คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
ชาย-ชาย,ย้อนยุค,ไทย,BL,พีเรียดไทย,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บ่วงเจ้าคำหอม (พีเรียด,BL)คู่หมั้นที่ท่านพ่อจับคู่ให้ เป็นเพียงชายชั่วที่หวังแค่ร่างกายและยศศักดิ์ประดับบารมี หากแต่ชายที่ข้ารักสุดหัวใจ ไยท่านพ่อถึงต้องกีดกันความรักของข้าด้วย เพียงเพราะเขาเป็นแค่ทาส มิคู่ควรกับข้าเช่นนั้นฤา?
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
.
.
.
บรรยากาศภายในโรงครัวเต็มไปด้วยความอบอุ่น คุณชายคำหอมขะมักเขม้นกับการทำขนมหวานตามใจต้องการ โดยไม่ได้สนใจเลยว่าในยามนี้ มีบุคคลหนึ่งกำลังนั่งหน้าบูดบึ้ง เพราะไม่ได้ความสนใจจากอีกฝ่ายเท่าที่ควร อีกทั้งความร้อนอบอ้าวภายในโรงครัวนี้ มันทำให้เขาแทบจะรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
เพราะปกติแล้วเวลาอยู่ที่เรือนของตน ไตรภพแทบจะไม่เดินเฉียดเข้ามาในโรงครัวเลยสักนิด ไหนจะทั้งกลิ่นฉุนของเครื่องแกง กลิ่นอาหารที่ติดตามเสื้อผ้า และความร้อนอบอ้าวที่ชวนให้รู้สึกไม่สบายผิว
แต่เพื่อต้องการสร้างความประทับใจให้กับครอบครัวของพระยาคมศักดิ์ ขุนไตรภพถึงได้พยายามอดทนมาจนถึงยามนี้
“น้องคำหอมชอบอาหารเองอย่างนั้นฤๅ”
“ก็ใช่นะขอรับ ยามเรียนข้าก็ทำเองอยู่บ่อยครั้ง เพียงแต่ข้าถนัดแค่บางอย่างก็เท่านั้นเอง”
“ทาสในเรือนก็มีตั้งเยอะแยะ ไยต้องทนร้อนทนเหม็นด้วยเล่า”
สายตาของขุนไตรภพมองไปรอบ ๆ บริเวณ พบว่าทาสในเรือนของพระยาคมศักดิ์ไม่ได้มีแค่คนสองคน แต่ทำไมคุณชายคำหอมถึงไม่ยอมใช้งานเหล่าทาสพวกนั้น กลับเลือกที่จะมานั่งทนร้อน ทนเหม็นเองให้เหนื่อยด้วยเหตุใด
“ข้ามิอยากใช้งานพวกเขานะขอรับ พวกเขาเองก็มีหน้าที่อื่น ๆ มากมาย อะไรที่ข้าพอจะทำได้ ข้าก็จะทำเองขอรับ”
คุณชายคำหอมตอบกลับทันที แม้ว่าความเป็นจริงแล้ว เขาเองก็มีอำนาจมากพอจะสั่งการเหล่าทาสในเรือนได้ แต่คุณชายคำหอมอยากแสดงฝีมือของตนเองเสียมากกว่า เพราะมีบุคคลหนึ่งที่เขาอยากให้ได้ลิ้มลองรสชาติของกล้วยบวชชีที่เขาตั้งใจทำ
คุณชายคำหอมถึงเลือกที่จะไม่สั่งการ แต่เป็นการขอความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ แทน ทาสในเรือนคนไหนอยากมาช่วยทำกล้วยบวชชี เพื่อเป็นของหวานให้กับบรรดาแขกของบิดา คุณชายคำหอมก็ยินยอมให้ช่วย ทาสคนไหนที่มีหน้าที่ล้นมือ คุณชายคำหอมเองก็ไม่ได้บังคับเช่นกัน
“เก่งเสียจริงเจ้านี่”
“ท่านพี่ร้อนอย่างนั้นฤๅขอรับ เหงื่อออกเยอะเชียว”
แม้จะดูเหมือนไม่สนใจคนรอบข้าง พยายามตั้งใจทำขนมหวานอย่างเต็มที่ แต่คุณชายคำหอมก็ไม่ลืมที่จะเหลือบมองไตรภพอยู่เรื่อย ๆ ไม่ใช่มองเพราะพิศวาส หรือมองเพราะรู้สึกสงสารอีกฝ่าย
แต่คุณชายคำหอมมองเพราะต้องการดูว่าไตรภพจะมีความอดทนได้มากน้อยเพียงใด แค่ฟังจากคำพูดและท่าทางของอีกฝ่ายระหว่างเดินมายังโรงครัวแห่งนี้ คุณชายคำหอมก็รับรู้ได้ ว่าไตรภพเกลียดการเข้าครัวเป็นไหน ๆ ต้องมาทนนั่งร้อน ทนกลิ่นอาหารอีก ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะรู้สึกดีได้แน่นอน แต่เพราะอีกฝ่ายแค่ต้องการสร้างความประทับใจ ถึงได้พยายามปั้นหน้า แสร้งว่าสบายดี
“จะว่าเช่นนั้นก็ได้หนา อากาศในนี้ช่างร้อนเสียจริง”
“ข้าเตือนท่านพี่แล้ว ว่าที่นี่มิเหมาะกับท่านพี่เลยสักนิด ท่านพี่ก็ยังคงตามข้ามา”
“ทำอย่างไรได้ ก็ข้าอยากอยู่กับเจ้านี่หน่า”
“จะอยู่กับข้า ข้ามิว่าอะไรท่านพี่เลยขอรับ แต่ข้าขออย่างเดียว อย่าขัดขวางการทำงานของข้าก็พอขอรับ”
แค่อีกฝ่ายพยายามชวนเขาพูด คุณชายคำหอมก็รู้สึกว่าเขาต้องมาเสียเวลานั่งตอบคำถามมากพอแล้ว อย่าได้พยายามสร้างเรื่องให้เขา และนั่งอยู่เฉย ๆ จนกว่ากล้วยบวชชีที่คุณชายคำหอมตั้งใจทำจะเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย จะเป็นผลดีที่สุด
“ดะ…ได้สิ แค่นี้เองข้าทนได้สบายอยู่แล้ว หากเจ้าต้องการให้ข้าช่วยอะไร ก็บอกข้าได้หนา”
แม้คุณชายคำหอมจะไม่ได้คิดอะไรขนาดที่เอ่ยวาจาออกมา แต่ผู้ฟังอย่างไตรภพกลับรู้สึกหน้าชาซะอย่างนั้น คุณชายคำหอมเห็นเขาเป็นคนอย่างไรกันแน่
“ขอบคุณขอรับ แต่ข้าว่าท่านพี่นั่งอยู่เฉย ๆ จะดีกว่านะขอรับ”
“รังเกียจข้า จนมิอยากให้ข้าช่วยขนาดนั้นเลยฤๅ”
คำพูดของคุณชายคำหอมสามารถทำให้ผู้ฟังอย่างไตรภพ ตีความไปได้หลายทางเลยทีเดียว แต่ที่แน่ ๆ คำพูดที่เอ่ยออกมาจากปากของคุณชายคำหอม ไม่มีประโยคไหนเลยที่แสดงถึงอาการรังเกียจไตรภพเลยสักนิด คุณชายคำหอมแค่ต้องการให้ไตรภพนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่จุ้นจ้านวุ่นวายถามนั่นถามนี่ให้มากความ จนทำให้การทำขนมหวานของเขาเสร็จล่าช้าลงก็เท่านั้นเอง
“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้นขอรับ ข้าแค่กลัวว่าท่านพี่จะได้รับบาดเจ็บได้”
“นี่เจ้า…เป็นห่วงข้าเช่นนั้นฤๅ”
เป็นครั้งแรกที่ไตรภพได้ยินถ้อยคำเป็นห่วง จากคุณชายคำหอม ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าถ้อยคำที่เอ่ยออกมานั้น เป็นความรู้สึกใจจริงของคุณชายคำหอม หรือเอ่ยขึ้นมาเพื่อให้เขาดีใจเล่น ๆ กันแน่
“แล้วแต่ท่านพี่จะคิดเลยขอรับ แต่ทางที่ดี ท่านพี่นั่งอยู่เฉย ๆ จะดีที่สุดขอรับ”
“ข้ายอมเจ้าแล้ว ข้าจะนั่งดูเจ้าทำอยู่เงียบ ๆ นี่แหละ”
“ขอรับ”
.
.
.
หลังจากใช้เวลาอยู่นานพอสมควร ในที่สุดกล้วยบวชชีกลิ่นหอมเย้ายวนใจก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อย ด้วยหน้าตาและรสชาติที่ออกมาทำให้คุณชายคำหอมรู้สึกภูมิใจในฝีมือของตนเองไม่น้อย หากคุณหญิงจันทร์หอมผู้เป็นมารดา ได้ลองลิ้มรสคงจะดีใจไม่น้อย ที่สูตรขนมหวานของเธอถูกส่งต่อมายังบุตรชายได้เป็นอย่างดี
และทันทีที่ทำเสร็จคุณชายคำหอมก็ให้ขุนไตรภพได้ลิ้มลองรสชาติ หากจะให้อีกฝ่ายได้ลองชิมเป็นคนสุดท้าย มันก็ดูจะเสียมารยาทเกินไปหน่อย
“ท่านพี่มิชอบกล้วยบวชชีฝีมือข้าฤๅขอรับ”
เพราะเห็นอีกฝ่ายเอาแต่มองกล้วยบวชชีในถ้วยไม่ยอมตักขึ้นมาทานเสียที
“ข้ามิได้มิชอบฝีมือเจ้า เพียงแต่ข้าแค่มิชอบทานของหวาน”
“เป็นเช่นนั้นนี่เอง”
“แต่ถ้าเป็นฝีมือของน้องคำหอม ข้าอาจจะชอบขึ้นมาก็เป็นได้” ถ้อยคำหวานหยดย้อยเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“หากท่านพี่ทานมิได้ มิต้องฝืนก็ได้นะขอรับ”
“อืม…ข้าแค่อยากลองชิมฝีมือของน้องคำหอม สักคำสองคำก็ยังดี”
แม้ใจจริงไตรภพเองก็ไม่อยากทานของหวานสักเท่าไร แต่สุดท้ายก็ยอมจำใจฝืนทนลองทานดู อย่างน้อย ๆ ก็เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจให้กับอีกฝ่ายเห็นก็เท่านั้น
“ถ้าเช่นนั้นท่านพี่ก็ลองทานดูนะขอรับ”
“ขอบใจเจ้ามาก”
เมื่อเห็นว่าไตรภพค่อย ๆ ตักกล้วยบวชชีทานอย่างช้า ๆ คุณชายคำหอมก็ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ลิ้มลองรสชาติ ก่อนจะหันมาเอ่ยปากร้องขอทาสติดตามอย่างฉัตรเป็นลำดับต่อไป
“พี่ฉัตร…กล้วยบวชชีในหม้อนี้ ข้ารบกวนให้พวกพี่ช่วยนำไปให้ท่านพ่อกับแขกของท่านพ่อทีหนา”
“ขอรับคุณชาย”
ฉัตรรีบจัดการตามคำสั่งของคุณชายคำหอม แน่นอนว่าเหล่าทาสคนครัวเองก็ไม่ลืมมาช่วยฉัตรเช่นกัน
“ส่วนของพี่ฉัตร ข้าตักไว้ให้แล้ว อย่าลืมไปตามคนอื่น ๆ มารับกล้วยบวชชีด้วยหนา”
“ขอรับคุณชาย”
“ที่สำคัญอย่าลืมชวนพี่กล้ามาด้วยล่ะ”
“ได้ขอรับ”
ฉัตรไม่รีรอให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ เขารีบแบ่งหน้าที่ให้กับทาสคนครัว นำส่วนหนึ่งไปจัดวางให้กับพระยาคมศักดิ์และบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ได้ลิ้มลอง ส่วนที่เหลือก็ช่วยกันจัดแบ่งเตรียมไว้สำหรับทาสในเรือน
“ดูท่าน้องคำหอมจะสนใจ ไอ้เจ้ากล้าเป็นพิเศษหนา”
ทันทีที่ได้ยินคุณชายคำหอมเอ่ยถึงบุคคลอื่น ไตรภพยิ่งรู้สึกขุ่นเคืองใจมากขึ้นไปอีก ทั้ง ๆ ที่เขานั่งอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ คุณชายคำหอมกลับไม่แยแสเขาเท่าที่ควร กลับกันทาสหนุ่มอย่างพบกล้าที่แม้ว่าตัวจะไม่ได้อยู่ในบริเวณนี้ แต่คุณชายคำหอมก็ไม่เคยลืมเลือนเลยสักนิด มันน่าน้อยใจนัก
“ท่านพี่คิดเช่นนั้นฤๅขอรับ ข้าอาจจะสนใจทุกคนเท่ากันก็ได้หนา”
“หากเป็นคนอื่นคงจะใช่ แต่คงมิใช่กับข้ากระมัง”
“ท่านพี่นี่ชอบคิดเองเออเองอีกแล้วหนา”
“ความรู้สึกข้ามันบอกเช่นนั้น”
ขนาดเขาไม่ชอบของหวาน แต่กลับฝืนทนทานจนหมดถ้วย เพียงเพราะอยากให้อีกฝ่ายเห็นเขาอยู่ในสายตา แต่เพราะเหตุใดขนาดเขาแสดงท่าทีน้อยใจ คุณชายคำหอมยังไม่สนใจเขาเลยสักนิด
“หากเป็นเช่นนั้นจริง ท่านพี่จะทำอย่างไรขอรับ”
“เจ้าหมายความว่าอะไร”
“ก็หมายความว่า หากอนาคตข้างหน้า ต่อให้ท่านพี่จะพยายามเอาอกเอาใจข้ามากเพียงใด แต่สุดท้ายแล้วข้าก็มิได้รักท่านพี่ขึ้นมา หากถึงเวลานั้นขึ้นมาจริง ๆ ท่านพี่จะทำอย่างไรฤๅขอรับ”
แม้จะลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายแล้วคุณชายคำหอมก็ใช้ความกล้าเอ่ยถามออกไป แค่ในยามนี้คุณชายคำหอมก็ไม่เคยแสดงท่าทีว่าชอบพออีกฝ่าย แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามมากเพียงใด สิ่งที่คุณชายคำหอมสามารถมอบให้ได้ คือขุนไตรภพเป็นพี่ชายแสนดี ไม่ใช่ขุนไตรภพที่เขาอยากใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
“อืม…มิรู้สิ หากถึงวันนั้นขึ้นมาจริง ๆ บางทีข้าอาจจะใช้วิธีของข้าก็เป็นได้”
“วิธีอะไรฤๅขอรับ”
ที่เขาเอ่ยถามออกไปเช่นนั้น เพราะคุณชายคำหอมเองก็อยากรู้ และหากในอนาคตวิธีการที่ไตรภพว่าไว้ดันเกิดขึ้นมาจริง ๆ เขาจะได้ตั้งรับได้ถูก
“ข้ามิบอกเจ้าหรอกหนา แต่หากเจ้าอยากรู้จริง ๆ ในอนาคตข้างหน้า ก็จงปฏิเสธความรักของข้าทิ้งไปเสีย”
“…”
“แน่นอนว่า นั่นมิใช่วิธีการที่ดีต่อตัวเจ้าเสียเท่าใด และข้าก็รับรู้ได้ง่ายดายว่าเจ้าคงจะมิชอบวิธีนี้อย่างแน่นอน”
“วิธีการของท่านพี่นี่ฟังดูน่ากลัวจังนะขอรับ”
“มันอาจจะน่ากลัวสำหรับเจ้า แต่วิธีนั่นกลับทำให้ข้ามีความสุขมากกว่าผู้ใด”
และใช่วิธีการที่น่ารังเกียจ เป็นวิธีการเดียวที่เขาจะได้คุณชายคำหอมมาครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย จิตใจ หรือแม้กระทั่งทุกสิ่งอย่างที่เกี่ยวข้องกับอีกฝ่าย
แน่นอนว่าไตรภพเองก็ไม่อยากทำเช่นนั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณชายคำหอมเลือกจะปฏิเสธเขา จนทำให้เขาไม่สามารถฝืนทนต่อไปได้ ทางเดียวที่ไตรภพจะทำคือการบังคับฝืนใจ ซึ่งอาจนำไปสู่ความเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือนก็เป็นได้
“…”
“ฉะนั้นแล้ว หากเป็นไปได้ ขอร้องเจ้าอย่าได้ปฏิเสธรักข้าเลยหนา เพราะข้าเองก็มิอยากใช้วิธีนั่นกับเจ้าเช่นกัน”
“ข้ามิสามารถรู้ล่วงหน้าได้ ว่าข้าจะรักหรือมิรักท่านพี่ แต่ข้าอยากจะขอร้องท่านพี่” คุณชายคำหอมเองก็มีเรื่องจะขอร้องอีกฝ่ายเช่นกัน
“เรื่องใดฤๅ”
“ท่านพี่ได้โปรด อย่าบังคับฝืนใจให้ข้าเลือกเลยนะขอรับ เพราะต่อให้ท่านพี่หรือท่านพ่อของข้าจะบังคับเช่นไร ข้าก็มิมีทางเลือกท่านพี่ได้ขอรับ”
“…” ไตรภพได้แต่นั่งเงียบฟังอีกฝ่าย แม้ในใจจะรู้สึกขุ่นเคืองอยู่ไม่น้อยก็ตาม
“เพราะหัวใจของข้านั้น มิมีที่ว่างสำหรับผู้อื่นอีกแล้ว รวมถึงท่านพี่เช่นกัน”
“ยามนี้ข้ามิสามารถบังคับเจ้าได้ก็จริง แต่ในอนาคตข้างหน้า เมื่อถึงคราที่เจ้าต้องเลือกจริง ๆ ข้าเชื่อว่าเจ้ามิมีทางปฏิเสธข้าแน่นอน”
“…”
“เพราะอะไรนั้นฤๅ ถึงเวลานั้นเจ้าจะรู้ดีกว่าผู้ใด และเจ้าอาจจะต้องรู้สึกเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิตก็ได้ หากเจ้ามิเลือกข้า”