พอฉันมีใจ อยากเป็นแฟนนายจริงๆ นายกลับบอกว่ามันไม่เวิร์ก แต่พอฉันถอยออกมา นายกลับบอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน หึ! กราบเท้าฉันสิ แล้วฉันจะคิดเรื่องของนายดูอีกที
รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,พระเอกโบ้,พระเอกหล่อ,พระเอกเลว,redsun,yaygoh,เนปจูน,แฮค,หล่อรวย,อร่อย,ฟินแซบ,ออริ,นางแบบ,โมเดลลิ่ง,งาน N,พริตตี้,ช่างเครื่อง,อกหัก,ชาย-หญิง,ความรัก,แฟน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เพิ่งวางสายกุนไปหมาดๆ แฮคก็ทักมาถามว่าอยู่ไหน
ฉันตอบไปตามตรงว่าอยู่ร้านกาแฟ แล้วก็สลับหน้าจอไปเล่นอย่างอื่น ไม่สนใจข้อความที่เด้งเข้ามาในไลน์ของแฮคอีก รู้ตัวอีกทีก็สามทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว เวลาผ่านไปไวมาก
ฉันกลับเข้ามาที่บ้านพักก็เกือบๆ สี่ทุ่ม ตั้งใจจะไปเอาน้ำที่ครัวเผื่อไว้ดื่มตอนดึก มีเสียงเหมือนใครกำลังดูไลฟ์สดดังขายของออกมาจากในครัว ฉันชะลอฝีเท้าจนแทบจะกลายเป็นย่องเพราะภาพคนล้วงตับกันในห้องซักล้างยังหลอกหลอนอยู่ เลยต้องระวังนิดนึง
ทว่าในครัวมีแฮคแค่คนเดียว เขากำลังนั่งดูไลฟ์ในโทรศัพท์ด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจ ฉันจะไม่แปลกใจเลยถ้าไลฟ์ที่แฮคดูไม่ใช่ไลฟ์ขายเสื้อผ้าผู้หญิง แต่ว่าแม่ค้าในไลฟ์ก็หน้าตาน่ารักอยู่นะ หรือแฮคคิดจะจีบแม่ค้า? จะว่าไปทำไมรู้สึกคุ้นๆ หน้าจังแฮะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนแต่นึกไม่ออก
แฮคปิดไลฟ์สดทันทีที่รู้ตัวว่าฉันมายืนอยู่ด้านหลัง เอ่อ... ฉันก็ไม่ได้จะแอบมองนะ แค่ย่องเข้ามาเงียบๆ แล้วมองแวบเดียวเอง แต่ในแวบสั้นๆ นั่นก็มากพอจะเห็นทุกอย่างตามที่กล่าวมาข้างต้น
“....”
ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบกริบ เสียงจากลำโพงโทรศัพท์หายไปราวกับดีดนิ้ว
“....”
ทำไมรู้สึกว่าแฮคดูลนลานแปลกๆ ...หรือเขาอายที่ถูกเห็นว่ากำลังดูแม่ค้าไลฟ์ขายเสื้อผ้าอยู่?
ฉันครุ่นคิดแล้วก็ดันนึกไปถึงเสื้อผ้าผู้หญิงในตู้เสื้อผ้าที่คอนโดแฮคขึ้นมา เกี่ยวอะไรกันหรือเปล่านะ หรือว่าแฮคจะชอบสะสมเสื้อผ้าผู้หญิง? นึกไม่ออกเลยแฮะ ช่างเถอะ
ฉันไล่ความรู้สึกสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับแฮคทิ้ง เพราะไม่มีประโยชน์ ฉันไม่ใช่แฟนตัวจริงแฮคสักหน่อยไม่มีความจำเป็นต้องอยากรู้ทุกเรื่องราวของเขาขนาดนั้น
“กลับมาแล้วเหรอ”
แฮคเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง
“อืม มาเอาน้ำ จะขึ้นห้องนอนแล้ว พรุ่งนี้เดินทางกี่โมง”
“แปดโมงเช้า เตรียมตัวให้ทันด้วย อย่าตื่นสายล่ะ”
“ฉันไม่เคยสาย มีแต่นายนั่นแหละที่ชอบสาย”
ฉันนึกถึงเรื่องที่เขาปล่อยให้รอที่ทุ่งกุหลาบนาเดียร์ก่อนหน้านี้แล้วก็ความโกรธก็พุ่งปี๊ด ทว่าขณะที่กำลังเลือดขึ้นหน้า แฮคกลับดึงฉันเข้าไปกอด
“แฮค...”
“งั้นก็ทำตั้งแต่ตอนนี้เลยจะได้รีบนอน”
“ทำ... ทำอะไร อ๊ะ... นายจับหน้าอกฉันทำไม หยุดสิ อื้อ... แฮค นี่มันในครัวนะไม่ตลก หยุด... อ๊ะ~”
ใจฉันกระตุกวาบ ปัดมือที่เลื้อยพันยิ่งกว่าหนวดปลาหมึกของเขาออก รู้สึกตั้งตัวไม่ทัน
นอกจากมือที่ยั้วเยี้ยจนน่ารำคาญแล้ว ริมฝีปากอุ่นชื้นของเขาก็เอาเรื่องไม่แพ้กัน
แฮคก้มลงขบเม้มต้นคอ ประทับรอยร้อนชื้นแทบทุกตารางนิ้ว ฉันเอียงหลบ หัวใจเต้นกระหน่ำรัวแรง อารมณ์หวั่นไหวว้าวุ่นถาโถมเข้ามาไม่หยุด
“ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งทำไปเองนะ” ฉันท้วงเสียงอู้อี้ ลมหายใจติดๆ ขัดๆ
“แล้วยังไงล่ะ”
เขาถามกลับเหมือนไม่ใช่เรื่องแปลก ฉันนึกอะไรไม่ออก ตอนที่กำลังจังงังกับคำตอบของแฮค ริมฝีปากก็โดนประกบปิด ร่างกายเบาหวิวเหมือนขนนกทันทีที่ได้สัมผัสกับแรงกดคลึงวาบหวามบนริมฝีปาก
ฉันยังคงผลักไสแฮคออกห่าง แต่เรี่ยวแรงที่มีก็ค่อยๆ อ่อนลง... จนนิ่งไม่กระดิกกระเดี้ย ตกอยู่ใต้การควบคุมของแฮคเกือบสมบูรณ์ถ้าเพียงแต่ไม่มีเสียงกระแอมไอดังขึ้นมา
“อะแฮ่ม!”
ฉันได้สติ ยกศอกขึ้นยันหน้าอกแฮคออกห่าง เบือนหน้าหลบริมฝีปากที่ตามมารบเร้า
“มีคนมา” ฉันเตือน
“ฮึ่ม”
เขาคำรามเสียงต่ำในลำคอ อารมณ์เสียที่โดนขัดจังหวะ ชำเลืองหางตากลับไปมองด้านหลังอย่างไม่กระดากอายสักนิด
“มีอะไร” แฮคชำเลืองมองเจ้าของเสียงไอก่อนหน้านี้อย่างไม่สนใจไยดี
คนคนนั้นเดินเข้ามาอย่างไม่ใส่ใจเช่นกัน เขาไม่แม้แต่จะชายตามองพวกเราด้วยซ้ำ
“กูแค่มาเอาน้ำ ไม่ต้องสนใจ ต่อเลย” พูดจบเขาก็ยกแพ็กน้ำออกไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต้องชาชินขนาดไหนถึงเห็นเป็นเรื่องปกติได้เนี่ย
“....” ฉันดันตัวออกจากอ้อมแขนของแฮค ความรู้สึกแย่ปกคลุมไปทั้งใจ
แฮคยื่นมือตามจับท่อนแขนฉันดึงกลับไป เขาออกแรงกระตุกเบาๆ ฉันก็เซเข้าสู่อ้อมอกแกร่งแล้ว
“ไม่เอา” ฉันปฏิเสธ ส่ายหน้าหลบจมูกคมๆ ที่ซุกเข้าหา
แฮคตื๊อเหมือนคนอดอยากทั้งที่มีกินไม่เคยขาด
“เป็นอะไร เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย” เสียงทุ้มนุ่มลึกพึมพำข้างใบหูอ่อน ฉันเอียงคอ หนีบไหล่หลบ รู้สึกจั๊กจี้ปนสยิว ขืนให้เขาคลอเคลียต่อมีหวังเข้าอีหรอบเดิมอีกแน่ๆ
แฮคยังคงเซ้าซี้ ซุกหน้าลงไซ้ต้นคอฉันอย่างไม่ฟังอะไรทั้งนั้น
ฉันมือหนึ่งดันเขาออกมือหนึ่งควานสะเปะสะปะคว้าขวดน้ำได้ฟาดใส่หัวแฮคดังโพละ!
“โอ๊ย!”
แฮคสะดุ้งสุดตัว ศีรษะสั่นกระตุกต่อหน้าต่อตาพร้อมกับเศษแก้วแตกกระจาย เลือดสดๆ ไหลออกมา
ฉันใจหายวาบ กลิ่นปลาร้าเข้มข้นโชยมา... เป็นกลิ่นที่ทำให้น้ำลายสอ
ฉันยังคงอึ้ง มองคอขวดที่กำค้างอยู่ในมือ นี่มันไม่ใช่ขวดน้ำ... แต่เป็นขวดปลาร้า!
เอ่อ... ฉันกะพริบตามองคนที่โชยไปด้วยกลิ่นอบอวล
“หืม! ทำบ้าอะไรของเธอวะ”
แฮคหน้าเย็นยะเยือก นัยน์ตาแดงก่ำจ้องฉันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อและจะอ้วกในเวลาเดียวกัน
สภาพเขาตอนนี้คือแบบ... ฉันจากที่กำลังหวาดกลัวก็เกือบจะหลุดขำออกมาแหนะ ดีนะกลั้นเอาไว้ทัน
อยากเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปเขาตอนนี้ชะมัด แต่เลือดแดงๆ ที่ไหลแซมน้ำปลาร้าออกมาจากหัวแฮคทำให้ฉันไม่มีเวลามาทำเรื่องไร้สาระ
“ขะขอโทษ” ฉันรีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพยเขาทันทีที่ได้สติ
“อึก” แฮคซวนเซ
“ไหวหรือเปล่าเนี่ย นายเลือดออกไม่หยุดเลย หาหมอมั้ย” ฉันชักจะกลัว มองเลือดที่ทะลักออกมาเหมือนท่อน้ำแตกของแฮค ไม่รู้แผลลึกแค่ไหน แล้วจะติดเชื้อหรือเปล่า?
ถ้าเขาตายขึ้นมาเพราะโดนขวดน้ำปลาร้าฟาดคงตลกพิลึก
ฉันกระวนกระวาย มองหาทิชชูมาซับเลือดกับคราบน้ำปลาร้าตามตัวให้แฮค ก่อนจะร้อนรนทนไม่ไหว ดึงเขาออกมาจากห้องครัว กวาดสายตามองหาคนช่วย แต่ที่นี่ไม่มีใครเลย เพื่อนๆ ของเขาน่าจะกำลังปาร์ตี้กันอยู่หลังบ้านพัก ให้ฉันวิ่งไปตามคนตอนนี้ก็กลัวว่าแฮคจะไม่ไหว ท่าทางเขาอาการหนักมาก แค่จะเดินเองก็ยังไม่มีแรง ไม่รู้เสียเลือดมากเกินไปหรือกำลังเมาปลาร้าบนหัวอยู่
ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวดูอิดโรยจนน่าสงสาร
“กุญแจรถล่ะ” ฉันลากแฮคออกมาทางหน้าบ้าน มือคลำหากุญแจรถในกระเป๋ากางเกงเขาไปด้วย
“เสียบอยู่ในรถ” แฮคเค้นเสียงหงุดหงิดรำคาญออกจากในคอ สีหน้ามืดครึ้มเย็นชา
ฉันรีบเปิดประตู พยุงแฮคขึ้นรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับแล้ววิ่งอ้อมมาขึ้นอีกฝั่งระหว่างนั้นก็เปิด GPS หาตำแหน่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด รีบสตาร์ทเครื่องพุ่งออกไปทันที
“เบา... โค้งๆ เบรกๆๆ” แฮคตะโกนลั่นรถ
“...!!!”
ฉันใจหายวาบ ตกใจที่รถเกือบจะหลุดโค้ง คืนพวงมาลัยยังไม่ทันสุดก็เจอโค้งหักศอกอีก มือพันเป็นระวิง เหยียบเบรกสลับคันเร่งมั่วไปหมด แถมถนนยังมืดอีก ดีที่ยังมีรั้วกั้นขอบทางคอยสะท้อนกับไฟหน้ารถให้เห็น และโชคดีไม่มีรถสวนมา ไม่งั้นคงใจหายใจคว่ำกว่านี้อีก
“อึก! นี่เธอ... ขับรถเป็นหรือเปล่าวะ”
แฮคเครียดเคร่ง สีหน้าตื่นตัวสุดๆ เหมือนลืมเรื่องปลาร้าบนหัวไปแล้ว
“ฉันมีใบขับขี่!”
“ซื้อมาหรอ”
“....” ฉันนิ่งเงียบไม่ตอบ จดจ่ออยู่กับทางข้างหน้าจู่ๆ ข้างหน้าก็ปรากฏไฟรถคันหนึ่งสว่างวาบ วิ่งสวนมาด้วยความเร็วที่น่ากลัว
“เฮ้ยๆๆๆ” แฮคร้องเตือนทันทีเพราะฉันขับคร่อมเลนแทบจะหลุดไปทั้งคันรถ เอื้อมมือมาดึงพวงมาลัย กระชากรถกลับแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
ปี้นนนนนนนน
เสียงแตรรถดังสนั่นจากรถคู่กรณีที่วิ่งสวนกันไป
หัวใจฉันเต้นไม่เป็นส่ำ เมื่อกี้นึกว่าจะชนเข้าจริงๆ ซะแล้ว
“ไหนบอกมีใบขับขี่ไง ขนส่งไหนให้ผ่านวะ ขับข้ามเลนขนาดนี้ ไม่มีตาหรือไง” แฮคโกรธจัด แหกปากจนน้ำลายกระเด็น
เขาดูรักตัวกลัวตายขึ้นมาจนน่าหมั่นไส้
“ใจเย็นๆ นะเดี๋ยวเลือดไหลหมดตัว” ฉันลังเลแป๊บหนึ่งก่อนเอ่ยต่อ “เคยเรียนขับรถมาน่ะตอนทำใบขับขี่”
“....” แฮคเงียบงัน
ถึงจะไม่มองว่าเขาทำหน้ายังไงเพราะฉันต้องตั้งสมาธิกับเส้นทางข้างหน้า แต่ก็เหมือนจะได้ยินเสียงในใจของเขาพึมพำ “กูว่าแล้ว” ออกมา