พอฉันมีใจ อยากเป็นแฟนนายจริงๆ นายกลับบอกว่ามันไม่เวิร์ก แต่พอฉันถอยออกมา นายกลับบอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน หึ! กราบเท้าฉันสิ แล้วฉันจะคิดเรื่องของนายดูอีกที
รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,พระเอกโบ้,พระเอกหล่อ,พระเอกเลว,redsun,yaygoh,เนปจูน,แฮค,หล่อรวย,อร่อย,ฟินแซบ,ออริ,นางแบบ,โมเดลลิ่ง,งาน N,พริตตี้,ช่างเครื่อง,อกหัก,ชาย-หญิง,ความรัก,แฟน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“....”
แล้วปรากฏว่ากุนไม่ชนะ คนเข้าเส้นชัยคือคนจากทีมเรดซันชื่อ ‘ฮาน’
ให้ตายสิ เงินเดิมพันหายต๋อมเลย ฮึ่ย เซ็ง!
ฉันเก็บโทรศัพท์ลงอย่างอารมณ์เสียหลังรู้ผลการแข่งขัน ทันทีที่รถคันสุดท้ายเข้าเส้นชัย พิธีกรก็เรียกคนชนะขึ้นไปรับรางวัลที่แท่นใกล้ๆ กับเต็นท์อำนวยการ มีถ่ายทอดสดในแอปฯ สปีดเวย์ให้ดูตลอดตั้งแต่เริ่มแข่งบนถนนจนพิธีมอบรางวัล
“น่าเสียดายอ่ะ” ยัยมะนาวที่ยืนลุ้นอยู่ข้างๆ กันทอดถอนใจ “เข้าตั้งที่สี่แหนะ อุตส่าห์เชียร์ ชิ”
ฉันยิ้มอ่อน ไม่มีความเห็นอะไรทั้งนั้น แค่ดูกับร่วมสนุกพอหอมปากหอมคอเท่านั้น ว่าไปก็นึกเสียดายอยู่เหมือนกัน โอนเงินเข้าไปในแอปฯทายผลตั้งสองพันแหนะ
พอกุนกลับมา เขาทำหน้าเศร้าๆ ที่ไม่ชนะ แต่พอคริสตบหลังสองทีแล้วบอก “ไม่เป็นไรไม่ต้องคิดมาก” บรรยากาศคลุมเครือภายในเต็นท์ก็คลายออกทันที
ระหว่างนั้นกุนก็เหลือบมองมาทางฉัน หลังคุยกับคริสเสร็จเขาเดินเข้ามาหาด้วยสายตาที่แน่วแน่จนฉันรู้สึกไม่สบายใจ นึกไปถึงตอนเดินไปส่งเขาที่รถขึ้นมาแล้วใจสั่นตึกตัก
“โทษทีนะที่ไม่ชนะ”
“เอ่อ อื้อ แค่ปลอดภัยกลับมาก็ดีแล้ว”
ฉันได้แต่ตอบไปแบบนั้นเพราะมีสายตาของคนอื่นคอยจับจ้องอยู่ แอบลุ้นว่าเขาจะเอ่ยถึงเรื่องที่ฉันทำก่อนหน้านี้หรือเปล่า แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เอ่ยถึงสักคำ ดูเหมือนว่าฉันจะคิดมากไปคนเดียว ที่แท้เรื่องจูบปากหอมแก้มระหว่างเรซควีนกับนักแข่งก่อนลงสนามจะเป็นเรื่องปกติ
“พี่กุนเก็บอาการหน่อยสิพี่” เสียงคนในเต็นท์แซว
“ยุ่งน่า” กุนหันไปแหวใส่ทางต้นเสียงก่อนหันกลับมายิ้มเจื่อนๆ ให้ฉัน “ไม่ต้องไปสนใจหรอก”
“อือ ดื่มอะไรมั้ย? เดี๋ยวเอามาให้” ฉันรีบเปลี่ยนเรื่อง ถึงจะไม่ใช่คนหน้าบางสั่นคลอนง่ายกับคำพูดหยอกล้อไม่กี่คำของคนรอบข้าง แต่พอเอาหลายเรื่องมาประกอบกันแล้วก็รู้สึกกระดากอยู่นิดหน่อย
“เบียร์สักป๋องก็ดี”
“ได้สิ”
ฉันปลีกตัวออกมา แต่ยังไม่ทันหายใจโล่งปอด เสียงเอะอะโวยวายที่ทำให้คนไม่สบายใจนอกเต็นท์ก็ดังขึ้น พอหันกลับไปมองก็เห็นร่างสูงโปร่งพรวดพราดเข้ามาท่ามกลางบรรยากาศที่ลุกฮือของเจ้าถิ่น
แฮค?
เสียงในใจฉันดังก้อง หัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มทันที ชั่วขณะที่เกิดความสับสน แฮคที่กวาดตามองไปทั่วก็ปะทะสายตาเข้ากับฉันพอดี เขาก้าวฉับๆ เข้ามาฉวยข้อมือฉันดึงให้เดินตามแบบไม่พูดพร่ำทำเพลง
“แฮค!?” ฉันตกใจจนลูกตาแทบถลนจากเบ้ากับความกะทันหันที่เกิดขึ้น จู่ๆ ก็โผล่มาฉุดกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ต้องใจกล้าหน้าด้านแค่ไหนกันแน่
และแน่นอนอยู่แล้วว่าต้องมีคนไม่พอใจ
“เฮ้ย! หยุดนะโว้ย มึงคิดจะทำอะไรวะ” กุนเข้ามาขวางทันที ใบหน้าหล่อเหลามืดครึ้ม
ฉันไม่รู้ว่าทั้งสองฝั่งขัดแย้งกันยังไง แต่จากบรรยากาศในตอนนี้ มันเหมือนแฮคบุกเข้ามาในถ้ำเสือชัดๆ
“งานเสร็จแล้วกูจะพาคนของกูกลับ” แฮคบอกแบบไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น
“คนของมึง?” กุนแค่นเสียงเย็น สีหน้าไม่เชื่อสุดใจ “อย่ามาพูดให้ขำหน่อยเลยว่ะ เนปจูนจะเป็นคนของมึงได้ยังไง”
ยังไม่ทันที่ข้อพิพาทระหว่างกุนกับแฮคจะได้ข้อสรุป เสียงหนึ่งที่เต็มไปด้วยแรงกดดันยิ่งกว่าก็ดังแทรกขึ้นมา
“บุกเข้ามาฉุดเรซควีนของทีมอื่น มึงคิดว่าที่นี่เป็นโรงทานหรือไงวะ ที่จะเข้ามาหยิบฉวยของแล้วก็ออกไปได้โดยไม่มีใครว่า”
คริสเดินเข้ามาขวาง
แต่... โรงทาน? นี่ฉันกลายเป็นของแจกโรงทานไปแล้วเหรอ จะเปรียบเทียบทั้งทีก็ให้มันน่าฟังกว่านี้หน่อยสิ
“แค่จะมารับเมียกลับบ้าน ต้องแจ้งให้พ่อมึงทราบด้วยหรือไง”
แฮค! ปากนายนี่มัน
“....” คริสมีสีหน้าไม่น่ามองขึ้นมาทันที นัยน์ตาคมเข้มมีประกายเย็นเยียบวาบผ่าน
ฉันอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว มันจะมีผู้หญิงสักกี่คนกันที่ชอบการถูกตีตราต่อหน้าคนอื่น แล้วยิ่งไม่ใช่เรื่องจริง ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนเอาชื่อเสียงมาให้คนป่นปี้เล่น
“เมีย?” กุนชักสีหน้าออกอาการขัดใจอย่างรุนแรง
ไม่ใช่แค่กุน แต่ทุกคนที่อยู่ในเต็นท์ก็เงียบนิ่ง ท่าทางกังขาพอกัน
“เธอเป็นเมียมันเหรอเนปจูน” คริสที่เงียบไปก่อนหน้านี้ถามเสียงเย็นยะเยือก คงต้องการให้ฉันยืนกรานออกมาตรงๆ ต่อหน้าทุกคน
“ไม่...” ฉันส่ายหน้าไปก่อนแล้วแต่คำพูดเพิ่งจะหลุดจากปากได้แค่คำเดียวก็โดนแฮครวบเอวเข้าไปกอดแน่น พร้อมกับแรงบีบที่รุนแรงจนเจ็บ
“คิดให้ดีก่อนพูด” แฮคกระซิบขู่
ฉันชะงักกับการกระทำที่ปัจจุบันทันด่วนของแฮค ...แต่ก็ไม่มีอะไรให้ต้องคิดเลยนี่ ฉันไม่ได้อยากเป็นเมียนายจริงๆ สักหน่อย “ไม่...”
“ห้าหมื่น”
ฉันกำลังจะปฏิเสธ แต่จู่ๆ เสียงทุ้มยะเยือกก็กระซิบสวนขึ้นมาข้างหู
“?” ฉันงับคำพูดที่เหลือเอาไว้ทันควัน เบิกตามองเจ้าของเสียงกระซิบอย่างไม่แน่ใจ แต่พอสบสายตาคมปลาบที่เต็มไปด้วยแววดุดันและเผด็จการนั่นก็รู้สึกได้ทันทีว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น
แต่ความกังขาในใจก็ยังไม่คลาย ระหว่างที่ฉันกำลังสับสนและสงสัยว่าแฮคต้องการอะไรกันแน่ เขาก็เร่งเร้ามาอีกระลอก
“ว่าไงบอกไปสิว่าเราเป็นอะไรกัน” แฮคยิ้มหวานแบบที่ใครมองก็รู้ว่ากำลังเสแสร้ง แต่ว่า... เขาคงคิดจะเอาเงินห้าหมื่นนั่นมาปิดปากฉันจริงๆ เหรอ?
กับแค่การยืนยันสถานะต่อหน้าคนอื่นเนี่ยนะ?
“โอนมาก่อน”
เพื่อหยั่งเชิงฉันกัดฟันกระซิบตอบโดยที่มีสายตาจ้องจับผิดของคริสและคนอื่นๆ มองอยู่ การกระทำของเราค่อนข้างโจ่งแจ้ง ไม่รู้ว่าจะยังปกปิดได้หรือเปล่า แต่ด้วยความใกล้ชิดสนิทสนมจากการกระซิบกระซาบกันตอนนี้ก็อาจจะทำให้คนอื่นเข้าใจไปว่าเราเป็นคู่รักที่กำลังมีปัญหากันอยู่ก็ได้
“ไม่ต้องกลัว เคยเบี้ยวหรือไง เร็วสิ!” แฮคกดเสียงพูดตอบ เร่งรัดให้ฉันยอมรับว่าเป็นเมียเขา เอาไงดีวะ ห้าหมื่นเลยนะ แค่ยอมรับคำเดียวเอง แต่เขาจะโอนจริงๆ งั้นเหรอ ความคิดในหัวฉันตีกันยุ่งเหยิงไปหมด
“ว่ายังไง ปรึกษากันเสร็จหรือยัง” เสียงเย็นยะเยือกของคริสทำฉันสะดุ้ง คลี่ยิ้มเจื่อนๆ มองเขา ไม่แน่ใจแล้วว่าจะตบตาทุกคนได้
สายตาคมกริบของคริสราวกับรู้ทันว่าระหว่างฉันกับแฮคมีเงื่อนไขบางอย่างติดพันกันอยู่
“อืม... ฉัน... เป็นเมียแฮค” ฉันยอมรับเสียงอ่อย ใบหน้าร้อนวูบวาบไปหมด ทั้งอายคน ทั้งรู้สึกผิดที่เห็นแก่เงินแต่ห้าหมื่นเลยนะ ฉันไม่อยากเป็นคนดีแต่โง่ที่มานั่งเสียดายทีหลังหรอก
“เนปจูน!?” กุนช็อก
“ได้ยินชัดแล้วใช่มั้ย ทีนี้ก็หลบไปได้แล้ว” แฮคยิ้มเยาะพวกคนที่ครหาในความสัมพันธ์ของเรา อะไรจะสะใจขนาดนั้น
“ส่งเมียตัวเองมาเป็นเรซควีนทีมอื่น คิดว่าจะจบสวยเหรอ” ทว่าคริสไม่หลบ ยืนนิ่งปักหลักเป็นเสาเอกไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว แต่ที่เพิ่มเติมก็คือรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม
“เมียกูสวย ทำไงได้”
โห... แฮค พูดได้เป็นธรรมชาติมาก ฉันไม่ได้รู้สึกดีนะ แค่กลัว... กำแพงในใจก่อตัวขึ้นสูงลิ่วทันที
“ในเมื่อมึงปล่อยให้มาเพ่นพ่านในถิ่นของคนอื่น อยากได้คืนมันก็ต้องออกแรงหน่อยดิวะ”
กำลังพูดถึงคนหรือหมาเนี่ย ฉันเริ่มจะไม่ถูกใจนายแล้วนะคริส
“ยังไง” แฮคนัยน์ตาแข็งกร้าว
“ง่ายๆ อยากได้คืนก็ต้องวางเดิมพัน”
“....”
คริสสั่งให้คนจับฉันกับแฮคแยกกัน เกิดความวุ่นวายขึ้นชั่วขณะเพราะแฮคไม่ยอม ทว่าเขาแค่คนเดียวจะเอาอะไรไปต้านคนทั้งเต็นท์ล่ะ
โชคดีที่ไม่ถึงกับชกต่อยกันรุนแรง อย่างมากก็แค่เหวี่ยงกับสะบัดฮึดฮัดเท่านั้น ราวกับว่าต่างฝ่ายต่างประนีประนอมไม่ให้เรื่องบานปลายใหญ่โต
นั่นสิ คงไม่มีใครอยากเปิดวอร์เพราะผู้หญิงคนเดียวหรอก
“มึงจะเอายังไงว่ามา!” แฮคกัดฟันกรอด ใบหน้าแดงก่ำ ท่าทางโมโหสุดๆ ที่โดนขัดขวางไม่ให้พาคนไป ฉันก็บอกเขาไปแล้วนะ ว่าให้รอเลิกงานก่อน มีอะไรก็ค่อยคุยกัน ไม่เห็นจะต้องบุกมาที่เต็นท์คู่อริให้เกิดเรื่องเกิดราวเลยสักนิด
เดี๋ยวนะ... แฮคก็ดูไม่ใช่คนโง่นี่ เขาจะคิดไม่ได้เลยเหรอ
“เป็นนักแข่งรถก็ต้องตัดสินกันบนถนนสิวะ ถ้ามึงชนะก็เอาผู้หญิงไป แต่ถ้าแพ้ก็แค่... จ่ายค่าดูแลมาแสนหนึ่ง”
เงื่อนไขของคริสทำฉันหูผึ่ง ลูกตาเบิกโพลง อะไรแสนๆ นะ?
แฮคชำเลืองมองฉันแวบหนึ่ง แต่แวบเดียวนั้นให้ความรู้สึกลึกล้ำบอกไม่ถูก ทีแรกนึกว่าจะปฏิเสธ แต่เขากลับถามตอบรับง่ายๆ “ได้ นัดวันมา”
คริสกระตุกยิ้ม “จะนัดวันทำไมให้เสียเวลา แข่งกันที่นี่เดี๋ยวนี้เลย”
แฮคชะงัก เหมือนยังไม่พร้อมหรือแค่แกล้งทำเป็นติดขัดไม่แน่ใจ นัยน์ตาคมครุ่นคิดก่อนเอ่ยถาม “ฝั่งมึงส่งใคร”
“กูเอง!” ยังไม่ทันที่คริสจะเอ่ยปาก เสียงกุนที่อัดอั้นมาเนิ่นนานก็ดังขึ้น
“กุน?” แฮคมองหน้ากุนที่ดูเป็นเดือดเป็นร้อนข้ามหน้าข้ามตาคริส
“ให้ผมขับเถอะพี่คริส”
“ฝั่งมึงขับเองหรือส่งตัวแทนมา” คริสไม่ตอบกุนในทันทีแต่หันมาถามแฮคเหมือนกำลังคาดหวังอะไรอยู่
“เมียกู กูก็ต้องขับเองสิวะ”
“เหอะ ไอ้กุนมึงขับ” คริสหันไปพูดกับกุนเหมือนคนหมดความสนใจ
“ครับพี่”