คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
หลังจากใช้เวลาพูดคุยกับทาสหนุ่ม คุณชายคำหอมก็รีบตรงไปยังจุดหมาย ก่อนที่บิดาของตนจะกลับมา เดิมทีคุณชายคำหอมคิดว่าบิดาของตน จะเชิญชวนขุนไตรภพมารับประทานอาหารเที่ยงที่เรือนแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ถึงได้รู้สึกไม่อยากมาเจอหน้าอีกฝ่ายเสียเท่าไร แต่ความจริงแล้วมันกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิดเลยสักนิด
บัดนี้บรรยากาศภายในห้องโถงกลางเรือน เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแซ่ซ้องของสหายรักและผู้ติดตามของพระยาคมศักดิ์ สำรับอาหารต่าง ๆ ถูกหยิบยกมาตั้งเรียงรายตามเวลานัดหมายทีละอย่างสองอย่าง แม้คุณชายคำหอมพยายามทำตัวปกติ พยายามพูดคุยกับแขกของบิดา ที่มีศักดิ์เป็นท่านอาบ้าง ท่านลุงบ้าง เพื่อจะได้ไม่ต้องทนเสวนากับคนที่ตนไม่อยากเห็นหน้า แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่รอดพ้นจากสายตาของขุนไตรภพอยู่ดี
ขุนไตรภพพาตัวเองออกมาจากวงสนทนาของเหล่าผู้หลักผู้ใหญ่ ก่อนจะพาตัวเองไปนั่งอยู่ข้างกายคุณชายคำหอม หวังจะรับประทานอาหารเที่ยงและสร้างความประทับใจด้วยกัน
ภาพของชายหนุ่มรุ่นพี่ที่เดินเข้ามาหาเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มนั้น หากเป็นบุคคลอื่นคงยิ้มแย้มและอยากพาตัวเองเข้าไปใกล้อีกฝ่าย แต่คงไม่ใช่กับคุณชายคำหอม ที่เมื่อเห็นใบหน้าของขุนไตรภพแล้ว กลับรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างบอกไม่ถูก
แม้จะไม่ได้เกลียดอีกฝ่ายจนไม่อยากเข้าใกล้ แต่แค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่น่าจะเสวนาด้วย เพราะคำพูดและพฤติกรรมที่ไม่น่าจดจำของอีกฝ่ายตั้งแต่งานเลี้ยงสังสรรค์เมื่อค่ำวานนี้ ทำให้คุณชายคำหอมรู้สึกไม่อยากจะเสวนาให้มากความอีกก็เท่านั้น
“ไยวันนี้ถึงมิใส่เครื่องประดับที่ข้ามอบให้เจ้าล่ะ” นั่นเป็นประโยคแรกที่ขุนไตรภพเอ่ยถามคุณชายคำหอม
“ของมีค่าเช่นนั้น ข้ากลัวทำมันหายน่ะขอรับ เลยมิได้ใส่มา”
“ก็เลยใส่เชือกถักไร้ราคานั่น มาเจอหน้าข้าเช่นนั้นรึ”
สายตาของไตรภพจับจ้องไปยังกำไลเชือกถักอย่างไม่วางตา ทั้ง ๆ ที่มันดูไม่เข้ากับเสื้อผ้าของคุณชายคำหอมเลยสักนิด แต่อีกฝ่ายกลับเลือกใส่มันแทนที่จะใส่เครื่องประดับมีราคาของเขา และนั่นก็ทำให้ไตรภพรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
“…” คุณชายคำหอมเองก็ไม่ได้ตอบโต้ใด ๆ เพราะมันเป็นความจริงอย่างที่อีกฝ่ายว่าไว้
“โกรธข้าเช่นนั้นรึ ข้าก็แค่แกล้งเจ้าเท่านั้นเอง” ขุนไตรภพเอ่ยถามออกไป เมื่อเห็นว่าคุณชายคำหอมเอาแต่นิ่งเงียบ แถมยังนั่งหน้าคิ้วขมวดอีกต่างหาก
“ข้ามิได้โกรธท่านพี่หรอกขอรับ เพียงแต่ข้ามิชอบ มิชอบให้ท่านพี่เอ่ยวาจาเช่นนี้เลยขอรับ”
แม้อีกฝ่ายจะไม่ได้คิดอะไรมาก แต่สำหรับคุณชายคำหอมแล้วการที่ไตรภพเอ่ยวาจาเช่นนั้นออกมา มันค่อนข้างกระทบจิตใจเขาอยู่ไม่น้อย เพราะแบบนี้คุณชายคำหอมถึงได้ไม่อยากจะเสวนากับไตรภพเสียเท่าไร
“ฮ่าฮ่า…ข้าก็น้อยใจเป็นหนา ทั้ง ๆ ที่เจ้าสัญญากับข้าเมื่อคืนนี้ แต่เจ้ากลับผิดสัญญาเสียได้” ท่าทางและน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจแสดงออกมา เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจความรู้สึกของเขา
“ขออภัยขอรับ ขออภัยที่ข้าผิดสัญญาท่าน”
“ข้าให้อภัยเจ้า หากเจ้ายอมให้อภัยในสิ่งที่ข้าเอ่ยวาจามิดีเมื่อครู่นี้” ไตรภพตอบกลับทันที
“ข้าให้อภัยท่านขอรับ จะได้มิมีอะไรมาติดพันกัน”
“หึ...ถ้าเช่นนั้นในเมื่อเจ้าให้อภัยข้าแล้ว ทานสิ่งนี้สิ มัสมั่นของโปรดเจ้า” ขุนไตรภพตักแกงมัสมั่นในสำรับให้กับคุณชายคำหอม
“ขอบพระคุณขอรับ”
.
.
ภาพของคุณชายคำหอมและขุนไตรภพที่นั่งอยู่ใกล้กัน แม้ว่าทั้งคู่จะไม่พูดจาหวานหยดย้อยใส่กันเลยสักนิด แต่พระยาคมศักดิ์และสหายผู้ติดตาม รวมไปถึงสหายรักอย่างพระยาไตรเทพ ต่างแสดงออกด้วยท่าทางที่พึงพอใจ หากพวกเขาทั้งคู่สามารถเข้ากันได้ดีเช่นนี้ เห็นทีอีกไม่นานคงจะมีข่าวดีเกิดขึ้นกับทั้งสองครอบครัวเป็นแน่
ใช้เวลาไม่นานบรรดาอาหารมากมายก็ถูกนำมาจัดเรียงไว้จนครบทุกอย่าง ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มนั่งประจำที่ของตน เพื่อร่วมรับประทานอาหารกันพร้อมหน้าพร้อมตา
คุณชายคำหอมที่เริ่มทำตัวไม่ค่อยถูกเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ เขาพยายามนั่งเงียบ ๆ ไม่เอ่ยวาจาใด ๆ จนกระทั่งมีบทสนทนาของใครบางคนดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำให้คุณชายคำหอมต้องหันกลับมอง ก่อนจะเผยรอยยิ้มดีใจออกไป เนื่องจากเขานั้นไม่ได้เจอบุคคลนี้มานานหลายปีแล้ว
แต่ที่แปลกคือต่อให้ไม่เจอกันนานหลายปี เมื่อกลับมาเจอกันอีกครั้ง คุณชายคำหอมดันจำได้เขาคนนั้นได้เป็นอย่างดี มากกว่าขุนไตรภพที่นั่งอยู่ใกล้กันเสียอีก
“คำหอมของข้า โตขนาดนี้แล้วฤๅ” น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามเด็กหนุ่มตรงหน้า
“โอ๊ะ! ท่านอานี่เอง มิได้เจอกันนานเลยนะขอรับ”
“นั่นสินะ น่าเสียดายที่เมื่อค่ำวานนี้ ข้ามิมีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าเสียด้วย”
และบุคคลที่กำลังพูดคุยกับคุณชายคำหอมก็คือ ขุนขจรศักดิ์ ผู้เปรียบเสมือนผู้ติดตาม เพื่อนร่วมงานของพระยาคมศักดิ์ รวมไปถึงพระยาไตรเทพเช่นกัน และเขาเองก็เป็นคนที่คอยแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน มาคอยเล่นกับคุณชายคำหอมตั้งแต่แบเบาะจนกระทั่งอีกฝ่ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนประจำ ขุนขจรศักดิ์ก็ไม่ได้พบเจอคุณชายคำหอมอีกเลย จนกระทั่งอีกฝ่ายกลับมา แต่เขาก็ยังไม่ได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุย
“ต้องขออภัยด้วยขอรับท่านอา หากแต่เมื่อวานนี้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นนิดหน่อยขอรับ”
“มิเป็นไรหรอก ข้าเข้าใจดี ส่วนนี่ของขวัญของเจ้า”
“ขอบพระคุณขอรับท่านอา เชิญท่านอานั่งลงก่อนขอรับ”
คุณชายคำหอมรับของขวัญจากมือของขุนขจรศักดิ์ ก่อนจะฝากมันไว้ที่ฉัตร ซึ่งขุนขจรศักดิ์เองก็ไม่ได้ว่าอะไร ก่อนที่เก้าอี้ข้างกายถูกเลื่อนให้อีกฝ่ายโดยคุณชายคำหอมเอง
“อืม…ว่าแต่เจ้าตัดสินใจไปเรียนต่างประเทศจริง ๆ รึ”
“เดิมทีข้าตั้งใจอย่างนั้นขอรับท่านอา”
“ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองก็น่าเป็นห่วงแล้ว แต่เจ้าเลือกไปไกลถึงต่างประเทศ แล้วข้าจะอดเป็นห่วงเจ้าได้อย่างไร”
เพราะเห็นกันมาตั้งแต่แบเบาะ ขุนขจรศักดิ์ถึงได้ผูกพันกับคุณชายคำหอมดั่งอาหลาน และเขาเองก็ไม่อยากให้หลานชายคนนี้ไปใช้ชีวิตอยู่ไกลถึงต่างประเทศเพียงลำพัง โดยไร้ญาติสนิทมิตรสหาย
“ท่านอา…”
“มิลองตัดสินใจไปเรียนที่เมืองข้าดูจริง ๆ รึ การศึกษาที่เมืองของข้า ก็มิแพ้ต่างประเทศหรอกหนา”
แม้ว่าเมืองที่ขุนขจรศักดิ์อาศัยอยู่ จะห่างไกลจากเมืองภูคำใต้อยู่หลายร้อยกิโล แต่นั่นก็ไม่ได้ไกลถึงขนาดอยู่คนละซีกโลกอย่างต่างประเทศเสียหน่อย และที่สำคัญเมืองที่ขุนขจรศักดิ์อาศัยอยู่นั้นก็ขึ้นชื่อเรื่องของการศึกษาชั้นเลิศเสียด้วย
“ข้าก็เห็นด้วยกับท่านอานะขอรับ น้องคำหอมลองเก็บไปคิดใหม่ก็ได้” ขุนไตรภพที่นั่งอยู่ใกล้กัน ก็แสดงความเห็นด้วยกับขุนขจรศักดิ์เช่นกัน
“การเดินทางย่อมสะดวกสบายกว่า และหากเจ้าคิดถึงท่านพ่อของเจ้า ก็กลับมาเยี่ยมเยือนได้เสมอ”
ขุนขจรศักดิ์พยายามเสนอข้อแตกต่างระหว่างเมืองของเขา กับต่างประเทศให้คุณชายคำหอมตัดสินใจอีกครั้ง
“ฤๅเจ้าจะมาทำงานกับข้าดีหนา สำหรับหลานรักอย่างเจ้า ข้าย่อมช่วยเหลือได้เสมออยู่แล้ว”
“หากเป็นเรื่องงานมิเป็นไรหรอกขอรับท่านอา ข้ามิอยากรบกวนท่านอาเลยขอรับ”
“เจ้านี่ชอบเกรงใจข้า เหมือนกับแม่ของเจ้ามิมีผิด” ด้วยนิสัยชอบเกรงใจของคุณชายคำหอมนั้น ทำให้ขุนขจรศักดิ์อดนึกถึงภรรยาของพระยาคมศักดิ์ไม่ได้เลยจริง ๆ ทั้งสองคนนี้มีนิสัยเหมือนกันไม่มีผิด
“อันที่จริง ข้าเองก็อยากมาคุยกับท่านแม่และท่านพ่อถึงเรื่องนี้เช่นกันขอรับ” คุณชายคำหอมเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“เรื่องอะไรอย่างนั้นรึ” พระยาคมศักดิ์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เอ่ยถามบุตรชายขึ้นมาเช่นกัน
“หากข้าตัดสินใจมิไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ตามความต้องการเดิม ท่านพ่อท่านแม่จะผิดหวังในตัวข้าฤๅไม่ขอรับ” คุณชายคำหอมใช้ความกล้าในการเอ่ยถามบิดาของตน
ถึงแม้เมื่อคืนนี้จะมีเรื่องกระทบจิตใจเกิดขึ้น ระหว่างคุณชายคำหอมกับบิดาของเขา แต่สุดท้ายแล้วสายสัมพันธ์ความเป็นพ่อลูกกัน ทำให้คุณชายคำหอมไม่สามารถโกรธแค้นบิดาของตนได้ เขามีเพียงความน้อยใจและความไม่เข้าใจในตัวบิดาก็เท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะไม่พูดคุยกับบิดาเลยแม้แต่น้อย
“เหตุใดข้าต้องผิดหวัง ดีเสียอีก ข้าจะได้มิต้องเป็นห่วงเจ้า”
พระยาคมศักดิ์จ้องมองไปยังบุตรชายของตน หากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ เขายอมรับว่าไม่พอใจในตัวบุตรชาย แต่ก็ไม่ขนาดที่ไม่คิดจะพูดคุยกันเช่นกัน และหากบิดาอยากตัดสินใจในเรื่องนี้เอง เขาก็สนับสนุนเต็มที่อยู่แล้ว
“การศึกษาที่เมืองของขจรนับว่ามิด้อยไปกว่าผู้ใด ข้าเองก็เคยเรียนที่นั่นเช่นกัน หากเจ้าจะเรียนต่อที่นั่น ข้าก็ย่อมยินดีอยู่แล้ว”
“ท่านพ่อ…”
“เรื่องนี้ข้าตามใจเจ้า หากแต่เรื่องอื่นอย่าได้หวังว่าข้าจะตามใจ” เรื่องอื่นที่ว่าก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการหมั้นหมายแน่นอนอยู่แล้ว
“แม่เองก็เห็นด้วย หากนั่นเป็นความตั้งใจของเจ้า แม่ก็มิห้ามอยู่แล้ว”
“ขอบพระคุณขอรับท่านพ่อ ท่านแม่”
อย่างน้อยการเลือกเรียนไกลเมืองหน่อย ก็ยังดีกว่าไปไกลถึงต่างประเทศอย่างที่ขุนขจรศักดิ์ว่าเอาไว้จริง ๆ นั่นแหละ
“ดี ๆ เผื่อวันไหนข้าเกิดคิดถึงหลานขึ้นมา ก็ไปเยี่ยมเยือนได้ตลอดเช่นกัน” ขุนขจรศักดิ์เอ่ยแทรกขึ้นมา
“ขอบพระคุณขอรับท่านอา”
บทสนทนายังคงดังต่อเนื่อง จนกระทั่งอาหารในสำรับเริ่มหมดไปทีละอย่างสองอย่าง บทสนทนาก็ยังคงต่อเนื่องไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงง่าย ๆ
“จะว่าไป หลังจากนี้เจ้าก็ว่างนี่ไตรภพ” พระยาคมศักดิ์เอ่ยถามขุนไตรภพ
“ขอรับท่านอา”
“แล้วเจ้าล่ะคำหอม”
“หลังจากนี้ข้าว่าจะไปทำขนมหวานที่โรงครัวขอรับท่านพ่อ”
เพราะตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่าจะทำขนมหวานให้กับเหล่าทาสในเรือนได้ลองทาน แต่ดูเหมือนยามนี้เขาจะต้องเพิ่มจำนวนขนมหวานเพิ่มขึ้นอีกห้าหกที่ เพื่อให้เพียงพอต่อแขกของบิดาเสียแล้ว
“อืม…ถ้าเช่นนั้นก็พาพี่เขาไปด้วยสิ”
“แต่ท่านพ่อ…ข้าเกรงว่าพี่ภพคงมิอยากไป โรงครัวร้อนเสียยิ่งกว่าอะไร แถมเป็นที่ไว้สำหรับทำอาหาร มิเหมาะจะพาไปเยี่ยมชมสักเท่าไรนะขอรับ”
“ข้ามิได้บอกให้เจ้าพาพี่เขาไปเยี่ยมชมสถานที่เสียหน่อย แต่จะให้เจ้าพาพี่เขาไปหาอะไรทำแก้เบื่อ ระหว่างรอพวกข้าคุยเรื่องงานเสร็จสรรพ”
เพราะมีเรื่องสำคัญต้องพูดคุยกันระหว่างบรรดาสหายผู้เกี่ยวข้องที่เขาเชิญชวนมารับประทานอาหารเที่ยง เพราะแบบนี้พระยาคมศักดิ์เกรงว่าจะปล่อยให้ขุนไตรภพต้องนั่งรอพระยาไตรเทพอีกนานกว่าจะได้กลับเรือน เขาถึงอยากให้อีกฝ่ายไปหาอะไรทำระหว่างรอพวกเขาคุยงานกันก็เท่านั้น
“เอ่อคือ…พี่ไตรภพคงมิอยากไปใช่ฤๅไม่ขอรับ”
คุณชายคำหอมลองแกล้งถามไตรภพ เพื่อหวังจะให้ฝ่ายตอบว่าใช่ เพราะเกรงว่าหากให้ปล่อยให้อีกฝ่ายมาที่โรงครัวด้วย คุณชายคำหอมกลัวว่าจะเกิดการวิวาทกันกับทาสในเรือนของเขาได้ แต่มันดันผิดแผนไปหมด
“หืม…ข้ายังมิได้บอกสักคำเลยนี่ว่ามิอยากไป” ขุนไตรภพตอบกลับคุณชายคำหอม
“ตกลงว่าอย่างไรล่ะ” พระยาคมศักดิ์เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ข้าจะไปกับน้องคำหอมขอรับท่านอา”
“เอ้อดี ๆ ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ ไว้ข้าคุยงานกับพ่อของเจ้าเสร็จแล้ว จะให้คนไปตามก็แล้วกัน” พระยาคมศักดิ์เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารในสำรับต่อไป
“ขอรับท่านอา”
.
.
เมื่อได้ยินบทสนทนาที่ดูจะเข้าขากันดีระหว่างบิดาและขุนไตรภพ สุดท้ายคุณชายคำหอมก็ไม่สามารถปฏิเสธใด ๆ ได้เลย นอกจากจะต้องทำตามคำสั่งของบิดาอยู่ดี
“เหตุใดถึงทำสีหน้าเช่นนั้น เจ้ามิพอใจที่ข้าไปด้วยอย่างนั้นฤๅ”
เพราะเห็นว่าคุณชายคำหอมแสดงท่าทีไม่ค่อยพอใจออกมา ขุนไตรภพถึงได้เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงน้อยใจเล็กน้อย
“ข้าสามารถห้ามท่านพี่ได้ด้วยฤๅขอรับ”
“แน่นอนว่ามิได้ เพราะข้าเองก็ฟังคำสั่งท่านพ่อของน้องคำหอมเช่นกันแหละหนา”
“เช่นนั้นแล้วก็แต่ท่านพี่เลยขอรับ ขออย่างเดียว หากไปแล้วก็อย่ายุ่งวุ่นวายให้มากความนะขอรับ”
สิ่งเดียวที่คุณชายคำหอมกลัวมากที่สุด คือกลัวว่าขุนไตรภพจะมาวุ่นวายกับเขามากกว่าจะมาช่วยทำขนมหวาน และที่สำคัญอีกฝ่ายอาจจะไม่พอใจขึ้นมาก็เป็นได้ หากเขาตั้งใจทำขนมหวานนี้เพื่อใครบางคน และเชิญชวนทาสในเรือนมาทานขนมหวานร่วมกัน
“ก็อยู่ที่ว่าจะมีผู้ใดทำให้ข้ามิพอใจรึเปล่า หากมิมีข้าก็จะมิวุ่นวาย แต่หากมีล่ะก็ ข้าว่ามันคงจะสนุกมิน้อย”