พอฉันมีใจ อยากเป็นแฟนนายจริงๆ นายกลับบอกว่ามันไม่เวิร์ก แต่พอฉันถอยออกมา นายกลับบอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน หึ! กราบเท้าฉันสิ แล้วฉันจะคิดเรื่องของนายดูอีกที
รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,พระเอกโบ้,พระเอกหล่อ,พระเอกเลว,redsun,yaygoh,เนปจูน,แฮค,หล่อรวย,อร่อย,ฟินแซบ,ออริ,นางแบบ,โมเดลลิ่ง,งาน N,พริตตี้,ช่างเครื่อง,อกหัก,ชาย-หญิง,ความรัก,แฟน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
โชคดีที่วันนี้รถไม่ติด ออกจากคอนโดแฮคเกือบเที่ยง มาถึงที่นัดหมายก่อนบ่ายโมง เร็วกว่าที่นัดเอาไว้ครึ่งชั่วโมงแหนะ
สถานที่ถ่ายคือทุ่งกุหลาบนาเดียร์ตั้งอยู่นอกเมือง ที่นี่มีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร จุดถ่ายรูปเช็กอินหลายจุด ระหว่างนั่งแท็กซี่ฉันคุยกับพี่ที่ดีลงานตลอดเวลา มาถึงพี่เจ้าของแบรนด์ต้อนรับอย่างดี พูดคุยถามไถ่อย่างเป็นกันเอง ทำให้บรรยากาศในการทำงานผ่อนคลาย ไม่เครียด
Line!~
แฮค : จะเสร็จกี่โมง
บ่ายสอง แฮคทักมา กำลังพักเบรกอยู่พอดี
ฉันแปลกใจนิดหน่อย ไม่คิดว่าเขาจะใส่ใจ... ไม่ดิ แค่จำได้ก็น่าทึ่งแล้วเพราะตอนนั้นเขาเหมือนคนไม่มีสติสักนิด
เนปจูน : หกโมงเย็นมั้ง
แฮค : แชร์โลเคชั่นมา เดี๋ยวไปรับ
เนปจูน : ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้ ไม่ต้องลำบาก
แฮค : แชร์โลเคชั่น
เนปจูน : [ตำแหน่งที่ตั้ง]
เพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำ ฉันกดส่งโลเคชั่นไปให้มันจบๆ แล้วปิดโทรศัพท์เก็บเข้ากระเป๋า ลุกไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศ ตอนแฮคทักมาฉันก็ดีใจนะ แต่พอเขาบอกจะมารับโดยไม่ฟังอะไรเลยกลับทำฉันหงุดหงิด
“น้องจูนกลับยังไงคะ”
พี่เจ้าของแบรนด์กางเกงยีนถามขึ้นหลังจากถ่ายเซตสุดท้ายเสร็จ
“เดี๋ยวเพื่อ... เอ่อแฟนมารับค่ะ” เกือบหลุดแล้วมั้ยล่ะ ฉันยิ้มกลบเกลื่อนได้แต่หวังว่าจะไม่โดนจับสังเกตได้ แต่คนเหล่านี้ไม่น่าจะมีผลอะไรกับแฮคหรอกมั้ง
“อ๋อ โอเค วันนี้ขอบใจมากเลยนะ รอบหน้ามาเป็นนางแบบให้พี่อีกนะ พี่ชอบหุ่นน้องจูนมากเลย”
“ได้เลยค่ะ พี่ลงภาพวันไหนแท็กจูนด้วยนะคะ เดี๋ยวจูนช่วยแชร์”
“โอเคค่ะ งั้นพี่เก็บของก่อนนะ ว่าแต่แฟนจูนมารอแล้วเหรอ”
“ยังเลยค่ะ เดี๋ยวเปลี่ยนชุดเสร็จจูนว่าจะไปนั่งรอในคาเฟ่”
บรรยากาศในคาเฟ่ดีไม่แพ้ด้านนอก แดดสีส้มอ่อนๆ ของดวงอาทิตย์ที่กำลังลับเส้นขอบฟ้าส่องทะลุกระจกเข้ามา ทำให้ความรู้สึกเหงาอบอวลขึ้นในใจ กลิ่นของกาแฟร้อนหอมกรุ่นยิ่งตอกย้ำการเฝ้ารอ
พี่เจ้าของแบรนด์กับทีมงานกลับไปแล้วเหลือฉันนั่งรออยู่ในคาเฟ่คนเดียว จนกาแฟเย็นชืดแฮคก็ยังไม่โผล่มา
ทักไปถามครึ่งชั่วโมงก่อนว่าถึงไหนแล้ว เขาตอบว่ากำลังมา...
ทักไปอีกก็ไม่อ่าน ไม่รู้ว่าขับรถอยู่หรือเปล่า ฉันมองหน้าจอด้วยความรู้สึกร้อนรน ด้านนอกมืดขึ้นเรื่อยๆ คาเฟ่ปิดสี่ทุ่มก็จริงแต่แท็กซี่แถวนี้ยิ่งดึกก็ยิ่งหายาก
จนถึงสองทุ่มครึ่งฉันรอต่อไม่ไหวแล้ว รีบเช็กรถแท็กซี่ในแอปฯ ‘Comet’ กำลังจะกดเรียกรถ กุนก็โทรมาพอดี
>> กุน
ฉันชะงักมือที่กำลังจะกดจองรถ มองชื่อที่กะพริบบนจอ ก่อนกดรับสาย
“ฮะโหล”
[เรื่องเรซควีนตัดสินใจได้หรือยัง] กุนยิงคำถามใส่ทันทีที่รับสาย
“ยังไม่ได้คิดเลย ไหนว่าจะให้เวลาคิดไง นี่เพิ่งผ่านมาวันเดียวเองนะ”
[ไม่นึกว่าจะประชุมกันวันนี้ ต้องตัดสินใจแล้วล่ะว่าจะรับหรือไม่รับ]
“แป๊บได้มั้ยกุน ขอเรียกแท็กซี่ก่อน กลัวดึกน่ะ” ฉันบอกอย่างรีบร้อน ที่จริงก็กะถ่วงเวลาเพื่อใช้ความคิดด้วย
[ตอนนี้อยู่ไหนเหรอ]
“คาเฟ่ที่ทุ่งกุหลาบนาเดียร์”
[ทุ่งกุหลาบนาเดียร์... ไปทำอะไรที่นั่น] น้ำเสียงครุ่นคิดถามกลับ
“มาถ่ายงานน่ะ ขอเรียกแท็กซี่ก่อนนะ กลัวดึกแล้วไม่มีรถมารับ”
[ให้ไปรับหรือเปล่า]
“เอ๊ะ? ไหนว่ามีประชุม”
[ไม่เป็นไร แวบไปได้ ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แค่คุยงานคร่าวๆ เอง เดี๋ยวไปรับโอเคนะ]
“เอ่อ... เดี๋ยวเรียกรถเอาได้ ไม่เป็นไร”
ฉันรู้สึกเกรงใจ อีกอย่างไม่อยากตั้งความหวังด้วย กลัวซ้ำรอยแฮค มันเจ็บ
[ไม่ต้องเรียกแล้วอันตราย เดี๋ยวไปรับเอง ไม่เกินครึ่งชั่วโมงถึงเชื่อดิ]
“มารับจริงใช่มั้ย? ไม่หลอกให้รอเก้อนะ”
[ใครจะกล้าหลอกคนสวยอย่างจูนล่ะ]
“....” ปากหวานใส่แบบนี้ชักไม่น่าเชื่อแล้วสิ
[พูดจริงนะ กำลังเดินไปที่รถ]
“ให้ส่งโลเคชั่นให้เปล่า?”
[ไม่เป็นไร เคยไปมาแล้ว รู้ทาง]
“ถ้าอย่างนั้นรอนะ”
[คร้าบบ]
“....” ฉันกดวางสาย ความรู้สึกว้าวุ่นในใจเหมือนโดนปัดเป่าแต่ก็ยังไม่วายระแวง เข้าแอปฯ ไล่ดูบริการรถแท็กซี่เผื่อเอาไว้ ถ้าโดนหลอกอีกจะได้ไม่ต้องลนลาน
ฉันออกมารอหน้าร้านหลังจากที่กุนโทรมาบอกว่าใกล้ถึงแล้ว ไม่เกินห้านาทีแอคคอร์ดคันสีขาวก็วิ่งเข้ามาจอดด้านหน้า น่าจะเป็นรถกุนนั่นแหละ
“จูน” เขาเลื่อนกระจกรถลงแล้วตะโกนออกมาจากข้างใน
ฉันพยักหน้ารับรู้ กำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ ข้อมือก็โดนคว้าเอาไว้ซะก่อน
หมับ!
หัวใจฉันกระตุกวูบ แวบแรกตกใจนึกว่าโดนใครฉุดเพราะไฟด้านหน้าคาเฟ่ค่อนข้างมืด แต่พอมองชัดๆ ก็สบสายตาเข้ากับเจ้าของนัยน์ตาคมเข้ม
“แฮค?”
ฉันเรียกชื่อคนตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึง ไม่รู้ว่าเขามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วโผล่มาได้ยังไง
มีคำถามผุดขึ้นในหัวเต็มไปหมด แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะเอ่ยปาก กุนก็เปิดประตูลงจากรถ เดินอ้อมมาเผชิญหน้ากับแฮคตรงๆ
“ไอ้เวรนี่มาได้ยังไง” แฮครั้งฉันไปยืนข้างๆ แล้วจ้องกุนอย่างหาเรื่อง ท่าทีที่เหมือนถูกหยามหน้าเห็นแล้วก็อดโมโหขึ้นมาไม่ได้ ที่จริงคนที่สมควรโดนก็คือแฮคนั่นแหละ
“กูมารับจูน” กุนตอบเสียงหนักแน่นจริงจัง ไม่สะทกสะท้านต่อสายตาคุกคามของแฮค
“มารับ?” แฮคลากสายตาร้อนแรงกลับมาที่ฉันอย่างต้องการคำอธิบาย
“เอ่อ ก็... นายเล่นเงียบไปเลย ฉันกลัวว่าจะไม่มีรถกลับ ก็เลยให้กุนมา” แล้วทำไมฉันเหมือนจะกลายเป็นคนผิดไปได้ละเนี่ย
“ฉันไลน์มาบอกแต่เธอไม่อ่านเอง” แฮคเอ่ยเสียงเย็นยะเยือกตอบ
“หา?” ฉันเลิ่กลั่ก ไม่คิดว่าตัวเองจะพลาดขนาดนี้นี้ รีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กแล้วถึงกับยิ้มไม่ออก แฮคตอบไลน์จริง แต่เขาเพิ่งตอบเมื่อห้านาทีที่แล้วนี่เอง ใครมันจะไปใจเย็นรอถึงขนาดนั้นกันล่ะ ไอ้บ้าเอ๊ย!
“ฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะ ช่วยไลน์มาให้มันเร็วๆ กว่านี้ไม่ได้หรือไง”
“คนที่ควรโมโหคือฉันต่างหาก แฟนนัดผู้ชายอื่นมารับต่อหน้าต่อตา ไม่ตลกสักนิด”
“....” ฉันละพูดไม่ออกเลยจริงๆ เอากับแฮคสิ นี่จะเล่นละครเนียนไปถึงไหนกัน เอาซะเกือบจะเชื่อแหนะว่าเขาหึงหวงฉันจริงๆ
แล้วนี่ฉันต้องตอบแฮคว่ายังไง แต่รู้สึกผิดต่อกุนยังไงก็ไม่รู้ เขาอุตส่าห์มีน้ำใจขับรถมารับ
“ไม่รู้ล่ะ ฉันจะกลับกับกุน” ฉันเชิดหน้าขึ้นโพล่งความต้องการออกไป
“....” กุนพยักหน้าพอใจกับการเลือกของฉันขณะที่แฮคสีหน้าเดือดดาลขึ้นมาทันที
“อยากลองดีหรือไง” แฮคบีบข้อมือฉันแรงขึ้น
“เฮ้ย ไม่ได้ยินเหรอ จูนจะกลับกับกู มึงปล่อยมือได้แล้ว”
“นี่เมียกู ถ้ากูปล่อยให้ไปกับมึง บนหัวกูก็คงมีเขางอกแล้วมั้ง”
“ไอ้สัส ปากบอกว่าเมียแต่แม่งปล่อยให้เขารอจนมืดค่ำเนี่ยนะ”
“นี่มันเรื่องของพวกกู มึงอย่าเสือก อ้อ! แล้วก็เลิกแอบนัดเจอกับเมียกูด้วย เมียกูมีเจ้าของแล้วไม่ใช่ของสาธารณะ”
ฉันอ้าปากค้าง ฟังผู้ชายสองคนโต้ตอบกันอย่างหาจังหวะแทรกไม่ถูก หนังหน้าหนาๆ ถึงกับสะเทือนกับคำว่าของสาธารณะของแฮค ทำไมเขาต้องใช้คำพูดที่ฟังแล้วลดทอนคุณค่าคนอื่นแบบนั้นด้วย
เขาเตือนกุนไม่ให้ล้ำเส้นน่ะไม่ผิดหรอก แต่ที่คาใจคือกำลังดูถูกฉันด้วยหรือเปล่า?
“ไปได้แล้ว” แฮคกระตุกข้อมือให้ฉันเดินตาม
“จูน” แต่กุนรั้งข้อมืออีกข้างของฉันเอาไว้ ไม่ยอมให้แฮคพาตัวฉันไปง่ายๆ
ถ้าเป็นแบบนี้คงยื้อกันไม่จบไม่สิ้น ฉันสูดหายใจลึก ถึงจะรู้อยู่แก่ใจว่าถ้าไปกับแฮคแล้วจะไม่เป็นการสร้างปัญหาเพิ่ม แต่ว่าจะให้ฉันทิ้งกุนที่อุตส่าห์ขับรถมารับถึงที่ก็ใจร้ายเกินไป ที่สำคัญกว่านั้นคือฉันโกรธแฮคอยู่ เขาปล่อยให้ฉันนั่งรออย่างกระวนกระวายหลายชั่วโมง แล้วเพิ่งจะมาตอบข้อความเอาตอนห้านาทีสุดท้าย มันน่าฟาดมั้ยล่ะ
ฉันสลัดมือแฮคออก
“ความผิดนายเองนะที่มาช้า ฉันตัดสินใจแล้ว ไปกันเถอะกุน”
“อืม” กุนพยักหน้า มิวายส่งสายตาเยาะเย้ยแฮคด้วย
“จูน... เฮ้!” คราวนี้เป็นแฮคที่เรียกชื่อฉัน แต่ว่าฉันไม่สน เดินตามกุนไปขึ้นรถอย่างไม่ลังเล ทิ้งไอ้คนหลงตัวเองที่กำลังเดือดปุดๆ เอาไว้ด้านหลัง
เชิญโมโหไปเถอะ โทษฐานที่ทำให้ฉันร้อนใจ