พอฉันมีใจ อยากเป็นแฟนนายจริงๆ นายกลับบอกว่ามันไม่เวิร์ก แต่พอฉันถอยออกมา นายกลับบอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน หึ! กราบเท้าฉันสิ แล้วฉันจะคิดเรื่องของนายดูอีกที
รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,พระเอกโบ้,พระเอกหล่อ,พระเอกเลว,redsun,yaygoh,เนปจูน,แฮค,หล่อรวย,อร่อย,ฟินแซบ,ออริ,นางแบบ,โมเดลลิ่ง,งาน N,พริตตี้,ช่างเครื่อง,อกหัก,ชาย-หญิง,ความรัก,แฟน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง อาหารง่ายๆ อย่างผัดผักบุ้งกับข้าวต้มรวมมิตรทะเลก็ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั้งครัว ฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ออกมาอีกที ทุกอย่างก็พร้อมทานแล้ว
“อาหารเสร็จแล้ว ป้าวางใบเสร็จไว้บนโต๊ะนะคะ งั้นป้ากลับก่อนนะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ อุตส่าห์ทำกับข้าวให้ด้วย”
“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นงานป้าอยู่แล้ว บางครั้งคุณแฮคก็ให้ป้าทำอาหารให้แบบนี้ล่ะค่ะ แต่ก็ไม่บ่อยหรอกค่ะเพราะปกติก็ไม่ค่อยอยู่ห้อง นานๆ ทีน่ะ ไปนะคะ”
ฉันเดินมาส่งแม่บ้านที่ประตู ก่อนจะลากร่างที่หิวโหยเข้ามาในครัว ทำไมฉันถึงยังประคองสติเอาไว้ได้ทั้งที่ไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เมื่อวานน่ะเหรอ เพราะเคยทำ IF [1] มาก่อนก็เลยชินแหละมั้ง
ถึงไม่มีมื้อหลักแต่แค่ดื่มน้ำหรืออาหารเสริมที่เป็นของเหลวก็อยู่ได้เป็นวันๆ ละ
พูดถึงอาหารเสริม ลืมเช็กเลยแฮะว่ามียอดสั่งซื้อเพิ่มหรือเปล่า สมาร์ตโฟนอยู่ไหนก็ไม่รู้ อารมณ์ตอนนี้ไม่ต่างจากคนติดเกาะเลยล่ะ ตัดขาดจากโลกภายนอกชัดเจน
ฉันมองอาหารที่ทำเสร็จแล้วในหม้อ แม่บ้านไม่ได้ตักเสิร์ฟใส่จานเอาไว้ให้เพราะฉันบอกเองว่าไม่ต้องทำ ...แต่จะกินคนเดียวก็รู้สึกผิดยังไงไม่รู้แฮะ
แฮค ยังไม่ตื่นอีกเหรอ
ฉันวางจานลง ตัดใจยังไม่ตักของกิน เดินเข้าไปดูคนในห้อง
เขายังนอนอยู่บนเตียงเสื้อผ้ายังคงไม่สวมเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนจากนอนคว่ำเป็นหงายแทน สีหน้าดูทรมานแปลกๆ
“แฮค... อึก ทำไมตัวร้อนจี๋อย่างนี้ล่ะ” ฉันเอื้อมมือไปเขย่าไหล่เรียก รีบชักมือกลับอย่างตกใจ
หลังจากตั้งสติได้ก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นทาบหน้าผากเขา ตรวจสอบชัดๆ อีกรอบ ตัวร้อนจริงด้วย...
ไม่สบายงั้นเหรอ แต่พอนึกถึงการกระทำที่ฝืนร่างกายของแฮคก่อนหน้านี้ก็สมควรแล้วที่ป่วย
เฮ้อ~
แล้วนี่ฉันต้องทำยังไงเนี่ย
ฉันมองท่าทางทรมานของคนบนเตียงแล้วได้แต่ถอนหายใจยาวเหยียด ลุกขึ้นไปหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้
บ้าจริง ทำไมฉันต้องมาดูแลคนบ้าแบบนี้ด้วยเนี่ย
แน่นอนว่าทำไปบ่นไป ทั้งโกรธ ทั้งโมโห ที่เขาป่วยแบบนี้ก็เพราะทำตัวเองทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ
ให้ตายสิ
“เทียน...”
เสียงพึมพำแหบพร่า คว้ามือที่กำลังเช็ดตัวให้ของฉันเข้าไปแนบอกตัวเอง ไอ้บ้านี่! ขนาดไม่มีสติก็ยังจะเพ้อพกอะไรอีก ฉันดึงมือออกอย่างไม่ไยดี เอาผ้าชุบน้ำบิดแรงๆ ทีหนึ่งแล้วตบใส่หน้าแฮคแรงกว่าปกติ
ตุ้บ!
“อึก” เขาสะดุ้ง แต่ไม่รู้สึกตัว
เหอะ
ฉันถูผ้าหมาดลงมาตามซอกคอ กดเน้นจนผิวที่ถูกเช็ดขึ้นรอยแดงทันตาเห็น จะบอกว่าฉันรังแกคนป่วยก็ได้ แต่กับคนที่ไม่เคยให้ใจฉันเลยสักครั้งเดียว ทำไมฉันต้องปรานีด้วย แค่ช่วยดูแลตอนป่วยนี่ก็นับว่าใจดีแค่ไหนแล้ว
ชิ!
แต่อะไรก็ไม่น่าโมโหเท่านอนกับเราแล้วพึมพำเรียกชื่อคนอื่นหรอก ทำไมไม่ตายๆ ไปเลยนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น
[H.A.C.K]
ความรู้สึกนุ่มสบายเจือกลิ่นหอมอ่อนๆ แทรกซึมเข้ามากระตุ้นสติ ผมปรือเปลือกตาหนักหน่วงขึ้น ภาพในหัวเลือนราง
“เทียน...”
ความคิดแรกที่แวบเข้ามาคือผู้หญิงที่ผมมีใจให้ ยกมือขึ้นกอดเอวบางเอาไว้แน่น ซุกใบหน้าเข้าหาไออุ่นบนตักนุ่มด้วยความรู้สึกโหยหา ได้หนุนตักเทียนแบบนี้เป็นฝันที่ดีจริงๆ
“อึก... นี่! ปล่อยนะ”
ตอนที่คิดว่าตัวเองกำลังฝันหวานอยู่ มือเล็กๆ ก็ผลักผมออกอย่างใจร้าย ผมเงยหน้าขึ้นมอง เจ็บปวดที่แม้แต่ในฝันเทียนก็ยังผลักไสผมออกไป
“เทีย... จูน?” ภาพใบหน้าพร่าเบลอของผู้หญิงตรงหน้าค่อยๆ ชัดเจนขึ้น กลายเป็นเนปจูน
ได้ยังไง...
“....” เนปจูนมองลงมาด้วยสายตารังเกียจ
พอตื่นเต็มที่ก็ปวดหัวขึ้นมาทันที ลมหายใจแสบร้อน แถมยังเจ็บคออีกต่างหาก อ่า... นี่ผมเป็นไข้งั้นเหรอ
“เธอ ทำอะไร” ผมเค้นเสียงแหบเครือออกมาอย่างยากลำบาก เจ็บจนไม่อยากพูดเลยสักคำ
“เปลี่ยนผ้าก๊อซ ตื่นก็ดีแล้ว จะได้กินข้าวกินยา นายจะไปกินข้าวในครัวหรือให้ฉันยกมาให้ที่นี่”
จูนพูดกับผมห้วนๆ กุลีกุจอลุกออกจากเตียง เหมือนกระดากใจเต็มทนที่ให้ผมหนุนตัก ท่าทางแบบรังเกียจรังงอนนั่นมันอะไรกัน หรือคิดจะเอาชนะใจผมด้วยวิธีนี้?
ผมจ้องกลับด้วยสายตาดุดัน “ไม่ต้อง”
“....” เนปจูนเหลือบมองผมด้วยหางตาไม่พูดอะไรต่อ ว่าง่ายกว่าที่คิด นึกว่าเธอจะตื๊อให้ผมรำคาญใจกว่านี้ซะอีก แต่พอเธอไม่สนใจผมกลับผิดหวังแปลกๆ แถมยังหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
ผมมองเนปจูนเดินไปหยิบชามที่มีผ้าขนหนูพาดเอาไว้ออกจากห้องเงียบๆ
ท่าทางเดินไม่ปกติหรือเปล่า? เหมือนคนเจ็บเท้า... อ่าจริงสิ เมื่อคืนเหมือนยัยนั่นจะข้อเท้าเคล็ดนี่นะ
ปวดหัวชะมัด
ผมทิ้งตัวลงนอนเหม่อมองเพดาน ในหัวหนักอึ้งไปหมด แถมลมหายใจเข้าออกก็ร้อนระอุทรมานฉิบหาย
หือ... ว่าแต่ผมเปลี่ยนชุดนอนตอนไหนเนี่ย
ถ้าจำไม่ผิด ผมไปหาเทียนที่หอพัก แล้วเห็นไอ้เรซเข้าไปห้องกับเทียนจากนั้นก็ไม่ออกมาอีกเลย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ผมพยายามข่มตาลง แต่เปลือกตาที่ยิ่งปิดก็ยิ่งร้อนทำให้ทนไม่ไหว จะนอนก็ทรมาน พอไม่นอนสมองก็เอาแต่จะคิดถึงเรื่องเทียนกับไอ้เรซ
ผมเหลือบมองทางประตูห้องคอมที่ยังปิดสนิท จะลุกไปทำงานก็ไม่มีปัญญา ป่วยแบบนี้ความสามารถในการตัดสินใจเรื่องสำคัญมีแต่จะลดต่ำลง
ผมฝืนสังขารออกมาข้างนอก เดินมาทางห้องครัวหาอะไรดื่มให้ชุ่มคอหน่อย เนปจูนกำลังนั่งกินข้าวอยู่บนโต๊ะพอดี ยัยนั่นชะงักทันทีที่เหลือบมาเห็นผม
“....”
“....”
เราสบตากันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ ไม่มีคำทักทาย ต่างคนต่างเงียบ ผมไม่อยากพูดอยู่แล้วเพราะเจ็บคอ เดินมากดน้ำอุ่นดื่ม ส่วนยัยนั่นก็ก้มหน้ากินข้าวต่อ (มั้ง) ผมไม่รู้ เดาเอา เพราะไม่ได้มอง ไม่ได้สนใจเธอขนาดนั้น
ระหว่างกำลังจิบน้ำ สายตาก็เหลือบมองไปเรื่อย บนเตาที่ปกติจะว่างเปล่ากลับมีหม้ออาหารตั้งอยู่ทั้งสองเตา หม้อหุงข้าวก็เสียบไฟทิ้งไว้ที่มุมหนึ่ง ตรงอ่างล้างจานมีชามใบเดียวกับที่จูนถือออกจากห้องของผมวางค้างเอาไว้
ผ้าขนหนูหมาดพาดอยู่บนหัวก๊อกเหมือนจงใจผึ่งเอาไว้ให้แห้ง ถัดไปไม่ไกลมีขวดเหล้าเปล่าวางอยู่ นั่นมัน... กระตุ้นความทรงจำเลือนรางในหัว
สายตาผมเพ่งมองผนังเคาน์เตอร์ตรงตำแหน่งอ่างล้างจาน เหมือนว่าผมจะทำอะไรกับเนปจูนตรงนั้น
“....”
จู่ๆ เนปจูนก็มองมาทางผม
“ไม่กินข้าวเหรอ”
เสียงเฉยเมยเอ่ยถาม
“ไม่”
ผมปฏิเสธ เธอเลิกคิ้วสูงทำหน้ามีปัญหากลับมา แต่แทนที่จะพูดร่างบางก็ดันลุกขึ้นยืน เดินไปหยิบถ้วยมาตักข้าวต้ม วางลงบนโต๊ะที่นั่งข้างๆ กัน
“มากินดิ”
เรียกผมไปกินหน้าตาเฉย
“จะได้กินยา”
“....” ยอมรับว่าสมองผมตอนนี้ไม่มีความสามารถพอที่จะคิดอะไรซับซ้อน แค่รับมือกับความร้อนจากพิษไข้ และอดทนกับอาการปวดหน่วงในขมับที่เหมือนโดนอะไรหนีบก็เต็มกลืนแล้ว
แม้จะไม่หิวแต่สัญชาตญาณเอาตัวรอดสั่งให้ผมเดินไปนั่งลงข้างๆ เนปจูน จ้องมองถ้วยข้าวต้มสายตาว่างเปล่า
“ทำเองเหรอ” ทั้งที่เจ็บคอแต่ก็ห้ามความสงสัยของตัวเองไม่ได้
“แม่บ้านทำ นี่วัตถุดิบ” เธอเลื่อนใบเสร็จร้านซูเปอร์ฯ ที่ถูกแก้วน้ำทับเอาไว้มาตรงหน้าผม
งั้นเหรอ... ค่อยโล่งใจหน่อย นึกว่าเธออยากทำอาหารเอาใจผมซะอีก
ถึงจะป่วย แต่ลิ้นก็พอรับรู้รสชาติอยู่บ้าง ไม่ผิดแน่ รสชาติแบบนี้ฝีมือแม่บ้านจริงๆ
ผมเพิ่งกินได้ไม่กี่คำ เนปจูนที่กินหมดแล้วก็ลุกขึ้นเก็บจานเงียบๆ ไม่มีวี่แววว่าจะอยู่รอ หรือเอาอกเอาใจผมจนกว่าจะกินเสร็จเลยสักนิด
แต่ไม่นานเนปจูนก็ย้อนกลับมา วางถุงเล็กๆ ลงข้างๆ
“ยา ฉันหาในห้องนี้แล้วไม่เจอ ก็เลยถือวิสาสะเอาเงินในกระเป๋านายไปซื้อที่ร้านข้างล่างคอนโดให้ กินซะ”
พูดสิ่งที่อยากพูดเสร็จก็เดินออกไปแบบไม่คิดจะเอาหน้า หรือเรียกร้องความดีความชอบจากผมสักคำเดียว
ผมมองท่าทางการเดินที่ลงน้ำหนักไม่เต็มเท้านั่น สงสัยว่าข้อเท้าที่เคล็ดหายดีแล้วงั้นเหรอ ถึงได้ฝืนตัวเองลงไปซื้อยาให้ผม หรือว่าคิดจะใช้เรื่องนี้มาเรียกร้องความสนใจจากผมวะ นั่นสิ คงจะแบบนั้นล่ะ
“เออ จริงสิ”
“....” ระหว่างที่ผมคาดเดาการกระทำของเธอไปต่างๆ นานา เนปจูนที่เดินจนถึงประตูห้องครัวก็หันกลับมาพูดอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
“อย่าลืมที่ตกลงกันไว้ สามหมื่น โอนมาด้วย”
“....”
ให้ตายสิ นึกว่าจะพูดอะไร ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ ผมยิ้มเยาะ สุดท้ายในหัวเธอมันก็มีแต่เรื่องเงินนั่นแหละ
[1] Intermittent Fasting [การอดอาหารในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเพื่อลดน้ำหนัก เช่น IF แบบ 16/8 คืออดอาหารติดต่อกัน 16 ชั่วโมง และทานได้ในช่วง 8 ชั่วโมง]