อยากคุยตรงไหนก็ว่ามา ระเบียง โซฟา หรือว่าหน้ากระจก

ปกปักษ์ชญามินทร์ - อารัมภบท อารัมภบท โดย Darachi/ดาราชิ 🪶 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,ผู้ใหญ่,พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,พล็อตหาเรื่อง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ปกปักษ์ชญามินทร์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,ผู้ใหญ่

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,พล็อตหาเรื่อง

รายละเอียด

อยากคุยตรงไหนก็ว่ามา ระเบียง โซฟา หรือว่าหน้ากระจก

ผู้แต่ง

Darachi/ดาราชิ 🪶

เรื่องย่อ


มินทร์ ชญามินทร์

22y 

รักอิสระ มีเสน่ห์ ดื้อรั้น

ลูกสาวเพียงคนเดียวของบ้าน 'ปริญาภัสร์สกุล'

คุณหนูไม่ได้เรื่อง ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เน้นทำให้ 'เขา' ปวดหัวเล่นวันละแปดร้อยรอบ

"ให้มันหมาแค่สมญานามก็พอ ปากไม่ต้อง"

⛓️

ปักษ์ ปักษา

26y

ดุ เด็ดขาด ทุกคำพูดถือเป็นสิทธ์ขาด

ชายหนุ่มผู้มีความสามารถรอบด้าน รวยอยู่แต่หนูไม่รู้ เจอคุณหนูแผงฤทธิ์เข้าไปถึงกับต้องพกยาพาราไว้กินวันละสองแผง

"อย่าล้อเล่นกับคนหัวใจหมา เพราะหมามันมักจะหวงเจ้าของ"


❖ ❖ ❖

 

เรื่องย่อ

ชญามินทร์ หญิงสาวผู้น่าสงสารที่โชคชะตาเล่นตลกให้ต้องสูญเสียทั้งพ่อและแม่ไปในวัยเพียงแค่สิบขวบ เธอเป็นทายาทเพียงคนเดียวของบ้าน 'ปริญาภัสร์สกุล' ที่มีมรดกหลายสิบล้านกับธุรกิจส่งออกไวน์ไปยังต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในไทยที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้ แต่ตัวเองกลับไม่เอาไหน ในหัวไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจอะไรอยู่เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังอ่อนต่อโลก ไม่ทันคน เธอจึงต้องมี ปักษา ชายหนุ่มที่เธอเข้าใจว่าเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อกับแม่รับเขามาเลี้ยงไว้ในบ้านตั้งแต่เด็ก

วันหนึ่งปักษาได้รับมอบอำนาจสิทธิ์ขาดทุกอย่างทั้งในบริษัท ในบ้าน รวมไปถึงในตัวของเธอด้วย เขามีหน้าที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ชญามินทร์แข็งแกร่งขึ้น เพื่อเตรียมรับมือกับเหล่าวงศาคณาญาติที่กำลังวางแผนจะเข้ามาแย่งชิงสมบัติของเธอ

 

* Trigger Warning *

นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องสมมุติที่เกิดจากจิตนาการของไรท์เอง ทั้งตัวละคร เหตุการณ์ และสถานที่เป็นเพียงเรื่องแต่งขึ้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื่องจากมีคำหยาบคาย เนื้อหาบางตอนอาจมีความรุนแรง รวมไปถึงฉากติดเรท "กรุณาเม้นอย่างสุภาพ" เพื่อเป็นการไม่ปั่นทอนกำลังใจในการทำงานของนักเขียน

dub-non (มีฉากบังคับโดยมีเงื่อนไขให้สมยอม) , Explicit (มีการบรรยายถึงฉากร่วมเพศ ความรุนแรงอย่างชัดเจน)

Character Death (ตัวละครตาย) , Violence (มีการใช้ความรุนแรง)

**ไม่นอกกาย ไม่นอกใจ จบดี300%**

 

ไรท์ฝากกด♥️ + เพิ่มเข้าชั้น + คอมเม้นพูดคุยเล่นกัน แล้วก็เข้าไปกดติดตามหน้าเพจเพื่อไม่ให้การอัพเดตนิยายเรื่องต่อ ๆ ไป

และเพื่อเป็นกำลังให้ไรท์ได้มีพลังและแรงขับเคลื่อนผลงานเรื่องนี้ด้วยนะคะ

รักทุกคนเสมอ🕊

 

 ༒ Darachi/ดาราชิ ༒

Comming soon..

เจอกันเร็ว ๆ นี้

สารบัญ

ปกปักษ์ชญามินทร์-อารัมภบท อารัมภบท,ปกปักษ์ชญามินทร์-Chapter 1 เหตุผลที่เกลียด /1,ปกปักษ์ชญามินทร์-Chapter 1 เหตุผลที่เกลียด /2,ปกปักษ์ชญามินทร์-Chapter 2 ผู้ปกครอง /1,ปกปักษ์ชญามินทร์-Chapter 2 ผู้ปกครอง /2

เนื้อหา

อารัมภบท อารัมภบท

อารัมภบท

ในตอนนั้น ชญามินทร์ เป็นเพียงเด็กสาวที่ไร้เดียงสา เธออายุได้เพียงแค่สิบขวบแต่โชคชะตากลับนำพาให้เธอมาพบพานกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่


การสูญเสียที่ไม่อาจหวนคืนให้ทั้งสองชีวิตกลับมาพบเธอได้อีก ต่อให้จะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเธอก็จะไม่มีวันได้สิ่งนั้นกลับคืนมา


“เข้าไปกราบศพคุณพ่อกับคุณแม่สิลูก” หญิงสาววัยกลางคนเข้าไปลูบหลังแล้วบอกเธอเสียงสั่นแข่งกับเสียงสะอื้นของตัวเอง


เด็กสาวที่เอาแต่ยืนกอดตุ๊กตาหมีสีน้ำตาลหันหน้ามองรำพา ผู้เป็นแม่นมที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่แรกเกิดด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ตามแขนและขาเล็ก ๆ ถูกพันรอบด้วยผ้าพันแผลสีขาว เนื้อตัวก็เต็มไปด้วยบาดแผลขีดข่วน หันกลับมาเบื้องหน้าที่เป็นโลงสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางขนาบคู่กัน ถัดมาก็เป็นรูปพ่อกับแม่ที่กำลังส่งยิ้มถูกวางตั้งอยู่ไม่ไกล


แม้ยังจะยังอ่อนต่อโลกและห่างไกลกับคำว่าวุฒิภาวะ แต่ชญามินทร์ก็รู้ดีว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเจอกับสถานการณ์แบบไหน รู้แม้กระทั่งว่าหากลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าของอีกวันก็จะไม่ได้เจอหน้าพ่อกับแม่อีกต่อไปแล้ว


รำพาพาเธอเดินมากราบไหว้หน้าโลงศพ นี่เป็นคืนที่สามของงานสีดำ แขกที่มาร่วมไว้อาลัยล้วนเป็นคนระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ผู้มีอิทธิพล หรือแม้กระทั่งนายตำรวจยศใหญ่


รอบตัวของชญามินทร์ล้วนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเสียงร่ำไห้ที่ดังระงมจากสาวใช้ในบ้านและคนสวนที่ทำงานกับพ่อและแม่ของเธอมาตั้งแต่สมัยที่เธอยังไม่ลืมตาดูโลก มีเพียงแต่เธอที่ใบหน้ายังคงเหือดแห้งไม่มีแม้แต่น้ำตาหยดเดียวที่หลั่งออกมาจากดวงตาใสซื่อคู่นั้น เธอปิดปากเงียบ ไม่เอ่ยคำพูดคำจากับใครสักคนแม้กระทั่งรำพาที่เปรียบเสมือนแม่คนที่สองของเธอ


เหล่าวงศาคณาญาติที่มาร่วมพิธีต่างมองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด ทุกคนต่างสงสัยว่าทำไมลูกสาวเพียงคนเดียวอย่างเธอถึงไม่ร้องไห้ออกมาเลยสักแอะทั้งที่คนที่นอนอยู่ในโลงนั่นคือพ่อกับแม่ของเธอแท้ ๆ



‘มันเอ๋อรึเปล่าถึงได้ไม่รู้ตัวว่าพ่อแม่ตัวเองตายไปแล้ว’ 

‘หรือมันไม่รู้สึกอะไรเลยที่พ่อแม่มันตาย’ 


‘อายุแค่สิบขวบแต่กลับใช้สายตาหยิ่ง ๆ มองผู้ใหญ่ ฉันล่ะไม่อยากจะนับญาติกับมันเลยจริง ๆ’ 


‘ใครจะเอาไปเลี้ยงก็เอาไปเถอะนะ ฉันคนหนึ่งแหละที่ไม่เอาต่อให้เป็นหลานแท้ ๆ ก็เถอะ เอามาก็เป็นภาระเปล่า ๆ’ 


‘เด็กอะไรเลือดเย็นได้ถึงขนาดนี้ ฉันเกลียดมัน’ 



คำพูดทำนองนั้นชญามินทร์รับรู้และได้ยินมันทั้งหมดตั้งแต่วันแรกที่มีงานสีดำ สายตาที่มองเธอเหมือนเป็นตัว

ประหลาดกับคำพูดโหดร้ายเกินกว่าที่เด็กอายุเพียงสิบขวบจะรับมันไหวพวกนั้นไม่ได้มาจากใครที่ไหนไกล แต่ล้วนเป็นคำพูดของญาติที่ร่วมสายเลือดกันทั้งนั้น


เพราะคนพวกนั้นอิจฉาครอบครัวของชญามินทร์ที่รวยเกินหน้าเกินตาคนในตระกูล ทำให้ญาติทุกคนพลอยตั้งแง่และอคติกับเธอไปด้วย


มีเพียงรำพาที่เป็นแม่นมกับลุงชัชที่เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของพ่อเท่านั้นที่รักและเป็นห่วงเธอจริง ๆ


ชญามินทร์อยู่ในใบหน้าที่เรียบเฉยบวกกับแววตาที่ไร้ซึ่งความรู้สึกแบบนั้นจนกระทั่งถึงวันเผา เธอยืนมองดูกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากปล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หัวใจก็พลันกระตุกวูบราวกับตกลงมาจากตึกชั้นที่สิบ



...พ่อกับแม่จะไปแล้วเหรอคะ จะทิ้งหนูไปทั้ง ๆ ที่รอบตัวหนูมีแต่คนใจร้ายแบบนั้นจริง ๆ เหรอคะ...



ชีวิตของชญามินทร์เปลี่ยนไปหลังจากนั้น เธอกลายเป็นเด็กเก็บตัว ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ความสดใสในแววตาของเด็กวัยเพียงสิบขวบหายวับไปในชั่วพริบตา


รำพาทำได้เพียงคอยเฝ้ามองดูเด็กน้อยที่เธอรักและหวงแหนดุจลูกในไส้อยู่ห่าง ๆ อดนึกสงสารจนร้องไห้ออกมาไม่ได้เมื่อเห็นชญามินทร์เอาแต่นั่งมองรูปของพ่อกับแม่ที่แขวนอยู่ข้างผนัง


บ้านหลังใหญ่ราวกับคฤหาสน์ในเทพนิยายเงียบเหงาเป็นเป่าสาก ทั้งที่เมื่อก่อนมันเคยสดใสและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของชญามินทร์ ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าบ้านหลังสีจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง


รำพาได้แต่เฝ้าสงสัยว่ามันจะมีวันนั้นอีกรึเปล่า...


“ฮึก” แผ่นหลังของเด็กหญิงที่นั่งคดคู้อยู่บนม้านั่งไม้เก่า ๆ สั่นไหวเพราะแรงสะอื้น ในทุกวันตอนเวลาพลบค่ำเธอมักจะแอบมานั่งร้องไห้คนเดียวในสวนดอกไม้ของแม่


แม้ว่ามันจะมืดและเริ่มรกร้างเพราะขาดคนดูแลมานานแต่เธอก็ไม่เคยคิดกลัว ที่นี่เป็นสถานที่เดียวที่เธอมาแล้วรู้สึกอบอุ่นใจเหมือนมีแม่อยู่ใกล้ ๆ และเป็นสถานที่เดียวที่เธอสามารถมานั่งร้องไห้ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมาเห็นหรือมาได้ยิน


เด็กสาวตัวน้อยที่ทำตัวเข้มแข็งตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา บัดนี้ร้องไห้สะอึกสะอื้นจนน้ำตานองหน้า เธอคิดถึงพ่อกับแม่จับใจ โหยหาอ้อมกอดแสนอบอุ่นที่ไม่อาจหาจากไหนได้อีกทุกค่ำคืน


ทำไมนะ... ทำไมเธอต้องเป็นคนเดียวที่รอด ถ้าการที่รอดชีวิตมาแล้วต้องจมอยู่กับความทรมานแสนสาหัสขนาดนี้สู้เธอหมดลมหายใจไปพร้อม ๆ กับพ่อและแม่ไม่ดีกว่าหรือไง

“พ่อจ๋า แม่จ๋า ฮึก.. หนูคิดถึงพ่อกับแม่” เสียงใสปนสะอื้นพูดล่องลอยไปกับอากาศเพื่อหวังให้คนที่ไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้แล้วได้ยิน


ที่ผ่านมาเธอเป็นเด็กที่กลัวผีมาตลอด แต่มาตอนนี้กลับไม่มีความรู้สึกนั้นหลงเหลืออยู่เลย อยากเจอมาก ๆ ด้วยซ้ำ แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววไม่มีแม้แต่กลิ่นหรือภาพลอยจาง ๆ แม้แต่ฝันเห็นก็ไม่เคย


“เฮือก!” เด็กน้อยตัวสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่อยู่หลังพุ่มไม้ใหญ่ ใครกันจะมาที่นี่ในเวลาพลบค่ำแบบนี้.. ไม่มีหรอก


“แม่เหรอคะ” ชญามินทร์ตะโกนออกไปด้วยความไร้เดียงสา ตอนนั้นปักใจเชื่อไปแล้วจริง ๆ ว่าเป็นพ่อกับแม่ที่มาหา

“พ่อคะ” เธอรีบยันตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งไปตามเสียงปริศนา แสงสว่างในใจดับวูบลงเมื่อบุคคลที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนที่หวังเอาไว้


เป็นเพียงเด็กผู้ชายที่น่าจะอายุมากกว่ากับเธอสี่ถึงห้าปี กำลังเก็บดอกไม้ที่แม่เธอเคยปลูกไว้ใส่ตะกร้า ชญามินทร์รู้จักเด็กผู้ชายคนนี้ดีเพราะเขาอาศัยอยู่ที่เรือนรับรองภายในอาณาเขตบ้านของเธอ


ไอ้หมา” สรรพนามนี้เธอใช้เรียกเขามาตั้งแต่จำความได้


“ร้องไห้ก็เป็นเหรอยัยคุณหนูเอาแต่ใจ” ในสายตาของปักษา ชญามินทร์เป็นแค่เด็กโชคดีที่ได้พลัดหลงเกิดมาในครอบครัวที่พ่อกับแม่สร้างทุกอย่างไว้ให้แล้ว มีดีก็แค่ฐานะที่เป็นสมบัติของพ่อแม่กับได้รับพันธุกรรมจากแม่ที่สวยและพ่อที่หล่อเลยทำให้เธอพลอยได้รับผลบุญนั้นไปด้วย ส่วนเรื่องนิสัยอย่าให้ต้องพูดถึงเลย


ชญามินทร์ชินกับการเป็นลูกคนเดียวมาตลอด วันหนึ่งพอพ่อกับแม่พาเด็กผู้ชายจากไหนก็ไม่รู้เข้ามาอยู่ในบ้านจึงทำให้เธอกลัวว่าจะถูกแย่งความรัก ปักษาจึงกลายเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้เธอเริ่มมีนิสัยเอาแต่ใจ


เธอเกลียดขี้หน้าเขา เกลียดตั้งแต่จำความได้ ซึ่งปักษาเองก็มีความรู้สึกนั้นไม่ต่างจากเธอเลย


“ไม่ได้ร้องสักหน่อย” เธอปฏิเสธทั้งที่หลักฐานยังคงปริ่มอยู่ที่ขอบตา


“ก่อนจะพูดอะไรหัดเช็ดน้ำตาก่อนก็ดีนะ” หมอนี่มันปากคอเราะร้ายตั้งแต่เด็ก คิดว่าโตกว่าแค่ไม่กี่ปีจะทำท่าเหนือกว่ายังไงก็ได้งั้นเหรอ


“ออกไปจากสวนดอกไม้ของแม่ฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้เด็กสกปรก” ชญามินทร์ชี้หน้าแล้วตวาดเสียงดังลั่น เป็นแค่เด็กกำพร้าที่พ่อกับแม่รับมาเลี้ยงมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับสวนดอกไม้ของแม่


“ก่อนจะมาว่าคนอื่นสกปรกได้ดูสภาพตัวเองบ้างรึเปล่า”


“!!” คำพูดของปักษาทำให้ชญามินทร์ถึงกับชะงัก ถึงจะไม่ได้ก้มมองดูสภาพตัวเองอย่างที่เขาบอกแต่เธอก็รู้ตัวดีว่าตอนนี้ตัวเองมอมแมมมากแค่ไหน เพราะตอนที่วิ่งมาที่สวนเธอร้องไห้จนตาพร่ามัว ไม่ทันระวังจึงสะดุดเข้ากับกิ่งไม้แล้วหกล้มกลิ้งไปกับพื้นดินที่เฉอะแฉะ ตามใบหน้าและลำตัวจึงเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนดิน


“ต่อจากนี้ฉันจะเป็นคนดูแลสวนนี้เอง ถ้าอยากเข้ามานั่งร้องไห้ก็รอให้ฉันปลูกดอกไม้ชุดใหม่เสร็จก่อน”


“…”


“อีกอย่างเธอจะมาเรียกฉันว่าเป็นเด็กกำพร้าไม่ได้แล้วเพราะตอนนี้เธอเองก็กำพร้าเหมือนกัน เราตอนนี้ถือว่าเท่ากัน”ปักษาทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก่อนจะถือตะกร้าดอกไม้ออกมาจากสวน


ปักษามาที่สวนดอกไม้นี้ทุกวันนับตั้งแต่ที่คุณน้ามินตรากับคุณอาชานัตน์เสียไป เขาเคารพผู้มีพระคุณทั้งสองคนดุจพ่อกับแม่แท้ ๆ และการสูญเสียในครั้งนี้ก็ราวกับว่าเขาได้สูญเสียคนในครอบครัวไปเป็นครั้งที่สองหลังจากที่พ่อกับแม่แท้ ๆ เสียไป


เขารู้ดีว่าคุณน้ามินตรารักสวนดอกไม้แห่งนี้มากจึงอยากจะมาดูแลต่อเพราะรู้ว่าคงไม่มีใครใส่ใจมาดูแลมันต่อแน่ ๆ แต่สิ่งที่เขากลับต้องพบเจอทุกวันนอกจากดอกไม้ที่ใกล้เฉาตายแล้วนั่นก็คือเสียงร้องไห้ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอมักจะมาแอบร้องไห้คนเดียวในเวลาเดิมซ้ำ ๆ ทุกวัน


เป็นเด็กนิสัยเสียที่ทำท่าหยิ่งผยองทุกครั้งที่เจอหน้ากัน เขาได้ยินมันทั้งหมดแม้แต่เสียงคร่ำครวญที่เธอพูดกับลมกับฟ้า

แต่น่าแปลกที่ปักษากลับไม่มีความรู้สึกสงสารเด็กผู้หญิงคนนั้นเลยแม้แต่น้อย 


เขาทำราวกับว่ามันเป็นเสียงนกเสียงกาแล้วทำหน้าที่เก็บดอกไม้ส่วนที่ยังพอใช้ได้ไปใส่แจกัน จนกระทั่งมาวันนี้ที่อยู่ ๆ ยัยเด็กนั่นก็วิ่งมาเจอเขา


เด็กแบบนั้นได้ลิ้มรสการอยู่ตัวคนเดียวซะบ้างก็ดี จะได้เข้าใจความรู้สึกคนอื่นว่าการที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัวไปแล้วยังต้องมาถูกซ้ำเติมอีกมันเจ็บเจียนตายแค่ไหน



--------

เปิดเรื่องมาก็เศร้าเลย มุแง้ แต่เศร้าไม่นานค่ะเพราะสักพักเดี๋ยวได้ซู๊ดปากกับสกิลการด่าของพอ.อย่างแน่นอน55555

ไรท์ขอคนละใจ คนละเม้น เพื่อเตมพลังในการอัพตอนต่อไปหน่อยน๊าาา 

ถ้าไม่อยากพลาดการอัพเดตตอนใหม่ก็เพิ่มเข้าชั้นไว้โล๊ด