แสงตะวันทำหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดิน ขณะที่คลื่นลมบนดวงเดือนที่พร้อมโหมกระหน่ำจะสาดซัดภายใต้เงาทะมึน

สาดแสงเดือนล้อมตะวัน - ๑, กันยายนบนเงาตะวัน โดย การันต์คำราม @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ไทย,แอคชั่น,ย้อนยุค,plotteller ,พล็อตหาเรื่อง,สาดแสงเดือนล้อมตะวัน,สืบสวนสอบสวน,พีเรียดไทย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สาดแสงเดือนล้อมตะวัน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ไทย,แอคชั่น,ย้อนยุค

แท็คที่เกี่ยวข้อง

plotteller ,พล็อตหาเรื่อง,สาดแสงเดือนล้อมตะวัน,สืบสวนสอบสวน,พีเรียดไทย

รายละเอียด

แสงตะวันทำหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดิน ขณะที่คลื่นลมบนดวงเดือนที่พร้อมโหมกระหน่ำจะสาดซัดภายใต้เงาทะมึน

ผู้แต่ง

การันต์คำราม

เรื่องย่อ

สารบัญ

สาดแสงเดือนล้อมตะวัน-๑, กันยายนบนเงาตะวัน

เนื้อหา

๑, กันยายนบนเงาตะวัน

๑, กันยายนบนดวงตะวัน


หากการศึกษาพัฒนาชาติได้

เหตุใดมิใช่ทุกคนที่ได้รับ

หากภาษาเป็นของชาวสยามทั้งหมด

แล้วเหตุใดลูกพ่อค้าสามัญไร้ซึ่งโอกาส

แด่ตำราอันสูงส่ง…ที่สูงส่งยิ่งกว่าเกียรติของข้า




หนึ่งคอลัมน์เล็กๆตรงมุมกระดาษหนังสือพิมพ์ยังคงปรากฏบทความส่อเสียดไม่น่าอภิรมย์ดังเช่นทุกครั้ง นับตั้งแต่การออกจดหมายเหตุสั้นนี้เปิดรับข้อความจากประชาชนทั่วไปนอกจากเรื่องประวัติศาสตร์และขนบธรรมเนียมประเพณี คอลัมน์เล็กตรงมุมล่างซ้ายก็มักจะมีข้อความเสียดสีส่อเสียดหลากประเด็นจับจองด้วยนามอันกลายเป็นที่ครหาสนุกปาก…กันยา


สถานีตำรวจใจกลางพระนครเป็นอีกแห่งที่รับซื้อหนังสือพิมพ์จนเป็นสถานที่โปรดของพ่อค้าแผงหนังสือ ด้วยคำหนักแน่นของพันตำรวจโทสุริยา เจ้าของฉายาเสือตาเหยี่ยวแห่งพระนครได้กล่าวเอาไว้ว่า ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจทำไม่ได้ เช่นนั้นจะปกป้องบ้านเมือง ย่อมต้องรู้เท่าทันข่าวคราวทั้งหมด


แผ่นกระดาษถูกเก็บลงลิ้นชักโต๊ะไม้พร้อมกับรอยยิ้มจุดขึ้นเบาๆบนใบหน้าเสือตาเหยี่ยว ใครเล่าจะรู้ว่าบทความยียวนคนชั้นสูงในคอลัมน์เล็กๆนั่นถูกใจสารวัตรหนุ่มมากเพียงไหน เหตุผลนั้นง่ายดาย…


ความเก่งกล้านั่นน่าสนใจ


ผู้ใดกันที่หาญกล้าใช้วาจาคมกริบแฝงนัยยะผ่านจดหมายเหตุธรรมดาทว่าสม่ำเสมอมั่นคงจนกลายเป็นที่โจษจันทั่วพระนครจนไปถึงหูเบื้องบน เกิดคำครหานานัปทั้งเชื่อคำดูหมิ่นและไม่พอใจในการดูถูกธรรมเนียมเก่าแก่ ทว่าตามหาอย่างไรก็ไม่อาจพบตัว


น่าสนใจ


“สารวัตรอ่านเศษกระดาษนั่นด้วยหรือขอรับ” ตำรวจชั้นผู้น้อยมาใหม่ยืนเอียงคอมองจากโต๊ะอีกฝั่ง เพื่อนตำรวจโต๊ะข้างเคียงพยายามสะกิดเท้าห้ามก็ไม่เป็นผล “พ่อกระผมบอกว่าหนังสือจากพวกฝรั่งกำลังทำลายวัฒนธรรมชาติเรา”


เพียงสายตาคมดุเงยหน้าขึ้นก็ราวกับทั้งสถานีถูกลมหนาวแช่แข็งไม่กล้าขยับเขยื้อน เด็กใหม่ไม่รู้ความยังคงขมวดคิ้วหน้างอเมื่อนึกตามคำสอนของบิดา ในใจนึกไปถึงหัวหน้าตนคนนี้พึ่งพาได้หรือ เหตุใดเอาแต่อ่านเรื่องไร้ประโยชน์เช่นนั้น


“เอ็งเคยอ่านคดีพิพาทพ่อค้าชาวจีนกับคณะมิชชันนารีแย่งบุตรกันหรือไม่” สุรเสียงทุ้มดุเอ่ยเย็นๆ พลางควงปากกาคอแร้งในมือเมื่อนายตำรวจหนุ่มหน้าใหม่พยักหน้ารับ “ครานั้นมีแม่หญิงที่ผ่านทางไปได้ช่วยไขความ เอ็งว่าเหตุใดแม่นางน้อยผู้หนึ่งจึงสามารถแก้ข้อพิพาทของจีนกับฝรั่งได้”


เด็กหนุ่มส่ายหน้า พลันสังเกตเห็นว่าเพื่อนตำรวจคนอื่นที่ทำโน่นทำนี่กลับมานั่งฟังอย่างตั้งใจไม่ใกล้ไม่ไกลกัน เขาแอบสงสัยในใจในครั้งแรกที่อ่านคดีนี้ เพราะบันทึกของบิดาไม่มีรายละเอียดอื่นใดนอกจากหญิงที่เดินผ่านไปทางนั้นได้แสดงน้ำใจช่วยเหลือ แล้วช่วยเหลืออย่างไรเขาเองก็อยากจะรู้


“บุตรสาวจากตระกูลที่คอยดูแลหอสมุด นางอ่านเขียนภาษาฝรั่งและจีนได้อย่างคล่องแคล่ว จึงถามเด็กว่าผู้ใดเป็นแม่บังเกิดเกล้า” เล่าถึงตรงนี้ก็ได้ยินคำอุทานเหลือเชื่อและเสียงหัวเราะอย่างไม่เชื่อจากสหายตำรวจ “จึงจบที่ทางพ่อค้าชาวจีนนั้นเจอเด็กชายพลัดหลงจากครอบครัวขณะเดินตลาด เกิดเอ็นดูอยากพาไปอยู่ด้วย แต่แม่เด็กพบทันจึงยื้อยุดกันอยู่นานเพราะคนตัดสินไม่เข้าใจต่างภาษา”


กองตำรวจถึงบางอ้อในคดีที่ถูกบันทึกไม่ลงรายละเอียดด้วยคนบันทึกครานั้นมีอคติแรงกล้าต่อชาวต่างสัญชาติและต่อสตรี ทว่ากลับน่าสนใจเหลือหลาย บัดนี้คลายความสงสัยให้กระจ่างด้วยคำเล่าของสารวัตรผู้อยู่ในเหตุการณ์


“เห็นความสำคัญของการเรียนรู้หรือไม่” ตำรวจมือใหม่พยักหน้ารัวก่อนจะรีบขานรับเมื่อรู้ตัวว่าเผลอล่วงเกินผู้ใหญ่เข้า “เช่นนั้นช่วงนี้ก็อ่านหนังสือกองนั้นให้หมดแล้วจัดเข้าชั้นตามหมวดให้เรียบร้อย…อ้อ เขียนรายงานสรุปให้ฉันด้วย”


ตำรวจด้อยประสบการณ์ตาลีตาเหลือกลุกยืนรับทราบ เข้าใจถึงแก่นแท้แล้วว่าเหตุใดชาวบ้านและเพื่อนพ้องพวกนี้ถึงได้หวั่นเกรงสารวัตรเสือตาเหยี่ยวเข้ากระดูกดำ คราแรกก็ไม่คาดคิดถึงความโหดเหี้ยมใด แท้จริงเป็นอัจฉริยะด้านการสอนสั่งผู้น้อยให้สำนึก


นัยน​์ตาเป็นประกายด้วยแสงศรัทธาเข้าแทนที่ความหวาดหวั่น “ขอรับสารวัตร!” ยกวันทยหัตย์ตกปากรับคำเสียงดังชัดเจน หันเท้าไปทางกองหนังสือมุมห้องที่เพิ่งรับมาจากแผงขายไม่ทันจัด เผยรอยยิ้มแห่งความเคารพตั้งหน้าตั้งตาอ่านอย่างอารมณ์ดีจนคนอื่นๆต่างมองด้วยความฉงน


เด็กใหม่นี่สติเฟื่องไปแล้วหรือ











เพลาบ่ายแก่ ดวงอาทิตย์คล้อยขึ้นเหนือศีรษะ อากาศเริ่มร้อนระอุ แต่พันตำรวจโทสุริยาที่เพิ่งออกจากเวรตรวจตราก็มุ่งตรงไปยังจุดมุ่งหมายเดียวที่สลัดไม่หลุดออกจากหัวตั้งแต่เช้า จำต้องมาให้คลายเสียงที่ดังก้องในหูเรียกร้องให้มาเยือนอีกครั้ง


พื้นที่ขนาดกลางไม่ไกลจากสถานศึกษาประจำเมืองพระนคร ปกคลุมไปด้วยผืนหญ้าเขียวชอุ่มและเงาไม้ใหญ่คอยให้ความร่มรื่นสบายกายสบายใจ มีกระทั่งพุ่มดอกไม้น้อยคอยให้สีสันตัดกับสีเขียวสดของใบไม้ จึงแทบจะเป็นกึ่งสถานที่พักผ่อนให้กับปัญญาชนคนพักพิง


อาคารหอสมุดไม่เล็กไม่ใหญ่ถูกดูแลด้วยตระกูลเก่าแก่ที่สืบทอดการปกปักรักษาตำราความรู้มารุ่นสู่รุ่น ความเอาใจใส่ทะนุถนอมหน้ากระดาษของครอบครัวบัณฑิตนี้สร้างความประทับใจให้สารวัตรหนุ่มมาตลอด เขาเคารพนับถือการเรียนรู้เป็นทุนเดิม ก่อนจะได้รู้จักกับบุตรสาวคนโต ทายาทผู้สืบทอดหน้าที่ยิ่งใหญ่นี้


“อ้าว…ทิวาสวัสดิ์ค่ะสารวัตร มาเช่าหนังสือหรือคะ” ร่างอรชรในชุดลูกไม้แบบสตรีนิยมเดินออกมาจากช่องชั้นวางหนังสือเชื่องช้างดงามราวกับภาพฝันจนคนมองหยุดหายใจไปชั่วขณะ


“อยากได้หนังสือพิมพ์เก่าๆน่ะ แผงหนังสือเขาขายหมดรายวัน ที่นี่มีหรือไม่” ดวงหน้างามเอียงคอมองกลับราวกับจะถามว่าอยากได้ไปทำไม ทว่านั่นกลับน่ามองเสียจนเจ้าของฉายาเสือต้องเบนสายตาหลบ ก่อนที่คนช่างสงสัยจะร้องอ๋อกับตัวเองราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้


“สารวัตรตามเรื่องคอลัมน์หนังสือพิมพ์ที่ชื่อกันยาอยู่หรือคะ” คนถูกชวนคุยชะงักไปเล็กน้อยและกลับมาสงบนิ่งได้ภายในเสี้ยววินาทีหลังจากคนถามป้องปากหัวเราะเบาๆอย่างอารมณ์ดี “คุณกันยานี่โด่งดังไปทั่วพระนครจริงเชียว มีหลายคนแก้เบื่อด้วยการตามสืบนักเขียนคอลัมน์ฉาว”


คล้ายว่าสารวัตรคนจริงจังออกอาการคิ้วขมวดมองคนอารมณ์ดีทั้งที่ไม่มีสิ่งใดให้เบิกบาน หนอนหนังสือประจำพระนครจึงระบายยิ้มหวานพลางวางห่อหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ “สารวัตรอย่ามองดิฉันแบบนั้นเลย ดิฉันเพียงแค่คิดว่าคอลัมน์ฉาวๆของคุณเขาทำให้ชาวสยามอ่านหนังสือหนังหาเพิ่มขึ้นมากโขก็เท่านั้น แล้วผู้ดูแลหอสมุดเช่นดิฉันจะไม่พอใจได้อย่างไร”


สารวัตรหนุ่มร้องอ้อเบาๆ รับห่อกระดาษมาถือไว้พลางมองไปรอบสถานที่อันคุ้นเคย “จัดหมวดแบบใหม่หรือ” เขาสังเกตเห็นว่ามีป้ายบอกหมวดหมู่และชั้นวางที่ต่างจากเดิม


ดูแล้วเป็นดินเหนียวปั้นเป็นรูปทรงคล้ายแผ่นกระดาษพร้อมคำบอกหมวดหมู่ คงไม่พ้นคนช่างคิดริเริ่มได้จุดประกายความคิดอะไรเข้า


“สารวัตรตาไวสมคำร่ำลือ” เจ้าของผลงานนัยน์ตาทอประกายสดใสเมื่อมีคนสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ตั้งใจทำ “ดิฉันพบว่าประวัติศาสตร์สามารถแบ่งตามยุคการปกครอง ด้านศาสนาก็ใช่จะมีแต่พุทธบ้านเรา แผนยายังมีทั้งยาฝรั่งยาจีน… ทุกสิ่งล้วนแยกย่อยได้อีก จริงหรือไม่คะสารวัตร”


ร่างกำยำแข็งแรงผุดรอยยิ้มเพียงเข้าใจในความคิดของคนตรงหน้า เขาถอยตัวเพื่อให้เจ้าพนักงานคล่องแคล่วเดินหยิบจับหนังสือได้สะดวก ก่อนจะนั่งลงที่ชุดโต๊ะเก้าอี้ไม้ตรงมุมห้องเพื่อดูสิ่งที่คนเจ้าความคิดคัดสรรออกมา


สุริยามองปราดเดียวก็เข้าใจในทันทีว่าหนอนหนังสือคนนี้ก็สนใจเรื่องคอลัมน์ข่าวนั้นไม่ต่างกัน เพราะแผ่นกระดาษเก่าๆกับหนังสือแฝงความหมายหลายเล่มมีรอยขีดวงจางๆเป็นร่องรอยที่ถูกคาดเดา


“ตรงนี้ที่คุณเดือนทำสัญลักษณ์ไว้หมายถึงกระไรหรือ” เรียวนิ้ววาดไปยังหนังสือว่าด้วยการนับเดือนแบบฝรั่งทั้งสิบสองเดือน


“ดิฉันลองคิดเล่นๆน่ะค่ะ” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างภูมิอกภูมิใจในความคิดอันชาญฉลาดของตน “กันยายนเป็นชื่อเดือนเก้า นักเขียนคอลัมน์ข่าวนี้ใช้นามแฝงว่ากันยา… อาจจะเป็นชาวพระนครที่เกิดเดือนกันยายน หรืออาจเกี่ยวข้องกับเลขเก้าก็เป็นได้กระมังคะ”


ชายหนุ่มค่อยๆคลายความเครียดบนรอยย่นของหน้าผาก มองหญิงสาวผู้เปี่ยมความรู้ด้วยความสนอกสนใจ มือหนาเผลอลูบคางอย่างใช้ความคิดด้วยความเคยชิน โดยไม่รู้เลยว่าถูกแววตาหวานหยดกำลังจดจ้องด้วยความสนใจเช่นเดียวกัน…