พอฉันมีใจ อยากเป็นแฟนนายจริงๆ นายกลับบอกว่ามันไม่เวิร์ก แต่พอฉันถอยออกมา นายกลับบอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน หึ! กราบเท้าฉันสิ แล้วฉันจะคิดเรื่องของนายดูอีกที
รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,พระเอกโบ้,พระเอกหล่อ,พระเอกเลว,redsun,yaygoh,เนปจูน,แฮค,หล่อรวย,อร่อย,ฟินแซบ,ออริ,นางแบบ,โมเดลลิ่ง,งาน N,พริตตี้,ช่างเครื่อง,อกหัก,ชาย-หญิง,ความรัก,แฟน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฉันตื่นขึ้นมาบนที่นอนในเวลาเกือบบ่ายของวันถัดมาพร้อมอาการปวดเมื่อยตามตัว ขนาดออกกำลังกายเข้าฟิตเนสยังต้านท่ากายกรรมของแฮคไม่อยู่
ห้องที่ฉันตื่นคือห้องเดียวกับตอนนั้น ฉันเริ่มไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมแฮคไม่อยู่ที่นี่ หลังจากทำกิจกามเสร็จเขาก็คงกลับไปนอนห้องตัวเองตามเคย เหอะ! ทำเป็นเว้นระยะห่าง แค่นอนเตียงเดียวกันจนถึงเช้าไม่ทำให้ฉันหลงผิดไปชอบนายเข้าจริงๆ หรอก ในเมื่อทำข้อตกลงกันไว้ซะขนาดนั้น
…ส่วนที่ลึกซึ้งมันก็เป็นเพราะอารมณ์นำพา ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันอะไรกันเลย
แต่ปกติฉันก็ไม่นอนกับผู้ชายไปทั่วนะ มีแฮคนี่แหละเคสแรกที่ฉันเผลอนอนด้วย ตอนอยู่บนเตียงฉันก็ไม่ได้เรียบร้อยด้วยสิ ไม่รู้ว่าเขาจะคิดว่าฉันเป็นคนยังไง
เฮ้อ! ช่างเถอะ แฮคจะมองฉันแบบไหนก็ไม่สำคัญหรอก เพราะยังไงซะฉันก็เป็นแค่แฟนจ้างของเขาเท่านั้น คิดมากไปก็เหนื่อยใจเปล่าๆ
ฉันลุกเข้าห้องน้ำด้วยความเคยชิน ถือวิสาสะหยิบชุดในตู้มาสวมเสร็จก็เดินออกมาข้างนอก ยังไม่ทันจะตามหาแฮค ก็เจอโน้ตแปะเอาไว้ที่หน้าตู้เย็นในครัว
‘คีย์การ์ดห้องอยู่บนโซฟา เธอเก็บเอาไว้ ถ้าตื่นแล้วก็ทักมาบอกด้วย’
แปลว่าเขาไม่อยู่ที่นี่งั้นเหรอ? ฉันอ่านข้อความในกระดาษ มองซ้ายมองขวาพอเป็นพิธี ก่อนจะเปิดตู้หาของกิน
เฮ้อ... เสียเวลาไปวันหนึ่งเต็มๆ จนได้ พอรู้ว่าเวลาล่วงไปถึงบ่ายแล้วฉันก็ยอมแพ้ที่จะเข้าเรียน ไปตอนนี้อย่างเร็วก็คงทันคาบสุดท้ายแบบหวุดหวิด แต่ไม่มีกำลังใจจะไปเนี่ยสิ
ฉันเดินมาหยิบโทรศัพท์ในห้องโถงแล้วกลับเข้ามาในครัวอีกรอบ ระหว่างหาอะไรใส่ท้องก็ทักไปหายะหยาฝากให้เก็บงานในคาบเรียนไว้ให้
ใช้เวลาอยู่ในคอนโดแฮคพักใหญ่ๆ กว่าจะจัดการตัวเองเสร็จแล้วขึ้นแท็กซี่กลับหอพัก เตรียมตัวไปเป็นผู้ช่วยที่ฟิตเนสเย็นนี้ รู้สึกเหมือนจะลืมอะไรสักอย่างแต่ก็นึกไม่ออก ช่างเถอะ
ฟิตเนส
“น้องจูนเป็นไงบ้างงานเมื่อคืน ได้ยินว่ามีแต่เรื่องน่าสนใจเยอะเลยหนิ“
พี่โบตั๋นทัก ฉันเพิ่งเดินเข้าฟิตเนสกระเป๋ายังไม่ทันวางก็ต้องยิ้มอ่อนอกอ่อนใจก่อนแล้ว
ยังไม่ทันพูดอะไรตอบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอเอาออกมาดูก็เห็นชื่อ ‘แฮค’ โชว์หราอยู่บนจอ
ไม่รู้ทำไม แค่เห็นก็รู้สึกได้ถึงอารมณ์เกรี้ยวกราดจากปลายสาย
“เดี๋ยวจูนมานะ”
ฉันขมวดคิ้ว พูดกับพี่โบตั๋นก่อนจะวางกระเป๋าแล้วเดินออกมารับสายข้างนอก หาที่เงียบๆ คุย
“มีอะไร” ฉันถามทันทีที่รับสาย
[ตื่นแล้วเหรอ]
หือ... ก็ต้องตื่นแล้วสิ นี่มันตะวันตกดินแล้วเด้อ ฉันสวนกลับคำพูดของแฮคในหัว
“อื้ม ตื่นแล้ว ทำไม”
[เห็นเงียบไป นึกว่าเป็นอะไรไปแล้ว]
“เป็นอะไร คิดว่าฉันจะหลับไม่ตื่นหรือไง มีอะไรอีกหรือเปล่าถ้าไม่มีจะวางแล้วนะต้องไปทำงานแล้ว”
[ตอนนี้เธออยู่ไหน]
“ฟิตเนส... ทำไม?”
[ตื่นกี่โมง]
“บ่ายๆ ทำไม?”
[นี่กี่โมง]
“จะทุ่มนึงแล้ว มีอะไรหรือเปล่า”
[ไม่เห็นโน้ตที่แปะเอาไว้หน้าตู้เย็นเหรอ]
“เห็น ทำไม?”
ฉันจำไม่ได้ว่าพูดคำว่าทำไมไปกี่รอบ แต่ทุกครั้งแฮคจะถามกลับมาเสมอ แล้วน้ำเสียงก็เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
[แล้วเขียนบอกว่ายังไง]
“บอกให้เก็บคีย์การ์ดไว้ไม่ใช่เหรอ?”
[อะไรอีก]
“ที่สั่งเอาไว้ก็มีแค่นี้นี่ จะมีอะไรอีกล่ะ” ฉันครุ่นคิด แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก เสียงพ่นลมหายใจแรงๆ ดังมาจากปลายสายทันที
[ฉันบอกให้เธอทักหาถ้าตื่นแล้ว ทำไมไม่ทักมา]
“ห๊ะ! เอ่อ...” ฉันพูดไม่ออก นั่นมันสำคัญด้วยเหรอ แต่น้ำเสียงแฮคจริงจังจนฉันไม่กล้าพูดพล่อยๆ ออกมา “ก็ฉันไม่คิดว่านายจะรอนี่”
[ฉันจะรอหรือไม่รอก็ไม่ต้องมาคิดแทน แค่ทักมาบอกสักคำว่าตื่นแล้วมันยากมากงั้นเหรอ]
นี่โกรธจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย... ให้อารมณ์เหมือนโดนแฟนดุจริงๆ เลยว่ะ เล่นซะฉันอึ้งไปเลย
“รู้แล้วน่า ฉันผิดเองแหละที่ไม่ได้สนใจ เอาเป็นว่าต่อไปฉันจะทักหานายทุกครั้งที่ตื่นเลยโอเคยัง”
[เพื่อนเล่นเหรอ]
“อ้าว!”
[ประชดทำไม]
“ฉันหมายความตามที่พูดจริงๆ เอาอะไรมาประชดล่ะ นี่แค่นี้ก่อนได้มั้ย มันจะได้เวลางานแล้วไว้ค่อยคุยกัน”
[เสร็จกี่โมง]
“ทำไม”
[จะไปรับ แชร์โลเคชั่นมาด้วย]
“....”
แค่คุยโทรศัพท์กับแฮคก็รู้สึกเหมือนคาร์ดิโอไปแล้วครึ่งชั่วโมง ใจเต้นแรงจนเหนื่อย...
ฉันงงมากนะที่เขาโทรมา แถมยังเหมือนโทรมาหาเรื่องอีก หนำซ้ำตอนท้ายยังทำให้ฉันประหลาดใจด้วยการบอกว่าจะมารับ นี่จะเล่นบทแฟนกันจริงจังเลยใช่มั้ยเนี่ย ช่างเถอะ ไหนๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้วมีแต่ต้องตามน้ำไปเท่านั้นแหละ ฉันแชร์พิกัดที่อยู่ของฟิตเนสให้แฮครู้ก่อนจะวางสายแล้วกลับไปหาพี่โบตั๋น เริ่มงานเป็นผู้ช่วยเทรนเนอร์เหมือนทุกที
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
แฮคมารอรับที่ฟิตเนสจริงๆ
ฉันยอมรับว่าคาดไม่ถึง ถึงกับเผลอทำหน้าตกใจไปแวบหนึ่งที่รู้ว่าเขามา พี่โบตั๋นที่สงสัยเรื่องเมื่อคืนอยู่แล้วยิ่งเห็นแฮคก็ยิ่งกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็นเพิ่มขึ้น คงได้ฟังเรื่องคร่าวๆ มาจากพี่อ้อนั่นแหละ แล้วช่วงพักเทรนก็มีเวลาคุยกันไม่มาก ฉันเลยไม่ได้เล่าเรื่องเมื่อคืนอย่างจริงๆ จังๆ
“นี่คือ?” พี่โบตั๋นทำหน้าตื่นเต้นใส่แฮค เรื่องที่ฉันเผลอมีอะไรกับแฮคในคืนปาร์ตี้ที่รับงาน ‘N’ ไม่ได้เล่าให้พี่โบตั๋นฟัง และก็ไม่แน่ใจด้วยว่าพี่โบตั๋นรู้ข่าวลือที่ฉันมีปัญหากับโมเดลลิ่งหรือเปล่า ถึงจะนับถือเธอเหมือนพี่สาวคนหนึ่งแต่ก็ไม่ได้คุยกันทุกเรื่อง อีกอย่างช่วงนี้ฉันก็มัวแต่ยุ่งเรื่องตัวเอง จึงไม่มีเวลามานั่งปรับทุกข์กับใครเท่าไหร่ อย่างมากสุดก็มีบ่นกับยะหยาคนเดียวนั่นแหละ
“แฮคค่ะ แฮคนี่พี่โบตั๋นเป็นเทรนเนอร์” ฉันแนะนำให้ทั้งคู่รู้จักกัน ไม่แน่ใจว่าควรจะเอ่ยสถานะของแฮคว่ายังไง จึงเลือกที่จะละเอาไว้ก่อน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เพื่อนจูนเหรอคะ” พี่โบตั๋นยิ้มทักทายอย่างเป็นกันเอง
“แฮคครับ เป็นแฟนจูน”
เขาประกาศตัวเต็มปากเต็มคำไม่มีเคอะเขินสักนิด พูดปดได้ลื่นไหลจนฉันรู้สึกขนลุก
“แฟนเหรอ... จูนเก็บเงียบไม่บอกพี่เลยนะ”
“เรื่องแบบนี้จูนไม่กล้าพูดก่อนหรอกค่ะ” ฉันยิ้มอย่างลำบากใจ
“อืม ถ้างั้นที่ยัยอ้อพูดเมื่อคืนก็เป็นความจริงน่ะสิ ที่ว่ามีผู้ชายเดิมพันกันเพราะแย่งตัวจูนน่ะ”
ฉันเบิกตาโพลง ถึงจะเผื่อใจเอาไว้แล้วแต่ก็ไม่นึกว่าจะลือกันแบบนั้นจริงๆ
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย”
ฉันยิ้มเจื่อน เอ่ยอย่างถ่อมตัว แต่แฮคกลับคว้าเอวฉันเข้าไปโอบหลวมๆ แบบหน้าตาเฉย
“ผมผิดเองแหละที่ไม่รีบทำให้ชัดเจนตั้งแต่แรก ทำให้จูนไม่มั่นใจ” แฮคมองฉันด้วยแววตาลุ่มหลงก่อนเบือนสายตาไปทางพี่โบตั๋น
ตึกตักๆ ตึกตักๆ
ต่อให้รู้ว่าเขาแสร้งพูดแต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นมาจริงๆ
“หืม... พูดซะพี่เขินแทนเลยเนี่ย แต่ว่าจูนมีคนดูแลเป็นตัวเป็นตนแล้ว แบบนี้หนุ่มๆ ในฟิตเนสก็อกหักกันเป็นแถวเลยสิ”
แฮคชะงักไปครู่หนึ่ง เขาหรี่ตาลงมองฉันแล้วถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย
“ต่อไปเลิกมาทำงานที่นี่ดีมั้ย”
“ทำไมล่ะ” ฉันตกใจ นี่เขาแค่ตบมุกพี่โบตั๋นหรือว่าพูดจริง? สายตาเอาเรื่องแบบนั้นฉันเดาทางไม่ถูกเลยสักนิด
“ใจเย็นๆ”
พี่โบตั๋นยิ้มแหย สีหน้าเลิ่กลั่ก รีบยกมือห้ามความคิดสายฟ้าแลบของแฮค
“พี่แค่หยอกเล่นน่า ถ้ารู้ว่าจูนมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้วก็ไม่มีใครกล้ามาวุ่นวายหรอก”
“ฮ่าๆ ไม่ต้องคิดมากครับ ผมเองก็พูดเล่นเหมือนกัน” แฮคยิ้มกวนกลับไป
“ฮ่า...” พี่โบตั๋นยิ้มค้างทันควัน
“....” ฉันยิ้มไม่ออกแล้ว ท่าทางแฮคตอนนี้มันน่าเอานิ้วทิ่มตาจริงๆ
พวกเราพูดคุยกับพี่โบตั๋นต่อไม่นานก็ขอตัวกลับ โดยที่แฮคโอบเอวฉันตลอดทางจนมาถึงรถราวกับกลัวคนไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรกัน เฮ้อ อึดอัดโว้ย!