คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
ความเสียใจค่อย ๆ กัดกินจิตใจคุณชายคำหอมอีกครั้ง เมื่อคำพูดของบิดานั้นชี้นำให้เขาจำเป็นต้องทำตามคำสั่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่ชั่วโมง คุณชายคำหอมก็เพิ่งจะเศร้าเสียใจกับสัญญาลมปาก ที่พระยาไตรเทพและบิดาพากันเอื้อนเอ่ยกับเขา
ก่อนที่บิดาของเขาพยายามทำให้สัญญาที่เกิดขึ้นเพียงลมปากนั่น กลายเป็นสัญญาผูกมัด ที่มีพยานรู้เห็นมากมาย โดยการประกาศกร้าวไปทั่วงานอย่างนั้นไปซะอย่างนั้น
และการที่คุณชายคำหอมพยายามมาเจรจาต่อรองถึงสัญญาข้อผูกมัดนั้น ก็เพราะไม่ได้ต้องการให้ใครก็ตามมาบงการชีวิตของเขา แต่ไม่ว่าคุณชายคำหอมจะพยายามเจรจากับบิดามากเพียงใด พระยาคมศักดิ์ก็ยืนยันที่จะให้เขาหมั้นหมายกับไตรภพอยู่ดี
“ท่านพ่อ! ข้าเคยบอกท่านแล้วมิใช่ฤๅขอรับ ข้าจะมิยอมหมั้นกับคนที่ข้ามิได้รักเป็นอันขาด”
...
“เรื่องอื่นข้ายอมให้ท่านพ่อบังคับได้ หากแต่เรื่องนี้ เป็นเรื่องเดียวที่ข้าจะมิยอมเป็นอันขาด”
“ใจกล้าดีนี่ ในเมื่อเจ้ามิเชื่อฟังข้า เห็นทีข้าคงต้องไปจัดการไอ้ทาสชั้นต่ำคนในใจของเจ้า เสียแล้วกระมัง”
เพราะรู้ดีว่าเมื่อใดก็ตามที่พระยาคมศักดิ์ ใช้พบกล้ามาเป็นข้อต่อรอง เมื่อนั้นคุณชายคำหอมจะเชื่อฟังเขาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคุณชายคำหอมไม่ได้ต้องการให้พบกล้า จำเป็นต้องมาเดือดร้อนกับเรื่องที่เจ้าตัวแทบไม่ได้ทำผิดอะไรเลย และอีกส่วนก็เพื่อปกป้องไม่ให้บิดาเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับพบกล้า เหมือนในอดีตที่ผ่านมา
แน่นอนว่าการใช้พบกล้ามาเป็นข้อต่อรอง ดูเหมือนจะเป็นข้อได้เปรียบสำหรับพระยาคมศักดิ์เป็นไหน ๆ เพราะคุณชายคำหอมในยามนี้กำลังแสดงท่าทางคิดมากอย่างเห็นได้ชัด
“นี่ท่านพ่อ กำลังขู่ข้าเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาอย่างนั้นฤๅขอรับ”
“เจ้าก็รู้มิใช่รึไง ว่าคนอย่างข้าทำอะไรได้บ้าง”
“แต่เรื่องนี้มิเกี่ยวกับพี่กล้า ท่านพ่อมิควรไปยุ่งกับเขานะขอรับ” คุณชายคำหอมยังคงพยายามเจรจาต่อรองกับบิดาของตน
“ที่เจ้าเอ่ยออกมาเช่นนี้ เท่ากับว่าเจ้าเลือกที่จะปกป้องมัน แทนที่จะฟังคำสั่งของข้างั้นรึ”
“ท่านพ่อ…”
“ข้าจำได้ว่ามิเคยสอนให้เจ้า เอาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับทาสชั้นต่ำพวกนี้ แล้วเหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้ เหตุใดเจ้าถึงเลือกที่จะปกป้องมัน แทนที่จะฟังคำสั่งข้า!”
น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของพระยาคมศักดิ์ดังสนั่นไปทั่วทั้งเรือน แม้บรรดาทาสติดตามจะไม่ได้อยู่บริเวณห้องพักของพระยาคมศักดิ์ก็ตาม แต่น้ำเสียงเกรี้ยวกราดที่ดังไปทั่วทั้งเรือนนั้น ส่งผลให้บรรดาทาสติดตามที่กำลังจะพากันกลับเรือนไปพักผ่อน ต่างพากันสะดุ้งตกใจไม่แพ้กัน
ส่วนคุณชายคำหอมที่ถูกบิดาตวาดใส่โดยตรง ก็ย่อมตกใจขวัญเสียแน่นอนอยู่แล้ว ก่อนที่คุณหญิงจันทร์หอมที่ต้องทนดูบุตรชายที่เปรียบดั่งแก้วตาดวงใจ และสามีสุดที่รักมีปากเสียงทะเลาะกันไปมาอยู่นานแสนนาน จะรีบเดินปรี่เข้าไปห้าม เพื่อหวังจะให้ทั้งคู่แยกย้ายกันไปพักผ่อน หากยังคงปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายเจรจาต่อรองกันต่อไป มีแต่จะทะเลาะกันรุนแรงใหญ่โตได้
“ท่านพี่ ได้โปรดใจเย็น ๆ ก่อนนะเจ้าคะ”
เพราะเห็นว่าในยามนี้สามีของเธอ เริ่มควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยอยู่ คุณหญิงจันทร์หอมจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาสามี แทนที่จะเดินเข้าไปหาบุตรชาย
“ใจเย็น ๆ อย่างนั้นรึ เจ้าจะให้ข้าใจเย็นได้อีกอย่างนั้นรึ!”
“ท่านพี่…”
“เจ้าเป็นแม่ภาษาอะไร ปล่อยให้ลูกมาต่อล้อต่อเถียงกับข้า เรื่องนี้หากจะมีคนผิด คนคนนั้นก็คือเจ้า!”
พระยาคมศักดิ์ตวาดเสียงดังลั่นอีกครั้ง หากแต่ในยามนี้คนที่ถูกพระยาคมศักดิ์ดุด่ากลับกลายเป็นภรรยาสุดที่รักของเขา ที่พยายามเข้าไปห้ามปราม และพยายามทำให้พระยาคมศักดิ์สงบสติอารมณ์ แทนซะอย่างนั้น
“…”
คุณหญิงจันทร์หอมได้แต่ยืนนิ่งเงียบ ปล่อยให้ผู้เป็นสามีได้ต่อว่าเธออยู่อย่างนั้น อย่างน้อย ๆ มันก็ยังดีกว่าการที่เธอจะยอมอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้สามีสุดที่รักทำร้ายจิตใจบุตรชายไม่หยุดหย่อน
“เป็นเพราะเจ้าให้ท้ายลูก ลูกถึงได้ทำตัวแข็งข้อกับข้าเช่นนี้” พระยาคมศักดิ์พูดเสริมอีกครั้ง
“ขะ…ข้าขอโทษนะเจ้าคะ”
“จันทร์หอม…” เมื่อได้เห็นสีหน้าอันเศร้าหมองและได้ยินน้ำเสียงเชิงตัดพ้อของภรรยาสุดที่รัก ความรู้สึกผิดค่อย ๆ กัดกินจิตใจของพระยาคมศักดิ์อย่างช้า ๆ
“ข้าขอโทษที่เป็นแม่ไม่ได้เรื่อง ขอโทษที่ทำให้ท่านต้องมาทะเลาะกับลูกเช่นนี้ ข้าผิดเองอย่างที่ท่านพี่ว่าเอาไว้จริง ๆ นั่นแหละเจ้าค่ะ”
คุณหญิงจันทร์หอมพูดตัดพ้อ พูดเชิงน้อยเนื้อต่ำใจ เพื่อหวังจะให้สามีของเธอลดอารมณ์โกรธแค้นขุ่นเคืองลงไปได้บ้าง และดูเหมือนสิ่งที่คุณหญิงจันทร์หอมคิดเอาไว้จะได้ผลจริง ๆ เพราะในยามนี้พระยาคมศักดิ์กำลังรู้สึกผิดต่อภรรยาอย่างเห็นได้ชัด
“จันทร์หอม ข้า…” คำขอโทษที่กำลังเอื้อนเอ่ย ถูกกลบฝังด้วยคำพูดเชิงตัดพ้อและเชิงขอร้องของภรรยาสุดที่รักอีกครั้ง
“ข้ามิเป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ข้าผิดอย่างที่ท่านพี่ว่าไว้จริง ๆ”
...
“แต่ท่านพี่ข้าขอร้องเถอะเจ้าค่ะ ท่านพี่อย่าได้บังคับลูกนักเลยนะเจ้าคะ คำหอมเพิ่งจะอายุครบสิบแปด และเขาก็เพิ่งจะได้กลับมาอยู่กับเราได้แค่วันเดียว”
“…” พระยาคมศักดิ์ได้แต่นิ่งเงียบให้ภรรยาของเขาได้เอื้อนเอ่ยถึงสิ่งที่เธอต้องการจะบอกกับเขา
“แค่วันเดียวเท่านั้น ท่านพี่ก็ทำเรื่องให้ลูกเราไม่สบายใจเช่นนี้ คำหอมจะแย้งท่านพี่ก็มิได้เลยรึเจ้าคะ ท่านพี่มิใจร้ายกับลูกไปหน่อยรึเจ้าคะ”
แม้รู้ดีว่าถ้อยคำของเธอไม่ได้มีสิทธิ์มีเสียงมากมายในการออกคำสั่ง หรือแม้แต่จะขอความเห็นอกเห็นใจใด ๆ กับผู้เป็นสามี แต่จากการที่เธอได้รับรู้ถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำให้เธอมีความกล้ามากพอที่จะเอื้อนเอ่ยขอร้องในสิ่งที่เธอต้องการ และใช่คุณหญิงจันทร์หอมพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยบุตรชายของเธอ
แม้ว่าจะรู้ดีว่าสุดท้ายแล้ว คำพูดของเธอแทบไม่มีประโยชน์อะไรต่อสามีเลยสักนิดเดียว และผลลัพธ์ของเรื่องที่เกิดขึ้นจะลงเอยไปในทางที่เธอเองก็รู้ดีอยู่เต็มอก ว่าผลลัพธ์นั้นไม่แตกต่างไปจากที่เธอคิดสักเท่าไร แต่อย่างน้อย ๆ มันก็ยังดีกว่าการที่จะให้เธอทนเห็นบุคคลอันเป็นที่รักทั้งคน ต้องทะเลาะกันไปมาอยู่เรื่อยไปไม่จบไม่สิ้นเสียที
“สุดท้ายแล้วข้าก็กลายเป็นตัวร้ายในสายตาของเจ้าอย่างนั้นรึ ข้ามิได้ใจร้ายกับคำหอมสักนิด ข้าแค่ต้องการมอบสิ่งดี ๆ ให้กับลูก”
ยิ่งได้ยินคำพูดของภรรยา ก็ยิ่งทำให้พระยาคมศักดิ์รู้สึกขุ่นเคืองใจมากขึ้นกว่าเดิม
“แต่วิธีของท่านพี่ มิต่างอะไรกับการบังคับลูกเลยนะเจ้าคะ”
“ใช่ ข้าบังคับลูก แต่สาเหตุที่ข้าต้องบังคับ ก็เพราะเจ้าไงจันทร์หอม เพราะเจ้ามิยอมเด็ดขาด เพราะเจ้ามิยอมบังคับลูกให้ทำในสิ่งที่ควรทำ ข้าก็ต้องทำหน้าที่แทนเจ้าอย่างไรล่ะ”
เพราะอารมณ์ขุ่นเคืองใจก่อนหน้านี้ ทำให้พระยาคมศักดิ์หันมาโยนความผิดทั้งหมดให้กับภรรยาโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด ไม่สนใจเลยว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจากตัวเขาเองทั้งนั้น ไม่สนใจเลยว่าความรู้สึกของภรรยาหลังจากที่ได้ยินถ้อยคำต่อว่าของสามี จะรู้สึกอย่างไร
“…”
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในยามนี้ไม่ได้ทำให้คุณหญิงจันทร์หอมรู้สึกแปลกใจเลยสักนิด หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงร่ำไห้เสียใจไปยกใหญ่ ที่ถูกสามีต่อว่าเช่นนี้แล้ว แต่ในยามนี้คุณหญิงจันทร์หอมไม่ได้มีความรู้สึกเศร้าโศกเสียใจที่สามีต่อว่าเธอ แต่เธอกำลังรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถช่วยบุตรชายได้เลย
“ท่านพ่ออย่ามาว่าท่านแม่ของข้านะขอรับ เรื่องนี้ท่านแม่มิได้ผิดเลยด้วยซ้ำ คนที่ผิดคือข้าเอง”
คุณชายคำหอมที่ยืนดูสถานการณ์อยู่นาน ก็เริ่มรู้สึกผิดที่ปล่อยให้มารดาเกลี้ยกล่อมบิดาอยู่นาน แถมเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมารดาของตนเลยสักนิด แต่มารดากลับถูกบิดาต่อว่าอยู่ฝ่ายเดียว นั่นยิ่งทำให้คุณชายคำหอมรู้สึกไม่สบายใจเข้าไปใหญ่
ก่อนจะรีบเข้ามาปกป้องมารดาทันที เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ในยามนี้เริ่มบานปลายเต็มทีแล้ว แถมอารมณ์ของบิดาก็ขึ้น ๆ ลง ๆ เริ่มที่จะควบคุมเอาไว้ไม่อยู่แล้ว หากยังปล่อยเอาไว้ต่อไป มีหวังอาจถึงขั้นลงมือทำร้ายกันเลยก็ว่าได้
“ในเมื่อรู้ตัวว่าทำผิด ก็หัดทำตัวให้มันถูกต้องซะบ้าง มิใช่คิดจะเอาแต่ใจตนเอง”
“ขอโทษขอรับท่านพ่อ”
สุดท้ายแล้วคุณชายคำหอมก็เป็นฝ่ายยอมขอโทษบิดาก่อน เพราะเขาไม่อยากให้บิดาอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ อย่างน้อย ๆ ก็จะดีต่อตัวเขาและมารดาที่อาจจะโดนลูกหลงอารมณ์ร้ายของบิดาได้
“ก็ยังดีที่คิดได้” เมื่อเห็นว่าบุตรชายของตนยอมเชื่อฟัง จากอารมณ์โกรธแค้นขุ่นเคืองก่อนหน้านี้ ก็แปรเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นทันที
“จากนี้ไปจงจำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่าไตรภพ คือคู่หมั้นหมายของเจ้า”
พระยาคมศักดิ์พยายามเน้นย้ำถึงเรื่องคู่หมั้นหมายอีกครั้ง และแน่นอนว่าคุณชายคำหอมก็ได้แต่ทำใจรับฟังในสิ่งที่บิดาเอื้อนเอ่ยออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี
“และหลังจากที่เจ้ากลับมา ข้าจะให้เวลาเจ้าทำใจเป็นเวลาหนึ่งปี หลังจากครบกำหนด เจ้าต้องหมั้นหมายกับไตรภพทันที โดยมิมีสิทธิ์ต่อรองใด ๆ”
แม้จะเป็นการบังคับบุตรชายให้หมั้นหมายกับคนที่เหมาะสม แต่พระยาคมศักดิ์ก็รู้ดีว่าหากจะให้หมั้นหมายในทันทีที่บุตรชายกลับมาจากต่างประเทศ ก็ดูจะโหดร้ายและทำร้ายจิตใจบุตรชายมากเกินไปหน่อย เพราะแบบนี้พระยาคมศักดิ์ ถึงได้ทำข้อตกลงไว้ว่าจะให้เวลาคุณชายคำหอมได้ทำในสิ่งที่อยากทำเป็นเวลาหนึ่งปี หลังจากที่กลับมาจากต่างประเทศ และเมื่อครบกำหนดเวลาที่พระยาคมศักดิ์วางไว้ เมื่อนั้นคุณชายคำหอมจะไม่มีสิทธิ์ต่อรองหรือคิดจะปฏิเสธใด ๆ เป็นอันขาด
และต่อให้บุตรชายจะไม่ยอมหมั้นหมายตามข้อตกลง ผลสุดท้ายแล้วพระยาคมศักดิ์จะทำทุกวิธีเพื่อบังคับคุณชายคำหอมอยู่ดี
“ท่านพ่อ เรื่องนี้ข้าเป็นฝ่ายเสียเปรียบชัด ๆ เลยนี่ขอรับ”
คุณชายคำหอมรู้สึกว่าข้อตกลงอันผูกมัดของบิดา ช่างไม่ยุติธรรมต่อตัวเขาเลยสักนิดเดียว คุณชายคำหอมไม่แม้แต่จะมีสิทธิ์ต่อรองใด ๆ ไม่แม้แต่จะมีสิทธิ์เรียกร้องใด ๆ อีกเช่นกัน เพียงเพราะตนนั้นเป็นลูกที่ต้องทำตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อเท่านั้น
“ถึงอย่างไรซะ ข้อตกลงของข้าถือเป็นคำขาด เข้าใจรึไม่”
“แต่ท่านพ่อขอรับ…”
“ข้าถามว่าเข้าใจรึไม่”
น้ำเสียงเน้นย้ำของพระยาคมศักดิ์ ทำให้คุณชายคำหอมไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธใด ๆ
“ขะ…เข้าใจแล้วขอรับ”
“ดี ในเมื่อเข้าใจแล้ว ก็จงกลับห้องเจ้าไปซะ ข้าจะพักผ่อน เสียเวลากับเจ้ามานานมากพอแล้ว”
ว่าจบพระยาคมศักดิ์ก็หันหลังกลับเข้าไปในห้องนอนทันที ปล่อยให้คุณชายคำหอมยืนสับสนอยู่บริเวณหน้าห้อง ก่อนที่คุณหญิงจันทร์หอมจะเดินเข้ามาปลอบใจบุตรชายอีกครั้ง เพราะเธอรับรู้ความรู้สึกของบุตรชายได้ว่า ในยามนี้จิตใจของคุณชายคำหอมกำลังรู้สึกแตกสลายมากเพียงใด
“ฮึก…ท่านแม่ขอรับ” หยาดน้ำตาไหลออกมาเป็นสาย เมื่อได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดของมารดา
“แม่รู้ว่าเจ้าเสียใจ แต่นั่นมันเรื่องของอนาคตเจ้าอย่าได้เศร้าโศกในยามนี้ไปเลยหนา”
“ฮึก…ข้าเสียใจขอรับท่านแม่ ข้ามิได้อยากหมั้นหมายกับคนที่ข้ามิได้รักนี่ขอรับ”
“ชู่ว…ใจเย็น ๆ คำหอมลูกรัก แม่รู้ว่าเจ้ารู้สึกอย่างไร”
คุณหญิงจันทร์หอมรู้ดีว่าบุตรชายรู้สึกอย่างไร และเธอเองก็สงสารคุณชายคำหอมสุดหัวใจ แต่เธอเองก็ไม่สามารถช่วยบุตรชายไปได้มากกว่า การมาคอยปลอบใจในยามที่บุตรชายกำลังเศร้าโศกเสียใจเหมือนในยามนี้
“กระทั่งจะเลือกคู่ครองในชีวิต ข้ายังมิมีสิทธิ์ได้เลือกเองเลยฤๅขอรับท่านแม่”