดี จึงได้ช่วยชีวิตฉัตรเอาไว้โดยการไถ่ตัวให้มาเป็นทาสติดตามในเรือนพระยาคมศักดิ์ ชีวิตของฉัตรนับว่าโชคดีขึ้นมาก ตั้งแต่ที่เขาได้มาอยู่ภายใต้เรือนพระยาคมศักดิ์แห่งนี้
“ก่อนหน้านี้พี่คงลำบากมากเลยสินะ”
คุณชายคำหอมที่เห็นท่าทางเศร้าหมองของฉัตร ก็รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายดี หากมารดาของตนไม่ไถ่ตัวทาสหนุ่มคนนี้มา มีหวังชีวิตของฉัตรอาจจะหนักหนาสาหัสกว่าที่เป็นอยู่ก็เป็นได้
ยิ่งได้รับรู้ถึงอดีตของอีกฝ่าย คุณชายคำหอมก็ยิ่งเอ็นดูทาสหนุ่มอย่างฉัตรเข้าไปใหญ่ แม้ฉัตรจะเป็นชายหนุ่ม แต่ด้วยบุคลิกและท่าทางของอีกฝ่าย ที่คลับคล้ายคลับคลาเหมือนกันกับเขานั้น ก็ยิ่งทำให้คุณชายคำหอมเอ็นดูฉัตรมากขึ้นไปอีก
“ขอรับ แต่คุณชายมิต้องเป็นห่วงบ่าวหรอกขอรับ ยามนี้ชีวิตของบ่าวดีขึ้นมากแล้วขอรับ ได้รู้จักทั้งเพื่อน ได้รู้จักคำว่าครอบครัวขอรับ”
สำหรับฉัตรแล้ว พบกล้าคือเพื่อนคนแรกของเขา แม้จะนิสัยต่างกัน แต่พวกเขาก็เป็นเพื่อนที่สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่องเนื่องจากอายุเท่ากัน ช่วงแรก ๆ เคยมีบรรดาทาสด้วยกัน เข้าใจผิดคิดว่าพวกเขาทั้งคู่ชอบพอกัน หากแต่ฉัตรและพบกล้าก็คัดค้านสุดกำลัง เพราะพบกล้านั้นไม่ใช่สเปกของฉัตรเลยสักนิด แถมฉัตรเองก็มีคนที่ชอบอยู่แล้ว เขาถึงได้ไม่คิดเกินเพื่อนกับพบกล้า ส่วนพบกล้าเองก็ไม่คิดอะไรกับฉัตรเช่นกัน
แน่นอนว่าในยามนี้ บรรดาทาสในเรือนพระยาคมศักดิ์ก็เปรียบเสมือนครอบครัวของเขาไปเสียแล้ว ส่วนคุณหญิงจันทร์หอมนั้นเป็นผู้มีพระคุณคนสำคัญที่ฉัตรไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน
“พี่ฉัตร…”
“ขอรับคุณชาย”
“ยินดีต้อนรับสู่เรือนพระยาคมศักดิ์นะ ยินดีต้อนรับพี่เข้าสู่ครอบครัวของข้า”
คุณชายคำหอมเอ่ยขึ้นมาจากใจจริง เขาไม่อยากให้ฉัตรกลับไปคิดถึงอดีตอันเลวร้ายอีกต่อไป และเขานั้นก็ยินดีที่จะต้อนรับฉัตรเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวจริง ๆ
“ฮึก…คุณชายของบ่าว”
“นับจากนี้เป็นต้นไป พี่มาอยู่กับข้านะ ตกลงฤๅไม่”
“ขอรับคุณชาย บ่าวจะคอยดูแลคุณชายเองขอรับ”
หลังจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉัตรจะคอยตามดูแลและติดตามคุณชายคำหอมไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนคุณชายคำหอมเองก็ยินดี ที่จะให้ฉัตรมาเป็นทาสติดตามของตน
“ขอบคุณที่ตลอดเวลามานี้ พี่คอยอยู่เป็นเพื่อนพี่กล้าด้วยหนา”
“คุณชาย…”
“ข้าเป็นห่วงพี่กล้ามาตลอด กลัวว่าพี่เขาจะเหงา แต่พอได้รับรู้ว่าพี่กล้าเขามีเพื่อน ข้าเองก็สบายใจขึ้นมามากเลยล่ะ”