พอฉันมีใจ อยากเป็นแฟนนายจริงๆ นายกลับบอกว่ามันไม่เวิร์ก แต่พอฉันถอยออกมา นายกลับบอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน หึ! กราบเท้าฉันสิ แล้วฉันจะคิดเรื่องของนายดูอีกที
รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,พระเอกโบ้,พระเอกหล่อ,พระเอกเลว,redsun,yaygoh,เนปจูน,แฮค,หล่อรวย,อร่อย,ฟินแซบ,ออริ,นางแบบ,โมเดลลิ่ง,งาน N,พริตตี้,ช่างเครื่อง,อกหัก,ชาย-หญิง,ความรัก,แฟน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“อยากกินอะไร”
“แวะไปที่หอพักฉันก่อนได้มั้ย”
เราพูดขึ้นมาพร้อมกันหลังจากนั่งรถออกมาจากคอนโดได้ไม่กี่นาที
“คนละทาง น่าจะเสียเวลา”
เฮ้อ! พูดมาแบบนี้... แปลว่าไม่ได้สินะ ชิ ฉันเบือนหน้าออกไปมองภาพวิวนอกกระจกอย่างเบื่อๆ
แฮคไม่พูดอะไรอีก จนถึงร้านอาหาร แน่นอนว่าฉันไม่ใช่คนตัดสินใจและเขาก็ไม่ได้ถามซ้ำด้วย จู่ๆ ก็พามาที่นี่เองเลย รวบรัดเก่ง
ยังไงเขาก็เป็นพวกชอบทำอะไรตามใจตัวเองอยู่แล้ว
ร้านอาหารที่แฮคพาแวะ เป็นร้านสไตล์ญี่ปุ่น บรรยากาศเงียบสงบ มีทั้งอาหารจานเดี่ยว จานรวม หรือชุดเซต เมนูก็คล้ายๆ กับร้านอาหารญี่ปุ่นในห้างฯ ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ ส่วนราคานั้นกลับแพงกว่า
เราสั่งอาหารคนละชุด ต่างคนต่างกินของตัวเอง บรรยากาศในร้านว่าเงียบแล้ว บนโต๊ะยิ่งเงียบกว่าถึงจะมีเสียงกระทบกันของตะเกียบบ้างก็เถอะ
“โรงงานผ้าอยู่แถวไหนเหรอ” ฉันเริ่มพูดก่อน ยิงคำถามกับเรื่องที่รออยู่ข้างหน้า
“ชานเมือง”
ชานเมืองแล้วแถวไหนล่ะ ฉันเม้มริมฝีปากหายใจเข้ายาวๆ ปลอบตัวเองให้ใจเย็น
“แล้วคนนั้นล่ะ ชื่ออะไรนะ ที่เจอวันนั้น” ฉันนึกชื่อผู้หญิงนั่นไม่ออกจริงๆ มองแฮคอย่างสงสัย เขาขยับมุมปากคล้ายรำคาญ แต่ก็ยอมบอก
“พัฟฟิน”
“อ้อ ชื่อแปลกดี”
“....” แฮคไม่มีความเห็นเรื่องชื่อ หรือไม่ชอบวิจารณ์เรื่องส่วนตัวคนอื่นอันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกัน
“พัฟฟินคือไรเหรอ? มัฟฟินนี่ขนมป่ะ”
“นก”
“หืม? นก... อะไรนก” หลอกด่ากันหรือเปล่าเนี่ย
“นกพัฟฟินไง”
“หา? พัฟฟินเป็นชื่อนกเหรอ เพิ่งเคยได้ยินเนี่ยแหละ”
“อิ่มแล้วใช่มั้ย?” แฮคทำหน้ารำคาญ เหมือนกำลังด่าว่าฉันจะสงสัยอะไรนักหนา
“อืม อิ่มแล้ว” ฉันเม้มปาก หลุบตามองอาหารที่กินไปแล้วกว่าครึ่ง ที่จริงก็กินต่อได้แหละกระเพาะยังไม่เต็ม แต่พอโดนเขาทำเสียงขุ่นใส่ก็หมดอารมณ์ ไม่อยากกินแล้ว
ฉันวางตะเกียบ หยิบน้ำชาขึ้นจิบตามด้วยน้ำเปล่าล้างปาก
“แค่สามพัน ไม่น้อยไปเหรอ”
ฉันโพล่งขึ้นหลังจากปัดไปเห็นรายการเงินโอนเข้าโทรศัพท์ ไม่ได้ตั้งใจดูหรอก แต่ปัดไปปัดมามันก็เห็นเอง ตอนนี้เราทั้งคู่อยู่บนรถ กำลังมุ่งหน้าสู่โรงงานผ้าแถบชานเมืองตามที่แฮคบอก
ที่ฉันกล้าพูดก็เพราะในใจไม่ได้คิดอะไรเป็นพิเศษ แค่สงสัย ปกติแฮคจ้างสาวกินข้าวเรทนี้เหรอ
“ปกติได้เท่าไหร่ล่ะ”
“ห๊ะ?”
ทำไมรู้สึกเหมือนได้ยินว่า ‘ขายเท่าไหร่’ เลยล่ะ
ฉันมองใบหน้าด้านข้างที่แสนราบเรียบของแฮค รู้สึกข้องอยู่ในใจแต่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี ถ้าบอกว่าไม่เคยรับงานกินข้าวมาก่อนเขาจะหัวเราะเยาะฉันหรือเปล่า
“แล้วปกติจ่ายเท่าไหร่” ฉันย้อนถาม
แฮคชำเลืองมองฉันแวบหนึ่ง “แล้วแต่กรณี ส่วนใหญ่เจอในปาร์ตี้”
หมายถึงปาร์ตี้ที่จ้างเด็ก ‘N’ ไปเหมือนคืนนั้นสินะ ถึงคำตอบจะคลุมเครือแต่ฉันก็ไม่รู้จะซักยังไงต่อ ตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุยแต่ก็ไม่พ้นเรื่องเงินๆ ทองๆ อยู่ดี
“แล้วค่าตัววันนี้จะได้เท่าไหร่”
แฮคเหล่ตามองฉัน ในแววตาเหมือนจะมีอาการเหนื่อยหน่ายอยู่นิดๆ
“สองหมื่นพอมั้ย แต่ต้องเล่นให้เนียน อย่าให้พัฟฟินจับได้เด็ดขาดว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” เขากำชับ แต่น้ำเสียงไม่น่าฟังนัก เหมือนฉันกำลังโดนดูถูกและถูกกดดันไปพร้อมๆ กัน
แต่สองหมื่นงั้นเหรอ... จะยอมหลับหูหลับตาให้ก็แล้วกัน
“ได้! อย่าลืมโอนส่วนที่เหลือมาด้วยล่ะ”
“....”
กว่าจะถึงโรงงานก็บ่ายสองเกือบสาม... เป็นช่วงที่อากาศร้อนสุดๆ ของวันเลยล่ะ ฉันที่ใส่เสื้อเปลือยแขนผูกคอรู้สึกแสบผิวไปหมด ทั้งๆ ที่โดนแดดแค่ระยะทางสั้นๆ เท่านั้น
รู้งี้แวะซื้อครีมกันแดดร้านสะดวกซื้อก็ดี โอ๊ย เครียด ผิวจะเกรียมมั้ยเนี่ย
เนี่ย ฉันถึงได้อยากให้เขาแวะหอพักก่อน การมาค้างข้างนอกกะทันหัน อะไรๆ ก็ไม่พร้อมสักอย่าง ฮึ่ม ไม่ชินเลย
ฉันรีบสาวเท้าตามหลังแฮคพลางลูบแขนแสบๆ ที่โดนแดดไปด้วย ก้มหน้าหลบสุดชีวิต เหงื่อเยิ้มสุดๆ
ร้อนแบบตะโกนเลยล่ะ
“มาดูผ้า”
แฮคมาถึงก็พูดกับรปภ.ที่เฝ้าประตูอยู่ทันที ง่ายๆ แบบนั้นเลย ไม่มีเกริ่นนำ ไม่มีแนะนำตัวว่าเป็นใคร ถึงฉันจะอึ้งแต่ก็แอบชอบความเป็นคนตรงๆ ไม่เวิ่นเว้อของเขา
รปภ.พยักหน้าพร้อมกับพูด “ครับๆ ขอบัตรด้วยครับ”
“....” แฮคยื่นบัตรให้รปภ.ตามระเบียบ รปภ.ใช้เครื่องสแกนเก็บข้อมูลเสร็จก็ส่งบัตรคืนอย่างสุภาพ
“เรียบร้อยครับ เชิญด้านในเลย แล้วแจ้งกับน้องที่เคาน์เตอร์นะครับ”
สุดท้ายแล้วรปภ.ก็ไม่ได้รู้กำหนดการของแฮคอยู่ดี
แฮคเก็บบัตร เปิดประตูเข้าไปข้างใน โดยไม่รอฉันที่กำลังสแกนบัตรกับรปภ.เลยสักนิด ฉันจะอ้าปากเรียกแต่ก็ไม่ทัน ได้แต่ตำหนิเขาอยู่เงียบๆ ในใจ ให้ตายสิ ฉันว่าคนที่เล่นไม่เนียนคือเขานั่นแหละ
“....”
ฉันผลักประตูเข้ามาในโรงงานอย่างหัวเสีย ทว่าแอร์เย็นฉ่ำที่ปะทะทั่วร่างทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัวจนแทบลืมความหงุดหงิดทั้งหมดไป
ฉันอารมณ์ดีขึ้นมาทันที สูดหายใจเอาความเย็นเข้าเต็มปอด เฮ้อ... ค่อยยังชั่วหน่อย
“ขอโทษนะคะ ผู้ชายคนที่เข้ามาก่อนหน้านี้ไปไหนแล้ว” ฉันเดินมาสอบถามพี่สาวที่เคาน์เตอร์
“อ้อ ไปที่ห้องผู้จัดการชั้นสองค่ะ” พี่สาวชี้ไปทางบันได
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันยิ้มให้พนักงานก่อนเดินตรงขึ้นบันได ห้องผู้จัดการเหรอ... ไม่คิดจะรอกันจริงๆ ด้วยสินะ บ้าบอ ถ้าฉันหายตัวไปตอนนี้นายนั่นแหละที่จะเสียใจ
ข้างบนเหมือนเป็นที่แสดงผ้า มีผ้าหลากหลายแบบทั้งม้วนทั้งแขวนเรียงเต็มไปหมด และไม่ต้องเสียเวลามองหาห้องผู้จัดการให้เหนื่อย เพราะตอนนี้คนที่ฉันกำลังตามหาอยู่ตรงหน้าแล้ว
แฮค พัฟฟิน และอีกคนที่น่าจะเป็นผู้จัดการกำลังดูผ้ากันอยู่ บรรยากาศดีสุดๆ ไปเลยล่ะ ดูตั้งอกตั้งใจเลือกเนื้อผ้าทั้งพัฟฟินทั้งแฮค จนฉันรู้สึกว่าไม่ควรเข้าไปแทรก
แต่เงินก็รับมาแล้ว... ที่เหลืออีกครึ่งนั่นก็อยากได้ด้วยสิ... ลำบากใจโว้ย เอาวะ เพื่อเงิน
ฉันกลั้นใจเดินเข้าไปหาแฮค
แค่เดินมาถึงครึ่งทางก็เรียกความสนใจจากทั้งสามคนได้แล้ว
“มาแล้วเหรอ” แฮคเป็นคนแรกที่ทักฉันก่อน
“....” ยัยพัฟฟินทำรอยยิ้มบนใบหน้าหายทันที
“...?” ส่วนผู้จัดการก็ทำหน้าสงสัยว่าฉันเป็นใคร
สุดยอดเลยแฮะ เหมือนฉันเป็นคนทำลายบรรยากาศดีๆ ก่อนหน้านี้ไปเลย ใช่ว่าฉันจะไม่รู้สึกอะไร แต่ก็ต้องปั้นยิ้มเหมือนไม่สะทกสะท้านเอาไว้
“อืม ไม่รอกันเลยนะ” ฉันท้วงแฮคออกไปดื้อๆ เนี่ยแหละ
“พนักงานต้อนรับบอกว่าผู้จัดการกำลังรออยู่ก็เลยรีบขึ้นมาน่ะ” เขาอธิบายเหตุผลที่ควรค่าแก่การรับฟังด้วยท่าทีจริงจัง เป็นใครก็คงโกรธไม่ลง
“อืม แล้วนี่จูนเข้ามาขัดจังหวะหรือเปล่า ให้ไปรอข้างนอกก่อนมั้ย จะได้ทำงานสะดวก” ฉันเรียกชื่อตัวเอง มองแฮคเหมือนผู้หญิงใจกว้างที่ไม่อยากรบกวนเวลางานของแฟนหนุ่ม ท่ามกลางสายตาของพัฟฟินและผู้จัดการที่กำลังจับจ้องไม่วางตา
“อยู่นี่แหละ เป็นห่วง ข้างนอกแดดร้อนเดี๋ยวผิวเสีย” แฮคมองแขนขาวๆ ของฉันที่แดงเรื่อไม่หายเพราะโดนแดดเลียก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วว่าแดงเพราะแดดหรือเพราะคำพูดที่ดูใส่ใจของแฮคกันแน่
“เพื่อนคุณแฮคเหรอคะ” ผู้จัดการยิ้มอย่างเป็นมิตรเลียบๆ เคียงๆ ถาม
“แฟนน่ะ พี่จ๋าไม่ว่าอะไรใช่หรือเปล่าถ้าแฟนผมอยู่ด้วย”
“ได้สิ พี่จะว่าอะไรล่ะ” ผู้จัดการหรือ ‘พี่จ๋า’ พยักหน้ายินดี แต่ในความยินดีนั้นมีแววกระอักกระอ่วนจางๆ แฝงอยู่ ดูท่าว่าก่อนหน้านี้เหมือนเธอจะเข้าใจผิดว่าพัฟฟินเป็นแฟนแฮค พอแฟนตัวจริงโผล่มาก็เลยรู้สึกอายละมั้ง
“งั้นไปดูผ้าที่คุยกันไว้ต่อเลยมั้ยคะ” พี่จ๋าเข้าเรื่อง
“ครับ”
พี่จ๋าเดินนำไปยังผ้าที่ว่า ซึ่งตั้งโชว์อยู่ไม่ไกล ระหว่างที่แฮคกับพัฟฟินให้ความสนใจกับผ้าม้วนนั้นฉันก็มองผ้ากองอื่นไปพลางๆ ไม่ได้เข้าไปเสนอหน้าอะไรมาก แค่อยู่ใกล้ๆ ให้รกหูรกตายัยพัฟฟินก็น่าจะพอแล้ว
ฉันดื่มน้ำที่แม่บ้านเอามาเสิร์ฟหมดไปแล้วครึ่งขวด เสียงแฮคก็ดังขึ้น
“เรื่องผ้าผมไม่มีอะไรขัดข้อง เอาตามที่สั่งตอนแรกเลย”
“ได้เลยค่ะ เดี๋ยวพี่จัดการให้ ผ้าสำหรับใช้เป็นตัวอย่างให้ส่งไปที่ห้องเสื้อคุณเฮเลนแล้วที่เหลือส่งไปที่โกดังเหมือนเดิมใช่มั้ยคะ”
“อืม”
“พี่แฮคโอเคแล้วเหรอ” พัฟฟินแทรกขึ้น
“ใช่ หรือว่าพัฟฟินมีอะไรอยากเสริม”
“ที่คุณน้าสั่งเอาไว้พัฟไม่ติดค่ะ แต่พอมาเห็นของจริงแล้ว ดีไซน์ในหัวก็ผุดขึ้นพึ่บพั่บเลยค่ะ”
“แบบที่แม่พี่สั่งไม่มีปัญหาอะไรพี่คอนเฟิร์มกับพี่จ๋าไปแล้ว แต่ถ้าพัฟฟินอยากได้เพิ่มก็ตามสบายเลยแต่พี่อยู่เป็นเพื่อนไม่ได้นะ ต้องไปทำธุระต่ออีก”
“คะ?” พัฟฟินกะพริบตาปริบ อ้าปากพะงาบๆ เหมือนมีอะไรอยากจะพูดแต่สุดท้ายก็หุบปากเงียบ พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้
โถน่าสงสาร... คงหวังว่าแฮคจะอยู่ช่วยเลือกต่อสินะ
ฉันมองสีหน้าผิดหวังของพัฟฟินอย่างรู้สึกเห็นใจ ฉันว่าเธอก็น่ารักดีออก เสียดาย