คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
“ฤๅว่าจริง ๆ แล้ว เจ้ามิอยากให้ข้า โผล่หน้ามาหาเจ้าอีกเช่นนั้นฤๅ”
“ไยพี่ภพถึงคิดเช่นนั้นล่ะขอรับ”
“อืม…มิรู้สิ เพราะท่าทางของเจ้าดูมิอยากให้ข้ามาวนเวียนใกล้ ๆ เจ้าอีกกระมัง”
ไตรภพตอบกลับด้วยน้ำเสียงน้อยน้ำต่ำใจ หากแต่ในความรู้สึกของเขาจริง ๆ กลับรู้สึกไม่พอใจที่อีกฝ่าย พยายามปฏิเสธเขาอยู่บ่อยครั้งเสียมากกว่า
“คงเพราะวันนี้ข้าเดินทางมาเหนื่อย เลยแสดงท่าทางมิเหมาะสม ขออภัยที่ทำให้พี่ภพคิดมากเช่นนี้ขอรับ”
แม้ในใจของคุณชายคำหอมจะคิดอย่างที่ไตรภพพูดขึ้นมาจริง ๆ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถพูดออกไปเช่นนั้นได้ เนื่องจากไตรภพเป็นคนที่บิดาปลื้ม การที่คุณชายคำหอมจะมาพูดจาหักหน้าอีกฝ่าย ก็คงไม่ใช่ความคิดที่ดี เพราะแบบนี้คุณชายคำหอมถึงได้พยายามพูดจาถนอมน้ำใจอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด
“เป็นเช่นนั้นเองฤๅ หากเป็นเช่นนั้นจริง ๆ หลังจากนี้ข้าก็สามารถมาหาเจ้าได้อีกสินะ”
ไตรภพยังคงไม่ยอมแพ้ หลังจากนี้เขาจำเป็นต้องรีบทำคะแนน ก่อนที่คุณชายคำหอมจะเดินทางไปเรียนต่อ ไม่อย่างนั้นมีหวังเขาต้องรออีกฝ่ายเป็นเวลาเกือบสี่ปี ถึงจะมีโอกาสได้กลับมาสานสัมพันธ์กันต่อ
แน่นอนว่าไตรภพไม่มีทางยอมให้โอกาสนี้หลุดลอยไปแน่นอน จนกว่าจะถึงเวลาที่คุณชายคำหอมจะไปเรียนต่อ เขาจะพาตัวเองเข้ามาขยับความสัมพันธ์กับคุณชายคำหอมให้ได้มากกว่านี้จงได้
“คือว่า…”
ในขณะที่คุณชายคำหอมกำลังใช้ความคิดที่จะหาวิธีปฏิเสธไตรภพ จู่ ๆ ก็มีน้ำเสียงของใครบางคนเอ่ยแทรกขึ้นมา
“หากเป็นเจ้า จะมาที่นี่อีกกี่ครั้ง ก็ย่อมมาได้เสมอ”
พระยาคมศักดิ์ที่เห็นว่าบุตรชายเอาแต่พูดจาบ่ายเบี่ยงไตรภพไม่รู้จบสิ้น เขาถึงได้เป็นฝ่ายตอบตกลงเสียเอง
“ขอบคุณขอรับ ท่านอา”
“เอาเถอะ ถือซะว่าพวกเจ้าทั้งคู่ จะได้มีเวลาทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้” พระยาคมศักดิ์พูดเสริมอีกครั้ง
“ถ้าเช่นนั้น เอาไว้หลังจากนี้ข้าจะมาเยี่ยมเจ้าบ่อย ๆ อย่าลืมใส่เครื่องประดับพวกนั้นด้วยหนา”
ไตรภพหันกลับมาพูดกับคุณชายคำหอมอีกครั้ง
“ขะ…ขอรับ”
แม้คุณชายคำหอมจะพยายามปฏิเสธทุกคำกล่าวหาของไตรภพมากแค่ไหน สุดท้ายแล้วไตรภพก็หาวิธีพูดจาหว่านล้อมให้พระยาคมศักดิ์เป็นฝ่ายอนุญาตแทนเขาซะอย่างนั้น
และเพราะไม่อยากเสียเวลาเจรจาในสิ่งที่ชวนให้ลำบากใจไปมากกว่านี้ ท้ายที่สุดคุณชายคำหอมก็จำยอมให้ไตรภพได้ทำในสิ่งที่ต้องการ โดยที่เขาไม่คิดจะโต้แย้งใด ๆ ในเมื่ออีกฝ่ายยืนหยัดที่จะมาเจอกันอีก คุณชายคำหอมก็ตกลงให้อีกฝ่ายสามารถมาเจอเขาได้ หากแต่เขาจะยอมมาเจอหน้าอีกฝ่ายหรือไม่ สุดแล้วแต่จะพิจารณาอีกครั้ง
.
.
.
งานเลี้ยงฉลองวันเกิด ที่พ่วงด้วยการเลี้ยงฉลองต้อนรับการกลับมาของคุณชายคำหอม ได้สิ้นสุดลงเสียที หลังจากที่พวกเขาใช้เวลาอยู่ที่เรือนของพระยาคมศักดิ์มาเป็นเวลานานหลายชั่วโมง บรรดาแขกเหรื่อต่างพากันทยอยเดินทางกลับไปยังเรือนของตนเอง ไม่เว้นแม้กระทั่งพระยาไตรเทพและไตรภพเช่นกัน
แม้การเดินทางของบรรดาแขกเหรื่อแต่ละคนจะค่อนข้างใช้เวลา และสร้างความเหนื่อยล้าให้กับพวกเขาอยู่ไม่น้อย หากแต่หลังจากที่พวกเขาได้รับรู้ข่าวสารดี ๆ ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ ต่างก็ลืมสิ้นทุกความเหนื่อยล้ากันไปถ้วนหน้า
งานเลี้ยงฉลองในค่ำคืนนี้ ทุก ๆ ฝ่ายล้วนมีความสุขและต่างพากันแสดงความให้ยินดีกับคุณชายคำหอม ผู้เป็นหัวใจสำคัญของงานในค่ำคืนนี้ทั้งสิ้น
แน่นอนว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งพระยาคมศักดิ์ ผู้เป็นบิดาของคุณชายคำหอมที่ดูเหมือนจะมีความสุขและอารมณ์ดีกว่าผู้ใดเสียอีก เนื่องจากการได้ป่าวประกาศเรื่องสำคัญต่อหน้าแขกทุกคน ไม่เว้นแม้แต่บรรดาทาสในเรือนก็ตาม
ซึ่งเรื่องสำคัญที่ว่านั้นนอกจากจะทำให้พระยาคมศักดิ์อารมณ์ดีแล้ว ยังสร้างความฮือฮาและความสุขสมให้กับบรรดาแขกเหรื่อในค่ำคืนนี้ไปถ้วนหน้าเช่นกัน
“ทุกท่านได้โปรดฟังทางนี้”
น้ำเสียงทุ้มเข้มของพระยาคมศักดิ์ดังไปทั่วทั้งบริเวณ เมื่อเล็งเห็นว่าบัดนี้ ถึงเวลาสำคัญที่เขาจะกล่าวอะไรบางให้กับแขกในงานที่เขาเชิญมาได้รับรู้ และเสียงนั่นก็ทำให้ทุกคนในงาน เบนความสนใจไปยังพระยาคมศักดิ์ทันที ไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดาทาสในเรือนของพระยาคมศักดิ์เองเช่นกัน
“เนื่องจากบัดนี้ บุตรชายของข้าก็มีอายุครบสิบแปดปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”
“การที่ข้าได้เชิญพวกท่านมาในวันนี้ ก็เพื่อให้พวกท่านได้มาเป็นพยานและได้รับรู้อะไรบางอย่าง”
“ข้ากับพระยาไตรเทพ ได้ตั้งมั่นให้คำสัญญากันว่า เมื่อใดก็ตามที่บุตรชายของข้า มีอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์”
พระยาคมศักดิ์ยังคงกล่าวต่อไป แน่นอนว่าสำหรับคุณหญิงจันทร์หอม และคุณชายคำหอม หรือแม้กระทั่งไตรภพเอง ต่างก็ไม่มีผู้ใดรับรู้ว่าพระยาคมศักดิ์จะพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ แต่จากที่พวกเขาได้ยิน เห็นทีเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับคุณชายคำหอมโดยตรง
“เอาแล้วเว้ย ไอ้ศักดิ์มันเล่นใหญ่ขนาดนี้เชียวรึวะ”
แต่ดูเหมือนเรื่องนี้จะมีพระยาไตรเทพ เพื่อนสนิทของพระยาคมศักดิ์ที่รับรู้ว่าอีกฝ่าย กำลังจะพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่
“เมื่อนั้นข้าจะเปิดโอกาสให้บุตรชายของพวกข้าทั้งสอง ได้มีโอกาสพัฒนาความสัมพันธ์กันมากขึ้น” พระยาคมศักดิ์ยังคงพูดต่อไปเรื่อย ๆ
“เพราะฉะนั้นเรื่องที่ข้าจะประกาศต่อจากนี้ เพื่อให้พวกท่านหรือแม้กระทั่งผู้ใดก็ตามที่คิดจะมาขายขนมจีบให้กับบุตรชายของข้า ขอให้เลิกคิดไปเสียเถิด”
“ฮ่าฮ่า เล่นประกาศเช่นนี้ก็มิเลวเหมือนกันนี่หว่า”
พระยาไตรเทพที่กำลังให้ความสำคัญ กับการดื่มด่ำในรสชาติของสุรา เมื่อได้ยินเพื่อนสนิทป่าวประกาศใหญ่โตต่อหน้าบรรดาแขกเหรื่อมากมายขนาดนั้น ก็ถึงกับเอ่ยชม
“ท่านพ่อขอรับ นี่มันอะไรกันรึขอรับ”
ส่วนไตรภพที่ได้ยินบิดาของตนเอ่ยชมพระยาคมศักดิ์ ก็เลือกที่จะเอ่ยถามความสงสัยออกไป
“นั่งฟังเงียบ ๆ ไปเถอะน่า เรื่องนี้มันก็เกี่ยวกับเอ็งโดยเฉพาะนั่นแหละวะ” พระยาไตรเทพตอบกลับบุตรชายทันที
“เพราะคนที่ข้าจะรับเป็นเขย มีเพียงเจ้าไตรภพเท่านั้น แน่นอนว่าสิ่งที่ข้าจะประกาศให้พวกท่านได้รับรู้ก็คือ…”
“คำหอมบุตรชายของข้า และไตรภพบุตรชายของพระยาไตรเทพ เป็นคู่หมั้นหมายกันตามคำมั่นสัญญา ฤๅก็คือพวกเขาทั้งคู่เป็นคู่หมั้นกันนั่นเอง”
ประโยคคำพูดของพระยาคมศักดิ์ค่อนข้างสร้างความฮือฮาให้กับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้โดยเฉพาะ บรรดาแขกเหรื่อในงานล้วนมีท่าทีรับรู้และพากันยินดีกันไปถ้วนหน้า บ้างก็ปรบมือแสดงความยินดี บ้างก็โห่ร้องออกมาด้วยความชอบใจ ไม่เว้นแม้กระทั่งบรรดาทาสในเรือนของพระยาคมศักดิ์เองเช่นกัน ที่พากันยินดีกับคุณชายคำหอมของพวกเขา
เว้นแต่ทาสหนุ่มสองคนที่ไม่ได้ยินดีกับคนอื่น ๆ เพราะเห็นท่าทางไม่สบอารมณ์ของคุณชายคำหอม พวกเขาถึงได้รับรู้ว่าคุณชายของเขาไม่ได้ยินดีและเห็นด้วยกับเรื่องนี้เป็นแน่
ทางด้านคุณหญิงจันทร์หอมก็ค่อนข้างตกใจอยู่ไม่น้อย เธอเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าสามีของตนจะบีบบังคับบุตรชาย แม้กระทั่งเรื่องคู่ครอง แน่นอนว่าเธอเองก็รับรู้ความรู้สึกของบุตรชาย เพียงแต่ในยามนี้เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“ท่านพ่อ!”
ทันทีที่คุณชายคำหอมได้ยินประโยคนั้น เขาก็แทบจะโต้แย้งบิดาของตนทันที แต่กลับถูกบิดาเมินเฉย นั่นจึงทำให้คุณชายคำหอมนั่งหน้าไม่สบอารมณ์อยู่อย่างนั้น ส่วนคนที่กำลังอารมณ์ดีและยิ้มอย่างมีความสุขอยู่นั้น ก็หนีไม่พ้นไตรภพอยู่ดี
“และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม คำมั่นสัญญานี้จะมิมีทางเปลี่ยนแปลง”
“เรื่องที่ข้าจะบอกให้พวกท่านได้รับรู้ก็มีเพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้เช่นกัน”
หลังจากสิ้นสุดคำพูดของพระยาคมศักดิ์นั้น บรรดาแขกเหรื่อต่างก็แสดงความยินดีกันไม่ขาดสาย มีเพียงบางส่วนที่รู้สึกผิดหวังเนื่องจาก พวกเขาเองก็อยากให้บุตรชายของตนได้เป็นตัวเลือกของคุณชายคำหอมเช่นกัน แม้จะรู้สึกผิดหวังอยู่ไม่น้อย แต่การที่พระยาคมศักดิ์ป่าวประกาศไปถ้วนหน้าเช่นนี้ ว่าจะรับไตรภพเป็นเขยเพียงคนเดียว นั่นจึงทำให้พวกเขามีแต่จะต้องยินดีกับสิ่งที่ได้ยินกันทั้งนั้น
“นับว่านี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีเสียจริง”
“นี่ถือเป็นข่าวดีสินะ”
...
“ท่านพ่อข้าอกหักขอรับ คนที่ข้าชอบดันมีคู่หมั้นซะแล้วนี่สิ”
“ฮ่าฮ่า ไอ้ลูกคนนี้ เอ็งควรยินดีกับน้องเขาสิวะ จะมาตัดพ้อด้วยเหตุใด”
...
“หากจะหาคนที่เหมาะสมกับบุตรชายของเจ้า ข้าว่าไตรภพผู้นี้ก็มิเลวหนา”
“เอาเป็นว่าพวกข้ายินดีกับพวกเจ้าด้วยแล้วกัน”
...
“ยินดีด้วยนะคำหอม ไตรภพ”
“ขอบพระคุณขอรับ”
หลังจากได้รับรู้ข่าวดีจากพระยาคมศักดิ์ บรรดาแขกเหรื่อก็เริ่มมีการหันหน้าสนทนาถึงเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้น บ้างก็เดินตรงมาแสดงความยินดีกับพระยาคมศักดิ์โดยเฉพาะ บ้างก็มาแสดงความยินดีกับไตรภพ หรือแม้กระทั่งกับพระยาไตรเทพเองเช่นกัน
ก่อนที่บรรยากาศภายในงานจะกลับมาสงบสุขอีกครั้ง เมื่อบรรดาแขกเหรื่อพากันเดินทางกลับ เหล่าทาสในเรือนพระยาคมศักดิ์กลับมาสู่สภาวะการทำงานเก็บกวาดพื้นที่อย่างเร่งด่วนอีกครั้ง แน่นอนว่าพวกเขาเองก็ไม่สามารถละทิ้งความสุขสมที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ความสุขสมที่ได้รับรู้ว่าคุณชายของพวกเขามีคู่หมั้นหมายที่เหมาะสมกันทุกอย่าง แม้จะมีทาสส่วนน้อยที่ไม่ได้ดีใจกับการประกาศกร้าวของพระยาคมศักดิ์ แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์จะเข้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผู้เป็นนายอยู่แล้ว
.
.
และแม้ว่างานเลี้ยงจะจบลงด้วยบรรยากาศแห่งความยินดีและความสุขล้นไปถ้วนหน้า หากแต่ในส่วนของคุณชายคำหอมไม่ได้รู้สึกมีความสุขเลยสักนิดเดียว งานวันเกิดอายุสิบแปดปีที่เขาควรจะมีความสุขที่สุด กลับกลายเป็นวันที่เขารู้สึกเจ็บปวดมากที่สุด
แม้จะได้คำอวยพรจากคนที่ตนชอบ แต่เรื่องราวทั้งหมดที่ถาโถมเข้ามาในเวลาเดียวกัน ทำให้คุณชายคำหอมลืมสิ้นความสุขนั้นไปเสียแล้ว เพราะการประกาศเรื่องสำคัญของบิดาที่ทำให้คุณชายคำหอมลืมสิ้นทุกความสุขที่เขาก่อนหน้านี้ บัดนี้เขามีเพียงความรู้สึกเจ็บปวดและอารมณ์ขุ่นเคืองใจเข้าครอบงำ
“ไยท่านพ่อถึงประกาศออกไปเช่นนั้นกันขอรับ”
“รับมิได้ ถึงขนาดต้องถ่อมาคุยกับข้าในเวลานี้รึไง”
เป็นเวลาเกือบตีสองที่คุณชายคำหอมบุกมาหาบิดาถึงในห้องพัก แม้ว่ามารดาของตนจะอยู่ในห้องด้วยเช่นกัน แต่คุณชายคำหอมกำลังโมโหจึงไม่ได้ให้ความสนใจมารดาของตนมากนัก
“ท่านพ่อ ได้โปรดตอบข้า ไยท่านพ่อถึงประกาศออกไปเช่นนั้น”
“ที่ข้าทำเช่นนั้น ก็เพื่อป้องกันพวกหนูสกปรกที่คิดจะแย่งเจ้าไปจากเจ้าภพอย่างไรล่ะ” พระยาคมศักดิ์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“การที่ท่านพ่อประกาศออกไปเช่นนั้น ก็เท่ากับว่าข้าต้องทำตามคำสัญญาบ้า ๆ นั่นจริง ๆ สิขอรับ”
“ก็ใช่”
“แต่ข้ามิได้ชอบพี่ภพนี่ขอรับ ไยท่านพ่อต้องบังคับข้า ไยท่านพ่อมิถามความสมัครใจข้าบ้าง” คุณชายคำหอมเอ่ยถามบิดาของตนด้วยน้ำเสียงเชิงตัดพ้อ
“ฮึก…คำหอมลูกแม่”
ถ้อยคำตัดพ้อของคุณชายคำหอม ค่อนข้างสร้างความเจ็บปวดใจให้แก่ผู้ฟังอย่างคุณหญิงจันทร์หอมอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเธออยากจะเข้าไปปลอบบุตรชายมากแค่ไหน แต่เธอก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากในยามนี้ทุกฝ่ายต่างอารมณ์ร้อนไม่แพ้กัน หากเธอเข้าไปห้ามพวกเขาในตอนนี้ มีแต่จะทำให้เรื่องราวบานปลายกว่านี้
ในทางกลับกันพระยาคมศักดิ์นั้น ไม่ได้รู้สึกสงสารบุตรชายของตนเลยสักนิดเดียว
“เพราะข้ารู้ว่าหากข้าปล่อยไป เจ้าคิดจะทำอะไร เจ้าคิดจะเอาไอ้ทาสชั้นต่ำนั่นมาเป็นคู่ครองของเจ้าจริง ๆ สินะ”
“ท่านพ่อ ยามนี้ข้าเพิ่งจะอายุเพียงสิบแปดเองนะขอรับ และข้าก็มิได้คิดจะรักใคร่ผู้ใดอย่างที่ท่านพ่อคิด”
คุณชายคำหอมแค่ไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดที่ทำให้บิดาของตนคิดไปใหญ่โตว่าเขาจะมีความรักในยามนี้ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วคุณชายคำหอมแค่รู้สึกชอบใครบางคน คนคนนั้นก็คือพบกล้า คนที่เขาชอบมาตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ แต่ก็ยังไม่ได้รู้สึกชอบถึงขนาดที่อยากได้มาเป็นคู่ครอง หรือคิดที่จะผูกมัดอีกฝ่ายขนาดนั้น
เพราะเขารู้ดีว่าในยามนี้ เขายังเด็กเกินไปและมันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมที่จะคิดเรื่องนี้ หากพบกล้าจะเป็นคู่ครองของเขาจริง ๆ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตข้างหน้าจะดีกว่า
แต่การที่บิดาทำในวันนี้ มันเหมือนเป็นการผูกมัดเขาเอาไว้กับชายที่เขาแทบจะไม่รู้จักนิสัยใจคอ ที่แท้จริงของอีกฝ่ายเลยสักนิด ผูกมัดเขาไว้กับคนที่ไม่ได้ชอบหรือไม่คิดที่จะรักเลยสักนิดเดียว นั่นเป็นเรื่องที่แย่เสียยิ่งกว่าการที่เขาชอบทาสในเรือนเสียยิ่งกว่า
“ในยามนี้เจ้ายังมิได้คิด หากแต่ในอนาคตข้างหน้า เจ้าตอบข้าได้หรือไม่ล่ะ ว่าเจ้ามิได้คิดจะให้ไอ้ชั้นต่ำนั่นมาเป็นคู่ครองของเจ้า” พระยาคมศักดิ์ถามกลับในทันที
“…”
“หึ…ตอบมิได้สินะ มันคงจะเป็นจริงอย่างที่ข้าว่าไว้สินะ”
“นั่นมันก็เรื่องของอนาคตนะขอรับ หากแต่ในยามนี้ท่านพ่อกำลังบังคับข้า ท่านพ่อกำลังผูกมัดข้าด้วยคำสัญญาบ้า ๆ นั่น”
“ถึงอย่างไรก็ช่าง ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้กงนี้ มิว่าเจ้าคิดจะหาวิธีเช่นไร สุดท้ายแล้วคนที่เจ้าต้องหมั้นหมายด้วย มีเพียงไตรภพคนเดียวเท่านั้น”