พอฉันมีใจ อยากเป็นแฟนนายจริงๆ นายกลับบอกว่ามันไม่เวิร์ก แต่พอฉันถอยออกมา นายกลับบอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน หึ! กราบเท้าฉันสิ แล้วฉันจะคิดเรื่องของนายดูอีกที
รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,พระเอกโบ้,พระเอกหล่อ,พระเอกเลว,redsun,yaygoh,เนปจูน,แฮค,หล่อรวย,อร่อย,ฟินแซบ,ออริ,นางแบบ,โมเดลลิ่ง,งาน N,พริตตี้,ช่างเครื่อง,อกหัก,ชาย-หญิง,ความรัก,แฟน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ภายในร้านอาหารใกล้มหา’ ลัยแห่งหนึ่ง
เจ็บใจจริงๆ
พัฟฟินกระแทกส้อมจิ้มมะเขือเทศในจานสลัดจนน้ำกระเด็นไปโดนคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“อุ้ย! พัฟ เบาๆ รู้ว่ากำลังโมโห แต่อาหารมันไม่ได้ผิดอะไรด้วยนะ”
“ก็ฉันเจ็บใจอ่ะ พี่แฮคจงใจพายัยนั่นมาเย้ยฉันชัดๆ” นึกถึงใบหน้าใสๆ ของผู้หญิงที่แฮคควงแล้วในใจพัฟฟินก็เดือดปุด ผู้หญิงคนนั้นมองยังไงก็ตลาดล่างชัดๆ มีดีก็แค่รูปร่างหน้าตาเท่านั้นแหละ อย่างอื่นไม่มีอะไรสู้เธอได้ด้วยซ้ำ
“อืม... ใจเย็นน่า อีกเดี๋ยวพี่แกก็เบื่อ จะเอามาใส่ใจทำไม เธอพูดเองไม่ใช่เหรอว่าถึงเขาจะมีผู้หญิงเยอะก็ไม่แคร์เพราะอยากเป็นลูกสะใภ้ดีไซเนอร์อัจฉริยะน่ะ”
“แต่ไม่ใช่การที่เขาพาผู้หญิงมาหักหน้าฉันแบบนี้สิ ครั้งแรกก็พามาตอนกินข้าวกับคุณน้า รอบนี้ก็ยังจะพามาเลือกผ้าด้วยอีก เป็นเธอ เธอจะไม่โมโหหรือไง”
“อืม ถ้าเป็นฉันเหรอ... ฉันคงถามพี่แฮคตรงๆ ว่าทำแบบนั้นทำไม”
ความเห็นของเพื่อนทำพัฟฟินเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง เธอแค่พูดลอยๆ ไม่นึกว่าเพื่อนจะเอ่ยออกมาแบบนั้น และมันก็ทำให้พัฟฟินกลัวที่จะฟังคำตอบของแฮค
รู้ดีว่าแฮคไม่ได้คิดกับตนแบบนั้น เพราะถ้าเขาสนใจเธอคงไม่ควงผู้หญิงอื่นมาทำให้เธอไม่สบายใจแน่นอน
“พูดแบบนี้อยากให้ฉันอกแตกตายหรือไงกรีน” สุดท้ายก็ได้แค่ค่อนขอดเพื่อนแล้วถอนหายใจยาวเหยียด
“ไม่ใช่สักหน่อย แค่พูดในมุมฉันน่ะ”
“ใช่สิ เธอเป็นคนอื่นก็พูดง่ายหนิ”
“....”
“เอ้อ ฉันเห็นยัยนั่นใส่ชุดแบบเดียวกับที่เธอตัดด้วย” พัฟฟินนึกถึงชุดเดรสผ้ายีนที่เนปจูนสวมขึ้นมาได้เพราะแบบนั้นก็เลยอารมณ์เสียกว่าเดิม
“งั้นเหรอ บังเอิญหรือเปล่า ชุดแบบนั้นออกจะเกลื่อนตลาด”
“ก็จริงแหละ ของโหลๆ ที่ไหนก็มีขาย”
“....”
♆ เนปจูน ♆
“วันนี้แกต้องเข้ายิมหรือเปล่านะ”
“อื้ม หนึ่งทุ่มน่ะ ยังอีกหลายชั่วโมง ทำไมเหรอ” ฉันหันไปมองหน้ายะหยาระหว่างเดินลงบันไดตึกคณะ เพิ่งเรียนวิชาสุดท้ายของวันนี้เสร็จ
“หาอะไรกินกันมั้ย”
“เอาสิ” ฉันกดดูเวลาบนหน้าจอโทรศัพท์ ยังเหลือเวลาอีกตั้งหลายชั่วโมง ไม่ได้มีธุระที่ไหนด้วย จึงตอบตกลงไปอย่างไม่ลังเล “กินอะไรล่ะ แต่ขอใกล้ๆ นะ ขี้เกียจนั่งรถกลับไปกลับมา”
“สเต๊กมะ กำลังอยากกินเนื้อ” ยะหยาทำท่าเปรี้ยวปาก ฉันที่ไม่ได้อยากกินอะไรเป็นพิเศษพยักหน้าเออออตาม
“ได้ เดี๋ยวมื้อนี้ฉันเลี้ยงแกเอง”
“เฮ้ยจะดีเหรอ ขอสั่งกลับบ้านด้วยได้ใช่มะ”
“เอาให้มันพอดีๆ เถอะย่ะ” ฉันเหลือกตาใส่ยัยนั่น ยะหยาหัวเราะกลับมาอย่างชอบใจ
“ฮ่าๆ ล้อเล่นน่า แกไม่ต้องเลี้ยงหรอก ฉันเป็นคนอยากกิน เดี๋ยวจ่ายเอง”
“เถอะน่า บอกว่าจะเลี้ยงก็เลี้ยงสิ สั่งกลับบ้านก็ได้ วันนี้ฉันจ่ายเอง ตอบแทนที่แกช่วยใส่ชื่อฉันลงไปในงานกลุ่มที่ทำวันเสาร์ ฉันไม่ได้ไปด้วย”
คือวันที่ฉันถูกแฮคหิ้วไปโรงงานผ้าแถบชานเมืองนั่นแหละ
“แต่แกก็ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดนะ ไม่มีใครบ่นหรอก”
ยะหยาบอกฉันหลายรอบแล้วว่าไม่ต้องคิดมาก มันเป็นงานกลุ่มที่ทำร่วมกับนักศึกษาในคณะอื่น ถ้าฉันไม่มียะหยาอยู่ในกลุ่มคอยจัดการให้ก็แย่อยู่ดี ยังไงก็อยากเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนน้ำใจ
“แต่ฉันอยากเลี้ยง~” ฉันลากเสียงยาว จะเลี้ยงข้าวเพื่อนยังต้องอ้อนวอนเลย อะไรจะประเสริฐขนาดนี้เพื่อนฉัน
“เออๆ เอาที่สบายใจแกเลย”
“จ้า~”
เสียงกระดิ่งดังกรุ๊งกริ๊งทันทีที่ถูกผลัก
ฉันกับยะหยาเดินเข้ามาในร้านก็มองหาโต๊ะนั่งกันตามปกติ มีลูกค้าอยู่ไม่กี่โต๊ะ ตัวเลือกก็เลยมีเยอะ สายตาดันประสานเข้ากับคนที่นั่งหันหน้ามาทางประตูโดยบังเอิญ
“....”
“....”
เราทั้งคู่ต่างชะงักไปชั่วขณะ
“มีอะไรเหรอจูน?” ยะหยาเอ่ยถามเมื่อเห็นฉันนิ่งอยู่กับที่
“เปล่า ไม่มีอะไร” ฉันละสายตาจากพัฟฟิน พูดกับยะหยาที่เหมือนจะเลือกโต๊ะนั่งได้แล้ว “นั่งโต๊ะไหนเหรอ”
“ตรงนี้มั้ย” ยัยนั่นเดินนำไปยังโต๊ะที่ว่า
“อื้ม” ฉันพยักหน้าไม่คัดค้าน ร้านไม่ใหญ่มาก แถมยังไม่มีผนังหรือฉากกั้น ไม่ว่าจะนั่งโต๊ะไหนก็มองทะลุถึงกันหมด อยู่ที่ว่าจะมองหรือไม่มองเท่านั้น
พอเจอพัฟฟินที่นี่ทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยเจอ ก็รู้สึกเซ็งจนอยากจะย้ายร้าน แต่เห็นแก่ที่ยะหยาอยากกินฉันเลยไม่อยากทำตัวเรื่องมาก เลือกที่จะทำตัวตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ก็มีแอบๆ ชำเลืองมองไปทางโต๊ะพัฟฟินบ้าง ทางนั้นเองก็ลอบกระซิบกระซาบแล้วส่งสายตามาทางฉันเหมือนกัน
ยัยพัฟฟินอยู่ในชุดลำลองแบรนด์เนมทั้งตัว ขนาดผมก็ยังเป็นทรงสวย ดูก็รู้ว่าเข้าร้านทำผมมา ส่วนคนที่นั่งโต๊ะเดียวกับยัยนั่นผมตรงธรรมดาปล่อยสยายทัดหูแบบทั่วๆ ไปแต่กลับดูดีไม่กระเซอะกระเซิง สวมชุดนักศึกษา ปักเข็มกลัดแบบเดียวกับฉันและยะหยา น่าจะเรียนที่นี่
พวกเราเพิ่งสั่งอาหารเสร็จ ยัยพัฟฟินกับเพื่อนก็เช็กบิลออกจากร้าน
“คนรู้จักเหรอ เห็นมอง” ยะหยามองตามสายตาฉันไปยังสองคนที่เพิ่งออกประตูร้านไป
ฉันส่ายหน้า
“ไม่เชิง จำเรื่องแฮคได้มั้ย”
“แฮค ทำไมเหรอ”
“ผู้หญิงที่ไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษานั่นแหละคือคนที่แฮคอยากปฏิเสธ”
ตั้งแต่เรื่องที่มีอะไรกับแฮค จนถึงเรื่องที่เขาจ้างวานให้ฉันเป็นแฟนเฉพาะหน้า ล้วนถูกระบายให้ยะหยาฟังแบบหมดเปลือก เพราะงั้นจึงไม่จำเป็นต้องเก็บงำตัวตนของพัฟฟินเอาไว้คนเดียวให้อึดอัดใจ
“คนนี้เหรอพัฟฟิน?”
“อืม”
“ก็สวยดีออก ดูดี เป็นลูกคุณหนู แล้วแฮคไม่ชอบเหรอ”
“ไม่รู้ ไม่ใช่สเปกมั้ง” ฉันยักไหล่ ไม่เข้าใจความคิดแฮคเหมือนกันว่าคิดอะไรอยู่ถึงได้ปฏิเสธพัฟฟิน
“หล่อเลือกได้ว่างั้น” ยะหยาเบะปาก
“คงงั้น... ช่างเถอะ อย่าไปพูดถึงให้เสียอารมณ์เลย นี่ดูนี่ดีกว่า” ฉันเปลี่ยนเรื่องคุย เปิดหน้าแอปฯช้อปปิ้งออนไลน์ให้ยะหยาดูร้านที่ฉันเพิ่งเปิดใหม่ “แชร์ให้ด้วยนะ เดี๋ยวเย็นนี้ว่าจะลงเวย์โปรตีน”
“นี่แกทำจริงจังเลยเหรอ”
“อืม พี่ที่ไปออกบูทด้วยกันแนะนำมาน่ะ เป็นรายได้เสริม เผื่อจะขายดี”
ฉันบอกยะหยา พลางยิ้มฝันละเมอถึงกิจการค้าขายที่เฟื่องฟู เน้นขายพวกเครื่องสำอาง อาหารเสริมความงาม สินค้าบางชิ้นก็ไม่ต้องสต๊อกแต่กำไรก็จะน้อยหน่อย แต่ถ้าสินค้าตัวไหนที่ต้องเปิดบิลกำไรก็จะเยอะขึ้นมาหน่อย เงินที่เอาไปเปิดบิลแรกก็ค่าจ้างเป็นแฟนจากแฮคเมื่อวันเสาร์นั่นแหละ รวมๆ แล้วก็สองหมื่นกว่าๆ ฉันเอามาต่อยอดลงทุนขายของออนไลน์ในแอปฯ หมดเลย
เพิ่งลงขายได้วันเดียว ยังไม่มีคำสั่งซื้อเข้ามาเลย
“ยังไม่มีใครสั่งเลยเหรอ” ยะหยาท้วง
“อืม แกสนใจเป็นหน้าม้าให้ฉันมะ สั่งแล้วรีวิวให้ด้วย สร้างความน่าเชื่อถือ”
“ทำแบบนั้นก็ไม่มีประโยชน์หรอก ฉันสั่งไปก็ได้แค่คำสั่งซื้อเดียวเอง” ยะหยาพูด
“อืม... ทำไงดีนะ อยากให้มีคนสั่งซื้อเยอะๆ จัง” ฉันถอนหายใจเฮือก มองจำนวนศูนย์คำสั่งซื้ออย่างใจแป้ว
ฟิตเนส
ระหว่างที่ฉันเป็นผู้ช่วยเทรนเนอร์เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าก็ดังขึ้น กำลังพักเบรกพอดี เลยมีเวลาจับโทรศัพท์ ฉันขมวดคิ้วเมื่อเห็นชื่อคนส่ง
จำนวนที่มากขึ้นทำเอาคิดหนัก สี่พันเลยนะ...
“จูน?”
“ไปไหนต่อคืนนี้”
“ทำไมคะ” ฉันเก็บโทรศัพท์ลงแล้วให้ความสำคัญกับเรื่องของพี่โบตั๋นมากกว่าคนในแอปฯ
พี่โบตั๋นเป็นทั้งเทรนเนอร์และอินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพ-ฟิตหุ่น เรารู้จักกันผ่านงานรีวิวอาหารเสริมตัวหนึ่งแล้วบังเอิญคุยถูกคอ พอรู้ว่าฉันหาเงินส่งตัวเองเรียนเพราะฐานะทางบ้านไม่ดี ด้วยความเอ็นดูพี่โบตั๋นจึงชวนฉันมาช่วยงานที่ฟิตเนส ค่าแรงก็ตามสมควร ไม่เยอะมาก แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไร
“เพื่อนพี่หาเด็กไปช่วยงานอยู่น่ะ น้องที่คอนเฟิร์มแล้วเกิดป่วยกะทันหัน ก็เลยจะหาคนแทน”
“งานอะไรคะ”
“ปาร์ตี้ข้างสนาม”
“???”
“ไม่ต้องห่วง ไม่มีนอกรอบ แค่ไปสร้างสีสันในงาน เพื่อนพี่คนนี้เชื่อถือได้”
พูดเหมือนรู้ว่าฉันกังวลอะไรอยู่ ด้วยความที่ทำงานด้วยกันมาสักระยะ เราทั้งคู่ก็สนิทกันในระดับหนึ่ง พี่โบตั๋นรู้ว่าฉันไม่รับงานบนเตียง ถึงแม้บางครั้งงาน ‘N’ มันจะเสี่ยง แต่ก็เลี่ยงมาได้ตลอด ยกเว้นครั้งนั้น... เพราะค็อกเทลของบาร์เทนเดอร์นั่นแท้ๆ ที่ทำให้ฉันควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ผสมอะไรให้ฉันดื่มกันแน่
“ตกลงค่ะ จูนรับงาน”
“ดีเลย พี่จะได้บอกเพื่อนว่าหาคนได้แล้ว เสร็จจากนี้จูนค่อยนัดแนะรายละเอียดกับมันอีกที”
“ตกลงค่ะ”
แล้วพี่โบตั๋นก็เอาช่องทางติดต่อของเพื่อนให้กับฉัน