พอฉันมีใจ อยากเป็นแฟนนายจริงๆ นายกลับบอกว่ามันไม่เวิร์ก แต่พอฉันถอยออกมา นายกลับบอกว่าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีฉัน หึ! กราบเท้าฉันสิ แล้วฉันจะคิดเรื่องของนายดูอีกที
รัก,ดราม่า,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,พระเอกโบ้,พระเอกหล่อ,พระเอกเลว,redsun,yaygoh,เนปจูน,แฮค,หล่อรวย,อร่อย,ฟินแซบ,ออริ,นางแบบ,โมเดลลิ่ง,งาน N,พริตตี้,ช่างเครื่อง,อกหัก,ชาย-หญิง,ความรัก,แฟน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ฉันนั่งดูแฟชั่นโชว์ในไลฟ์สดระหว่างรอกุนมารับที่หน้าคอนโดแฮค คุณเฮเลนขึ้นกล่าวเปิดงานเสร็จพอดี กุนก็โทรมา บอกว่าใกล้ถึงแล้ว
ฉันเก็บสมาร์ตโฟนลงชั่วคราว มองไปที่ถนน คอยจับตาดูรถของกุน
ไม่ถึงหนึ่งนาที รถยนต์หรูสีดำขลับก็วิ่งเข้ามาจอดตรงหน้า เขาหันมาถามทันทีที่ฉันเปิดประตูขึ้นรถ
“รอนานเปล่า”
“ไม่ เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
“อยากไปไหนเป็นพิเศษมั้ย”
“ไม่มี แล้วแต่กุนเลย”
“งั้นหาอะไรกินกัน”
“ไม่ค่อยหิวน่ะ” กินตอนนี้ฉันว่าฉันต้องปวดกระเพาะแน่ๆ
“ถ้างั้น ขับรถรอบเมืองดีมั้ย”
“อื้ม เอาสิ”
“แต่ถ้าหิวบอกได้นะ เดี๋ยวพาแวะร้านดีๆ”
“จ้า”
ฉันยิ้มให้กุนก่อนหันออกไปมองนอกกระจก ปล่อยใจไหลไปกับทิวทัศน์ที่รถแล่นผ่าน ไม่รู้ว่าตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่ตอบรับคำชวนของกุน
ตอนเห็นข้อความชวนนั่งรถเล่น ฉันลังเลอยู่เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ตอบรับเพราะอารมณ์ที่กำลังสับสนแท้ๆ
นั่งอยู่ในรถสักพัก จิตใจก็เหมือนจะยังสลัดหลุดจากเรื่องเดิมไม่ได้ ฉันเอาสมาร์ตโฟนขึ้นมาเปิดดูไลฟ์สดงานแฟชั่นโชว์ที่ดูค้างไว้ต่อ
นี่มัน... กรีนไม่ใช่เหรอ ฉันเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูใกล้ๆ จนจอแทบจะติดตา เพื่อมองนางแบบบนรันเวย์ให้ชัดๆ เป็นกรีนจริงด้วย
“....”
ความรู้สึกเหมือนโดนแทนที่มันเป็นแบบนี้เหรอวะ แต่จะว่าแทนที่ก็ไม่น่าถูกเพราะฉันไม่ใช่ตัวจริงตั้งแต่แรก...
หงุดหงิดอ่ะ ใจมันร้อนรุ่มไงไม่รู้
ว่าแต่กรีนนี่ก็เหนือความคาดหมายเหมือนกันนะ ทำยังไงถึงไปอยู่บนรันเวย์ได้
“ดูอะไรเหรอ” กุนหันมามองแวบหนึ่ง
“โทษที รำคาญหรือเปล่า จูนลืมเอาหูฟังติดมาด้วย”
ฉันลดเสียงที่เบาอยู่แล้วลงอีกจนเหลือแค่ขีดเดียว
“เปล่าๆ ไม่ได้ว่าอะไร แค่สงสัยน่ะ งานอะไรเหรอ”
“อ่อ แฟชั่นโชว์เปิดตัวคอลเลคชั่นแบรนด์วิมาน”
“อ้อ”
“รู้จักเหรอ”
“รู้สิ แบรนด์แม่ไอ้แฮค”
“....”
“โอเคนะ?”
“หืม? หมายถึงอะไรเหรอ” ฉันเหล่มองกุน จู่ๆ เขาก็ถามแบบนั้นใครจะไปเข้าใจล่ะ
“เรื่องคลิปน่ะ ถ้าไม่ชอบ บอกแฮคมันลบให้ก็ได้ มันเก่งเรื่องทำลายหลักฐานอยู่แล้ว”
“....” นั่นชมใช่มั้ย?
บทสนทนาขาดหายไปทั้งแบบนั้น ฉันหลุบตาลงให้ความสนใจกับไลฟ์สดในโทรศัพท์ ส่วนกุนก็จดจ่ออยู่กับการขับรถเงียบๆ
รถแล่นขึ้นมาบนสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ไฟส่องสว่างประดับบนเสาสะพานดึงดูดความสนใจได้มากกว่างานแฟชั่นโชว์จากจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ นี่อีก ฉันเงยหน้ามองออกไปด้านนอกเพลิดเพลินกับทิวทัศน์บนสะพานจนรู้สึกอยากเปิดกระจกเอาหน้ารับลมเย็นๆ แต่เกรงใจเจ้าของรถ ไม่กล้าทำอะไรตามอำเภอใจ
รถวิ่งมาจนเกือบจะถึงกลางสะพาน กุนก็ชิดขอบสะพานแล้วจอดรถ
ฉันหันไปมองเขาอย่างประหลาดใจ
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“แค่อยากเดินเล่นน่ะ” รอยยิ้มจริงใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลาที่ออกไปทางขาวตี๋ สไตล์โอปป้าเกาหลี เป็นรอยยิ้มที่ทั้งเจิดจ้าและอบอุ่นจนรับมือไม่ถูก กระทั่งกุนลงจากรถ เดินมาเปิดประตูให้ ฉันถึงได้สติ ก้าวลงไปแบบงงๆ
สายลมเย็นผสมกลิ่นกลิ่นอายชุ่มชื้นพัดโชยมาปะทะผิวหน้านำพาความสดชื่นเข้าสู่หัวใจที่กำลังเหี่ยวเฉา
ฉันสูดหายใจลึก แหงนหน้าสูดลมเข้าเต็มปอด ก่อนถอนหายใจออกมาแรงๆ อย่างกับว่าจะขับไล่ความเครียดทั้งหมดทั้งมวลออกจากหัวด้วย
เฮ้อ... ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย
“ขอบใจนะกุน” ฉันหันไปยิ้มให้คนที่เดินอยู่ข้างๆ
“เรื่องแค่นี้เอง ขอแค่จูนชอบเราก็ดีใจแล้วล่ะ”
“....”
เราใช้เวลาอยู่บนราวสะพานสักพัก กุนก็พาฉันขึ้นรถ ขับมาจอดที่สนามแข่งรถเอกชนแห่งหนึ่ง
“สนามแข่ง? มาที่นี่ทำไมเหรอ”
ฉันหันไปมองกุนทันทีที่รถแล่นผ่านป้ายทางเข้าสนาม เพราะที่ผ่านมามีประสบการณ์ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับสนามแข่ง ก็เลยรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่
“ไม่มีใครใช้สนามอยู่ใช่มั้ย”
“ครับพี่ ทีมก่อนหน้าเพิ่งเช็กบิลล์กลับไป”
“อืม งั้นกูเช่าต่อสองชั่วโมง”
“โอเคครับพี่”
“ให้ลงบิลล์ทีมเลยใช่มั้ยครับ”
“ไม่ต้อง ลงชื่อกูไว้”
“อ่า ครับๆ งั้นมีอะไรก็เรียกผมได้ตลอดเลยนะพี่ ขอให้สนุกนะ”
กุนคุยกับคนดูแลสนามที่ออกมาต้อนรับเสร็จก็หันมาตอบคำถามฉันที่ถามค้างเอาไว้ก่อนหน้านั้น
“พามาคลายเครียดน่ะ”
“คลายเครียด?”
“อยากขับหรือเปล่า?”
“หา?”
“เคยขับรถในสนามแข่งมั้ย” กุนขับรถมาจอดที่จุดสตาร์ทแล้วหันมามองฉันพร้อมกับยิ้มร่าเริง
“ไม่เคย ทำไมเหรอ”
“ลองดูป่ะ”
“ได้เหรอ” ฉันตื่นเต้นขึ้นมาทันที แต่อีกใจก็กลัว... ดันนึกถึงตอนขับรถพาแฮคไปโรงพยาบาลที่เขาค้อขึ้นมาซะได้ ไอ้เวรนั่นถึงกับสั่งห้ามไม่ให้ฉันขับรถอีกเลย ทำเอาฉันหมดกำลังใจและไม่มีความคิดอยากขับรถอีกเลย
“แต่จูนขับรถไม่เก่งนะ เอ่อ... ใบขับขี่ซื้อมาน่ะ” ฉันพูดอ้อมแอ้ม เอามือเกาแก้มแบบเขินๆ ปกติคนก็มักจะล้อกันว่า คนที่ผ่านโรงเรียนสอนขับรถมาเท่ากับซื้อใบขับขี่ ฉันเลยเล่นตัวเองก่อนที่จะโดนกุนเล่น ร้อนตัวน่ะแหละ
กุนทำหน้าอึ้ง ก่อนหลุดขำออกมา
“ฮ่าๆ จูนก็ตลกดีนะ”
“ตลก... ยังไง” ฉันยิ้มเหวอ นึกไม่ออกว่าตัวเองพูดอะไรให้น่าขำตอนไหน
“มีใบขับขี่ จะกลัวอะไร ลองหน่อยมั้ย ไหนๆ ก็มาแล้ว ไม่แน่อาจจะติดใจก็ได้นะ”
“เหรอ”
“อืม”
“....” เอาวะ!
ฉันสลับตำแหน่งกับกุน เปลี่ยนมานั่งที่คนขับ มองสำรวจคอนโซลรถ เกียร์ กับหน้าปัดรอบหนึ่งตามประสาคนประหม่า ไม่ค่อยได้ขับรถจริงๆ จังๆ
หันไปบอกกุน หัวใจสั่นนิดหน่อย “เริ่มเลยนะ”
“อื้ม เอาเลย”
เขาพยักหน้า เปิดโอกาสให้ฉันเต็มที่ ไม่มีกั๊กหรือท้วงติงอะไรให้เสียกำลังใจเลยสักคำเดียว
แต่เพราะเป็นสนามปิด ขับยังไงก็ไม่น่ากลัว
“เร็วกว่านี้ก็ได้ ไม่ต้องกลัว”
“....” ฉันเร่งความเร็วขึ้นอีก พอถึงโค้งก็เผลอเหยียบเบรกจนกุนหัวคะมำ
เอี๊ยด!
“อึก... ทะโทษที”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไร”
กุนคว้าที่จับด้านบนแน่น ถึงจะยิ้มแต่ก็เป็นรอยยิ้มที่เจื่อนพิลึก แอบด่าฉันในใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ คงไม่หรอกมั้ง
“ขับไปเถอะ ไม่ต้องคิดมาก เราอยากให้จูนสนุกนะ”
“อะอื้อ~” กุนทำไมเป็นคนนี้แบบนี้นะ งื้อ... น้ำตาจะไหล
เพราะแรงสนับสนุนของกุนทำให้ฉันกล้ามากขึ้น ความรู้สึกที่เป็นอิสระ ไม่ถูกเหนี่ยวรั้ง ช่วยให้บังคับรถได้ดีขึ้น ยิ่งขับก็ยิ่งสนุก มีหลุดบ้าง เป๋บ้าง ตะโกนร้องหัวเราะกันอยู่สองคนในรถอย่างสนุกสนาน
“โอ๊ย ฮ่าๆ เมื่อกี้เห็นหรือเปล่า เกือบจะเฉี่ยวรั้วกั้นแล้วน่ะ”
กุนเอานิ้วเช็ดน้ำตาที่เล็ดออกมาตรงขอบตาเพราะหัวเราะมากเกินไป
“อื้อ โคตรเสียวอะ ใจหายวาบเลยเนี่ย” ฉันแกล้งพูดเล่น แต่ที่จริงก็แอบเครียดเหมือนกัน ถ้าเฉี่ยวขึ้นมาจริงๆ คงกระเป๋าเจ็บ
“ชอบอ่ะ อยู่กับจูนแล้วไม่เบื่อดี เสียดาย เจอช้าไป ไม่งั้นคงได้คบกันไปแล้ว”
เอ่อ... นี่เขาพูดจริงพูดเล่นเนี่ย เล่นไม่กั๊กเลยนะ
ฉันมองกุนด้วยสายตาลำบากใจ แซ็วกลับไปขำๆ “กุนก็น่ารัก อุตส่าห์พามาขับรถเล่นที่แปลว่าขับรถเล่นจริงๆ อิอิ เอาใจใส่ขนาดนี้คงไม่ได้หวังอะไรใช่มั้ย”
“ก็หวังนะ แล้ว... พอจะมีหวังหรือเปล่า”
“....” ฉันชำเลืองมองกุน เล่นถามซึ่งๆ หน้าแบบนี้เลยงั้นเหรอ ก็พอรู้อยู่หรอกว่าเขาสนใจฉัน แต่เขาคงไม่ได้ลืมแฮคไปแล้วหรอกนะ
“คือว่า” ฉันอึกอัก ตอบไม่ถูก
“ไม่ต้องกดดันตัวเองขนาดนั้น แค่จูนเก็บเรื่องของเราไปคิดบ้าง เราก็พอใจแล้วล่ะ”
“....” ฉันเลิกคิ้ว แน่ใจเหรอว่าแค่นั้นก็พอใจแล้วน่ะ
“ต่อมั้ย หรือว่าจะพัก”
“พักเหอะ เข่าล็อกหมดแล้ว มือก็ชา” ความไม่ชินกับรถ ทำให้เกร็งไปทั้งตัว
“งั้นก็เอารถไปจอด พักดื่มอะไรกันก่อน”
“อื้ม” ฉันขับรถมาจอดข้างอาคารไม่ไกลจากสนามตามคำแนะนำของกุน
“หิวมั้ย”
“อื้ม นิดหน่อย”
“อยากกินอะไรสั่งเลยนะ เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง”
“จะดีเหรอ”
“ดีสิ เราเป็นคนพาจูนออกมานะ เราก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว”
“งั้นไม่เกรงใจแล้วนะ ฮี่ๆ”
เราสองคนเดินหัวร่อต่อกระซิกกันเข้ามาภายในอาคาร ยังไม่ทันได้เห็นว่ามีอะไรขายบ้างก็โดนใบหน้าถมึงทึงของคนที่นั่งอยู่ข้างในแย่งซีนไปหมด
“แฮค!?”