พอฉันมีใจ อยากเป็นแฟนนายจริงๆ นายกลับบอกว่ามันไม่เวิร์ก แต่พอฉันถอยออกมา นายกลับบอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน หึ! กราบเท้าฉันสิ แล้วฉันจะคิดเรื่องของนายดูอีกที
รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,พระเอกโบ้,พระเอกหล่อ,พระเอกเลว,redsun,yaygoh,เนปจูน,แฮค,หล่อรวย,อร่อย,ฟินแซบ,ออริ,นางแบบ,โมเดลลิ่ง,งาน N,พริตตี้,ช่างเครื่อง,อกหัก,ชาย-หญิง,ความรัก,แฟน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“วันนี้ก็ขายหมดอีกแล้ว เก่งจริงๆ”
“แต่กว่าจะหมดก็เล่นเสียงหายเลยแหละค่ะ” คนถูกชมยิ้มถ่อมตัว ไม่คิดลำพองใจกับความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ มือปัดหน้าจอสมาร์ตโฟนไปพลาง เลื่อนดูแชตลูกค้าที่ F เสื้อผ้า แต่เลื่อนเท่าไหร่ก็ไม่เจอแอ็คเคาท์ของคนที่กำลังนึกถึง
หายไปไหนนะ ตอนไลฟ์ยังเห็นเมนต์มาแซ็วอยู่เลย...
ตอนที่กำลังใจลอย เสียงโทรเข้าอีกเครื่องก็ดังขึ้น ร่างบางสะดุ้ง วางสมารต์โฟนในมือลงแล้วเอื้อมไปหยิบอีกเครื่องมาดู
เสียงทอดถอนใจดังเฮือกเมื่อชื่อคนโทรมาไม่ใช่คนที่เฝ้ารอ
>> พัฟฟิน
“ว่า”
[แกว่างเปล่า มีเรื่องจะวานน่ะ]
“เรื่องอะไรเหรอ”
[เสียงแกดูเหนื่อยๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า]
“เพิ่งไลฟ์เสร็จน่ะ แล้วมีอะไรจะให้ช่วย พูดมาดิ ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
รีบๆ พูดจะได้รู้เรื่องสักที ยิ่งยื้อยิ่งปวดหัว คนพูดคิดเบาๆ ในใจ
[ฉันปักชุดที่จะใช้พรีเซนต์อาทิตย์หน้าไม่ทันน่ะ แกว่างอยู่มั้ย ช่วยฉันหน่อย]
“....” ร่างบางหันกลับไปมองไอแพดที่เต็มไปด้วยแบบเสื้อผ้าที่ตัวเองออกแบบเอาไว้ และอยากลงมือตัดใจจะขาด ทว่ากลับรู้สึกลำบากใจที่จะปฏิเสธคนปลายสาย ตอนที่กำลังคิดอยู่ พัฟฟินก็โพล่งออกมา
[ฉันไม่ให้แกทำฟรีหรอก นะกรีน... ช่วยฉันหน่อย ขอร้องล่ะ ฉันจ้าง ให้ราคาเท่ากับร้านดังๆ เลย]
“อืม เป็นชุดแบบไหนล่ะ”
[ชุดราตรีน่ะ ฉันตัดเสร็จแล้ว เหลือแค่ปักเลื่อม ช่วยหน่อยนะ]
“อืมๆ”
[ขอบคุณน๊าแก~ เดี๋ยวงานเสร็จจะพาไปเลี้ยงหนม]
“จ้า”
กรีนวางสายแล้วผ่อนลมหายใจ เปิดไอแพด เลื่อนดูแชตไลน์ที่เด้งเตือนขึ้นมา เป็นพัฟฟินส่งรายละเอียดชุดราตรีที่อยากให้ช่วยปักลายเลื่อมมาให้
“นี่มัน... ยังไม่ได้ปักสักนิดเลยนี่” หญิงสาวพึมพำ มองผ้าสีเนื้อโล่งๆ บนหุ่น แบบนี้เขาไม่เรียกว่าตัด เรียกว่าแค่เอาผ้ามาคลุมหุ่นถึงจะถูก ให้ตายสิ สถาบันออกแบบชื่อดังเขาสอนกันแบบนี้เหรอ
➰➰➰➰
♆ เนปจูน ♆
แฮคบอกมาเขาค้อเพื่อแข่งรถ แต่นังเนปจูนมีวาสนาแค่ได้อยู่รีสอร์ตไม่เห็นถนนที่แข่ง ไม่รู้ว่าเขาแข่งรถกันยังไงแบบไหน ใช้เวลาเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์นอนครางหงิงๆ เหมือนลูกหมาน้อยบนเตียง
เวลาแฮคไม่อยู่ฉันก็นอนพักเอาแรง พอเขามาก็ต้องแบกรับแรงกระแทกแทบไม่ได้พักหายใจ
เฮ้อ... นี่ฉันคิดถูกหรือคิดผิดกันนะที่รับบทแฟนจ้างแฮคเนี่ย รู้สึกว่าโดนใช้งานคุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ขนาดตอนมีแฟนยังไม่ถี่แบบนี้ หรือเพราะไม่ถี่วะมันถึงนอกใจฉันไปเอาคนอื่น เฮ้อ ช่างเถอะ คิดมากไปก็ไม่มีประโยชน์
“ให้ฉันขับมั้ย” ฉันเสนอตัวช่วยเมื่อแฮคอ้าปากหาวระหว่างทางขากลับกรุงเทพฯ ยังไม่รู้เลยว่าเขาแข่งรถกันที่ไหนยังไงก็ได้เวลากลับซะแล้ว เฮ้อ อารมณ์เสีย
“นั่งไปเงียบๆ” แฮคเสียงขรึมกลับมา แลดูตื่นเต็มตาขึ้นมาทันทีที่ได้ยินว่าฉันอยากขับ อะไรของเขา ชิ!
“ก็แค่หวังดี เห็นง่วง”
“ตกเบ็ดให้ดูสิ หายง่วงชัวร์”
ไอ้บ้านี่ มันน่าโดนปลาร้าฟาดอีกสักสิบขวดจริงๆ
“พูดอะไรน่าเกลียด โรคจิต!”
ฉันเมินแฮคทันที หันออกไปมองนอกกระจกรถ ใบหน้ารู้สึกร้อนวูบวาบทั้งโกรธทั้งโมโห เขาเห็นฉันเป็นอะไรถึงได้พูดแบบนั้นออกมา
“หึๆ อะไร แค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้”
“หุบปาก!”
“ฮ่าๆ”
“....” ฉันขมวดคิ้ว เครียดฉิบหาย
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา รถวิ่งเข้ามาจอดหน้าคอนโด
“ลงไปก่อน”
“หืม? แล้วนายล่ะ”
“ธุระ”
“แต่เพิ่งมาถึงนะ ไม่เหนื่อยเหรอ” ฉันถามไปงั้นแหละ ไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงอะไรแฮคหรอก แค่แปลกใจว่าเขาจะยุ่งอะไรขนาดนั้น
“บอกให้ลงก็ลง ไม่ต้องสงสัยอะไรมาก”
“เอ้า! อืมๆ”
ฉันเหนื่อยจะเคลียร์แล้ว มองบนก่อนผลักประตูลงจากรถ มีเรื่องอยู่ในใจที่อยากพูดมากมาย แต่โดนตัดบทแบบนั้นก็หมดอารมณ์เป็นเหมือนกัน
ฉันเดินขึ้นคอนโดแฮคด้วยความรู้สึกหงุดหงิด หัวเสียกับคำพูดเย็นชาของเขาไม่หาย
พอสแกนคีย์การ์ดเข้ามาข้างใน ก็ต้องชะงักเท้ากึกเพราะบุคคลที่นั่งหลังตรงอยู่บนโซฟา
“แม่?”
หนังศีรษะฉันถึงกับชาวาบ ใจคอไม่ค่อยจะดี ถึงจะเคยพบกันแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว ฉันก็ไม่มีวันลืมหน้าแม่ของแฮคไปได้หรอก
“ฉันไม่มีลูกสาว”
“....” จบข่าว แค่นี้ก็รู้แล้วว่าไม่ได้มาดีแน่นอน
ถึงงั้นฉันก็ต้องยิ้มสู้ มองสบสายตาที่ราวกับโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนของคุณแม่แฮคตรงๆ ถึงความรู้สึกเป็นศัตรูจากคนตรงหน้าจะเข้มข้น แต่ฉันกับแฮคไม่ใช่แฟนกันจริงๆ เพราะงั้นจึงไม่มีเหตุผลให้ฉันต้องร้อนใจที่โดนแม่แฮคเขม่น
“แล้วคุณแม่มีอะไรคะ แฮคไม่อยู่ เขามาส่งจูนแล้วก็ไปแล้ว ไม่รู้ว่า...”
“ฉันมีธุระกับหล่อน”
“....”
ฉันหุบปากลงทันควัน เหลือบมองคุณแม่อย่างรอฟัง
“รู้ใช่มั้ยว่าฉันจะพูดอะไร!”
ก็พอรู้แหละ แต่จะทำแสนรู้ก็ไม่น่าได้ แกล้งซื่อไปหน่อยแล้วกัน “คุณแม่จะพูดอะไรเหรอ”
“ออกไปจากชีวิตแฮคซะ อย่ามาเกาะแกะ เห็นแล้วรำคาญลูกตา”
ฉันกะพริบตาปริบ “นี่คุณแม่พูดแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนของแฮคหรือเปล่าคะ ที่ผ่านมาแฮคมีตั้งกี่คน... ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครโดนคุณแม่เฉดหัวส่งแบบนี้นี่คะ”
ที่ฉันกล้าพูดเพราะไม่เคยได้ยินข่าวมาก่อน เรื่องแบบนี้ ถ้าเกิดขึ้นจริงๆ ต้องลือกันให้แซ่ดแล้ว
“ก็เพราะว่าฉันไม่อยากยุ่งกับผู้หญิงชั้นต่ำอย่างพวกเธอยังไงล่ะ”
“คะ? แล้วทำไมตอนนี้ถึงอยากมายุ่งกับจูนล่ะ”
ฉันถามออกไปอย่างไม่ทันคิด แล้วก็โดนสายตากินเลือดกินเนื้อสาดกลับมาทันควัน อ่า... แต่แม่เดือดขนาดนี้หน้าก็ยังตึง ผิวไม่ขยับเลยสักนิดเดียว
ถ้าไม่นับน้ำเสียงแล้วล่ะก็... ดูไม่ออกเลยว่าโกรธอยู่
“ก็เพราะว่าเธอมันไม่รู้จักที่ของตัวเองไงล่ะ ฉันไม่สนหรอกนะ ถ้าแฮคจะควงใครเล่นๆ ที่ผ่านมาเขาไม่เคยพาใครมานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับฉันสักคน แต่ว่าเธอกล้าดียังไง”
เฮ้อ ตอนนั้นนี่เอง... ฉันรู้สึกอัดอั้นไปทั้งใจ อยากบอกแม่จริงๆ ว่าหนูก็ถูกลากไปเหมือนกัน
“แค่ไปกินข้าวด้วย มันผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ก็ไม่ผิดหรอก” แม่แฮคมองด้วยสายตาเหยียดหยัน “ถ้าเธอไม่ได้คบกับลูกชายฉัน”
“เข้าใจค่ะว่าแม่ไม่ชอบหนู เพราะหนูมันชั้นต่ำ แต่แม่จะมาด่าหนูคนเดียวไม่ได้นะคะ ต้องไปด่าแฮคด้วยที่คว้าเอาผู้หญิงชั้นต่ำอย่างหนูมาเป็นเมีย” ฉันผ่อนลมหายใจยาว รู้สึกหนักใจแทนแฟนแฮคในอนาคตจริงๆ
“นี่! เธอ... นังเด็กปากกล้า! คิดว่าตัวเองเป็นใคร อายุเท่าไหร่ มายืนเถียงคำไม่ตกฟากน่ะห๊ะ!”
แม่ก้าวเข้ามาจะลงไม้ลงมือ กระเป๋าแอร์เมสหลายแสนในมือง้างขึ้น ฉันถอยกรูดทันที มองด้วยสายตาระแวดระวัง แต่เหมือนจะแค่ขู่ให้กลัวหรือไม่ก็เสียดายกระเป๋า ไม่อยากตบให้เสียของ
“ขอโทษค่ะ”
ฉันเม้มปากแน่น ยกมือไหว้สำนึกผิด ใจคิดถึงแต่แฮค... แต่เขาเพิ่งออกไป จะเรียกมาตอนนี้ก็ไม่รู้จะทันหรือเปล่า สุดท้ายฉันก็ได้แต่อดทนเผชิญหน้ากับคุณแม่ของเขาตามลำพัง คิดแล้วก็ฉุนขึ้นสมอง บวกค่าตัวเพิ่มเลยดีมั้ยเนี่ย เหนื่อย
“เหอะ! ไม่ต้องมาไหว้ฉัน คำขอโทษปลอมๆ ฉันไม่อยากได้”
“....” ขอโทษก็ไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ ประเสริฐพอกันทั้งแม่ทั้งลูก
“จำไว้ ฉันไม่มีทางยอมรับผู้หญิงอย่างเธอเป็นสะใภ้ ถ้ารู้ตัวก็ออกไปจากชีวิตลูกชายฉันซะ อย่าให้ฉันต้องพูดซ้ำหลายรอบ”
คำรามเสร็จ คุณแม่แฮคก็เดินชนไหล่ฉันหนึ่งปึ้กแรงๆ ออกไป ไม่ได้เห็นฉันอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย