พอฉันมีใจ อยากเป็นแฟนนายจริงๆ นายกลับบอกว่ามันไม่เวิร์ก แต่พอฉันถอยออกมา นายกลับบอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน หึ! กราบเท้าฉันสิ แล้วฉันจะคิดเรื่องของนายดูอีกที
รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,พระเอกโบ้,พระเอกหล่อ,พระเอกเลว,redsun,yaygoh,เนปจูน,แฮค,หล่อรวย,อร่อย,ฟินแซบ,ออริ,นางแบบ,โมเดลลิ่ง,งาน N,พริตตี้,ช่างเครื่อง,อกหัก,ชาย-หญิง,ความรัก,แฟน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฉันนั่งแท็กซี่ที่เรียกใช้บริการผ่านแอปฯ ‘Comet’
แอปฯเรียกรถน้องใหม่มาแรงที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แต่มีคนให้ความสนใจและเข้าใช้งานเยอะพอๆ กับแอปฯ เรียกรถเจ้าใหญ่ ฉันเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องธุรกิจพวกนี้หรอกแค่เห็นตามข่าวที่ปัดผ่านหน้าจอ แถมที่โหลดแอปลงเครื่องก็เพราะว่ามีคูปองส่วนลดเยอะ เท่านั้นเอง
แท็กซี่จอดให้ตามหมุดที่ปักเอาไว้ ซึ่งพี่ “อ้อ” เพื่อนพี่โบตั๋นเป็นคนแชร์มาให้
ฉันจ่ายค่าโดยสารเสร็จก็รีบเดินเข้าไปข้างในทันที ที่มั่นใจว่ามาถูกที่ก็เพราะก่อนจะถึงจุดหมายฉันวิดีโอคอลกับพี่อ้ออยู่ก่อนแล้ว แต่ก็แอบตกใจอยู่เหมือนกันที่รู้ว่าสถานที่จัดงานอยู่ริมถนน ถึงก่อนหน้านี้จะรู้อยู่แล้วว่าเป็นปาร์ตี้ข้างสนามแต่ไม่คิดว่าจะข้างสนามที่หมายถึงถนนจริงๆ
ทีแรกนึกว่าสนามกีฬาอะไรแบบนั้น
ฉันผิดเองแหละที่ไม่ได้ถามรายละเอียดให้แน่ชัดก่อน เพราะเวลาที่กระชั้นชิดด้วย เสร็จจากฟิตเนสก็ตรงมาที่นี่เลย แน่นอนว่าอาบน้ำเปลี่ยนชุดที่ฟิตเนสก่อนแล้ว
ฉันลัดเลาะผ่านฝูงชนที่ค่อนข้างแออัด ไม่นานก็เจอตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ยาวสีน้ำเงินเข้มมีลายหัวนกอินทรีน่าเกรงขามสลักอยู่ เป็นสถานที่นัดพบตามที่พี่อ้อบอก
“ถึงแล้วค่ะ” ฉันบอกพี่อ้อที่ยังอยู่ในสาย ตั้งแต่ลงจากแท็กซี่ก็วิดีโอคอลตลอดไม่ได้วาง
“เข้ามาเลยนะ พี่เตรียมชุดเอาไว้ให้แล้ว”
“ค่ะ”
ฉันวางสายเงยหน้าขึ้นบอกกล่าวผู้ชายสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าทางเข้าตู้คอนเทนเนอร์
“เอ่อ มาหาพี่อ้อค่ะ”
“....” ผู้ชายสองคนนั้นกวาดสายตามองฉันรอบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ความจริงประตูก็เปิดทิ้งเอาไว้อยู่แล้ว แต่จะให้เดินผ่านไปเลยมันรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็เลยบอกกล่าวคนที่เหมือนจะเป็นยามเฝ้าประตูพอเป็นพิธีเท่านั้น
ข้างในตู้คอนเทนเนอร์คือห้องแต่งตัวดีๆ นี่เอง ค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร หลายคนกำลังง่วนอยู่กับการแต่งหน้าทำผม
“เนปจูน?”
เพิ่งจะผ่านประตูเข้ามา เสียงเรียกชื่อก็ดังขึ้น
“มะนาว” พอหันไปมองก็เจอคนรู้จักซะงั้น ก็ว่าเสียงคุ้นๆ “มาด้วยเหรอ ไม่เห็นรู้เลย”
มะนาวคือหนึ่งในเพื่อนที่ทำงานสายนี้เหมือนกัน ต่างกันตรงที่มะนาวทำงานเอาสนุก หาประสบการณ์กับความท้าทายให้ตัวเอง ไม่ได้ปากกัดตีนถีบดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างฉันที่ต้องส่งเสียตัวเองเรียน
“แกนั่นแหละ จะมาไม่เห็นบอก” ยัยมะนาวตั้งป้อมต่อว่าฉันเต็มที่ ไม่รู้ว่าแค่หยอกเล่นหรือพูดจริง
“ฉันเพิ่งรู้เมื่อกี้เอง มาแทนคนที่ป่วยน่ะ”
“อ้าวเหรอ ฉันก็นึกว่าแกอุบอิบรับงานไม่บอกไม่กล่าวเพื่อน”
“ยังจะมีหน้ามาว่าฉันอีก แกต่างหากที่ไม่ยอมบอกข่าวฉันน่ะ” ฉันว่ายัยมะนาวกลับทันที ยัยนั่นยิ้มแห้งกลบเกลื่อน
“ก็โมเดลลิ่งติดต่อมาน่ะ ฉันไม่ได้หาเอง” มะนาวยิ้มไม่เต็มปาก เรื่องที่ฉันมีปัญหากับพี่ช่อฟ้ากลายเป็นเรื่องที่ลือกันไปทั่วสนุกปากจริงๆ ดังคาด ฉันไม่พูด ก็มีแค่แฮคกับพี่ช่อฟ้าสองคนนั่นแหละ ไม่ใครคนใดก็คนหนึ่งที่เอาไปพูดต่อ ประมาณว่าฉันไม่ยอมเซ็นสัญญาแล้วพอไปนอนกับลูกค้ามาก็โวยวายอยากจะได้เงินเต็มจำนวน
ช่วงนี้ก็เลยห่างๆ จากงานโมเดลลิ่งของพี่ช่อฟ้า ส่วนโมเดลลิ่งอื่นนั้น... บางทีก็คงจะเชื่อพี่ช่อฟ้าด้วยเหมือนกัน แต่โชคดีที่ฉันยังมีคอนเนคชั่นอื่นอีก ไม่งั้นคงงานหดหายไปจริงๆ
“อืม” ฉันพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ มะนาวไม่ได้สังกัดโมเดลลิ่งไหนเป็นพิเศษ รับงานไปทั่ว แต่ฉันก็ไม่อยากถามซอกแซ่กเรื่องโมเดลลิ่ง ตอนนี้รู้สึกขยาดกับคำนี้อยู่ เพราะมันทำให้ฉันนึกถึงบทสนทนาที่ร้านกาแฟในหมู่บ้านจัดสรรวันนั้นขึ้นมา
“แล้วนี่เห็นพี่อ้อมั้ย”
“อยู่ข้างในน่ะ”
“ฉันไปหาพี่อ้อก่อน ไว้ค่อยคุยกัน”
“เออๆ”
ฉันบอกมะนาวเสร็จก็รีบตามหาพี่อ้อ เพราะเคยวิดีโอคอลกันแล้วก็เลยรู้จักหน้าค่าตา แค่เห็นแวบๆ ก็จำกันได้ทันที
“พี่อ้อสวัสดีค่ะ เนปจูนนะคะ” ฉันรายงานตัวทันทีที่เจอหน้าอีกฝ่าย
“น้องจูนพี่รออยู่เลย เดี๋ยวเอาชุดนี่ไปเปลี่ยนนะ แล้วก็เติมหน้าให้พี่อีกหน่อยด้วย ที่จูนแต่งมาซีดไปนิดน่ะ”
“ได้ค่ะ”
พี่อ้อไม่พูดพร่ำทำเพลง เธอพยักหน้ารับคำทักทายของฉันเสร็จก็สั่งงานทันที
ฉันรับชุดมาถือ ฟังพี่อ้อแจกแจงรายละเอียดงานจนจบก็แยกย้ายไปเปลี่ยนชุด แต่งหน้า ทำผมตามที่ได้รับบรีฟมา
เต็นท์หลักของอีเกิลสปีด ห่างจากตู้คอนเทนเนอร์ไม่ไกล
ฉันมารู้ตอนนี้เองว่ารูปอินทรีที่ตู้คอนเทนเนอร์นั่นเป็นสัญญาลักษณ์ทีมรถแข่ง แล้วงานวันนี้ก็ยังเป็นงานเอนเตอร์เทนสมาชิกทีมอีเกิลสปีด มันทำให้ฉันรู้สึกกังวลนิดหน่อย เพราะคราวก่อนที่ได้เรื่องได้ราวก็เพราะไป ‘N’ พวกนักแข่งนี่แหละ ถึงพี่อ้อจะบอกว่าไม่มีนอกรอบแต่มันก็อดระแวงไม่ได้อยู่ดี
จู่ๆ ก็นึกถึงข้อความที่แฮคส่งมา... เขาก็ชวนฉันไปงานแข่งรถนอกสถานที่เหมือนกัน หวังว่าจะไม่ใช่ที่นี่นะ
ไม่หรอก ถนนในเมืองนี้มีตั้งกี่เส้น ไม่มีทางบังเอิญแบบนั้นหรอก แต่ถึงจะบังเอิญเป็นที่เดียวกันจริงก็ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องพะวงเลยนี่
เราไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ สักหน่อย แค่นอนด้วยกันครั้งสองครั้ง เขาไม่นับอยู่แล้ว ฉันเองก็ไม่อยากปักใจอะไรด้วย
ฉันรีบปัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง ดึงความสนใจกลับมาที่งานตรงหน้า ซึ่งไม่มีอะไรมาก นอกจากโยกตัวตามเสียงเพลง คอยเสิร์ฟเครื่องดื่มผู้ชายที่เดินสวนกันไปมาในเต็นท์
ถึงจะบอกว่าแข่งรถ แต่กลับไม่มีใครสวมชุดแข่งจริงๆ จังๆ สักคน มากสุดก็แค่สวมแจ็กเกตทีมคลุมทับชุดลำลองข้างใน
พวกนักแข่งนี่ดูดีกันทุกคนเลยหรือไง ตั้งแต่ที่เห็นเดินผ่านไปผ่านมาในเต็นท์นึกว่างานรวมรุ่นหนุ่มหล่อซะอีก ไม่รู้เลยว่าใครเอนเตอร์เทนใครกันแน่ สาวๆ ที่มาด้วยกันทำหน้าละลายจนแทบเก็บอาการไม่อยู่ ต่อให้โดนชวนไปต่อก็คงไม่ปฏิเสธ
พวกผู้ชายงานดีมากจริงๆ โดยเฉพาะคนผมหยักศกที่มีนัยน์ตาสีครามที่ดูเจ้าเล่ห์แปลกๆ ... กับคนผมสกินเฮดที่มีรอยสักรูปปีกนกอยู่ตรงหลังคอด้านข้างถึงสายตาจะดุดันน่ากลัวไปหน่อยแต่ก็ดูสุขุมน่าเกรงขาม แถมบรรยากาศรอบตัวก็ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเขาอยู่เหนือคนอื่น
“พี่จะขับเองเหรอ” ผู้ชายผมหยักศก เจ้าของนัยน์ตาสีครามแสนเจ้าเล่ห์เอ่ยทัก ใบหน้าดูกังวลใจแปลกๆ
แม้ว่าเสียงเพลงจะดังจนหนวกหู แต่ถ้าเป็นคนที่เราให้ความสนใจ แค่จับตามองแล้วอ่านปากเอาก็พอเดาออกว่าพูดอะไร
“กูอยากต้อนรับที่มันกลับมาสักหน่อย”
“แต่เราไม่ได้ใส่ชื่อพี่ในทีม คนดูจะโวยวายได้นะ”
“ก็ไปใส่สิวะ”
“อย่าพูดซี้ซั้ว” นัยน์ตาสีครามแข็งกร้าวหัวเสีย กำลังจะขึ้นเสียงหรือไงไม่แน่ใจแต่คนพี่พูดตัดบทขึ้นมาก่อน
“มึงไปบอกไอ้พวกออร์แกไนซ์ ว่านักแข่งที่วางตัวเอาไว้ป่วย เอาใบรับรองแพทย์ไปให้พวกมันดูด้วยจะได้ไม่กล้าเถียง”
“ห๊ะ! ใบรับรองแพทย์? ป่านนี้เนี่ยนะ พี่จะทำเสียเรื่องเพราะแค่อยากอัดรถกับไอ้เวรนั่นไม่ได้ ผมไม่ยอม”
“กูเป็นหัวหน้าทีม มึงแค่ฟังแล้วทำตามที่กูพูด”
“ไม่ทำตามคำสั่งโง่ๆ หรอกนะ”
“ไอ้เวรนี่! ถ้ามึงจะมาแล้วขัดใจกู วันหลังก็ไม่ต้องมา น่ารำคาญ!”
“พี่!”
คนพี่จะเดินหนีแต่คนน้องคว้าแขนเอาไว้ เกิดการดึงกระชากกันขึ้น จากที่คุยธรรมดาๆ ก็กลายเป็นโต้เถียงกันขึ้นมา จนคนรอบข้างต่างมองด้วยสายตาระแวดระวัง พลอยทำให้บรรยากาศที่กำลังครึกครื้นหยุดชะงักเหมือนโดนแช่แข็งชั่วขณะ
“ใจเย็นๆ ก่อน มีเรื่องอะไรกันค่อยพูดค่อยจาสิวะ ทำคนเขากลัวหมดแล้วเนี่ย” ผู้ชายที่เพิ่งก้าวเข้ามาในเต็นท์เห็นเหตุการณ์ตอนที่ทั้งคู่ฉุดแขนกันพอดีเอ่ยเตือนเสียงราบเรียบคล้ายเคยชินกับบรรยากาศตรงหน้า
“ไอ้กุนมึงมาพอดี เอาพี่กูไปเก็บหน่อย” เจ้าของนัยน์ตาสีครามหันไปพูดกับคนที่เพิ่งมาใหม่
“ทำไมวะ”
“วันนี้มึงไม่ต้อง กูจะขับเอง” คนผมสกินเฮดหันไปบอกคนที่เพิ่งมาใหม่
“เอ่อ ล้อเล่นใช่มั้ยพี่ ถ้าทำแบบนั้นจะเสียชื่อทีมเอานะ ช่วงนี้ยิ่งสถานการณ์ไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วย”
“....”