คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
สำหรับคุณชายคำหอมแล้ว อิสระหรือแม้กระทั่งความต้องการของตนเอง เป็นสิ่งที่เขาแทบจะไม่เคยได้รับตั้งแต่เติบโตมา หากอยากได้หรือต้องการสิ่งใดก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนเสมอ ถึงจะได้มันมา
ตั้งแต่เด็กจนโตเขามักถูกตีกรอบ ถูกบังคับและถูกกดดันจากคำสั่งต่าง ๆ นานา เพียงเพราะตนเองนั้นเป็นบุตรชายของเจ้าเมือง ผู้มียศศักดิ์สูงสุดในเมืองภูคำใต้แห่งนี้ ความคาดหวังและพฤติกรรมต่าง ๆ จึงต้องอยู่ในความดูแลของบิดาทั้งสิ้น และมันจะไม่ใช่เรื่องผิดเลย หากบิดาจะควบคุมพฤติกรรมของเขา เพื่อไม่ให้เขาหลงผิด ทำในสิ่งที่ผิดหลักการ ไม่ว่าจะทำผิดกฎหมายบ้านเมือง หรือทำพฤติกรรมเลวร้ายที่ส่งผลเสียต่อชาวเมือง ครอบครัว หรือแม้กระทั่งต่อตัวเขาเองก็ตาม
แต่คุณชายคำหอมไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนั้นเลยสักนิด ตั้งแต่เด็กทำผิดอย่างมากก็แค่ดื้อดึง เอาแต่ใจตนเอง ตามวัยของเขาก็เท่านั้น และเมื่อเติบโตมีความรู้ผิดชอบชั่วดีมากขึ้น เขาทำตามคำสั่งในสิ่งที่บิดาต้องการ ไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ และทำเช่นนั้นมาตลอดหลายปี
แล้วเหตุใดเพียงแค่เขาต้องการที่จะตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของตนเองบ้าง และมันก็เป็นเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น ที่เขาต้องการทำตามใจตนเอง แต่เขากลับไม่มีสิทธิ์มีเสียงใด ๆ ไม่สามารถตัดสินใจ หรือแม้แต่จะเลือกทางเดินได้เลย
คุณชายคำหอมแค่ต้องการความรักและคู่ครองที่มาจากการตัดสินใจของตนเอง ไม่ใช่ความรักและคู่ครองที่มาจากการบังคับของบิดาเหมือนอย่างเรื่องอื่น ๆ แล้วเหตุใดคุณชายคำหอมถึงไม่มีสิทธิ์ได้ทำตามใจตัวเองเลยล่ะ นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว
และเพราะเรื่องความรักเป็นสิ่งเดียว ที่ทำให้คุณชายคำหอมไม่สามารถกักเก็บความรู้สึกเสียใจเอาไว้ได้ เขาถึงได้เสียใจและร่ำไห้ทุกครั้งที่ถูกบิดาบังคับ และก็เป็นเรื่องเดียวที่ทำให้คุณชายคำหอมกล้าขัดคำสั่งของบิดาถึงขนาดทะเลาะกันเป็นเรื่องราวใหญ่โตเหมือนในยามนี้ได้
“กระทั่งจะเลือกคู่ครองในชีวิต ข้ายังมิมีสิทธิ์ได้เลือกเองเลยฤๅขอรับท่านแม่” น้ำเสียงสั่นเครือ เอ่ยถามมารดาของตน
“คำหอม แม่ขอโทษ ขอโทษที่ไม่สามารถช่วยอะไรลูกได้เลย”
“ท่านแม่…”
“แม่เองก็มิอยากให้ลูกต้องจมอยู่กับความเศร้าโศกเช่นนี้”
“…”
“เรื่องนี้หากจะมีคนผิด แม่ขอรับผิดไว้เอง ผิดที่ไม่สามารถช่วยลูกได้ ผิดที่ไม่มีสิทธิ์ได้โต้ตอบใด ๆ กับท่านพ่อของลูก ผิดที่แม่คนนี้ไม่สามารถมอบความสุขให้ลูกได้เลย”
คุณหญิงจันทร์หอมพยายามข่มน้ำตาของตนเองไว้ไม่ให้ไหลออกมา เธอเองก็เสียใจและรู้สึกผิดต่อบุตรชาย ที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
“ฮึก…ท่านแม่ ท่านแม่มิใช่คนผิดนะขอรับ ท่านแม่อย่าโทษตัวเองเลยขอรับ”
“คำหอม ลูกรู้ใช่ฤๅไม่ ว่าสุดท้ายแล้วคำสั่งของท่านพ่อ มิมีผู้ใดสามารถขัดคำสั่งได้ แม้กระทั่งตัวแม่เอง”
“ฮึก…ข้ารู้ขอรับ ข้ารู้ดีขอรับท่านแม่”
เพราะรู้ดีคุณชายคำหอมถึงได้รู้สึกน้อยใจ และเสียใจอยู่เช่นนี้ ไม่ใช่แค่เขาที่ไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่งใด ๆ ต่อบิดา แต่รวมไปถึงมารดาของเขา ที่เป็นภรรยาสุดที่รักของบิดาเองก็เช่นกัน
“ถ้าเช่นนั้น ลูกก็ทำตามคำสั่งของท่านพ่อไปก่อน เมื่อถึงวันนั้นจริง ๆ เราค่อยมาหาทางแก้ไขกันใหม่ แม่รู้ว่าคนอย่างลูกมิมีทางยอมแพ้แน่นอน”
“ท่านแม่…” น้ำตาที่เคยไหลออกมาเป็นสายก่อนหน้านี้ ถูกเช็ดออกไปโดยฝ่ามืออันอบอุ่นของมารดาผู้ให้กำเนิด
“แม่เชื่อว่า หากลูกมิได้รักกับพี่ไตรภพเขา และพี่ไตรภพเองก็มิได้เล็งเห็นว่าลูกรักเขา เมื่อถึงวันนั้นท่านพ่อของเจ้าก็อาจจะเปลี่ยนใจ มิให้พวกเจ้าหมั้นหมายกันก็ได้หนา”
ในเมื่อไม่มีทางขัดคำสั่งสามีได้ คุณหญิงจันทร์หอมถึงได้หาทางออกของเรื่องนี้ให้กับบุตรชาย ซึ่งเธอคิดว่าวิธีนี้คงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย
“ท่านแม่คิดเช่นนั้นฤๅขอรับ”
“แม่ก็มิแน่ใจ แต่มันก็เป็นทางเดียว ที่สามารถพิสูจน์ให้ท่านพ่อรับรู้ได้ ในเมื่อมิได้รักกัน หากยังฝืนต่อไป ก็รังแต่จะมีปัญหาตามมา แต่แม่ขออย่างเดียว”
“อะไรฤๅขอรับ”
“หากลูกมิได้ชอบพี่ไตรภพจริง ๆ ก็อย่าให้ความหวังพี่เขาเลยหนา และหากวันใดลูกเกิดรักเขาขึ้นมาจริง ๆ ถึงวันนั้นก็อย่าได้ปฏิเสธพี่เขาเลย เข้าใจฤๅไม่”
“ฮึก…ขอรับท่าน ข้าเชื่อท่านแม่นะขอรับ”
แน่นอนว่าคุณชายคำหอมเองก็ไม่ได้ปิดกั้น เขารับฟังในสิ่งที่มารดาพยายามหาวิธีการต่าง ๆ มาช่วยเขาอย่างเต็มใจ ในเมื่อหัวใจของเขามันไม่เคยมีพื้นที่ใด ๆ ให้กับไตรภพเลยด้วยซ้ำ ทั้งหัวใจของเขาหากจะยกให้ใครสักคน คนคนนั้นก็ต้องเป็นพบกล้าแน่นอนอยู่แล้ว
ซึ่งเรื่องนี้คุณชายคำหอมก็ไม่มีอะไรต้องกังวลให้มากความ เว้นเสียแต่ว่าฝ่ายของไตรภพจะใช้วิธีการสกปรกมาทำให้เขาติดกับ ตรงส่วนนี้อาจจะยากต่อการรับมือไปบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คุณชายคำหอมให้คำมั่นสัญญากับตนเองว่า เขาจะไม่มีทางเบนใจไปให้ชายที่ชื่อไตรภพ เป็นอันขาด
“แม่ว่าลูกควรไปนอนได้แล้วหนา กลับไปพักผ่อนให้สบายกายสบายใจ นี่ก็มืดค่ำมากแล้ว แม่เป็นห่วงเจ้ามากหนา”
“ถ้าเช่นนั้นข้าไปนะขอรับท่านแม่”
เพราะไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของมารดาไปมากกว่านี้ คุณชายคำหอมถึงได้ตัดสินใจที่จะกลับไปพักผ่อน แต่ในขณะที่เขากำลังจะก้าวเดินออกไป จู่ ๆ คุณหญิงจันทร์หอมก็เข้ามาคว้าตัวเขาไว้ กอดปลอบใจอย่างอบอุ่น พร้อมกับพูดอะไรบางอย่าง ที่ทำให้คุณชายคำหอมรู้สึกตื้นตันใจอีกครั้ง
“สุขสันต์วันเกิดนะลูกรัก แม่ดีใจที่เจ้าเกิดมาเป็นลูกของแม่”
น้ำเสียงไพเราะ อีกทั้งฝ่ามืออุ่น ๆ พยายามลูบไล้ไปตามศีรษะของบุตรชายอย่างเบามือ
“ขอบคุณขอรับท่านแม่ ข้ารักท่านแม่ที่สุดในโลกเลย”
.
.
ในขณะเดียวกันทางด้านของฉัตร
หลังจากที่บรรดาทาสในเรือน ต่างขยันขันแข็งช่วยกันเก็บกวาดบริเวณที่จัดงาน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็พากันแยกย้ายกันกลับเรือนไปพักผ่อน แต่ดูเหมือนยังมีสองหนุ่มที่ไม่ยอมแยกย้ายไปพักผ่อนเสียที
“นี่ไอ้ฉัตร เอ็งมิตามไปดูแลคุณชายคำหอมรึไง เที่ยวมาถามมากความกับข้าอยู่ได้”
น้ำเสียงเป็นกันเอง สอบถามเพื่อนสนิทที่เอาแต่ตามติดเขาต้อย ๆ ตั้งแต่งานเลี้ยงจบลง จนถึงตอนนี้ฉัตรก็เอาแต่ตั้งคำถามใส่เขาไม่จบไม่สิ้น จนพบกล้าเริ่มรู้สึกรำคาญอยู่หน่อย ๆ
“ข้าตามแล้ว แต่คุณชายคำหอมกำลังโมโห บอกว่าจะไปหาบิดา เลยมิให้ข้าตามไปด้วย”
“…”
“คุณชายคำหอม บอกให้ข้ากลับไปพักผ่อนได้เลย ค่อยเจอกันใหม่วันพรุ่งนี้ เป็นเอ็งจะกล้าขัดคำสั่งคุณชายไหมล่ะ”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ฉัตรตอบกลับเพื่อนสนิทด้วยท่าทีเป็นกังวลเล็กน้อย
“แล้วเอ็งก็ทำตามที่คุณชายสั่งเหรอวะ”
“ก็เออน่ะสิ คุณชายคำหอมโมโหขนาดนั้น ข้าก็กลัวเป็นนะเว้ย กลัวไปขัดใจคุณชายเข้า ข้าอาจโดนลูกหลงไปด้วย”
“ให้ตายสิวะ มิใช่ว่าคุณชายเดินหลงไปไหนอีกนะเว้ย”
พบกล้าที่รู้สึกเป็นห่วงคุณชายคำหอมมาก ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเช่นกัน หากอีกฝ่ายตรงไปหาพระยาคมศักดิ์ก็ดีไป แต่ถ้าคุณชายคำหอมไม่ได้ตรงไปยังห้องของพระยาคมศักดิ์ แต่กลับเดินหลงไปไหนต่อไหน พบกล้าก็กลัวว่าคุณชายคำหอมอาจจะได้รับอันตรายได้
“เอ็งมิต้องห่วงไปหรอกไอ้กล้า ก่อนหน้าที่จะมาหาเอ็ง ข้าแอบตามคุณชายไปห่าง ๆ คุณชายไปหาพระยาคมศักดิ์จริง ๆ”
ก่อนหน้านี้ฉัตรเองก็เป็นห่วงคุณชายคำหอมไม่ต่างจากพบกล้า เขาถึงได้แอบตามอีกฝ่ายไปห่าง ๆ และเมื่อเห็นว่าคุณชายคำหอมเข้าไปยังห้องของพระยาคมศักดิ์จริง ๆ ฉัตรถึงได้ปลีกตัวออกมาช่วยเหล่าทาสในเรือน เก็บกวาดสถานที่ให้เรียบร้อย เพราะแบบนี้เขาถึงได้มีเวลาว่างมานั่งพูดคุยกับพบกล้าในยามนี้
“…” แม้จะได้ยินในสิ่งที่ฉัตรพูดออกมา แต่ความรู้สึกของพบกล้าก็ยังเป็นห่วงคุณชายคำหอมอยู่ดี
“หากเอ็งยังกังวลอยู่ อีกสักเดี๋ยวข้าก็กลับไปเรือนนอน ค่อยแวะเวียนไปดูคุณชายคำหอมที่ห้องพักก่อนก็ได้” เมื่อเห็นสีหน้าเป็นกังวลของเพื่อนสนิท ฉัตรถึงได้พูดขึ้นมาแบบนั้น
“เช่นนั้นก็ดีไป”
“ว่าแต่เรื่องที่คุณชายคำหอมกับขุนไตรภพ ที่จะหมั้นหมายกัน มันจะเกิดขึ้นจริง ๆ เหรอวะ”
ประโยคคำถามถูกเอ่ยถามขึ้นมาจากฉัตรอีกครั้ง เพราะเขาเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณชายคำหอมอารมณ์เสียเช่นนั้น
“เรื่องของเจ้านาย เอ็งอย่าไปเสือกให้มากความนักเลย”
แม้ในใจพบกล้าเองจะคิดเหมือนเพื่อนสนิท แต่พบกล้าคิดว่าการที่พวกเข้าตั้งคำถาม ถึงเรื่องของคุณชายคำหอมในเวลาแบบนี้ มันดูจะไม่เหมาะสมสักเท่าไร เขาถึงได้ตอบกลับเพื่อนสนิทไปแบบนั้น
“เอ็งมิเห็นสีหน้าคุณชาย ตอนพระยาคมศักดิ์ประกาศกร้าวเหรอวะ ข้าว่าคุณชายของข้าต้องถูกบังคับแหง ๆ”
“มิรู้สิ พระยาคมศักดิ์คงเล็งเห็นความดีอะไรในตัวขุนไตรภพก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างไรซะ ข้าว่าพวกเขาทั้งคู่ก็เหมาะสมกันดี”
“แล้วเอ็งมิเสียใจเหรอวะ” ฉัตรเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
“เหตุใดข้าต้องเสียใจ ข้าก็ต้องดีใจสิวะ ในอนาคตคุณชายของข้าจะมีคนที่เหมาะสม ทั้งหน้าตา ฐานะและยศศักดิ์มาดูแลเชียวนะเว้ย”
แม้แววตาและสีหน้าจะเศร้าหมองยามที่พูดถึงเรื่องนี้ แต่พบกล้าก็รู้สึกยินดี และพูดออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ ของเขา หากจะหาคนที่เพียบพร้อมและคู่ควรกับคุณชายคำหอม ผู้เป็นถึงบุตรชายของเจ้าเมือง คนอย่างไตรภพดูจะเหมาะสมมากกว่าผู้ใด อย่างที่พระยาคมศักดิ์ว่าไว้จริง ๆ
ไตรภพมีทั้งหน้าตาอันหล่อเหลา มีอำนาจ ฐานะ และยศศักดิ์ไม่แพ้ผู้ใด แม้อีกฝ่ายจะดูไม่เป็นมิตรกับเขาสักเท่าไร แต่กับคุณชายคำหอม ไตรภพแสดงท่าทางชัดเจนว่าเขาทั้งชอบและอยากดูแลอีกฝ่าย เพราะแบบนี้พบกล้าถึงได้เล็งเห็นว่าพวกเขาทั้งคู่เหมาะสมกันมากกว่าผู้ใด มากกว่าเขาเองเช่นกัน
“เสียใจก็พูดออกมาเถอะ ข้ารู้ว่าเอ็งคิดถึงและยังรอคุณชายมาตลอด แถมคุณชายเองก็ดูเหมือนจะปลื้มเอ็งซะขนาดนั้น”
ฉัตรที่เห็นใบหน้าของเพื่อนสนิทเริ่มเศร้าหมองลงยามที่พูดถึงเรื่องนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร แม้ว่าพบกล้าจะไม่เคยพูดออกมาตรง ๆ หรือยอมรับว่าแอบมีความรู้สึกดี ๆ ให้คุณชายคำหอมเช่นกัน แต่ฉัตรก็พอจะมองออก และเขาก็มองออกมาตั้งนานแล้วด้วย เพราะแบบนี้ฉัตรถึงได้รู้สึกสงสารเพื่อนสนิทที่ไม่ยอมรับความจริง ว่าภายในใจของพบกล้ายามนี้ก็รู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย
“ไอ้ฉัตร เอ็งก็รู้ว่าคนต้อยต่ำอย่างข้า มิคู่ควรกับดอกฟ้าอย่างคุณชายหรอกว่ะ”
“...”
“ข้าแค่คิดถึงคุณชายคำหอมในช่วงวัยเด็กก็เท่านั้น มิได้รู้สึกไปแบบอื่นอย่างที่เอ็งคิด และข้าคิดว่า คุณชายคำหอมเองก็คงคิดเหมือนข้าเช่นกัน”
แม้ในใจจะรู้สึกเสียใจอย่างที่ฉัตรว่าเอาไว้จริง ๆ แต่สุดท้ายแล้วคนอย่างพบกล้าทำได้เพียงยอมรับความจริง และทำในสิ่งที่ถูกต้อง ดีกว่าจะสนใจแต่ความรู้สึกตนเอง หากยังดื้อด้านไม่ยอมรับความจริง และไม่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง อาจนำมาปัญหาต่าง ๆ เข้ามาให้ตัวเขาและคุณชายคำหอมในภายภาคหน้าก็เป็นได้
“เฮ้อ…ข้าละสงสารทั้งคุณชายและเอ็งเสียจริง”
“เหตุใดต้องสงสารข้า”
“เอ็งย่อมรู้อยู่แก่ใจ”